มาดูวิธีการเอาเงินคืนในแบบของเรา จากการโดนโกงออนไลน์ เมื่อตำรวจไม่รับแจ้งความ

สวัสดีค่ะ วันนี้มาเล่าประสบการณ์ตรง ที่เพิ่งได้เจอกับตัวเองสดๆ ร้อนๆ

ปรกติแล้วเป็นคนที่มักจะซื้อของออนไลน์อยู่เป็นประจำ และช่วงหลังก็มีวางแพลนไว้ว่าจะเปิดเวปขายของออนไลน์ด้วย อยู่ระหว่างจัดทำ
เราไม่เคยโดนโกงเลยแม้สักครั้งเดียว เพราะเรามักจะทำสามขั้นตอนนี้เสมอ ก่อนจ่ายเงินหรือโอนเงิน

1. ถ้าซื้อผ่านแอพ และเวปมีช่องให้ชำระผ่านบัตรเครดิตหรือ paypal paysbuy หรือผู้ให้บริการอื่น เราใช้อันนั้น เพราะเวลามีปัญหาเคลมได้
2. ถ้าเป็นการโอนเงินไปตรงๆ เราจะนำชื่อเค้า ไป search ใน google ก่อน แต่เรามักจะไม่ขอบัตรประชาชนเค้า เพราะบางครั้งมันแค่ไม่กี่บาท การต้องเอาบัตรให้คนแปลกหน้ามันดูยังไงไม่รู้ เราเกรงใจเอง ก็เลยไม่เคยขอ
3. เลขบัญชี เช็คอีกรอบใน google เผื่อมีการพยายามจงใจสะกดชื่อให้ไม่ตรง

เมื่อสองเดือนกว่าๆ ที่แล้ว วันที่ 20 กันยา เราได้เข้าเวป kaidee.com แล้วก็ทำการ search หาบ้านและที่ดิน ที่ขายและให้เช่า เนื่องจากเราทำธุรกิจซื้อบ้านมาและรีโนเวทแล้วขายออกไป หรือบางครั้งก็เช่าเซ้งเป็นระยะเวลานานๆ หรือซื้อที่ดินเปล่าแล้วสร้างเพื่อขายและปล่อยเช่า

เราจะคุ้นชื่อเอเจนซี่ทุกคนในจังหวัดเรา (เชียงใหม่) เป็นอย่างดี ว่ามีบริษัทไหนบ้าง เอเจนซี่คนไหนทำงานยังไงบ้าง บริษัทไหนน่าใช้บริการบ้าง บางครั้งก็เจอที่เจ้าของโพสเองก็ติดต่อตรงบ้าง

แต่ครั้งนั้นเราได้พบกับบ้านหลังนึง เก่าโทรม น่ารื้อมาก แต่ทำเลดีเยี่ยม คือทำเลอยู่ในเมือง มีเนื้อที่ประมาณนึง (ุ60 วา) ตัวบ้านเก่ามากเป็นบ้านไม้ ให้เช่า แต่ชื่อเอเจนซี่ที่ลงไม่คุ้น ที่รู้ว่าเป็นเอเจนซี่เพราะคลิกเข้าไปมีประกาศอีกหลายอย่างในหลายทำเล

เราก็โทรไปคุย จากนั้นก็แอดไลน์ มีการส่งภาพกัน เราบอกเค้าไปว่าต้องการซื้อก่อน แต่เอเจนซี่แจ้งว่า ขายไม่ได้ เพราะว่าเป็นที่ดินผูกพันหลายคนพี่น้อง เค้าลงประกาศให้เช่าอย่างเดียว เราจึงแจ้งว่าถ้าอย่างนั้นขอเซ้งเป็นระยะเวลา 12 ปี ค่าเช่าอยู่ที่ 10,000 บาทต่อเดือน เราจะจ่ายค่าเช่าครั้งละ 3 ปี โดยพอครบ 3 ปี ให้เค้าขึ้นค่าได้ไม่เกิน 15% ใน 3 ปีต่อ มาและ 3 ปีที่เหลืออีก 2 ครั้ง

เพื่อที่เราจะรีโนเวทบ้านใหม่ให้เป็น style modern loft โดยไม่รื้อโครงสร้างเดิม เรียกว่าทำ mask ก็ว่าได้ ถึงเวลาย้ายออก เราถอดออกไปได้หมดเลย และบ้านยังอยู่สภาพเดิม

ตอนแรกเราแจ้งเค้าแบบนี้ แต่จะจ่ายให้ตามปรกติคือมัดจำสองเดือน เข้าอยู่เดือนนึงไปเรื่อยๆ ทำสัญญาเช่า 12 ปี

เซลล์แจ้งว่าเจ้าของบ้านไม่ยอม เราก็เลยบอกว่างั้นเราจ่ายทีละ 3 ปี ขอทำสัญญาเลยที่บ้านเช่า

เซลล์แจ้งว่าเจ้าของตอบตกลง แต่ไม่สะดวกมาทำสัญญาด้วยตัวเอง เซลล์จะไปเปิดบ้านให้ และทำสัญญาให้เอง ค่าทำสัญญาคือ 360,000 บาท (เดือนละหมื่น 36 เดือน) โดยไม่มีค่าล่วงหน้า เพราะจ่ายล่วงหน้าเป็นสามปีแล้ว

เราก็นัดหมายทำสัญญา แต่เราว่างหลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะเราไปทำธุระที่เกาหลีใต้ เซลล์ก็แจ้งว่า มีคนมาดูบ้านทุกวัน เพราะค่าเช่าถูก และอยู่ในเมือง ถ้าเราจะเอา เจ้าของบ้านขอมัดจำก่อน 60,000 เราก็ขอเลขบัญชีมา บอกว่าขอเป็นเลขบัญชีเจ้าของบ้านนะ (แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าเจ้าของบ้านชื่ออะไร)

เซลล์ให้เบอร์บัญชีมา เราก็โอนไป โดยได้เช็คเบอร์บัญชี เช็คชื่อเรียบร้อยตามปรกติ และเซลล์มีเอกสารการรับเงิน วางเงิน และสัญญาเช่า 12 ปีให้ด้วย พร้อมลายเซ็นเจ้าของบ้าน

มันผิดตรงเราไม่ได้ไปทำธุรกรรมที่บ้านเช่าหลังนั้น เพราะเราไม่ว่าง ซึ่งเซลล์ ก็พยายามคะยั้นคะยอให้เราไปทำสัญญาที่บ้านเช่าตลอด บอกว่าจะได้ถ่ายรูปให้เจ้าของบ้านดู ว่าพาคนมาดูบ้าน ตรงจุดนี้ทำให้เราเชื่อถือไปกลายๆ ว่าเค้าเข้าบ้านได้ และเป็นเราเองที่ไม่ว่างไป และกลัวคนอื่นเช่าตัดหน้า

เมื่อโอนเงินไป ลายก็ออก โพสใน kaidee ก็ถูกลบไป ลงว่าประกาศได้ทำการซื้อขายไปแล้ว ไม่ตอบแชททางขายดี ลบประกาศทุกอันทิ้งหมด คล้ายๆ จะไม่เข้ามา Login นั้นอีกแล้ว ไลน์ ก็ left chat และมือถือ ปิด เราเห็นผิดปรกติเพราะหลังโอนเงิน 1 วัน เค้า left chat ในไลน์ จึงไล่ดูช่องทางติดต่ออื่นๆ เราไม่ได้ถามทาง kaidee ไป เพราะรู้ว่าการลงพวกอสังหา kaidee จะไม่ได้ตรวจสอบประกาศแบบที่ให้สมาชิกถ่ายบัตรยืนคู่กับสินค้าหรือสมุดบัญชี แบบขายพวกโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถ้าขอไปคงได้แค่ IP ซึ่งยากในการตาม

ก็คิดว่า โดนแล้วล่ะ เลยเตรียมเอกสารการโอนเงิน และแคปข้อความทั้งหมด ไปแจ้งความ ตำรวจไม่รับแจ้ง บอกว่าเป็นสัญญาทำธุรกรรม เป็นคดีแพ่ง เป็นคดีที่ผิดสัญญา โดยไม่ฟังว่าเราบอกว่าจะแจ้งเป็นฉ้อโกง เนื่องจากเค้าปิดหนีหมดทุกอย่าง และก่อนที่เราจะตัดสินใจแจ้งความ ได้ไปที่บ้านเช่าหลังนั้น ปรากฏว่ามีคนมาเช่าแล้ว และเจ้าของบ้านไม่รู้เรื่องอะไรด้วย และไม่ได้ชื่อตรงกับบัญชีที่เราโอนไป

ในเมื่อแจ้งความไม่ได้ เราก็ไม่ได้ลงบันทึกประจำวันหรอกค่ะ เพราะคิดว่าก็คงฟ้องเอาผิดยาก เราก็ทำดังนี้

1. สืบหาชื่อคนโกง แน่นอนหาไม่เจอ เราตั้งใจจะไปอายัติบัญชีเค้า แต่ในเมื่อไม่ได้รับการแจ้งความ จึงไม่สามารถขอเอกสารตราครุฑไปขออายัติบัญชีได้ เราก็ใช้บริการนักสืบของสำนักงานกฏหมายแห่งหนึ่ง ให้เค้าสืบ ที่อยู่คนโกง ในราคา 2,000 บาท ได้มาหมดทุกอย่าง ทั้งบ้าน ทั้งญาติพี่น้อง เบอร์โทร ทะเบียนรถ จากนั้น

2. เราให้สำนักงานกฏหมายนั้น ออกหนังสือลงนามโดยทนายความว่าเราจะฟ้องแพ่งเค้า และหากสืบทราบได้ว่าเค้าได้ปลอมแปลงตัวตนเป็นบุคคลอื่น หรือมีเจตนาทำให้เราเข้าใจผิดหลงเชื่อว่าเค้าเป็นผู้ได้รับอนุญาติ ให้ทำธุรกรรมแทนเจ้าของบ้าน โดยที่เค้าไม่ได้เป็น เราจะฟ้องอาญา (จ้างทนายฟ้อง) จดหมายส่งไปที่บ้านตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน ว่าให้มาตกลงเจรจาก่อนดำเนินการฟ้องร้อง ราคาค่าจดหมาย 500 บาท

3. เราให้นักสืบระบุที่อยู่ปัจจุบัน ที่เค้ามักอยู่ประจำ แล้วขับรถไปแอบดูค่ะ เมื่อพบตัว ก็เข้าเจรจา ไปคนเดียวค่ะ ไม่ได้มีลูกน้องนักเลงที่ไหนไปด้วย ไปพบ แล้วก็ขอเงินคืนนี่แหละ วิธีที่นักสืบระบุที่อยู่ให้ ขอไม่แจ้งทางนี้ ค่าใช้จ่ายตรงนี้เราเสียไป 5,000 บาท

4. เมื่อเจอตัว เราพูดดีกับเค้าก่อน ที่ที่เราสืบได้เป็นทั้งที่พักและที่ทำงาน เราจึงคุยเอาเงิน เค้าบอกไม่มี เค้าจะโอนให้ภายหลัง เราก็เข้าไปที่ทำงานเค้า บอกว่าให้ใครก็ได้ที่ทำงานรับรองให้หน่อย ว่าเค้าจะโอนคืนให้ เค้าก็ไม่ยอม เราก็เลยบอกว่า งั้นคงต้องคุยกันกับที่ทำงาน ว่าเค้ามีพฤติกรรมแบบนี้ เค้าก็ไม่ยอม (พวกนี้จะกลัวคนอื่นรู้ เพราะจะไม่มีช่องทางทำมาหากินต่อ) เค้าก็เลยโอนเงินให้เราผ่านมือถือ 30,000 บาท บอกว่าอีก 30,000 ขอสิ้นเดือนจ่าย เราบอกว่าไม่ได้ งั้นไปคุยกับที่ทำงานว่ามีใครรับรองว่าเค้าเงินเดือนออกแล้วจะจ่ายเราบ้าง เค้าก็ไม่ยอม เราก็บอกว่างั้นคุยกับพ่อแม่เค้า บอกบ้านเลขที่ไปเค้าก็ตกใจ เค้าก็บอกว่าพ่อแม่บอกอยู่ว่ามีจดหมายมาแต่ไม่ได้เปิดอ่าน (ความจริงควรจ่าหน้าถึงเจ้าของบ้านในทะเบียนบ้าน พอเป็นชื่อลูก พ่อแม่บางคนก็ไม่อ่าน) แล้วเค้าก็ร้องห่มร้องไห้ บอกว่าเค้าจำเป็นจริงๆ ต้องให้เงินเราสิ้นเดือน รอเงินเดือนออก เราก็ถามเงินเดือนเท่าไหร่ เค้าก็บอก 15,000 แต่มีค่าคอมอีก (งานก็ทำอสังหานั่นแหละค่ะ แต่เป็นเซลล์ฝึกหัด)

สุดท้ายเราก็เลยบอกเค้าว่า เอามือถือมา เราเปลี่ยนเบอร์จะเมมให้ พอเค้าส่งให้เรา เราก็บอกว่า ไอโฟนนี้เรายึดไว้ก่อนนะ เอาเงินมาจ่ายเมื่อไหร่ เราจะคืนให้ เราให้เค้าเดินตามมาที่รถ เพื่อถอดซิมออก (ในรถมีตัวจิ้มซิม) แล้วก็บอกว่าข้อมูลในมือถือเราจะไม่ลบ เค้าไม่ได้ล็อคหน้าจอ เราก็บอกว่าเราไม่ดูหรอก เพราะมันไม่มีอะไรให้เราต้องสนใจ และบอกว่า สิ้นเดือนไม่ต้องโอนมา เราจะมารับเงินเองที่นี่ จะโอนต่อหน้าเราก็ได้ แต่เราจะเอามือถือมาคืนให้ที่นี่  จะไปแจ้งความก็ได้ ว่าเราเอามือถือไป เรายินดี และถ้าสิ้นเดือนเรามาแล้วไม่เจอ เค้าน่าจะรู้ว่าเราตามเค้าได้ และเค้าต้องจ่ายคืนเรา 37,500 บาท เพราะเรามีค่าใช้จ่ายในการติดตามตัวเค้า และถ้าเราได้ไม่ครบ เราจะรวมหลักฐานแจ้งความคดีอาญากับเค้า (ยังอยู่ในระยะแจ้งความได้ แต่ต้องมีหลักฐานว่าเค้าตั้งใจโกง นอกเหนือจากแค่สัญญาที่เค้าพยายามทำมาเพื่อให้ฟ้องทางอาญาไม่ได้)

เค้าก็ยอม และพอสิ้นเดือน เราก็ได้ครบทั้งหมด และคืนมือถือเค้าไป เราไม่รู้ว่าเค้าทำแบบนี้มากี่ราย แต่เมื่อเราได้รับเงินคืนทั้งหมด เราก็เดินเข้าไปแจ้งที่ทำงานเค้าว่า เค้าทำพฤติกรรมแบบนี้กับเรา เพราะเค้าทำงานที่นี่ในฐานะเซลล์อสังหา ซึ่งอาจจะทำแบบนี้กับบุคคลอื่นอีก เค้าก็ต่อว่าเรา ว่าเราไม่มีสัจจะ เค้าทำให้ทุกอย่างแล้ว เงินก็คืนแล้ว ทำไมต้องฟ้องหัวหน้าเค้า เราก็ตอบไปสั้นๆ ว่า "ไม่มีสัจจะ สำหรับโจร" คือกะจะตอบสวยๆ นะ ว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร แต่เราไม่ใช่โจรนี่หว่า หัวเราะ

เราโชคดีที่ไม่เจอคนประเภท ไม่มีไม่หนีไม่จ่าย  ถ้าเจอประเภทนี้ คงจะเสียเวลาในการติดตาม หรือคอยทวงมากกว่านี้ แต่ทำไงได้ ในเมื่อกฏหมายมีช่องโหว่ เราก็ต้องทำแบบนี้

จริงๆ เราเอาผิดเค้าได้หลายเรื่อง ทั้งปลอมแปลงเอกสารสัญญาเช่า แต่คดีพวกนี้มันยอมความได้ ถ้าเค้าจ่ายเงินครบ ก็จบแล้ว เพราะมันไม่ใช่หนังสือราชการ ก็ต้องตาต่อตา ฟันต่อฟันแบบนี้ เราไปดักดูสองวันก็รู้ว่าเค้าผู้หญิงคนเดียวไม่ได้มีผู้ชายน่ากลัวคุมหรืออะไร เราเลยกล้าไปคุยคนเดียว แต่ถ้าเจอสถานการณ์อื่นก็คงต้องมีแผนสำรอง ปลอดภัยไว้ก่อน

สุดท้ายก็ได้เงินครบหมดในระยะเวลาเกือบเดือน และรวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เสียไปด้วย

บางคนอาจจะคิดว่าเราทำผิด ที่เหมือนไปข่มขู่ ทุกคำที่เราพูดกับเค้า เราพูดด้วยความสุภาพ ไม่ตะคอก ไม่ตะโกนมีค่ะ ทุกคำ และไม่มีคำหยาบ และไม่ได้แสดงท่าทางคุกคามอะไร นั่นคิดว่าเป็นสาเหตุที่เค้ายอมคุยกับเราดีๆ แรกๆ เค้ามีโวยวายใส่เราบ้างเราก็บอกน้องใจเย็นๆ ทางออกมี อะไรแบบนี้ เราคิดว่าถึงเค้าจะทำผิด ถ้าคุยกันได้ มันก็อาจจะตกลงกันได้ แต่ที่เราไปฟ้องหัวหน้าเค้า เพราะไม่อยากให้เค้าไปทำกับคนอื่น เพราะแจ้งความก็แจ้งไม่ได้ ถ้าเราเอาเงินแล้วกลับ เค้าก็อาจจะไปหาเงินจากรายอื่นต่อ อย่างน้อยเค้าก็น่าจะทำงานที่นั่นไม่ได้อีก แต่ถ้าความเป็นโจรมันอยู่ในสายเลือดแล้ว เค้าก็คงหาทางทำอีกจนได้ โดยอัพเกรด level ขึ้นไป เราก็คงทำได้แค่นี้ค่ะ แชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะคะ ขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ ยาวมาก ยิ้ม

*แก้ไขใส่ยอดเงินที่เค้าโอนให้ครั้งแรกผิด
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่