
หิมาลัย ภูเขาที่ต้องใช้สองเท้าพาไปดู Annapurna Circuit เป็นเส้นทางที่เราเลือกเดินในครั้งนี้ แถมยังเป็นการเดินแทรกกิ้งครั้งแรกของพวกเรา ครั้งแรกก็เลือกเดินสายโหดกันเลยโดยจะเดินไต่ระดับความสูงไปเรื่อยๆ จนไปถึง Thorung La Pass ที่ระดับความสูง 5,416m.

การเตรียมตัวไปแทรคกิ้งขอบพวกเราก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย รู้ว่าไปในที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลเป็นพันๆเมตร ก็ต้องออกกำลังกันบ้างฟิตร่างกายให้พร้อม แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้ฟิตเลย เพราะไม่ค่อยมีเวลาไปฟิต เราจึงมีใจที่พร้อมประมาณ209%
อุปกรณ์ที่พกไป เช็คฤดูที่จะไปแล้วเตรียมของไปให้พร้อม ควรคัดสรรสิ่งที่จำเป็นจริงๆ มิฉะนั้นแล้วมันเป็นภาระเมื่อมันอยู่บนไหล่ของคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ได้แบกมันเองก็ตาม เราไปช่วง 7-18 เมษา 2560 สิ่งที่พวกเราพกไปด้วยหลักๆจะเป็นอุปกรณ์กันหนาว เอาไปเป็นชั้นๆเวลาร้อนก็ถอดได้หนาวก็ใส่เพิ่มเข้าไป
แล้วแบ่งเสื้อผ้าออกเป็น2ส่วน คือเอาไว้ใส่เดินกับเอาไว้ใสนอน ไอ่ที่ใส่นอนก็จะสะอาดใส่ได้ตลอดทริป ไอ่ที่ใส่เดินก็จะสกปรกหน่อย แต่ก็จะมีวันที่เราได้ซักเสื้ออยู่วันนึ่งในระหว่างการเดินทั้ง8วัน เพราะฉะนั้นจัดการเตรียมเสื้อผ้าให้ดีไม่ต้องเอาไปครบวันเอาไปเท่าที่จำเป็นก็พอ
เรื่องของรองเท้า เรื่องนี้สำคัญเลือกดีๆหน่อยถ้าแนะนำให้เลือกรองเท้าที่เอาไว้แทรคกิ้งโดยเฉพาะ จะช่วยได้มากจริงๆ เราเลือกของ Merrell กับ Keen ของเค้าดีจริงๆ จากการใช้งานจริงของทริปนี้ ถุงเท้าก็เอาแบบหนาๆหน่อยจะได้ช่วยซับพอร์ตเท้าอีกทาง (ถุงเท้าwool ช่วยได้มากตอนใส่นอนในตอนกลางคืน)
การแทรคกิ้งเส้นAnnapurna Circuit นั้นจะเริ่มกันที่ Besishahar จากหมู่บ้านนี้สามารถเริ่มเดินได้เลยหรือจะเลือกที่จะนั่งรถจิ๊บขึ้นไปด้านบนอีกหน่อยเหมือนเราก็ได้ ถนนก็จะขรุขระหน่อย หวาดเสียวนิดๆ ถ้าเจอรถเสียกลางทางคุณอาจจะไม่ได้ต่อ เพราะถนนเป็นถนนเลยเดียว จอดรถช่วยกันซ่อมไป

ซ่อมเสร็จก็ไปกันต่อ เป้าหมายของเราวันนี้คือ Jagat แต่คุณพี่คนขับรถลืมจอดให้เราลง เค้าก็เลยบอกว่า Jagat ไม่มีอะไรหรอก ไปอีกหมู่บ้านเลยละกัน ตามนั้นเลยนะ เนียนเลยนะ ความชิวของพี่เนปาลเค้า บางครั้งก็ต้องปล่อยผ่านมันไป
คืนนี้เรานอนที่Chamche

Day1: On the trail >> Chamche - Dharapani - Danaquy (10 km)
วันแรกก็จะตื่นเต้นหน่อย สดใส่ลั่นล้า วิวของวันแรกๆจะเป็นภูเขาคู่กับลำธาร เดินเลาะไปเรื่อยๆ จนถึง Tal และเดินกันต่อไปจนถึง Dharapani ตอนแรกเราจะนอนที่หมู่บ้านนี้ แต่พอไปเช็คPermit ลองถามเค้าดูว่าหมู่บ้านต่อไปอีกไกลมัย เค้าบอกว่าเรายังมีเวลาในการเดินต่อไปอีกหมู่บ้านนึ่ง เราจึงตัดสินใจไปต่อกันอีกหน่อย จนมาถึงหมู่บ้านเล็กๆDanaqyu

วันแรกกับTea house หลักๆคือนอนฟรี แค่ต้องสั่งข้าวเช้า - เย็นกินที่นั่น ถ้าไม่กินเค้าก็จะคิดค่าห้อง การสั่งอาหารก็ต้องสั่งล่วงหน้าไว้เป็นชั่วโมงๆ เพราะเค้าจะไปเตรียมหาของให้เรา เค้าไม่ได้มีพร้อมให้เราเลย สั่งโมโม่ ก็ทำแป้ง ทำไส้ ปั้นกันสดๆกันตอนนั้นเลย อาหารเช้าก็สั่งตอนกินข้าวเย็นเสร็จ บอกเวลาที่เราจะกิน เค้าจะได้เตรียมให้เราในวันรุ่งขึ้น

Day2: On the trail >> Danaquy - Chame (12km)
วิวที่เห็นวันนี้ยิ่งสวยมากขึ้นมาพร้อมภูเขาลูกโตๆ มีหิมะอยู่บนยอดหน่อยๆ ทำให้มีกำลังให้เดินต่อไป ระหว่างทางเราเจอกับคุณลุงญี่ปุ่น มาด้วยกัน3คน มีไกด์ 1คน ลูกหาบ1คน ลุงมาแบบข้อมูลแน่นๆ ซึ่งต่างจากเราที่ไม่รู้เลยว่าภูเขาลูกไหนชื่อว่าอะไร เป็นAnnaที่เท่ารัย เราก็อาศัยแบบฟังกับคุณลุงนี่แหล่ะ


วันนี้เราจะพักที่ Chame เค้าว่าที่นี่มีบ่อน้ำร้อนให้แช่ แต่เราเดินหาไม่เจอ จึงได้แต่เดินเล่นวนในหมู่บ้าน จนเริ่มจะทนกับอากาศหนาวไม่ไหวก็หนีกลับเข้าห้องพักกัน

Day3 : On the trail >> Chame - Lower Pisang (16km)
วันนี้เราจะได้เห็นยอดของเจ้าAnna กันแล้วเริ่มเห็นตั้งแต่ออกจาก Chame กันเลย พอไปถึง Pisang แล้วเราจะเห็นAnnaชัดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นAnnaที่เท่ารัย เรามักจะเรียกภูเขาที่มีหิมะอยู่บนยอดว่าเป็นAnna เสมอ ก็มันสวยเหมือนกันหมด แค่ต่างกันที่ความสูง
เราเลือกนอนที่ Lower Pisang แล้วค่อยเดินไปเที่ยวที่Upper Pisang เพราะคุณลุงไกด์บอกว่าข้างบนลมแรง อากาศก็หนาวกว่าข้างล่าง


แต่การเดินขึ้นไปก็ใช้เวลาพอสมควร แต่ก็คุ้มค่ากับการได้ขึ้นไปชมวิวที่นั่น

Day4: On the trail >> Lower Pisang - Ghyaru -Ngawal - Manang (3,540m) (15km)
การเดินไปManang วันนี้มีให้เลือกเดิน 2 เส้นทาง เดินบนถนนหรือ Upper trail เราเลือก Upper trail ในเมื่อเลือกเส้น Upper ก็เดินUp แล้วก็Up มองไปข้างหน้าก็ยังเป็นทางขึ้น มองไม่เห็นแนวราบกันเลยทีเดียว เป็นทางที่เหนื่อยที่สุดใน4วันที่ผ่านมาเลย เหนื่อยแล้วยอมแพ้ จะไม่มีอยู่ในทริปนี้

แล้วเราก็พบกับจุดหมาย จากตรงจุดชมวิวนี้เราพักจิบกาแฟกันสักพักแล้วเดินต่อ เส้น upper trail นี้สวยมากๆ คุ้มกับการเดินขึ้นมาจริงๆ ระหว่างทางที่ออกเดินไป Manang เราจะเห็นเทือกเขาหิมาลัยอยู่ทางซ้ามมือของเราตลอดทาง มองให้เบื่อกันไปเลย



การเดินวันนี้ยาวนานมาก ออกเดินตั้งแต่เช้า มาถึง Manang ตอน 6โมงเย็น พอคิดแล้ว เราน่าจะหยุดพักที่หมู่บ้านก่อนหน้านี้ ไม่รูอะไรดลใจ ให้เราเดินต่อมาจนถึง Manang เหนื่อยแทบขาดใจ 3,540m

Day5: Acclimatizetion Day
วันพักร่าง วันซักผ้า วันนี้เป็นวันที่เราจะพักอยู่ที่นี่1วัน เพื่อให้ร่างกายเราปรับสภาพบนที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล
หลายคน คงได้ยินโรคแพ้ความสูง ซึ่งเราไม่มรใครอยากจะเป็นกัน เพราะฉะนั้นเราควรหาวิธีรับมือกับมัน สำหรับเราแล้วไม่มีอาการแพ้ความสูงใดๆอาจเป็นเพราะเราดื่มน้ำเยอะ เราจะสั่งชาร้อนๆมากินทุกครั้งเวลากินข้าว ชากระติกใหญ่ๆนี่แหล่ะ กินให้หมด แถมช่วยให้อุ่นขึ้นด้วย หลายคนอาจจะพึ่งยาแพ้ความสูง วิธีชาวบ้านหน่อยก็กินซุปกระเทียม มีหลายวิธี ลองศึกษากันดู

Manang จะเป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่รถจิ๊บสามารถขับมาถึง และเเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดในเส้นทางนี้ คนส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะพักเพื่อปรับสภาพร่างกายกันที่นี่

Day6: Manang - Yak Kharka (4,050m) (9km)
วิวสวยขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนก้าวที่ก้าวมา ระยะทางเดินวันนี้ไม่ไกลมาก แต่เชื่อเถอะมันเหนื่อยมาก แต่ความเหนื่อยจะคอยมีซุปเปอร์วิวคอยปลอบใจ จนเราเดินมาถึง Yak Kharka แต่เราหาที่พักไม่ได้เริ่มถามตั้งแต่ที่แรก จนที่สุดท้าย โชคยังดีที่สุดท้ายยังว่าง ขอบคุณพระเจ้า เพราะตอนนั้นอากาศหนาวมาก เอาของเก็บได้สักพัก หิมะก็ตกลงมา เป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด

เวลาส่วนใหญ่หลังจากที่เราเข้าที่พักเราจะเข้าไปอยู่ในโรงอาหาร เพราะข้างในนั้นอากาศจะอุ่นกว่าในห้องนอน ห้องนอนส่วนจะจะเป็กระจกรอบด้านแทบช่องฟรีสดีๆนี่เอง ตอนนอนก็จะลำบากหน่อย ไม่มีวันที่จะนอนไดง่ายๆ เพราะกว่าจะนอนได้ต้องพลอกกันหลายตลบ กว่าหาท่าที่หายใจสะดวกได้ แต่อย่ากังวลให้มาก ปล่อยวาง ทำใจให้สบาย จะช่วยได้เยอะ

Day7: Yak Kharka - High Camp (4,850m)
ตื่นมาอยู่บนสวรรค์ ความคิดตอนนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆ เปิดม่านออกไปดูข้างนอก ขาวไปหมด ความคิดต่อมาคือ ต้องเดินลุยหิมะใช่มัย ไม่ได้เตรียมตัวมาเจอหิมะเลย ทำยังไงดี ทำยังไงได้ เราก็ลุยกันต่อไป

สวรรค์บนดิน เป็นอย่างนี้นี่เอง


วันนี้จะเป็นประมาณนี้ ถ้ามาตอนที่ไม่มีหิมะก็คงจะเป็นอีกแบบนึ่ง
เราค่อยๆเดินจนไปถึง Thorong Phedi พักกินชากันที่นั่นสักพัก แล้วเดินต่อไปยังHigh Camp ระยะทางจาก Phedi ไป High Camp เราขอตั้งชื่อว่า 3ก้าวหยุด เดินไปยังไงก็ไม่ถึงสักที แค่เอื้อมจริงๆ ในแผนที่บอกเดิน45นาที แต่เราเดิน 3ก้าวหยุด ก็ใช้เวลานานหน่อย แต่ก็ถึงเหมือนกัน
บน High Camp จะมีที่พักอยู่ที่เดียว นักเดินส่วนใหญ่จะมาพักบนนี้เพราะจะได้ง่ายต่อการเดินไป Thorong La ในวันรุ่งขึ้น

Day8: High Camp - Thorong La Pass (5,416m) - Muktinath
วันนี้เป็นไฮไล ของเส้นทางนี้ เราจะเดินไปยัง Thorong La Pass ที่ความสูง 5,416m. ส่วนมากแล้วเค้าจะเตรียมตัวเดินข้าม Thorong La กันเช้าตรู่ เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนวันที่เราไปนั้นหิมะตก ทำให้เราเดินลำบาก ทั้งหิมะ ทั้งลม รวมทั้งเราอุปกรณ์กันหนางที่เราเตรียมไปมันไม่พอกับสภาพอากาศที่เจอ เราจึงเดินได้ช้ามาก
ระหว่างเดิน ในใจก็คิดวกไปวนมาว่าทำไมพาตัวเองมาลำบากขนาดนี้ เท้าช้า มือช้า ด้วยความใจดี สงสารลูกหาบที่ไม่มีถุงมือ ใส่เสื้อบางๆ เราจึงเอาถุงมือให้เค้าใส่ข้างหนึ่ง ฟังดูแล้วทุลักทุเล สรุปใส่ถุงมือข้างเดียวเดิน สองเท้าที่ก้าวออกไปแต่ละก้าวมันบอกให้ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้ง พอมองย้อนกลับ แล้วมองไปข้างหน้า แล้วเห็นหิมะเหมือนกัน ก็คิดได้ว่ายอมแพ้เดินย้อนกลับไปก็เดินบนหิมะ สู้เดินหน้าแล้วเดินบนหิมะเหมือนกันดีกว่า ว่าแล้วก็ย่ำเท้ากันต่อไป

ในสุดเราก็เดินมาถึงจุดหมาย Thorong La Pass ที่ความสูง 5,416m จากระดับน้ำทะเล
เราทำได้ ความลำบาก ถ้าผ่านมาได้ก็จะดีเอง

ตอนฝลงเราแทบจะวิ่งลง ความรู้สึกที่เอาชนะตัวเองมาได้ มันพองโตมาก จนถึง Muktinath หมู่บ้านสุดท้ายในการเดินของทริปนี้
เราจบทริป Annapurna Circuit ที่Muktinath
ถ้าจะเดิน ให้ครบ ต้องบวก Poonhill กับ ABC ไปด้วย
เป็นรีวิวครั้งแรกที่เขียนจนจบ มีข้อมูลอะไรผิดพลาดขออะภัยด้วยนะค่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะค่ะ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆให้ออกเดินทางนะคะ
[CR] Annapurna circuit ครั้งหนึ่งฉันไปมา
อุปกรณ์ที่พกไป เช็คฤดูที่จะไปแล้วเตรียมของไปให้พร้อม ควรคัดสรรสิ่งที่จำเป็นจริงๆ มิฉะนั้นแล้วมันเป็นภาระเมื่อมันอยู่บนไหล่ของคุณ แม้ว่าคุณจะไม่ได้แบกมันเองก็ตาม เราไปช่วง 7-18 เมษา 2560 สิ่งที่พวกเราพกไปด้วยหลักๆจะเป็นอุปกรณ์กันหนาว เอาไปเป็นชั้นๆเวลาร้อนก็ถอดได้หนาวก็ใส่เพิ่มเข้าไป
แล้วแบ่งเสื้อผ้าออกเป็น2ส่วน คือเอาไว้ใส่เดินกับเอาไว้ใสนอน ไอ่ที่ใส่นอนก็จะสะอาดใส่ได้ตลอดทริป ไอ่ที่ใส่เดินก็จะสกปรกหน่อย แต่ก็จะมีวันที่เราได้ซักเสื้ออยู่วันนึ่งในระหว่างการเดินทั้ง8วัน เพราะฉะนั้นจัดการเตรียมเสื้อผ้าให้ดีไม่ต้องเอาไปครบวันเอาไปเท่าที่จำเป็นก็พอ
เรื่องของรองเท้า เรื่องนี้สำคัญเลือกดีๆหน่อยถ้าแนะนำให้เลือกรองเท้าที่เอาไว้แทรคกิ้งโดยเฉพาะ จะช่วยได้มากจริงๆ เราเลือกของ Merrell กับ Keen ของเค้าดีจริงๆ จากการใช้งานจริงของทริปนี้ ถุงเท้าก็เอาแบบหนาๆหน่อยจะได้ช่วยซับพอร์ตเท้าอีกทาง (ถุงเท้าwool ช่วยได้มากตอนใส่นอนในตอนกลางคืน)
การแทรคกิ้งเส้นAnnapurna Circuit นั้นจะเริ่มกันที่ Besishahar จากหมู่บ้านนี้สามารถเริ่มเดินได้เลยหรือจะเลือกที่จะนั่งรถจิ๊บขึ้นไปด้านบนอีกหน่อยเหมือนเราก็ได้ ถนนก็จะขรุขระหน่อย หวาดเสียวนิดๆ ถ้าเจอรถเสียกลางทางคุณอาจจะไม่ได้ต่อ เพราะถนนเป็นถนนเลยเดียว จอดรถช่วยกันซ่อมไป
คืนนี้เรานอนที่Chamche
วันแรกก็จะตื่นเต้นหน่อย สดใส่ลั่นล้า วิวของวันแรกๆจะเป็นภูเขาคู่กับลำธาร เดินเลาะไปเรื่อยๆ จนถึง Tal และเดินกันต่อไปจนถึง Dharapani ตอนแรกเราจะนอนที่หมู่บ้านนี้ แต่พอไปเช็คPermit ลองถามเค้าดูว่าหมู่บ้านต่อไปอีกไกลมัย เค้าบอกว่าเรายังมีเวลาในการเดินต่อไปอีกหมู่บ้านนึ่ง เราจึงตัดสินใจไปต่อกันอีกหน่อย จนมาถึงหมู่บ้านเล็กๆDanaqyu
วิวที่เห็นวันนี้ยิ่งสวยมากขึ้นมาพร้อมภูเขาลูกโตๆ มีหิมะอยู่บนยอดหน่อยๆ ทำให้มีกำลังให้เดินต่อไป ระหว่างทางเราเจอกับคุณลุงญี่ปุ่น มาด้วยกัน3คน มีไกด์ 1คน ลูกหาบ1คน ลุงมาแบบข้อมูลแน่นๆ ซึ่งต่างจากเราที่ไม่รู้เลยว่าภูเขาลูกไหนชื่อว่าอะไร เป็นAnnaที่เท่ารัย เราก็อาศัยแบบฟังกับคุณลุงนี่แหล่ะ
วันนี้เราจะได้เห็นยอดของเจ้าAnna กันแล้วเริ่มเห็นตั้งแต่ออกจาก Chame กันเลย พอไปถึง Pisang แล้วเราจะเห็นAnnaชัดขึ้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นAnnaที่เท่ารัย เรามักจะเรียกภูเขาที่มีหิมะอยู่บนยอดว่าเป็นAnna เสมอ ก็มันสวยเหมือนกันหมด แค่ต่างกันที่ความสูง
เราเลือกนอนที่ Lower Pisang แล้วค่อยเดินไปเที่ยวที่Upper Pisang เพราะคุณลุงไกด์บอกว่าข้างบนลมแรง อากาศก็หนาวกว่าข้างล่าง
การเดินไปManang วันนี้มีให้เลือกเดิน 2 เส้นทาง เดินบนถนนหรือ Upper trail เราเลือก Upper trail ในเมื่อเลือกเส้น Upper ก็เดินUp แล้วก็Up มองไปข้างหน้าก็ยังเป็นทางขึ้น มองไม่เห็นแนวราบกันเลยทีเดียว เป็นทางที่เหนื่อยที่สุดใน4วันที่ผ่านมาเลย เหนื่อยแล้วยอมแพ้ จะไม่มีอยู่ในทริปนี้
วันพักร่าง วันซักผ้า วันนี้เป็นวันที่เราจะพักอยู่ที่นี่1วัน เพื่อให้ร่างกายเราปรับสภาพบนที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล
หลายคน คงได้ยินโรคแพ้ความสูง ซึ่งเราไม่มรใครอยากจะเป็นกัน เพราะฉะนั้นเราควรหาวิธีรับมือกับมัน สำหรับเราแล้วไม่มีอาการแพ้ความสูงใดๆอาจเป็นเพราะเราดื่มน้ำเยอะ เราจะสั่งชาร้อนๆมากินทุกครั้งเวลากินข้าว ชากระติกใหญ่ๆนี่แหล่ะ กินให้หมด แถมช่วยให้อุ่นขึ้นด้วย หลายคนอาจจะพึ่งยาแพ้ความสูง วิธีชาวบ้านหน่อยก็กินซุปกระเทียม มีหลายวิธี ลองศึกษากันดู
วิวสวยขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนก้าวที่ก้าวมา ระยะทางเดินวันนี้ไม่ไกลมาก แต่เชื่อเถอะมันเหนื่อยมาก แต่ความเหนื่อยจะคอยมีซุปเปอร์วิวคอยปลอบใจ จนเราเดินมาถึง Yak Kharka แต่เราหาที่พักไม่ได้เริ่มถามตั้งแต่ที่แรก จนที่สุดท้าย โชคยังดีที่สุดท้ายยังว่าง ขอบคุณพระเจ้า เพราะตอนนั้นอากาศหนาวมาก เอาของเก็บได้สักพัก หิมะก็ตกลงมา เป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด
ตื่นมาอยู่บนสวรรค์ ความคิดตอนนั้นเป็นอย่างนั้นจริงๆ เปิดม่านออกไปดูข้างนอก ขาวไปหมด ความคิดต่อมาคือ ต้องเดินลุยหิมะใช่มัย ไม่ได้เตรียมตัวมาเจอหิมะเลย ทำยังไงดี ทำยังไงได้ เราก็ลุยกันต่อไป
เราค่อยๆเดินจนไปถึง Thorong Phedi พักกินชากันที่นั่นสักพัก แล้วเดินต่อไปยังHigh Camp ระยะทางจาก Phedi ไป High Camp เราขอตั้งชื่อว่า 3ก้าวหยุด เดินไปยังไงก็ไม่ถึงสักที แค่เอื้อมจริงๆ ในแผนที่บอกเดิน45นาที แต่เราเดิน 3ก้าวหยุด ก็ใช้เวลานานหน่อย แต่ก็ถึงเหมือนกัน
บน High Camp จะมีที่พักอยู่ที่เดียว นักเดินส่วนใหญ่จะมาพักบนนี้เพราะจะได้ง่ายต่อการเดินไป Thorong La ในวันรุ่งขึ้น
วันนี้เป็นไฮไล ของเส้นทางนี้ เราจะเดินไปยัง Thorong La Pass ที่ความสูง 5,416m. ส่วนมากแล้วเค้าจะเตรียมตัวเดินข้าม Thorong La กันเช้าตรู่ เพื่อจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่วนวันที่เราไปนั้นหิมะตก ทำให้เราเดินลำบาก ทั้งหิมะ ทั้งลม รวมทั้งเราอุปกรณ์กันหนางที่เราเตรียมไปมันไม่พอกับสภาพอากาศที่เจอ เราจึงเดินได้ช้ามาก
ระหว่างเดิน ในใจก็คิดวกไปวนมาว่าทำไมพาตัวเองมาลำบากขนาดนี้ เท้าช้า มือช้า ด้วยความใจดี สงสารลูกหาบที่ไม่มีถุงมือ ใส่เสื้อบางๆ เราจึงเอาถุงมือให้เค้าใส่ข้างหนึ่ง ฟังดูแล้วทุลักทุเล สรุปใส่ถุงมือข้างเดียวเดิน สองเท้าที่ก้าวออกไปแต่ละก้าวมันบอกให้ยอมแพ้หลายต่อหลายครั้ง พอมองย้อนกลับ แล้วมองไปข้างหน้า แล้วเห็นหิมะเหมือนกัน ก็คิดได้ว่ายอมแพ้เดินย้อนกลับไปก็เดินบนหิมะ สู้เดินหน้าแล้วเดินบนหิมะเหมือนกันดีกว่า ว่าแล้วก็ย่ำเท้ากันต่อไป
เราทำได้ ความลำบาก ถ้าผ่านมาได้ก็จะดีเอง
เราจบทริป Annapurna Circuit ที่Muktinath
ถ้าจะเดิน ให้ครบ ต้องบวก Poonhill กับ ABC ไปด้วย
เป็นรีวิวครั้งแรกที่เขียนจนจบ มีข้อมูลอะไรผิดพลาดขออะภัยด้วยนะค่ะ
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะค่ะ หวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจเล็กๆให้ออกเดินทางนะคะ