สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเราหายไป พวกมันถูกกักขังไว้ในกล่องที่ใดที่หนึ่งในอาณาจักรแห่งฝันร้ายนี้
ฉันต้องรีบไปช่วยสิ่งสำคัญของตัวฉัน ก่อนที่มันจะสายเกินไป!!!
ดินแดนลับแลถือกำเนิดขึ้นในเย็นวันหนึ่งที่ฉันงีบหลับ หลังกลับจากการเรียนอันเหน็ดเหนื่อย
ครืน... ครืน...
"ฮะ? นี่ฉันอยู่ที่ไหน "
ซันตื่นขึ้นในห้องมืดๆ ณ เวลา 6 โมงเย็น เขามองไปรอบตัวและพบว่า ห้องนอนที่คุ้ยเคยเปลี่ยนไปเป็นสีหม่นๆ มีเสียงฟ้าร้องและเมฆดำมืดรอบทิศ
แต่แล้วภายในห้องไฟสลัวนั้น กลับมีแสงวาบส่องสว่างออกมาจากเพดานครู่นึง ทันใดนั้นมีบางสิ่งตกลงมาจากความว่างเปล่า
แกร๊ก!?
เขาพบกับแท่งเครื่องมือสีฟ้าที่เขาไม่รู้จัก ขนาดยาวกว่ามือเขาเล็กน้อย และสามารถกำได้พอดีมือ
ที่ด้านข้างมีรูปหยดน้ำพร้อมกับมีตัวหนังสือเขียนว่า 'สำหรับผู้ที่อ่อนแอ'
"อะไรกันเนี่ย?" เขายังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง
นี่อาจจะเป็นความฝันแบบใหม่สำหรับเขาก็เป็นได้
"กรี๊ดดดดดดดด!!!!" มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากนอกหน้าต่าง
เขารีบวิ่งไปดูและต้องตกใจหน้าซีดเมื่อเมืองที่เขาอยู่กลายเป็นโลกแห่งนาฬิกาขนาดยักษ์ พวกมันมีอยู่ทั่วทุกที่ทั้งบนท้องฟ้าและบนพื้นคอนกรีตสีทองอร่าม
พวกมันมีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาข้อมือ ตั้งโต๊ะ แขวนผนัง และแบบตู้ มีทั้งดิจิตอลและอนาล็อก
เสียงติ๊กต่อกๆ ดังไปทั่ว สร้างบรรยากาศชวนอึดอัดและมวลท้อง
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง ซันรีบลงไปดูด้วยความสงสัย
ทันทีที่เขาเปิดประตูบ้าน เขาพบกับสงครามการต่อสู้ของคนมากหน้าหลายตา พวกเขามีพลังพิเศษ
สามารถเสกไฟ น้ำ สายฟ้า ลม ดิน หิน ไม้ ธาตุต่างๆที่จะนึกได้บนโลกใบนี้
โดยทั้งหมดออกมาจากสิ่งเพียงสิ่งเดียว คือแท่งอุปกรณ์คล้ายที่เขาพบในห้องตัวเอง
แต่ของทุกคนมีลักษณะ ขนาด และสีสันที่ต่างออกไป
ขณะที่ซันยืนนิ่งด้วยความฉงนก็มีอุกกาบาตไฟขนาดเท่าคนแคระพุ่งมาหาตัวเขาด้วยความเร็วแสง
"อ๊ากกกกกก!!!!!!" เขาร้องด้วยความกลัวสุดชีวิต
"ระวัง!!!"
ทันใดนั้นเอง มีชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา พุ่งมาบังตัวของซันไว้ และปล่อยสายฟ้าไปยังอุกกาบาตจนมันแหลกกระเด็นไปทุกทิศทาง
"ฟู่ว เกือบไปแล้ว" ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ตัวล่ำ ท่าทางดูแข็งแรงพูดพร้อมปาดเหงื่อที่หน้าผาก ร่างกายเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
"นี่ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนทำร้ายกัน? ทำไมโลกของเรากลายเป็นแบบนี้?"
ซันถามด้วยความตกใจกลัว ร่างกายสั่นเทา
"ไม่มีเวลาแล้ว!!! ที่นี่อันตรายมาก รีบไปหลบกันก่อน"
ชายหนุ่มปริศนากระชากมือเล็กๆของหนุ่มตัวน้อย ร่างผอมบางแข็งทื่อ และวิ่งไปหลบหลังซากนาฬิกาข้อมือคาซิโอที่ทรุดโทรม หน้าปัดมีรอยแตก และเข็มหยุดนิ่ง
ทั้งสองล้มลงหอบ ชายหนุ่มไร้นามปลดกระดุมเสื้อออกเพราะความร้อน จนเห็นกล้ามนักกีฬาของเขา
ในขณะที่หนุ่มตัวเล็กหน้ามืดแทบจะเป็นลมพร้อมหัวใจที่เต้นรัวและความตื่นเต้น
"แฮ่กๆๆ นายต้องเล่าทุกอย่างที่นายรู้ให้ฉันฟังนะ ได้โปรดเถอะ บอกฉันทีว่านี่ไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย?!"
ซันพูดรัวลิ้นด้วยสีหน้าจริงจัง และเขย่าไหล่ของชายร่างโตเอาเป็นเอาตาย
"ฉันรู้ ฉันรู้! สงบสติก่อน" เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของซันแน่นและกดลงเพื่อให้สงบอารมณ์
"นายชื่ออะไร?"
"ซัน"
"โอเคซัน นายเพิ่งจะมาถึงที่นี่ใช่มั้ย นี่ไม่ใช่ความฝันนะ ฉันชื่อคิว อยู่ที่นี่ได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว"
"ตอกแรกฉันก็ตกใจเหมือนนาย แต่ทุกๆวันจะมีเสียงป่าวประกาศแจ้งเตือนจากนาฬิกา"
"หา นาฬิกา?"
"ใช่ มีใครบางคนหรืออาจจะเป็นอะไรบางอย่างควบคุมนาฬิกาพวกนี้อยู่ มันจะแจ้งข่าวสารต่างๆที่จำเป็นให้พวกเรา อย่างเช่น จำนวนวันที่เหลือในรอบนี้ หรือเจ้าพวกนั้นต้องการให้เราทำอะไร มีอะไรกำลังจะเกิดขึ้นบ้าง"
"จำนวนวันที่เหลือคืออะไร?" ซันถามพร้อมขมวดคิ้ว
"ที่นี่เมื่อเราอยู่ครบทุกๆ 10 วัน เราต้องย้ายไปอยู่ยังโลกใหม่ ทุกๆโลกจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อย่างเช่นโลกนี้ นายเห็นไหม ทุกที่มีนาฬิกาเต็มไปหมด มันเป็นตัวแทนของเจ้าพวกนั้น และทุกวันๆจะมีอาหารส่งมาทางนาฬิกาด้วย เพราะโลกที่นี่หาอาหารเองยากมาก" คิวอธิบายพร้อมชี้ให้ซันดูรอบๆ
"แล้วจุดประสงค์ของพวกมันคืออะไร?"
"ฉันเองก็ไม่รู้ แต่วันแรกที่ฉันมาที่โลกนี้ มีเสียงจากนาฬิกาประกาศว่าทุกคนจะต้องสู้กัน เพื่อค้นหากล่องของตัวเองให้เจอ ไม่เช่นนั้นเราจะเสียมันไปตลอดกาลเมื่อกลับสู่โลกความจริง
ในกล่องนั้นจะมีสิ่งล้ำค่าที่สุดของเรา สิ่งที่เรารักมากที่สุด อาจเป็นพ่อแม่ สิ่งของ ทรัพย์สินเงินทอง ความสามารถ รูปร่างหน้าตา อะไรก็ได้ ที่มีความหมายต่อเรามาก และจะเสียใจที่สุดถ้าต้องเสียมันไป
เราจะได้กล่องนี้จากการทำให้ใครคนหนึ่งบาดเจ็บมากๆ หรือคล้ายกับการฆ่า จนทำให้เขาหายไปและกลายเป็นกล่อง โดยใช้อุปกรณ์ที่ได้ติดตัวมา"
"หายไปไหน เกิดอะไรหลังจากนั้น แล้วอุปกรณ์อะไร???"
"ยังบอกไม่ได้ แต่ฉันว่าพวกเขาไม่ได้ไปที่ที่ดีแน่ ส่วนอุปกรณ์ที่ฉันพูดถึงคือเจ้าแท่งนี้ไง" คิวโชว์แท่งสีเหลืองที่มีสัญลักษณ์รูปไฟฟ้าอยู่ตรงกลางที่จับ มันอันใหญ่กว่าของซันเล็กน้อย
"เอ๋ เจ้านี่น่ะเหรอ?" ซันหยิบอุปกรณ์สีฟ้าที่เก็บได้จากในห้องของตนออกมา
"อุปกรณ์พวกนี้เรียกว่าคีย์ มันสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ที่ต่างกันขึ้นอยู่กับเจ้าของ และยังสามารถเป็นอาวุธได้ด้วย แค่นายเพ่งสมาธิไปที่มันและนึกถึงพลังที่ต้องการปลดปล่อยออกมา อย่างนี้ไง" คิวโชว์การปล่อยกระแสไฟฟ้าเล็กๆออกมาจากคีย์ของเขา
"นายลองดูสิ"
"อืม......" ซันเพ่งกระแสจิตที่ไปคีย์ และทันใดนั้น มีน้ำพุ่งออกมาเป็นเส้นเล็กๆ กระเด็นใส่ ข้อของนาฬิกาคาสิโอเรือนยักษ์
"บ้าน่า" ซันอุทานด้วยความไม่อยากไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่ามันจะทำได้ง่ายดายขนาดนี้
"เจ๋งมาก พลังเสกน้ำของนายประยุกต์ใช้กับไฟฟ้าของฉันได้ดีเลย ต่อจากนี้ฉันคงต้องยืมพลังของนายสู้ด้วย" แววตาของคิวมุ่งมั่น
"แต่ฉันไม่อยากสู้กับใคร ฉันไม่อยากทำร้ายใคร ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย " ซันมองพื้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
"ฉันก็เหมือนนาย ที่ผ่านมาฉันได้แต่ป้องกันตัวและปกป้องคนอื่น ฉันเสียเพื่อนคนหนึ่งไปที่พบเจอที่นี่ในวันแรกที่มาถึง สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันคงเป็นร่างกาย เพราะฉันเป็นนักกีฬาวิ่งมาตั้งแต่ประถม" คิวพูดและโชว์ให้ซันเห็นถึงร่างกายของที่ดูแข็งแรง สมเป็นผู้ชาย
"แล้วนายจะเอายังไงต่อ"
"ฉันคงจะป้องกันตัวต่อไป จนกว่าฝันร้ายนี่จะจบ" คิวพูดพร้อมมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"แล้วถ้านายหากล่องไม่เจอ นายอาจจะตายหรือพิการไปเลยก็ได้นะ" ซันพูดด้วยท่าทีกังวลใจ
"ใช่ ฉันก็คิดเรื่องนั่นอยู่ แต่ฉันยังไม่อยากฆ่าใคร"
"แล้วนายล่ะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ?" คิวหันมองทางซันและเอียงหัวเล็กน้อย
"ฉันเหรอ คงจะเป็นแม่ล่ะมั้ง หรืออาจจะเป็นตัวเอง หรืออาจจะเป็นเกม" หนุ่มตัวเล็กพูดพร้อมเผยยิ้มแหยๆ
"ใช้ได้นี่ เอาเถอะ สิ่งที่สำคัญที่สุดของแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว...เริ่มมืดแล้วนะ พักเอาแรงก่อนดีกว่า" คิวพูดพร้อมมองไปยังท้องฟ้าที่สลัว เขาผละจากการเอาหัวพิงแขนและลุกไปหาที่นอน
"ดีนะ ที่นาฬิกาเรือนนี้ตาย เสียงค่อยเงียบหน่อย" คิวเสริม
เด็กหนุ่มทั้งสองเข้าไปนอนในซอกหลืบของข้อนาฬิกาเรือนมหึมา มีเพียงไฟเรืองแสงจากนาฬิกาดิจิตอลเรือนที่อยู่ไกลๆ ส่องลอดเข้ามา มันทำให้ภาพที่เห็นรอบกายเป็นสีเขียวดำ ดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
หนังตาของทั้งคู่เริ่มหนักอึ้ง และปิดลงช้าๆ เสมือนเป็นการบอกว่า ร่างกายของพวกเขาต้องการเตรียมพร้อมสำหรับวันต่อไป
ความคิดหนึ่งเเล่นเข้ามาในสมองของซันก่อนที่จะหลับ 'ฉันอยากไปจากที่นี่....'
Precious Box ตอน กุญแจและกล่อง
ฉันต้องรีบไปช่วยสิ่งสำคัญของตัวฉัน ก่อนที่มันจะสายเกินไป!!!
ดินแดนลับแลถือกำเนิดขึ้นในเย็นวันหนึ่งที่ฉันงีบหลับ หลังกลับจากการเรียนอันเหน็ดเหนื่อย
ครืน... ครืน...
"ฮะ? นี่ฉันอยู่ที่ไหน "
ซันตื่นขึ้นในห้องมืดๆ ณ เวลา 6 โมงเย็น เขามองไปรอบตัวและพบว่า ห้องนอนที่คุ้ยเคยเปลี่ยนไปเป็นสีหม่นๆ มีเสียงฟ้าร้องและเมฆดำมืดรอบทิศ
แต่แล้วภายในห้องไฟสลัวนั้น กลับมีแสงวาบส่องสว่างออกมาจากเพดานครู่นึง ทันใดนั้นมีบางสิ่งตกลงมาจากความว่างเปล่า
แกร๊ก!?
เขาพบกับแท่งเครื่องมือสีฟ้าที่เขาไม่รู้จัก ขนาดยาวกว่ามือเขาเล็กน้อย และสามารถกำได้พอดีมือ
ที่ด้านข้างมีรูปหยดน้ำพร้อมกับมีตัวหนังสือเขียนว่า 'สำหรับผู้ที่อ่อนแอ'
"อะไรกันเนี่ย?" เขายังคงสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่าง
นี่อาจจะเป็นความฝันแบบใหม่สำหรับเขาก็เป็นได้
"กรี๊ดดดดดดดด!!!!" มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นจากนอกหน้าต่าง
เขารีบวิ่งไปดูและต้องตกใจหน้าซีดเมื่อเมืองที่เขาอยู่กลายเป็นโลกแห่งนาฬิกาขนาดยักษ์ พวกมันมีอยู่ทั่วทุกที่ทั้งบนท้องฟ้าและบนพื้นคอนกรีตสีทองอร่าม
พวกมันมีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาข้อมือ ตั้งโต๊ะ แขวนผนัง และแบบตู้ มีทั้งดิจิตอลและอนาล็อก
เสียงติ๊กต่อกๆ ดังไปทั่ว สร้างบรรยากาศชวนอึดอัดและมวลท้อง
มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้ง ซันรีบลงไปดูด้วยความสงสัย
ทันทีที่เขาเปิดประตูบ้าน เขาพบกับสงครามการต่อสู้ของคนมากหน้าหลายตา พวกเขามีพลังพิเศษ
สามารถเสกไฟ น้ำ สายฟ้า ลม ดิน หิน ไม้ ธาตุต่างๆที่จะนึกได้บนโลกใบนี้
โดยทั้งหมดออกมาจากสิ่งเพียงสิ่งเดียว คือแท่งอุปกรณ์คล้ายที่เขาพบในห้องตัวเอง
แต่ของทุกคนมีลักษณะ ขนาด และสีสันที่ต่างออกไป
ขณะที่ซันยืนนิ่งด้วยความฉงนก็มีอุกกาบาตไฟขนาดเท่าคนแคระพุ่งมาหาตัวเขาด้วยความเร็วแสง
"อ๊ากกกกกก!!!!!!" เขาร้องด้วยความกลัวสุดชีวิต
"ระวัง!!!"
ทันใดนั้นเอง มีชายหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา พุ่งมาบังตัวของซันไว้ และปล่อยสายฟ้าไปยังอุกกาบาตจนมันแหลกกระเด็นไปทุกทิศทาง
"ฟู่ว เกือบไปแล้ว" ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ตัวล่ำ ท่าทางดูแข็งแรงพูดพร้อมปาดเหงื่อที่หน้าผาก ร่างกายเขาเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
"นี่ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนทำร้ายกัน? ทำไมโลกของเรากลายเป็นแบบนี้?"
ซันถามด้วยความตกใจกลัว ร่างกายสั่นเทา
"ไม่มีเวลาแล้ว!!! ที่นี่อันตรายมาก รีบไปหลบกันก่อน"
ชายหนุ่มปริศนากระชากมือเล็กๆของหนุ่มตัวน้อย ร่างผอมบางแข็งทื่อ และวิ่งไปหลบหลังซากนาฬิกาข้อมือคาซิโอที่ทรุดโทรม หน้าปัดมีรอยแตก และเข็มหยุดนิ่ง
ทั้งสองล้มลงหอบ ชายหนุ่มไร้นามปลดกระดุมเสื้อออกเพราะความร้อน จนเห็นกล้ามนักกีฬาของเขา
ในขณะที่หนุ่มตัวเล็กหน้ามืดแทบจะเป็นลมพร้อมหัวใจที่เต้นรัวและความตื่นเต้น
"แฮ่กๆๆ นายต้องเล่าทุกอย่างที่นายรู้ให้ฉันฟังนะ ได้โปรดเถอะ บอกฉันทีว่านี่ไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย?!"
ซันพูดรัวลิ้นด้วยสีหน้าจริงจัง และเขย่าไหล่ของชายร่างโตเอาเป็นเอาตาย
"ฉันรู้ ฉันรู้! สงบสติก่อน" เขาจับไหล่ทั้งสองข้างของซันแน่นและกดลงเพื่อให้สงบอารมณ์
"นายชื่ออะไร?"
"ซัน"
"โอเคซัน นายเพิ่งจะมาถึงที่นี่ใช่มั้ย นี่ไม่ใช่ความฝันนะ ฉันชื่อคิว อยู่ที่นี่ได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว"
"ตอกแรกฉันก็ตกใจเหมือนนาย แต่ทุกๆวันจะมีเสียงป่าวประกาศแจ้งเตือนจากนาฬิกา"
"หา นาฬิกา?"
"ใช่ มีใครบางคนหรืออาจจะเป็นอะไรบางอย่างควบคุมนาฬิกาพวกนี้อยู่ มันจะแจ้งข่าวสารต่างๆที่จำเป็นให้พวกเรา อย่างเช่น จำนวนวันที่เหลือในรอบนี้ หรือเจ้าพวกนั้นต้องการให้เราทำอะไร มีอะไรกำลังจะเกิดขึ้นบ้าง"
"จำนวนวันที่เหลือคืออะไร?" ซันถามพร้อมขมวดคิ้ว
"ที่นี่เมื่อเราอยู่ครบทุกๆ 10 วัน เราต้องย้ายไปอยู่ยังโลกใหม่ ทุกๆโลกจะมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อย่างเช่นโลกนี้ นายเห็นไหม ทุกที่มีนาฬิกาเต็มไปหมด มันเป็นตัวแทนของเจ้าพวกนั้น และทุกวันๆจะมีอาหารส่งมาทางนาฬิกาด้วย เพราะโลกที่นี่หาอาหารเองยากมาก" คิวอธิบายพร้อมชี้ให้ซันดูรอบๆ
"แล้วจุดประสงค์ของพวกมันคืออะไร?"
"ฉันเองก็ไม่รู้ แต่วันแรกที่ฉันมาที่โลกนี้ มีเสียงจากนาฬิกาประกาศว่าทุกคนจะต้องสู้กัน เพื่อค้นหากล่องของตัวเองให้เจอ ไม่เช่นนั้นเราจะเสียมันไปตลอดกาลเมื่อกลับสู่โลกความจริง
ในกล่องนั้นจะมีสิ่งล้ำค่าที่สุดของเรา สิ่งที่เรารักมากที่สุด อาจเป็นพ่อแม่ สิ่งของ ทรัพย์สินเงินทอง ความสามารถ รูปร่างหน้าตา อะไรก็ได้ ที่มีความหมายต่อเรามาก และจะเสียใจที่สุดถ้าต้องเสียมันไป
เราจะได้กล่องนี้จากการทำให้ใครคนหนึ่งบาดเจ็บมากๆ หรือคล้ายกับการฆ่า จนทำให้เขาหายไปและกลายเป็นกล่อง โดยใช้อุปกรณ์ที่ได้ติดตัวมา"
"หายไปไหน เกิดอะไรหลังจากนั้น แล้วอุปกรณ์อะไร???"
"ยังบอกไม่ได้ แต่ฉันว่าพวกเขาไม่ได้ไปที่ที่ดีแน่ ส่วนอุปกรณ์ที่ฉันพูดถึงคือเจ้าแท่งนี้ไง" คิวโชว์แท่งสีเหลืองที่มีสัญลักษณ์รูปไฟฟ้าอยู่ตรงกลางที่จับ มันอันใหญ่กว่าของซันเล็กน้อย
"เอ๋ เจ้านี่น่ะเหรอ?" ซันหยิบอุปกรณ์สีฟ้าที่เก็บได้จากในห้องของตนออกมา
"อุปกรณ์พวกนี้เรียกว่าคีย์ มันสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์ที่ต่างกันขึ้นอยู่กับเจ้าของ และยังสามารถเป็นอาวุธได้ด้วย แค่นายเพ่งสมาธิไปที่มันและนึกถึงพลังที่ต้องการปลดปล่อยออกมา อย่างนี้ไง" คิวโชว์การปล่อยกระแสไฟฟ้าเล็กๆออกมาจากคีย์ของเขา
"นายลองดูสิ"
"อืม......" ซันเพ่งกระแสจิตที่ไปคีย์ และทันใดนั้น มีน้ำพุ่งออกมาเป็นเส้นเล็กๆ กระเด็นใส่ ข้อของนาฬิกาคาสิโอเรือนยักษ์
"บ้าน่า" ซันอุทานด้วยความไม่อยากไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่ามันจะทำได้ง่ายดายขนาดนี้
"เจ๋งมาก พลังเสกน้ำของนายประยุกต์ใช้กับไฟฟ้าของฉันได้ดีเลย ต่อจากนี้ฉันคงต้องยืมพลังของนายสู้ด้วย" แววตาของคิวมุ่งมั่น
"แต่ฉันไม่อยากสู้กับใคร ฉันไม่อยากทำร้ายใคร ทำไมมันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย " ซันมองพื้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
"ฉันก็เหมือนนาย ที่ผ่านมาฉันได้แต่ป้องกันตัวและปกป้องคนอื่น ฉันเสียเพื่อนคนหนึ่งไปที่พบเจอที่นี่ในวันแรกที่มาถึง สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของฉันคงเป็นร่างกาย เพราะฉันเป็นนักกีฬาวิ่งมาตั้งแต่ประถม" คิวพูดและโชว์ให้ซันเห็นถึงร่างกายของที่ดูแข็งแรง สมเป็นผู้ชาย
"แล้วนายจะเอายังไงต่อ"
"ฉันคงจะป้องกันตัวต่อไป จนกว่าฝันร้ายนี่จะจบ" คิวพูดพร้อมมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้านิ่งเฉย
"แล้วถ้านายหากล่องไม่เจอ นายอาจจะตายหรือพิการไปเลยก็ได้นะ" ซันพูดด้วยท่าทีกังวลใจ
"ใช่ ฉันก็คิดเรื่องนั่นอยู่ แต่ฉันยังไม่อยากฆ่าใคร"
"แล้วนายล่ะ สิ่งสำคัญที่สุดคือ?" คิวหันมองทางซันและเอียงหัวเล็กน้อย
"ฉันเหรอ คงจะเป็นแม่ล่ะมั้ง หรืออาจจะเป็นตัวเอง หรืออาจจะเป็นเกม" หนุ่มตัวเล็กพูดพร้อมเผยยิ้มแหยๆ
"ใช้ได้นี่ เอาเถอะ สิ่งที่สำคัญที่สุดของแต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว...เริ่มมืดแล้วนะ พักเอาแรงก่อนดีกว่า" คิวพูดพร้อมมองไปยังท้องฟ้าที่สลัว เขาผละจากการเอาหัวพิงแขนและลุกไปหาที่นอน
"ดีนะ ที่นาฬิกาเรือนนี้ตาย เสียงค่อยเงียบหน่อย" คิวเสริม
เด็กหนุ่มทั้งสองเข้าไปนอนในซอกหลืบของข้อนาฬิกาเรือนมหึมา มีเพียงไฟเรืองแสงจากนาฬิกาดิจิตอลเรือนที่อยู่ไกลๆ ส่องลอดเข้ามา มันทำให้ภาพที่เห็นรอบกายเป็นสีเขียวดำ ดูน่าหลงใหลยิ่งนัก
หนังตาของทั้งคู่เริ่มหนักอึ้ง และปิดลงช้าๆ เสมือนเป็นการบอกว่า ร่างกายของพวกเขาต้องการเตรียมพร้อมสำหรับวันต่อไป
ความคิดหนึ่งเเล่นเข้ามาในสมองของซันก่อนที่จะหลับ 'ฉันอยากไปจากที่นี่....'