ไป USJ แล้วสแกนตั๋วไม่ผ่าน .... ซื้อใหม่สิครับ TT
ไม่มีอะไรครับ แค่แวะมาแชร์ประสบการณ์ กับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น
ซื้อบัตร USJ จากกรุงเทพ กะว่าไม่ต้องรอนาน ที่ไหนได้สแกนปุ๊ป จบเลยจ้า บัตรถูกใช้ไปแล้ว!!
ตอนแรกก็กะวีนเจาหน้าที่ USJ เต็มที่ว่าทำไมบัตรถึงถูกใช้ไปแล้ว เราเพิ่งมา แต่พอไปสอบถามข้อมูลที่จุดบริการลูกค้า อึ้งเลยจ้า บัตรถูกใช้ก่อนที่เราซื้อมาอีก เหตุการณ์เป็นอย่างไรน่ะหรือ ตามมาเดี๋ยวเล่าให้ฟัง
*******
ต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เราได้จัดทริปเล็ก ๆ ออกไปตะลุย โอซากา และวากายาม่า ไปกัน 3 คน และเนื่องจากสมาชิกอีก 2 คน อยากไป USJ ก็เลยต้องจัดให้ตามความประสงค์ 1 วัน ใน USJ ซึ่งทุกคนทราบดีว่า ควรซื้อบัตรไปจากกรุงเทพฯ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาก่อนเดินทางเกือบ ๆ 2 เดือน เราเลยไปซื้อสารพัดตั๋วที่งาน เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองกับเอเจนท์รายหนึ่ง
ที่สินใจซื้อตั๋วกับเอเจนท์รายนี้ เนื่องจากเคยใช้บริการมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วค่อนข้างประทับใจในบริการอยู่พอสมควร ซึ่งวันที่ผมไปเขาก็บริการดีตามมาตรฐานครับ ก็เลยตัดสินใจ 1. เช่าพอกเกตไวไฟ 10 วัน 2. ซื้อตั๋ว JR รวม 3 ใบ 3. ซื้อตั๋ว KTP รวม 3 ใบ และ 4. ซื้อตั๋ว USJ รวม 3 ใบ อันที่จริงถ้าไปเช็คราคาแต่ละเอเจนท์ แล้วซื้อแยกคงจะถูกว่าครับ แต่ผมเลือกที่เดียวจบแลกกับความสะดวกรวดเร็ว
ทริปของเราเดินทางวันที่ 3 พ.ย. เราไปรับ Pocket Wifi ที่สนามบินอย่างเคย ผมให้น้องไปรับแทนเนื่องจากไปถึงก่อน เสียใจที่ครั้งนี้เป็นเครื่องเล็ก ครั้งก่อนเป็นเครื่องใหญ่สีขาวแบตอึด พอมาเป็นเครื่องสีดำอันเล็กแบบนี้แบตไม่อึดจริง ๆ ครับ ใช้ไม่ได้ตลอดวัน แต่ก็ไม่ซีเรียส เราไปถึงโอซาก้า เช้าวันที่ 4 พ.ย. แลกบัตร JR เรียบร้อยไม่มีปัญหาใด ๆ เราไปเที่ยวตามปกติ โดยวางแผนไว้ว่าจะไป USJ วันที่ 7 พ.ย. ซึ่งคาดว่าคนจะน้อยครับ
ข้ามมาเช้าวันที่ 7 เลยละกัน สมาชิก 2 คนในทริปตื่นแต่เช้า พร้อมลุย USJ ตั๋วที่เราได้มาเป็น A4 ที่มี QR Code ไม่ซ้ำกันอยู่ข้างใน ตอนแรกที่ได้มาเราก็งงเอ๊ะตั๋วเป็นแบบนี้หรือ แต่เขาบอกว่าใช้ได้ เราไปต่อแถวเข้า USJ ระหว่างต่อแถวก็แอบถามเจ้าหน้าที่ว่า กระดาษ A4 ที่เราได้มาใช่ตั๋วใช่ไหม เขาก็เอาไปดูแล้วบอกว่า ใช่ถึงเกทแล้วสแกน QR Code เข้าได้เลย ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส เตรียมสนุกเต็มที่
จนกระทั่งถึงคิวสแกนบัตรเท่านั้นแหละ....ใบแรกสแกนไม่ผ่าน!!!
เจ้าหน้าที่ก็ดีนะครับ สแกนให้อีกครั้ง ก็ไม่ผ่าน เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เลยขอให้ลองสแกนอีกใบ ปรากฎว่าไม่ผ่านเหมือนกัน ไหน ๆ ก็ไหนๆ เอาอีกใบไปสแกน แฮททริกครับ 3 ใบไม่ผ่านสักใบ...เอาไงดี สมาชิกในทีมอีกสองคนหน้าเสียจะร้องไห้กันแล้ว ตั้งใจซื้อตั๋วมา อุตส่าห์รีบมา ทำไมบัตรใช้ไม่ได้
เราตัดสินใจนำบัตรไปที่จุดบริการลูกค้าด้านข้าง เพื่อไปสอบถามว่าทำไมบัตรใช้ไม่ได้ เจ้าหน้าที่เขาดีนะครับ นำบัตรทั้งหมดไปตรวจสอบให้ ผลปรากฎว่า บัตรถูกใช้ไปแล้ว!!!
ที่สำคัญ มี 1 ใบ ถูกใช้ไปตั้งแต่เดือนเมษา ส่วนอีก 2 ใบถูกใช้ไปในเดือนตุลาคมก่อนที่เราจะเดินทางมา!!
คำถามคือ จะทำอย่างไรต่อ....
เราตัดสินใจโทรเข้า Call Center ของเอเจนท์เพื่อสอบถาม โชคดีที่ คอลเซนเตอร์เปิด 7 โมงเช้า มีคนรับ เขาถามบุคกิ้งนัมเบอร์ ตอนแรกผมก็โวยไป มาเที่ยวจะให้พกใบเสร็จใบจองมาเรอะ (แต่สักพักนึกขึ้นได้ว่า เขามีเมล์มาคอนเฟิร์มนี่หว่า) ทางคอลเซนเตอร์แนะนำว่าให้ซื้อบัตรใหม่ แล้วกลับมาเคลมที่กรุงเทพฯ เราเห็นไม่มีทางเลือกอื่นอีก จึงซื้อตั๋วใหม่ครับ เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก และเสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงได้จึงจะได้เข้า USJ
ต้องยอมรับครับว่า USJ มีมนต์ขลังจริงๆ เพียงเข้าไปแปปเดียว ความหงุดหงิดก็จางหาย เหลือแต่ความสนุกครับ อย่างไรก็ตามภารกิจของผมยังไม่หมด พอนึกขึ้นได้ว่า เอเจนท์เข้าส่งเมล์มาคอนเฟิร์มเรื่องการซื้อตั๋ว ผมจึงเปิดเมล์แล้วเขียนตอบกลับไปว่า มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งทีมตอบอีเมล์เขาก็มีประสิทธิภาพมากนะครับ ตอบกลับมารวดเร็วทีเดียว แต่ก็แนะนำเหมือนเดิมคือ ให้ซื้อตั๋วใหม่ แล้วให้ถ่ายรูปตั๋วเดิมกับใบเสร็จที่ซื้อตั๋วใหม่ให้เขาไป จากนั้นเขาก็ส่งแบบฟอร์ม refund เงินมาให้ครับ
หมดวันที่ USJ สมาชิกในทีมต่างมีความสุข และแทบจะลืมปัญหาที่เกิดขึ้นครับ แล้วก็เที่ยวกันต่อในวันถัดไปจนจบทริปและเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 12 พ.ย.
แน่นอนครับ หลังจากรับกระเป๋าเสร็จ เราก็บุกไปที่บูทเอเจนท์ที่สนามบินทันที นอกจากจะคืน Pocket wifi แล้ว ก็ต้องมาเรื่อง Refund เงินค่าตั๋วคืนด้วย เจ้าหน้าที่ก็งงๆ เหมือนไม่ทราบเรื่องว่าจะมีคนมาขอเขียนแบบฟอร์ม Refund เงิน สอบถามแต่ว่าได้แจ้งทางไลน์ไว้หรือยัง เลยงัดอีเมล์ที่คุยกันให้เขาดู เขาจึงปริ้นท์เอกสาร Refund ให้ ผมก็กรอกไปตามความจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าจะคืนเงินภายใน 7-14 วัน
อันที่จริงก็น่าหงุดหงิด และน่าวีนอยู่ไม่น้อยนะครับ เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก แต่เขายังขอเวลาคืนเงิน 7-14 วัน เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย เกิดกับใครก็ได้
.
.
.
ตอนนี้ผมก็ได้แต่รอครับ รอว่าเขาจะคืนเงินหรือไม่
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็อยากจะแนะนำครับว่า หากจะซื้อบัตร USJ ก็ขอให้เลือกซื้อกับเอเจนท์ที่วางใจได้นะครับ จะได้ไม่เจอปัญหาแบบพวกเรา
ส่วนพวกเราจะได้คืนเงินหรือไม่ จะมีการดูแลหรือชดเชยอะไรเพิ่มเติมไหม จะกลับมาเล่าให้ฟังอีกครั้งนะครับ
เล่า ๆ มาเดี๋ยวจะหาว่าโม้ ขอเพิ่มภาพอีกสักเล็กน้อยละกันครับ
ภาพที่ 1 เป็นข้อความยืนยันการซื้อที่ส่งมายังอีเมล์ครับ (หลักฐานที่ซื้อจากในงานก็มีนะ)

ภาพที่ 2 ตั๋วเจ้าปัญหา

ภาพที่ 3 ภาพแอบถ่าย เจ้าหน้าที่ ที่พยายามอธิบายกับเราว่า ตั๋วถูกใช้ไปวันไหนบ้างครับ
ก็ได้แต่หวังว่า สมาชิกท่านอื่น ๆ จะไม่เจอประสบการณ์เดียวกันกับพวกเรานะครับ
ทำอย่างไรเมื่อบัตร USJ ที่ซื้อมาสแกนไม่ผ่าน!!
ไม่มีอะไรครับ แค่แวะมาแชร์ประสบการณ์ กับเหตุการณ์ที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น
ซื้อบัตร USJ จากกรุงเทพ กะว่าไม่ต้องรอนาน ที่ไหนได้สแกนปุ๊ป จบเลยจ้า บัตรถูกใช้ไปแล้ว!!
ตอนแรกก็กะวีนเจาหน้าที่ USJ เต็มที่ว่าทำไมบัตรถึงถูกใช้ไปแล้ว เราเพิ่งมา แต่พอไปสอบถามข้อมูลที่จุดบริการลูกค้า อึ้งเลยจ้า บัตรถูกใช้ก่อนที่เราซื้อมาอีก เหตุการณ์เป็นอย่างไรน่ะหรือ ตามมาเดี๋ยวเล่าให้ฟัง
*******
ต้นเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เราได้จัดทริปเล็ก ๆ ออกไปตะลุย โอซากา และวากายาม่า ไปกัน 3 คน และเนื่องจากสมาชิกอีก 2 คน อยากไป USJ ก็เลยต้องจัดให้ตามความประสงค์ 1 วัน ใน USJ ซึ่งทุกคนทราบดีว่า ควรซื้อบัตรไปจากกรุงเทพฯ จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลา เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาก่อนเดินทางเกือบ ๆ 2 เดือน เราเลยไปซื้อสารพัดตั๋วที่งาน เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองกับเอเจนท์รายหนึ่ง
ที่สินใจซื้อตั๋วกับเอเจนท์รายนี้ เนื่องจากเคยใช้บริการมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วค่อนข้างประทับใจในบริการอยู่พอสมควร ซึ่งวันที่ผมไปเขาก็บริการดีตามมาตรฐานครับ ก็เลยตัดสินใจ 1. เช่าพอกเกตไวไฟ 10 วัน 2. ซื้อตั๋ว JR รวม 3 ใบ 3. ซื้อตั๋ว KTP รวม 3 ใบ และ 4. ซื้อตั๋ว USJ รวม 3 ใบ อันที่จริงถ้าไปเช็คราคาแต่ละเอเจนท์ แล้วซื้อแยกคงจะถูกว่าครับ แต่ผมเลือกที่เดียวจบแลกกับความสะดวกรวดเร็ว
ทริปของเราเดินทางวันที่ 3 พ.ย. เราไปรับ Pocket Wifi ที่สนามบินอย่างเคย ผมให้น้องไปรับแทนเนื่องจากไปถึงก่อน เสียใจที่ครั้งนี้เป็นเครื่องเล็ก ครั้งก่อนเป็นเครื่องใหญ่สีขาวแบตอึด พอมาเป็นเครื่องสีดำอันเล็กแบบนี้แบตไม่อึดจริง ๆ ครับ ใช้ไม่ได้ตลอดวัน แต่ก็ไม่ซีเรียส เราไปถึงโอซาก้า เช้าวันที่ 4 พ.ย. แลกบัตร JR เรียบร้อยไม่มีปัญหาใด ๆ เราไปเที่ยวตามปกติ โดยวางแผนไว้ว่าจะไป USJ วันที่ 7 พ.ย. ซึ่งคาดว่าคนจะน้อยครับ
ข้ามมาเช้าวันที่ 7 เลยละกัน สมาชิก 2 คนในทริปตื่นแต่เช้า พร้อมลุย USJ ตั๋วที่เราได้มาเป็น A4 ที่มี QR Code ไม่ซ้ำกันอยู่ข้างใน ตอนแรกที่ได้มาเราก็งงเอ๊ะตั๋วเป็นแบบนี้หรือ แต่เขาบอกว่าใช้ได้ เราไปต่อแถวเข้า USJ ระหว่างต่อแถวก็แอบถามเจ้าหน้าที่ว่า กระดาษ A4 ที่เราได้มาใช่ตั๋วใช่ไหม เขาก็เอาไปดูแล้วบอกว่า ใช่ถึงเกทแล้วสแกน QR Code เข้าได้เลย ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส เตรียมสนุกเต็มที่
จนกระทั่งถึงคิวสแกนบัตรเท่านั้นแหละ....ใบแรกสแกนไม่ผ่าน!!!
เจ้าหน้าที่ก็ดีนะครับ สแกนให้อีกครั้ง ก็ไม่ผ่าน เราก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น เลยขอให้ลองสแกนอีกใบ ปรากฎว่าไม่ผ่านเหมือนกัน ไหน ๆ ก็ไหนๆ เอาอีกใบไปสแกน แฮททริกครับ 3 ใบไม่ผ่านสักใบ...เอาไงดี สมาชิกในทีมอีกสองคนหน้าเสียจะร้องไห้กันแล้ว ตั้งใจซื้อตั๋วมา อุตส่าห์รีบมา ทำไมบัตรใช้ไม่ได้
เราตัดสินใจนำบัตรไปที่จุดบริการลูกค้าด้านข้าง เพื่อไปสอบถามว่าทำไมบัตรใช้ไม่ได้ เจ้าหน้าที่เขาดีนะครับ นำบัตรทั้งหมดไปตรวจสอบให้ ผลปรากฎว่า บัตรถูกใช้ไปแล้ว!!!
ที่สำคัญ มี 1 ใบ ถูกใช้ไปตั้งแต่เดือนเมษา ส่วนอีก 2 ใบถูกใช้ไปในเดือนตุลาคมก่อนที่เราจะเดินทางมา!!
คำถามคือ จะทำอย่างไรต่อ....
เราตัดสินใจโทรเข้า Call Center ของเอเจนท์เพื่อสอบถาม โชคดีที่ คอลเซนเตอร์เปิด 7 โมงเช้า มีคนรับ เขาถามบุคกิ้งนัมเบอร์ ตอนแรกผมก็โวยไป มาเที่ยวจะให้พกใบเสร็จใบจองมาเรอะ (แต่สักพักนึกขึ้นได้ว่า เขามีเมล์มาคอนเฟิร์มนี่หว่า) ทางคอลเซนเตอร์แนะนำว่าให้ซื้อบัตรใหม่ แล้วกลับมาเคลมที่กรุงเทพฯ เราเห็นไม่มีทางเลือกอื่นอีก จึงซื้อตั๋วใหม่ครับ เสียอารมณ์ เสียความรู้สึก และเสียเวลาไปประมาณ 1 ชั่วโมงได้จึงจะได้เข้า USJ
ต้องยอมรับครับว่า USJ มีมนต์ขลังจริงๆ เพียงเข้าไปแปปเดียว ความหงุดหงิดก็จางหาย เหลือแต่ความสนุกครับ อย่างไรก็ตามภารกิจของผมยังไม่หมด พอนึกขึ้นได้ว่า เอเจนท์เข้าส่งเมล์มาคอนเฟิร์มเรื่องการซื้อตั๋ว ผมจึงเปิดเมล์แล้วเขียนตอบกลับไปว่า มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งทีมตอบอีเมล์เขาก็มีประสิทธิภาพมากนะครับ ตอบกลับมารวดเร็วทีเดียว แต่ก็แนะนำเหมือนเดิมคือ ให้ซื้อตั๋วใหม่ แล้วให้ถ่ายรูปตั๋วเดิมกับใบเสร็จที่ซื้อตั๋วใหม่ให้เขาไป จากนั้นเขาก็ส่งแบบฟอร์ม refund เงินมาให้ครับ
หมดวันที่ USJ สมาชิกในทีมต่างมีความสุข และแทบจะลืมปัญหาที่เกิดขึ้นครับ แล้วก็เที่ยวกันต่อในวันถัดไปจนจบทริปและเดินทางกลับถึงประเทศไทยในวันที่ 12 พ.ย.
แน่นอนครับ หลังจากรับกระเป๋าเสร็จ เราก็บุกไปที่บูทเอเจนท์ที่สนามบินทันที นอกจากจะคืน Pocket wifi แล้ว ก็ต้องมาเรื่อง Refund เงินค่าตั๋วคืนด้วย เจ้าหน้าที่ก็งงๆ เหมือนไม่ทราบเรื่องว่าจะมีคนมาขอเขียนแบบฟอร์ม Refund เงิน สอบถามแต่ว่าได้แจ้งทางไลน์ไว้หรือยัง เลยงัดอีเมล์ที่คุยกันให้เขาดู เขาจึงปริ้นท์เอกสาร Refund ให้ ผมก็กรอกไปตามความจริง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าจะคืนเงินภายใน 7-14 วัน
อันที่จริงก็น่าหงุดหงิด และน่าวีนอยู่ไม่น้อยนะครับ เสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก แต่เขายังขอเวลาคืนเงิน 7-14 วัน เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย เกิดกับใครก็ได้
.
.
.
ตอนนี้ผมก็ได้แต่รอครับ รอว่าเขาจะคืนเงินหรือไม่
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็อยากจะแนะนำครับว่า หากจะซื้อบัตร USJ ก็ขอให้เลือกซื้อกับเอเจนท์ที่วางใจได้นะครับ จะได้ไม่เจอปัญหาแบบพวกเรา
ส่วนพวกเราจะได้คืนเงินหรือไม่ จะมีการดูแลหรือชดเชยอะไรเพิ่มเติมไหม จะกลับมาเล่าให้ฟังอีกครั้งนะครับ
เล่า ๆ มาเดี๋ยวจะหาว่าโม้ ขอเพิ่มภาพอีกสักเล็กน้อยละกันครับ
ภาพที่ 1 เป็นข้อความยืนยันการซื้อที่ส่งมายังอีเมล์ครับ (หลักฐานที่ซื้อจากในงานก็มีนะ)
ภาพที่ 2 ตั๋วเจ้าปัญหา
ภาพที่ 3 ภาพแอบถ่าย เจ้าหน้าที่ ที่พยายามอธิบายกับเราว่า ตั๋วถูกใช้ไปวันไหนบ้างครับ
ก็ได้แต่หวังว่า สมาชิกท่านอื่น ๆ จะไม่เจอประสบการณ์เดียวกันกับพวกเรานะครับ