สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปและนักเที่ยวนักเดินทางทุกคน กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวกระทู้แรกของพวกเราทั้ง 5 คน กับประสบการณ์สุดหรรษาที่จะพาทุกคนไปร่วมผจญภัยกับ เวียงจันทน์ วังเวียง หลวงพระบาง อย่างเต็มอิ่มครบทุกรสชาติ จะโหดมันและฮาแค่ไหนไปติดตามเรื่องราวพร้อมๆกันได้เลยค่ะ แท่ม แทม แท๊มมมมมม


ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนค่ะ การเดินทางครั้งนี้เป็น Backpack Trip ครั้งแรกในต่างประเทศของพวกเราสาวๆทั้ง 5 คนค่ะ โดยมีงบอย่างจำกัดคือ คนละ 5,000 บาท ใช้ชีวิตยังไงก็ได้ให้อยู่รอดปลอดภัย 5 วันและเที่ยวครบในเวียงจันทน์ วังเวียงและหลวงพระบางค่ะ ปล.การเดินทางครั้งนี้ขอถ่ายทอดประสบการณ์ด้วยภาษาที่เป็นกันเองเหมือนเพื่อนเล่าเรื่องให้ฟัง เพื่อความอรรถรสและเข้าใจง่ายยิ่งขึ้นค่ะ
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง
เราทำการวางแผนการเดินทาง จองโฮสเทลในเว็บ Booking ได้ในราคาถูกแสนถูก และทำการจองตั๋วรถทัวร์แอร์อุดรไปลงหนองคายล่วงหน้าก่อนวันเดินทาง 2 วัน เพื่อเดินทางจริงในคืนวันที่ 27/10/60



เราเดินทางด้วยแอร์อุดรในราคา 423 บาทต่อคน ซึ่งบริการถือว่าจัดอยู่ในขั้นดี นั่งสบาย รถสะอาด มีข้าวและน้ำบริการ มีทีวีจอเล็ก และเบาะนวดไฟฟ้า ถึงแม้จะแค่สั่นเบาๆก็เถอะ 55555 เราออกเดินทางประมาณ 2 ทุ่มครึ่ง ถึงหนองคาย 6โมงเช้า เดินทางกว่า 9 ชั่วโมง โดยรถทัวร์จะไปสิ้นสุดที่ด่านก่อนเข้าสะพานมิตรภาพไทยลาวค่ะ

นี่เป็นสภาพรถขากลับค่ะขามาเราถ่ายไม่ชัดแต่สภาพรถขามาและกลับไม่ต่างกันค่ะ

นี่คือข้าวกล่อง ก็รสชาติธรรมดาทั่วไปเหมือนข้าวกล่องร้านตามสั่ง มีน้ำและขนม1ห่อ
DAY 1 มาถึงแล้ววววววว

ขั้นตอนการข้ามด่านตม.ลาว เราจะสรุปง่ายๆดังนี้ค่ะ

ลงจากรถทัวร์ก็เดินเข้าไปในด่าน ปล.จะมีลุงมาตื้อให้เหมารถเข้าไป แต่เราไม่ขึ้นค่ะเพราะแพง เราเลือกเดินเข้าไปในด่านซึ่งเวลานั้นด่านเพิ่งเปิดทำการพอดี เราได้เข้าไปเป็นพวกแรก ซึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมก็มีแค่พาสปอร์ตเท่านั้นค่ะโดยเราจะเล่าเป็นลำดับขั้นตอนดังนี้
1.เดินเข้าช่องตรวจนแล้วยื่นพาสปอร์ตให้เจ้าหน้าที่ เมื่อผ่านด่านมาแล้วก็มานั่งรอที่จุดรอรถเมล์ที่จะเดินเข้าด่านอีกทีนึง โดยด่านนั้นจะเป็นด่านสุดท้ายก่อนเข้าลาวค่ะ นั่งรถรถเมล์สักพัก จะมีรถมารับในราคา 20 บาท
2.รถเมล์จะวิ่งข้ามสะพานเห็นแม่น้ำโขงกว้างมากๆ และสวยมากๆ

3.รถเมล์จะไปจอดที่ด่านสุดท้ายก่อนเข้าลาว ตรงนี้จะวุ่นวายมากๆเพราะจะมีคนขับรถรับจ้างกรูกันมาที่เราเพื่อให้เราเหมารถเข้าเมือง ซึ่งตรงนี้เราจะต้องตั้งสติและจิตแข็งพอสมควร5555 ถ้าพูดอีสานได้จะดีมากค่ะ อย่างเราพูดอีสานได้ก็จะพูดไปเลยว่ามีคนมารับรึว่ามีคนรู้จักรออยู่ค่ะ เราแนะนำว่าเวลาถามรถถามทางให้ถามที่เจ้าหน้าที่ดีกว่า ไม่งั้นจะโดนหลอกเหมือนเรา5555 (โดนหลอกขากลับอุตส่าห์ระวังแล้วแท้ๆ ก็โดนจนได้)
4.สิ่งที่เราต้องทำมี 2 อย่างค่ะ คือ ซื้อการ์ดผ่านประตูในราคา 50 บาท ตรงนี้ควรจ่ายเป็นแบงค์ 50ค่ะ เพราะถ้าจ่ายแบงค์ 100 เค้าจะทอนเงินกีบให้เรา แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็จ่ายเป็นเงินไทยหรือเงินกีบได้เลยค่ะ
5.อย่างที่ 2 ที่ต้องมีคือใบตรวจคนเข้าเมืองที่ต้องนั่งกรอกให้ครบ โดยใบจะมีสองฝั่งคือฝั่งขาเข้าและขาออก เราจะกรอกขาออกเผื่อไว้เลยก็ได้ค่ะ หรือไว้กรอกตอนขากลับก็ได้ค่ะ
6.เมื่อมีการ์ดผ่านประตูและใบกรอกก่อนเข้าเมืองแล้ว ก็เตรียมพาสปอร์ตออกมา และต่อคิวให้เจ้าหน้าที่ตรวจค่ะ โดยเราต้องเอาพาสปอร์ตและใบที่เรากรอกให้เจ้าหน้าที่ตรวจ พอผ่านไปแล้ว จึงเดินไปสอดการ์ดเพื่อผ่านประตู โดยประตูจะเหมือนประตูก่อนขึ้นบีทีเอสบ้านเราเลยค่ะ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น ผ่านเข้ามาลาวได้เรียบร้อยแล้ว

เมื่อผ่านเข้าลาวมาแล้วก็หารถไปที่พักในเวียงจันทน์ต่อได้เลยค่ะ ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษนะคะ โดยเราสามารถต่อรองราคาได้ 50 บาทต่อคนค่ะ เป็นรถตู้ ส่งถึงหน้าที่พัก คนขับคือคุณลุงแสง เป็นคนลาวแท้ ดูใจดีและคุยเก่งมากๆค่ะ คุณลุงพาแวะซื้อซิมเน็ตลาวในราคา 200 บาท

ขั้นตอนเปิดใช้ซิม
โทรไปที่เบอร์ เพื่อพูดคุยเปิดใช้ซิมค่ะ เราต้องบอกชื่อนามสกุล และบอกว่าเป็นนักท่องเที่ยวมาจากประเทศไทย และต้องการใช้ซิมที่ไหนบ้างบ้าง เมืองปัจจุบันที่เราอยู่ โดยคำถามเหล่านี้จะถามโดยคนลาว ต้องตั้งใจฟังดีๆค่ะ แล้วแต่คอลเซ็นเตอร์ด้วย บางคนก็ถามน้อยถามมาก แล้วแต่ดวงค่ะ555555 เสร็จแล้วเค้าจะบอกว่าใช้ได้แล้ว ไปตั้งค่าในเครื่องโทรศัพท์ได้เลยค่ะ ในเซลลูลาร์ เพื่อเลือกเป็นเครือข่ายของซิมลาวที่เราจะใช้ แค่นี้ก็เรียบร้อย
ปล.ซิมนี้จะมีเน็ตที่ใช้ได้เลยแค่นิดเดียวเท่านั้น เราต้องไปเติมเงินเพื่อเล่นเน็ตในซุปเปอร์มาร์เก็ตเองค่ะ เราเติมไปคนละ 10,000 กีบ หรือ 40 บาทค่ะ
เราพาคุณลุงแสงหลงทางสักพักเนื่องจากจีพีเอสพาไปผิดที่ แต่สุดท้ายก็ถึงค่ะ5555 เมื่อถึงที่พัก Dream home Hostel 1 เราก็ทำการเช็คอิน ซึ่งเราไปถึงก่อนเวลาค่ะ เราจึงฝากกระเป๋าที่ล็อบบี้และนั่งทานข้าวที่เหลือจากบนรถแอร์อุดร555 ประหยัดได้อีก กว่าจะถึงเวลาเช็คอินอีกนานเราจึงวางแผนจะออกเดินสำรวจกันก่อนค่ะ อยากบอกว่าพนักงานที่นี่น่ารักมากใจดีมากๆค่ะ

สำหรับโฮสเทลที่นี่จัดว่าดี แต่วุ่นวายเสียงดังนิดหน่อยที่ล็อบบี้เพราะชอบมีฝรั่งมานั่งสังสรรค์ตามประสาค่ะ ห้องน้ำโอเครับได้ แต่ต้องลุ้นทุกทีเวลาเปิดประตูก่อนใช้ห้อง เพราะคนที่เข้าพักชอบไม่กดชักโครก T T

เราออกเดินทางกันหลังจากทานข้าวเสร็จตอนนั้นเป็นเวลาประมาณเที่ยงพอดีค่ะ เราก็เดินออกมาจากซอย เราได้ยินว่าประตูไซอยู่ไม่ไกลจากที่พักเลยอยากลองเดินไป เราแวะที่ร้านค้าเพื่อแลกเงินกีบกันก่อนค่ะ ได้มา เรท 250,000 กีบ ต่อ 1,000 บาท ซึ่งเราแลกแค่พันเดียวก่อน เผื่อเจอที่ที่ให้เรทดีกว่านี้ค่ะ

เราสอบถามแม่ค้าว่าประตูไซไปยังไง ไกลมากมั๊ยถ้าจะเดิน ซึ่งเราได้ใช้ Google Map ปรากฎว่าเดินไปใช้เวลาประมาณ 20 นาที ไม่กี่กิโลเมตร ซึ่งเราชิวอยู่แล้วไม่กลัวเหนื่อย(หรา?)5555 แม่ค้าแนะนำให้ไปรถที่คล้ายตุ๊กๆบ้านเราค่ะ เค้าคิดเราราคา 200 บาท ซึ่งเราว่าแพงไปมากโข เราเลยจะเดินไป เรายืนคุยกันสักพักก็มีพี่ผู้ชายคนหนึ่ง เดินเข้ามาคุยกับเรา ได้ความว่าเป็นคนไทย ชื่อพี่ นิวัฒน์ คล้ายสังข์ ซึ่งเป็นถึงผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติสปป.ลาว พี่นิวัฒน์เห็นพวกเรามาจากไทยเลยอาสาขับรถไปส่งที่ประตูไซ ถือว่าเป็นความบังเอิญมาก เนื่องจากพี่นิวัฒน์ขับรถผ่านมาซื้อของที่ร้านค้าพอดี นับว่าเป็นบุญของพวกเราอย่างยิ่ง

ระหว่างทางก็ได้พูดคุย ก็ได้ทราบว่าพี่นิวัฒน์มาอยู่ลาวนานแล้ว ซึ่งมาอยู่ถาวรทำงานอยู่ที่นี่ พี่เค้าก็ได้แนะนำอะไรเราหลายอย่างค่ะ ซึ่งระหว่างทางเราสังเกตว่าทางที่มานั้นไม่ไกลจากที่พักมาก เราเดินกันไหว เราเลยตั้งใจจะเดินกลับค่ะ

เมื่อเรามาถึงประตูไซ ก็เดินชมด้านล่างถ่ายรูปกันไปสักพักก็ขึ้นไปชั้นบนเพื่อชมวิวค่ะ เสียค่าเข้าเป็นเงินไทย 15 บาท เราจ่ายเป็นเงินไทยไปค่ะ ถ้าเงินกีบน่าจะประมาณ 4,000 กีบ


ชมวิวด้านบน ซึ่งจะเห็นวิวของเวียงจันทน์ได้จากที่นี่ค่ะ

เราได้เลือกซื้อของที่ระลึกจากบนนี้กันค่ะ เป็นที่เปิดขวดที่เป็นรูปสถานที่สำคัญต่างๆในราว เราซื้อมาในราคา 200 บาท ได้ทั้งหมด 6 ชิ้น
เมื่อชมวิวเสร็จก็เริ่มบ่ายแก่ๆแล้ว เรารู้สึกหิวเลยเดินหาอะไรทานกันค่ะ โดยเราตกลงกันฝากท้องไว้กับร้านก๋วยเตี๋ยวลาว เราไม่แน่ใจว่าเป็นเฝอลาวมั๊ย แต่รสชาติถือว่าอร่อยใช้ได้ น้ำซุปหอมดีค่ะ เครื่องปรุงก็ดูแปลกดีมีให้เติมซอสพริกและกะปิด้วยค่ะ

เมื่อทานเสร็จเราก็เดินกลับที่พัก ระหว่างทางเราเจอศูนย์รับแลกเงินกีบ เราแลกเพิ่มอีก 2,000 บาท ได้เรท 253,000 กีบ ต่อ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 506,000 กีบค่ะ จากนั้นเราก็คุยกันว่าต้องกลับที่พักก่อน เพื่อไปเช็คอินและเตรียมตัวไปงานพระธาตุหลวงคืนนี้ตามที่คุณลุงแสงคนขับรถตู้ได้แนะนำมาค่ะ ว่าช่วงนี้ตรงกับงานพระธาตุพอดี

เราเดินลัดเลาะตาม Google Map มาเรื่อยๆจนถึงที่พัก พอเดินจริงๆก็ถือว่าไกลนิดนึงแต่ก็ไม่เหนื่อยอย่างที่คิดค่ะเดินมาเรื่อยๆดูข้างทาง แถมเจอของดี5555 ขออุ๊บไว้เล่าทีหลังนะคะ เดินจนใกล้จะถึงที่พักก็สอบถามร้านเช่าจักรยาน ที่แรกได้มาในราคา 10,000 กีบแต่ได้แค่ถึงหกโมงเย็น!! ซึ่งตอนนั้นจะสี่โมงเย็นแล้ว เราจึงไปร้านถัดไปได้มาในราคา 10,000 กีบเป็นเงินไทย 40 บาท ต่อรองได้ถึงพรุ่งนี้เช้า แต่เรากลัวว่าจอดไว้หน้าโฮสเทลแล้วรถจะหายเราจึงจะคืนเวลาสี่ทุ่ม เราขอเข้าที่พักก่อนและจะออกมาเอาจักรยานเวลา 5 โมงเย็น เจ้าของร้านใจดีน่ารักมากๆค่ะ

จากนั้นเราจึงเข้าโฮสเทลเพื่อเช็คอิน เราเช็คอินในราคา 46,000 กีบ เป็นเงินไทย 184 บาท รวมอาหารเช้าค่ะ ที่พักเราเป็นห้องเตียงสองชั้น ซึ่งมี 6 เตียง แต่เรามี 5 คน เลยกลายเป็นว่าห้องนั้นเป็นห้องของเราไปโดยปริยาย โดยจะมีหนึ่งเตียงเป็นเตียงว่างค่ะ เมื่อเราเก็บสัมภาระแล้วจึงไปรับจักรยานและเตรียมตัวออกเดินทางโลดดดดด
[CR] ไปเถ๊อะลาวอะ 5 วัน 4 คืน แค่ 5,000 เอง!! เที่ยวคุ้มจุใจ (เวียงจันทน์ วังเวียง หลวงพระบาง)
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น