♡^_^♡ SYDNEY ไปวิ่ง ไปกิน ไปเที่ยว...ไปใช้ชิวิตกันค่ะ ♡^_^♡


อมยิ้ม21
สวัสดีกันอีกครั้งหลังจากที่หายไปแสนนาน มาคราวนี้ ออ.ไม่ได้มาชวนวิ่งระยะไกลโหดร้ายแบบกระทู้ก่อนๆแล้วค่ะ
แต่นี่เป็นกระทู้ที่จะพาไปวิ่งที่คนปกติสามารถเอื้อมถึงได้ไม่ยาก เพราะเป็นการวิ่งระยะเพียง 21 Km.เท่านั้น แถมหลังวิ่งยังพาไปเที่ยวต่อได้ด้วยนะคะ
หัวใจ
แต่อย่าเพิ่งดีใจไปว่า 21 Km.จะสบายๆ เพราะงานที่ว่านี้เป็นงานแข่ง Sky Race
แน่นอน…Sky นำหน้ามาแบบนี้แสดงว่าต้องมีวิ่งขึ้นที่สูงแน่ๆ

เอาล่ะ...ไม่เกริ่นนำกันนาน ออ.พูดถึงงานวิ่งงานนี้เลยดีกว่า

“Hounslow Classic” เป็นงานวิ่งเล็กๆ จัดขึ้นที่เมือง Black health รัฐNSW ประเทศ Australia จุดเด่นของงานก็คือการวิ่งท่ามกลางป่าในอุทยานแห่งชาติ Blue Mountain (ถ้าใครได้เคยอ่านที่ ออ.เขียนเล่าไว้เมื่อปีก่อน ออ.เคยมาแข่งที่ Aus ระยะ 100 Km.ใน Blue Mountain แล้ว แต่ว่าคนละเส้นทางกันค่ะ ลองกลับไปอ่านกันได้นะคะ)
อมยิ้ม19
เคยมาแล้ว ทำไมต้องกลับมาวิ่งที่นี่อีก?
ออ.ชอบที่นี่นะ เส้นทางที่ให้วิ่งก็คือเส้นทางที่คนทั่วไปมา Hiking(เดินป่า) ทางจึงค่อนข้างดี ไม่อันตราย มีป้ายบอกทางชัดเจน
ที่สำคัญวิวของ Blue Mountain สวยงามสะกดสายตาเอามากๆ

เริ่มพูดถึงการเดินทางกันค่ะ
ออ.มาถึง Aus เช้าวันศุกร์กับคนสนิท ^^ (ขออนุญาตเรียกเจแทนนะคะ)
เราเลือกที่จะเช่ารถและขับไปยังเมืองที่แข่งขันซึ่งห่างออกไปประมาณ 120 km.(งานนี้มีแฟนขับ(คลับ)จริงๆ ค่ะ)
อากาศเดือนตุลาของที่นี่ จัดเป็นช่วงเวลาที่น่าเที่ยวมากที่สุดเพราะเป็นช่วงที่ใบไม้กำลังเปลี่ยนสี อากาศเย็นกำลังดี
บางช่วงมีฝนตกปรอยๆบ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้ตกหนักแบบบ้านเรา ดอกไม้

การขับรถต้องบอกเลยว่าเราระมัดระวังเรื่องความเร็วเป็นพิเศษ
เพราะกฎหมายเค้าเข้มงวดสุดๆ จำกัดความเร็วที่เท่าไหร่ เราก็ต้องขับไปด้วยความเร็วเท่านั้น
ไม่อย่างนั้นอาจมีใบแจ้งค่าปรับตามมาถึงไทยเลยก็ได้

หัวใจขับมาถึงเมือง Blackhealth ช่วงเที่ยงกว่าตามกำหนดเวลา ก็หาอะไรทานกันก่อนเลย
อยู่เมืองฝรั่งคงหนีไม่พ้น Fish&Chips ไม่ก็ Burger ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบทานเท่าไหร่แต่ก็ต้องทานกันไปก่อน ส่วนมื้ออื่นค่อยว่ากันทีหลัง

(ซื้อมานั่งทานที่โต๊ะม้านั่งข้างทาง ต้องรีบเอาเสื้อกันหนาวมาใส่เพราะลมพัดมาหนาวมาก)


หลังจากทานอิ่มก็ไปรับเบอร์วิ่ง แต่เจ้ากรรมเค้าดันยังไม่ถึงเวลาเปิดให้รับ ก็เลยขับรถกลับเพื่อเข้าที่พักกันก่อน


ที่พักของเราอยู่ที่เมือง Laura ซึ่งเป็นเมืองที่ใกล้กับ Katoomba เมืองที่คึกคักที่สุดในบรรดาเมืองละแวกนี้
เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะ และผู้คนก็นิยมมากันมาก
ออ.เลือกที่นี่เพราะห่างจากเมืองที่แข่งประมาณ 10 Km. และหลังจากวันแข่งเราจะได้มาเที่ยวกันต่อได้อย่างง่ายๆ

เราพักบ้านหลังเล็กๆในสวนหลังบ้านของคุณป้า Lisa ค่ะ
บ้านน่าอยู่มากเมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป ถูกกว่าโรงแรมหรือ Motel ซะอีก
ภายในบ้านมีทุกอย่างครบ แถมมีลานกว้างให้ทำบาร์บีคิวได้ด้วย
ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีเรื่องนึงของการเดินทางมาที่นี่ เราแฮปปี้กันมากอมยิ้ม21


ตกบ่ายก็ไปรับเบอร์วิ่งกัน ออ.วิ่ง 21 Km. ส่วนเจวิ่ง 68 Km.
งานนี้ดีอย่างตรงที่ 2 ระยะนั้นวิ่งคนละวันกัน เจวิ่งวันเสาร์ ส่วนออ.วิ่งวันอาทิตย์
วันไหนใครวิ่ง อีกคนก็คอยเชียร์คอยซัพพอร์ทให้ ถือว่าผลัดกันดูแล



Allview Escape คือสถานที่รับเบอร์ ที่นี่เป็นสวนขนาดย่อม มองออกไปเห็นหน้าผาของ Blue Mountain ชัดเจน
ปกติสถานที่นี้เป็นทั้งที่พักผ่อนและรับจัดงานแต่งงาน บรรยากาศจึงดีมากและโรแมนติกมากเป็นพิเศษ
เรารับเบอร์ที่นี่และจะ Start ที่นี่ เข้าเส้นชัยกันที่นี่เช่นกัน


(บรรยากาศโดยรวมของ Allveiw Escape)


รับเบอร์เสร็จก็บ่ายแก่ๆ แล้ว ก่อนกลับบ้านแวะซื้ออาหารสด กลับไปด้วย
พวกไข่ ผัก ผลไม้ พวกเราจะได้ทานอาหารปรุงเองแทนการทานอาหาร Junk food ซะที


พระอาทิตย์ดอกไม้
เช้าวันเสาร์เช้าอากาศหนาว มีลมพัดมาทำให้หนาวไม่น้อย
วันนี้ยังไม่ใช่วันวิ่งของ ออ.แต่เป็นเจที่ต้องวิ่งระยะ 68 Km.
เอาจริงๆออ.ไม่ห่วงเจวิ่งเท่าไหร่ รู้ว่ายังไงก็วิ่งได้อยู่แล้ว
แต่ก่อนปล่อยตัวเห็นยืนตัวสั่นก็อดขำไม่ได้ ฝรั่งบางคนใส่แขนสั้นขาสั้นกันสบาย ส่วนเราสองคนนี่เสื้อกันหนาวมาเต็มปิดกันยันหน้า สั่นกึกๆๆ
ออ.บอกเจว่าวิ่งไปซักพักเดี๋ยวก็ร้อน ไม่ต้องใส่อะไรหนามาก เพราะเวลาวิ่ง ร่างกายจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ แล้วเสื้อผ้าหนาๆ ที่ใส่ไปขี้คร้านจะถอดออกแทบไม่ทัน


(บรรยากาศเช้าๆ วันปล่อยตัว 68 Km.)


พอปล่อยตัวนักวิ่ง 68 Km.ออกไป ออ.ก็กลับมานั่งอุ่นตัวเองอยู่ในรถ แอบงีบบ้างนิดหน่อย
สักพักก็ไปยืนรอที่จุดสตาร์ทเพราะนักวิ่งจะต้องวิ่งกลับมาที่นี่อีกครั้ง แล้วค่อยออกไปยังเส้นอื่นต่อ
ระหว่างที่เดินเล่นรอ ออ.เจอจิงโจ้ตัวเบ่อเร่อ เห็นแล้วกรี๊ดเบาๆเลยค่ะ
ส่งเสียงออกมาจนเจ้าจิงโจ้หันมามอง สบตากันแว๊ปนึงแล้วเธอก็กระโดดเหยงๆหายไปเลย ธรรมชาติที่นี่สมบูรณ์ดีจริงๆ

พระอาทิตย์


การแข่งขัน 68 Km. สิ้นสุดลง เจเข้ามาเป็นอันดับที่ 2 ด้วยเวลา 8 ชม. กว่า ตามหลังที่ 1 สิบกว่านาที ตอนแรกนำมาเป็นอันดับที่ 1 แต่ต้องมาโดนกักตัว 20 นาทีเพราะอุปกรณ์บังคับไม่ครบ
ซึ่งอันนี้ก็ว่าไม่ได้ เพราะเค้าระบุไว้ว่าต้องมีถุงมือในวันที่อากาศแย่
ด้วยความที่เราเห็นว่าอากาศมันไม่ได้แย่ เจก็เลยถอดไว้ที่จุด CP ไม่ได้นำติดตัวไปด้วย
ก็โดนกักไม่ให้วิ่ง 20 นาทีกันไป คนที่วิ่งตามมาที่ 2 เลยแซงนำไปก่อน
ไม่เป็นไรค่ะ...ถือว่าเป็นบทเรียนไปขำๆ

แต่การเข้ามาเป็นอันดับ 2 นี้เล่นเอาฝรั่งตาน้ำข้าวหลายคนประหลาดใจอยู่เหมือนกัน
เพราะในบรรดาตัวเก็งของงานต่างพ่ายให้กับม้ามืดคนนี้ที่มาจากประเทศไทย
ขนาดพิธีกรอ่านชื่อเจ ยังอ่านผิดอ่านถูกเลยค่ะ 555


ดาว
ข้ามผ่านไปอีกคืน
ออ.ตระเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี
ที่ขาดไม่ได้คือ ออ.ต้องเตรียมยามาเผื่อฉุกเฉินไว้ เพราะสำคัญมากเวลามางานวิ่งในต่างประเทศเพราะหลังวิ่งเสร็จตื่นมาอีกวันจะได้มีแรงไปเที่ยวต่อไหวค่ะ

พอของครบเลยถ่ายรูปไว้ด้วยเพื่อเช็กลิสต์รายการว่าเอามาครบรึเปล่า


(การเรียงอุปกรณ์ถ่ายรูป จะเสียเวลานิดหน่อย แต่ในตอนเช้าเราจะไม่หลงลืมอะไรและแต่งตัวได้ไวขึ้นด้วยค่ะ)

อมยิ้ม07
เอาล่ะถึงทีของ ออ.บ้าง นักวิ่งหลายคนคงคิดว่า ออ.จะเร็วแบบเจมั้ง 555
เห็นมาด้วยกัน ฝีมือต้องใกล้เคียงกันแน่ๆ  
แต่เปล่าเลย ออ.นี่ตัวช้าเลยแหละ
ที่ต้องลง 21 Km. ก็เพราะยังไม่มั่นใจในตัวเองเท่าไหร่
ด้วยความที่ซ้อมน้อยและร่างกายเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บก็เลยไม่อยากซ่ากลับไปเจ็บแบบเดิมอีก
ออ.ถึงบอกว่าการพกอาหารและยาในสนามวิ่งสำคัญนะคะ
บาร์ เจล ขนม ยาดม ยาอม พลาสเตอร์ ยูนิเรน สเปรย์ ฯลฯ ติดตัวไปด้วยเพราะนอกจากจะช่วยในยามจะหมดแรงแล้ว ยาจะช่วยเราในยามฉุกเฉิน เช่น หน้ามืด จะเป็นลม หกล้ม ข้อเท้าพลิก ปวดเข่า หรือตะคริวได้ค่ะ
และการตัดสินใจวิ่งระยะที่ดีต่อใจและร่างกายแค่ 21 Km.ก็เป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้บาดเจ็บมากได้อีกทาง

แต่ก็อย่างที่บอก Sky Race ก็ไม่ได้หมูๆ 21 Km.ที่ต้องปีนความชันกว่า 1,500 เมตร เห็นกราฟแล้วก็หนาวอยู่เหมือนกัน
แต่ไม่เป็นไร...ใจดีสู้เสือไว้ก่อน ไปเท่าที่ไหว ถ้าไม่ไหวก็เดิน ยังไงก็ต้องเซฟร่างกายไว้ก่อนเพราะเรายังต้องมีเวลาสนุกๆที่นี่อีกหลายวัน


หัวใจ
ปล่อยตัวอย่างชิลๆ ออ.ไม่มีความกังวลหรือกดดันอะไรเลยค่ะ
บอกเจไว้ว่าอาจจะต้องรอนานหน่อยนะ ไปงีบหลับหรือไปหาอะไรทานก่อนเลยก็ได้


อมยิ้ม21 ช่วงเวลาในสนาม มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ อากาศดี หายใจเย็นสบายโล่งปอด และได้ไปตามความเร็วที่เราไปไหว
ใครอยากไปเร็วเราก็หลบให้เค้าไปก่อน ถ้าเจอใครที่ความเร็วกำลังดี เหมาะกับเรา เราก็เกาะตามเค้าไปเรื่อยๆ
ออ.มีเวลาเงยหน้ามองเขา มองน้ำตกข้างทาง ฟังเสียงตัวเองหายใจและยิ้มนักวิ่งที่วิ่งผ่านไปอย่างสนุกสนาน


(ภาพบางส่วนที่ถ่ายไว้ตอนวิ่งค่ะ)


ผ่านมาแล้ว 15 Km. จำได้ว่าทางที่เหลือคือปีนขึ้นอย่างเดียว (ดูจากกราฟเส้นทาง)
ปีนที่ว่าคือการขึ้นเขา ขึ้น ขึ้น ขึ้น เพื่อกลับเข้าเส้นชัย
อีก 6 Km. กับการวิ่งขึ้นเขา มันไม่ง่ายนะ
ด้วยความที่ซ่าไม่ยอมเอา Trekking poles ไปด้วย ทำให้การขึ้นเขานั้นทรมานมาก
แข้งขาที่ไม่ได้รับการเทรนมานานมันหนักไปหมด
ออ.ตัดสินใจหยิบเอากิ่งไม้ข้างทาง ใช้ต้นขาตัวเองหักให้ได้ความยาวกำลังพอดี(โหดมากจริงๆ 55) แล้วใช้มันเป็นไม้เท้าค้ำยันขึ้นไปเรื่อยๆ ตามทาง

เห้อ...ค่อยยังชั่วหน่อยอมยิ้ม20

ไต่มาเรื่อยๆกับไม้เท้า 1 ข้างแบบคนแก่ หายใจแรง เหนื่อยแต่ก็ยังพอทนไหวค่ะ
ดูนาฬิกาแล้วเวลาที่ใช้ไปก็ยังโอเค เจอาจจะไม่ต้องรอนานเท่าไหร่ถ้าหาก ออ.ยังไปได้ในความเร็วเท่านี้

และแล้วก็มีจุดที่ข้ามขอนไม้ใหญ่
ออ.ก้าวขาซ้ายข้ามไปแล้วเอาก้นนั่งบนขอนไม้ ยกขาขวาอีกข้างก้าวตามมา
จังหวะที่ก้าวข้ามเหมือนเอ็นใต้ต้นขาซ้ายบิด

อื้อหือออออออออ ปวดมากกกกกกกกก!!!อมยิ้ม08

ปวดเหมือนมีอะไรมาปักที่หลังขา เดินก็เจ็บจึ๊กๆ
ตายแล้ววววว(นึกในใจ)ใจร้าว
เอามือบีบๆ เพื่อให้คลายแต่ก็ไม่ดีขึ้น(ตอนนั้นแอบกลัวว่าทางที่เหลือจะไม่สนุกซะแล้ว)
ออ.เอามือชอนเข้าไปใต้กระโปรง บีบๆ นวดๆ
ทางตอนนั้นก็ชัน นักวิ่งที่อยู่ข้างหลังก็ตามมาติดๆ (อายก็อายที่ต้องเปิดกระโปรงนวดขาตัวเอง เลยปล่อยเค้าแซงไปก่อน)

บีบๆ ไปสักพักเริ่มดีขึ้น ออ.มาต่อเรื่อยๆ
แอบดูระยะทางในนาฬิกาเลยมั่นใจว่าใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว...เท่านั้นแหละทีนี้ลืมปวดไปหมด รีบวิ่งใหญ่เลย

ด้วยความรีบก็จบด้วยการล้มข้อเท้าพลิกไปตามระเบียบ 555
พลิกไป 1 ทีล้มหัวเข่าถลอก เลือดออกเล็กน้อย
ดีที่ไม่มีอาการอะไรจากการพลิกมาก แต่ใจหายวาบบบบบบบบเลยนะ

พาพันรี๊บรีบ
ก่อนเข้าเส้นชัยเราจะวิ่งเลาะไหล่เขาขึ้นไปเรื่อยๆ กองเชียร์จะเริ่มยืนรอกันที่ตรงนั้นแล้ว
ออ.ดีใจมากเพราะดูนาฬิกาเรามาถึงในเวลาที่อยากได้
ตอนนั้นโยนไม้เท้าทิ้งข้างทางแล้ววิ่งใหญ่เลย
ชันแค่ไหนก็วิ่ง วิ่ง วิ่ง วิ่ง ...วิ่งไปดูไปว่าเจจะรอออ.ที่ตรงไหน


พอหลุดพ้นจากไหล่เขาก็มาถึงลานเส้นชัยทันที
ออ.วิ่งยิ้มหน้าบานระริกระรี้เข้ามาด้วยอาการดีใจสุดๆ


แต่พอหยุดให้เจ้าหน้าที่สวมเหรียญเท่านั้นแหละแม่คุณ!!

“ตะคริว!!!!”อมยิ้ม24

ตะคริวลูกเบ่อเร่อมาจากไหนไม่รู้ขึ้นที่ต้นขาขวาเป็นก้อนโตๆ
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย”

โธ่ๆๆๆๆ เกิดมาไม่เคยเป็นตะคริวมาก่อน เพิ่งรู้ว่าการเป็นตะคริวมันทรมานขนาดนี้


เคยเห็นแต่คนอื่นเป็น มาวันนี้เจอกับตัวถึงกับพูดไม่ออก เดินออกไปจากหน้าซุ้ม finish ไม่ได้
ยกขาไม่ไหวเลยค่ะ เจ้าหน้าที่ให้นั่งที่เก้าอี้พิธีกรที่วางอยู่ตรงนั้นเลยเพื่อรอให้ดีขึ้น

เจเห็น ออ.เป็นตะคริวก็ทำอะไรไม่ถูก เอาน้ำอัดลมมาให้ เอาแตงโมมาให้ 5555 แล้วมันจะหายมั้ยยยยยยยยยย เค้าล้อเล่น

(ต่อข้างล่างนะคะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่