ยอมรับฉันที่เป็นซึมเศร้าได้จริงหรอ

อายุ 21 ปีนี้ รู้ตัวว่าน่าจะเข้าข่ายซึมเศร้าตั้งแต่ปี 57 (รู้เองเพราะเริ่มเบื่อชีวิตบวกกับไม่อยากมีชีวิตอยู่ ทำร้ายตัวเอง)
ไม่ได้ไปหาหมอ จนกระทั่งปี 60 ปล่อยให้ตัวเองเป็นหนักเพราะคิดว่าร่างกายน่าจะโตขึ้นเลยคิดเยอะ คนอื่นก็คิดเหมือนกัน
แต่ตอนนี้อยู่ในระหว่างการรักษาของทางมหาลัยที่มีคลินิกประจำมหาลัย ไม่เสียค่ายาค่าหมอ ให้คำปรึกษากับยาฟรีแต่ไม่ดีขึ้น
รักษามาตั้งแต่ช่วงประมาณเดือนกันยายน จำวันไม่ได้
ที่เอาทางเลือกรักษาฟรียาฟรี เพราะไม่ได้บอกครอบครัว เหมือนเคยบอกแล้วในปี58 แต่ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าเขาจึงไม่เชื่อแต่ก็ไม่ได้พาไปหาหมอ จนตอนนี้บอกแค่พี่ชาย แต่ก็ยังคงช่วยไรไม่ได้มาก
เคยหาคนคุยที่เข้าใจ แต่ตอนนั้นมันฟุ้งซ่านกลับไประบายอย่างเต็มที่กับกลุ่มเพื่อน เพื่อนรับมันไม่ไหว เราไม่รู้ว่ามันต้องเป็นแบบไหน เพื่อนเลิกคบเพราะคิดว่าเพ้อเจ้อ ถ้าคนอยากตายจริงคงไม่อยู่ถึงทุกวันนี้ (มันก็จริงอย่างที่เพื่อนบอก แต่ตอนนั้นเราก็แค่คิดแบบนั้นแล้วมันก็มีอะไรมาหักล้างเอง)
เลยกลัวการบอกกล่าวกับคนรอบข้างว่าเป็นโรคซึมเศร้านะ แต่ในใจมองหน้าคนใกล้ชิดได้แต่คิดในใจว่าช่วยทีสิ ช่วยอยู่เป็นเพื่อนก็ได้ ช่วยด้วย
แต่ทำได้แค่โอเค ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลยนะ ทุกอย่างเรียบร้อยและปกติดี ทำตัวเป็นคนปกติ

พอย้ายมหาลัยช่วงปี 59 ขึ้นปี 1 ใหม่ ได้เจอเพื่อนที่เป็นโรคซึมเศร้า เลยอยากเข้าไปช่วยเหลือคอยคุยกับเค้าบ้างเพราะรู้ว่าถ้าเค้ามีคนอยู่ข้างๆบ้างคงจะดีขึ้น จนเพื่อนอาการไม่ไหวดรอปเรียนไปเทอมนึง และเขาได้บอกกล่าวกับอาจารย์ไว้หลายคนอยู่ว่า เค้าตกอยู่ในสภาวะแบบนี้นะ เค้าคงเลือกที่จะเรียนไม่ไหว ต่อมาปีนี้ ปี 60 เพื่อนเรียนในวิชาที่สามารถเรียนได้ในปี 2 เทอม1 เพื่อนที่จะไม่เสียเวลาเรียนและเรียนให้จบ พบกับอาจารย์ท่านนึงที่เพื่อนเคยบอกไว้แล้วว่าเป็นโรคนี้นะ
ในตอนแรกอาจารย์รับทราบดี แต่เหมือนอาการเพื่อนก็ไม่ดีขึ้น บวกกับปํญหาทางบ้าน เลยมาเรียนบ้างไม่มาบ้าง จนครูคนนี้ของขึ้น เลยด่าว่าให้ไปรักษาตัวซะ แล้วไม่โผล่หน้ามาอีก ไม่ให้เข้าสอบ และบอกกับเพื่อนว่าไม่ต้องไปบอกเขาให้มาสอบ ประมาณว่าเพื่อนคนนั้นแค่ติดเกม พอเพื่อนเข้ามาในห้องเรียนก็ไล่ให้ออกไปทบทวนชีวิตข้างนอก แล้วก็ด่าและต่อว่ารุนแรงมาก รายละเอียดจำไม่ได้มากแต่ทำให้เราสะเทือนใจมากๆเหมือนกัน

เลยคิดในส่วนของตัวเองว่า ถ้าการบอกกล่าวคนรอบตัวในสมัยนี้ีที่ค่อนข้างจะมีการยอมรับแล้ว ทำไมถึงกระทำในการในรูปแบบที่ไม่ดีต่อใจ
เรารู้ตัวว่ามันผิดที่เรานำพาโรคนี้ออกจากร่างกายไม่ได้ แต่ก็เข้าใจอีกว่าไม่ได้แปลว่าเราทำอะไรก็ไม่ผิด ป่าว มันไม่เกี่ยวแต่ก็ไม่น่าต่อว่ากันถึงขนาดนี้
หากใครคนนึงคิดฆ่าตัวตายเพราะคำพูดแทงใจแค่คำเดียว มันคงจะแย่ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าถ้ารับรู้ไปแล้ว แล้วยังกระทำแบบเดิมก็คงเลือกที่จะไม่บอกกล่าว
ใช้ชีวิตในด้านการเข้าสังคม ไม่ให้รู้ตัวตน และเลือกจะจบชีวิตแบบสุดท้ายไม่ดีกว่าหรือ การรับรู้ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงแต่หากไม่ ปล่อยให้มันเป็นไปตามนั้นจะดีกว่ามั้ย ปล่อยให้เราอยู่ในโลกของเราเอง จะได้ไม่ต้องรอคอยอย่างมีความหวังว่าถ้าคุณรู้แล้วคุณจะช่วยเราได้ สู้ไม่รู้ดีกว่าปล่อยให้ความสัมพันธุ์ของเราของคนอื่น ของทุกๆคน อยู่นอกกำแพงที่ควรรับรู้ดีกว่า

สุดท้ายนี้จะเปลี่ยนหมอดูค่ะ แล้วจะพาเพื่อนไปด้วย อยากหาย อยากคิดเหมือนคนอื่น
อยากที่จะมองอะไรแล้วไม่ร้องไห้
ไม่อยากหดหู่ อยากมีความสุขไม่ว่าจะอะไรก็ตามแต่

อยากให้คนที่เป็นโรคเหมือนกันคิดก่อนบอกคนที่จะฟังเรา อยากให้ลองคิดดูว่าคนไหนเราบอกแล้วเราสบายใจที่จะบอก
ส่วนเรื่องพ่อแม่ถ้าอยากบอกควรพาไปหาหมอด้วยเลยนั่นคือทางที่ดี เค้าจะได้ปฏิบัติตัวถูก
ขอให้หลุดพ้นจากบ่วงหลุมดำนี้ให้ได้นะคะ

(แค่อยากหาที่ระบาย ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคือใคร แต่อยากพิมพ์บอกกล่าวออกมา เอาง่ายๆก็เหมือนเขียนจดหมายแล่ะค่ะ
ก็แค่เป็นโซเชี่ยล สบายใจดีค่ะ เหมือนไม่ต้องตอบฉันก็ได้แค่ฟังฉันได้ก็พอแล้ว อารมณ์ประมาณนี้ ห้าๆ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่