สวัสดีค่ะ เราเป็น นศ.ที่ทำงานในโรงเรียน จากที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้อะไรมากมายจากการทำงาน และมีคำถามที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่มีคำอ้าง โต้แย้งไม่มีจุดจบ เราจึงอยากจะแชร์ความคิด ประสบการณ์ที่เราพบเจอมา และอยากทราบความคิดเห็นของคนไทยในปัจจุบัน ลองคิดว่ามันเกิดจากอะไร จะแก้ไขอย่างไร...#เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงสถานที่ที่เราเคยทำงานเท่านั้น ปล.ส่วนใหญ่เป็นด้านลบที่มีมากกว่าด้านบวก
>นักเรียน ทุกวันนี้นักเรียนมีความเป็นตัวเองสูง กล้าคิด กล้าแสดงออก แต่ส่วนใหญ่แสดงออกในทางที่ผิด เช่น กล้าที่จะหลบเรียน กล้าที่จะลอกข้อสอบ กล้าที่จะรีดผมในห้อง กล้าที่จะเอาโทรศัพท์มากดถ่ายรูปเพื่อแชร์สตอรี่ มีสมาร์ทโฟนที่มีแต่แอปโซเชียล แต่ไม่มีดิกชันนารี่ แปลงานโดยใช้แอปกูเกิล สมาธิสั้น พูดจาหยาบคาย ไม่มีมารยาท ขาดวินัย ขาดคุณธรรมจริยธรรม ใช้วาทศิลป์ที่เป็นที่นิยม (เช่น ทรงผมไม่เกี่ยวกับการเรียนเก่งไม่เก่ง เราคิดว่าเป็นประโยคที่ถูกต้อง แต่เด็กส่วนใหญ่คิดไม่ได้แยกแยะความถูกผิดไม่เป็น)
>ครู งานเยอะ ทั้งงานโรงเรียน ทั้งการอบรม ทั้งงานสอน บางครั้งทำให้ต้องหยุดการสอน ให้ครูอีกคนสอนแทนซึ่งมันเป็นปัญหาในความต่อเนื่องของบทเรียน ไม่มีความสม่ำเสมอ บางคนเคร่งเกินไปไม่ยอมใคร บางคนปล่อยเกินไปไม่ดูแล ทุกวันนี้คุณทำงานเพื่ออะไร ศิษย์ เงิน ลาภ ยศ.... นอกจากนี้สื่อการสอน แผนการสอนมีแค่ในทฤษฎี เพราะเวลาทำไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ งานวิจัยในชั้นเรียนที่ส่งเพื่อประเมิน คุณทำจริงหรือป่าว? แล้วผลที่ได้จริงเท็จแค่ไหน พัฒนานักเรียนได้จริงใช่มั้ย?
>ระบบการประเมิน เขามีระบบในการให้คะแนนนักเรียนเพื่อให้ผ่านโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง เช่น เด็กไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน แต่คะแนนเก็บอย่างน้อยต้องผ่านครึ่งและถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ ก็ให้พอผ่านๆ ไม่ติด 0 ไม่ซ้ำชั้น เพราะเนื่องจากสิ่งนี้จะเป็นปัญหาต่อการประเมินครู และโรงเรียน หากเด็กตกเยอะจะโยนมาที่ครูทันทีว่าคุณสอนยังไง ทำไมเด็กมีผลสัมฤทธิ์ไม่ผ่านเกณฑ์ แต่บางทีผู้ใหญ่ควรรับความจริงด้วยว่าบางทีเด็กก็ไม่สนใจอะไรจริงๆ แล้วระบบนี้เหมือนจะเป็นการเกื้อกูลกันระหว่างครูนักเรียน ครูผ่านการประเมิน เด็กผ่านขึ้นชั้นเรียนต่อไป ซึ่งบางคนเขียนไม่ได้อ่านไม่ออกก็มี! เด็กบางคนคิดว่าไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน สอบกลางภาคตกก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้แก้อยู่ดี แถมแก้ง่ายซะด้วย
>ห้องเรียน หากเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ 1 ห้องต่อ 45-50 คน เบียดกันไปสิ ไม่มีพื้นที่ทำกิจกรรมกลุ่ม แสดงความสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่มหนึ่งรายงาน กลุ่มหนึ่งคุย ในห้องมีทั้งเด็กเก่ง อ่อน ปานกลาง ไฮเปอร์ สมาธิสั้น เก็บกด หรรษาไปสิ ครูหนึ่งคนจะดูแลทั่วถึงได้อย่างไร เด็กเก่งอยากเรียนบทต่อไป เด็กอ่อนก็ตามไม่ทัน คำตอบที่ได้จากการสอบถามครู เสียงเดียวกันคือ "เราดูแลทุกคนไม่ได้หรอก" ดูฝั่งนี้ ฝั่งนั้นตีกัน บอกฝั่งนี้ ฝั่งนั้นเรียกร้อง อื้อ บันเทิงศิลป์ค่ะ ปล. เด็กที่เก่งจะไม่อยากเรียนในห้อง ไม่สนใจ เพราะเรียนพิเศษมาแล้ว ชั้นเก่งแล้ว จบม่ะ!
>โรงเรียน สั้นๆ คือ ธุรกิจ
>หน่วยงานหลัก จะเห็นได้ว่าทั้งครู และนักเรียน บ่นถึงตลอด การปรับเปลี่ยน โยกย้ายคนมีส่วนทำให้เกิดปัญหา การวางแผนระยะยาวไม่เคยใช้ได้จริงเนื่องจากคนใหม่มาก็แพลนงานใหม่ไปเรื่อยๆ เห็นทฤษฎีไหนมาแรงก็เปลี่ยนตามหมด ไม่เคยที่จะได้บทสรุปตามแผนงานว่า 20 ปีนี้ระบบนี้ใช้ได้หรือไม่ เพราะใช้ปีเดียวก็หาเรื่องเปลี่ยนใหม่อีกแล้ว ข้อสอบ ก็ที่รู้ๆกัน
>ฐานะทางสังคม ครอบครัวฐานะดี การศึกษาดี ไปเร็วกว่าแน่นอน! ถ้าไม่พูดถึงนิสัยส่วนบุคคล คนจนไม่มีเงินส่งลูกเรียนพิเศษมาในห้องก็เรียนไม่ทันเพื่อน แล้วครูยังจะไม่สนใจได้อีกหรอ? คำตอบคือได้ เพราะเด็กเยอะ พ่อแม่ที่พร้อมทั้งหน้าตา เงินทอง เวลาก็ต้องกำชับครูเป็นพิเศษ ส่วนคนไม่มีตังค์ก็ไม่มีเวลามาดูแลเพราะต้องทำงานเลี้ยงชีพ
>ครอบครัวที่สำคัญ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มีคำถามเดียว คุณดูแลบุตรหลานได้ดีหรือยัง? ดูแลให้อยู่ในสังคมเป็น ทำอะไรด้วยตนเอง ไม่สปอยเกินไป และ ไม่ทิ้งขว้างเกินไป เราเข้าใจบางคนไม่มีเวลาจริงๆ แต่กลับบ้านถามลูกหลานสักนิดว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไร? ชอบมั้ย? เข้ากับเพื่อนได้มั้ย? เรียนทันมั้ย?
กระทู้นี้ส่วนใหญ่เกิดจากประสบการณ์ที่เราได้สัมผัสจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างแต่เราเสนอด้านลบมากกว่า เพราะด้านดีก็มีให้เห็นตามจอทีวี หนังสือพิมพ์ ไวนิลหน้าโรงเรียน..... เราชอบพูดคุยกับเพื่อน พี่น้อง ครู พ่อแม่ แต่รู้สึกเรื่องการศึกษาไทยจะเป็นเรื่องที่เอาไว้แค่บ่นๆ ไม่มีบทสรุป ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ที่เรียนๆไป มันมีความสำคัญ สามารถพัฒนาบ้านเมืองได้จริงหรือเปล่า....มันอาจมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย แต่เราจะทำอย่างไรดีล่ะ สิ่งที่เราเห็นภายนอกโรงเรียนกับภายในมันค่อนข้างต่างกัน คนทุกคนมีทั้งขาวดำรวมทั้ง จขกท แต่เราช่วยกันมองดูตนเอง คนรอบข้าง ให้มีคุณธรรม ไม่เห็นแก่ตัว ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน คำปฏิญาณตนที่เราเคยท่องตอนเด็ก ตอนนี้มองลูกหลานท่องหน้าเสาธง เราและเขาทำได้มากน้อยเพียงใด
..........ทุกความคิดเห็นไม่มีถูกผิด แต่บางทีมันอาจจะช่วยเตือนใจเราได้ในขณะหนึ่ง เราก็อยากรู้ประสบการณ์และความคิดคนอื่นเช่นกัน มีด้านดีหรือไม่ดีก็มาเล่ากันค่ะ ไทยแลนด์สู้!!
การศึกษาถดถอย ใครผิด?
>นักเรียน ทุกวันนี้นักเรียนมีความเป็นตัวเองสูง กล้าคิด กล้าแสดงออก แต่ส่วนใหญ่แสดงออกในทางที่ผิด เช่น กล้าที่จะหลบเรียน กล้าที่จะลอกข้อสอบ กล้าที่จะรีดผมในห้อง กล้าที่จะเอาโทรศัพท์มากดถ่ายรูปเพื่อแชร์สตอรี่ มีสมาร์ทโฟนที่มีแต่แอปโซเชียล แต่ไม่มีดิกชันนารี่ แปลงานโดยใช้แอปกูเกิล สมาธิสั้น พูดจาหยาบคาย ไม่มีมารยาท ขาดวินัย ขาดคุณธรรมจริยธรรม ใช้วาทศิลป์ที่เป็นที่นิยม (เช่น ทรงผมไม่เกี่ยวกับการเรียนเก่งไม่เก่ง เราคิดว่าเป็นประโยคที่ถูกต้อง แต่เด็กส่วนใหญ่คิดไม่ได้แยกแยะความถูกผิดไม่เป็น)
>ครู งานเยอะ ทั้งงานโรงเรียน ทั้งการอบรม ทั้งงานสอน บางครั้งทำให้ต้องหยุดการสอน ให้ครูอีกคนสอนแทนซึ่งมันเป็นปัญหาในความต่อเนื่องของบทเรียน ไม่มีความสม่ำเสมอ บางคนเคร่งเกินไปไม่ยอมใคร บางคนปล่อยเกินไปไม่ดูแล ทุกวันนี้คุณทำงานเพื่ออะไร ศิษย์ เงิน ลาภ ยศ.... นอกจากนี้สื่อการสอน แผนการสอนมีแค่ในทฤษฎี เพราะเวลาทำไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ งานวิจัยในชั้นเรียนที่ส่งเพื่อประเมิน คุณทำจริงหรือป่าว? แล้วผลที่ได้จริงเท็จแค่ไหน พัฒนานักเรียนได้จริงใช่มั้ย?
>ระบบการประเมิน เขามีระบบในการให้คะแนนนักเรียนเพื่อให้ผ่านโดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง เช่น เด็กไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน แต่คะแนนเก็บอย่างน้อยต้องผ่านครึ่งและถ้าไม่เลวร้ายจริงๆ ก็ให้พอผ่านๆ ไม่ติด 0 ไม่ซ้ำชั้น เพราะเนื่องจากสิ่งนี้จะเป็นปัญหาต่อการประเมินครู และโรงเรียน หากเด็กตกเยอะจะโยนมาที่ครูทันทีว่าคุณสอนยังไง ทำไมเด็กมีผลสัมฤทธิ์ไม่ผ่านเกณฑ์ แต่บางทีผู้ใหญ่ควรรับความจริงด้วยว่าบางทีเด็กก็ไม่สนใจอะไรจริงๆ แล้วระบบนี้เหมือนจะเป็นการเกื้อกูลกันระหว่างครูนักเรียน ครูผ่านการประเมิน เด็กผ่านขึ้นชั้นเรียนต่อไป ซึ่งบางคนเขียนไม่ได้อ่านไม่ออกก็มี! เด็กบางคนคิดว่าไม่เข้าเรียน ไม่ส่งงาน สอบกลางภาคตกก็ไม่เป็นไร ยังไงก็ได้แก้อยู่ดี แถมแก้ง่ายซะด้วย
>ห้องเรียน หากเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ 1 ห้องต่อ 45-50 คน เบียดกันไปสิ ไม่มีพื้นที่ทำกิจกรรมกลุ่ม แสดงความสามารถได้อย่างมีประสิทธิภาพ กลุ่มหนึ่งรายงาน กลุ่มหนึ่งคุย ในห้องมีทั้งเด็กเก่ง อ่อน ปานกลาง ไฮเปอร์ สมาธิสั้น เก็บกด หรรษาไปสิ ครูหนึ่งคนจะดูแลทั่วถึงได้อย่างไร เด็กเก่งอยากเรียนบทต่อไป เด็กอ่อนก็ตามไม่ทัน คำตอบที่ได้จากการสอบถามครู เสียงเดียวกันคือ "เราดูแลทุกคนไม่ได้หรอก" ดูฝั่งนี้ ฝั่งนั้นตีกัน บอกฝั่งนี้ ฝั่งนั้นเรียกร้อง อื้อ บันเทิงศิลป์ค่ะ ปล. เด็กที่เก่งจะไม่อยากเรียนในห้อง ไม่สนใจ เพราะเรียนพิเศษมาแล้ว ชั้นเก่งแล้ว จบม่ะ!
>โรงเรียน สั้นๆ คือ ธุรกิจ
>หน่วยงานหลัก จะเห็นได้ว่าทั้งครู และนักเรียน บ่นถึงตลอด การปรับเปลี่ยน โยกย้ายคนมีส่วนทำให้เกิดปัญหา การวางแผนระยะยาวไม่เคยใช้ได้จริงเนื่องจากคนใหม่มาก็แพลนงานใหม่ไปเรื่อยๆ เห็นทฤษฎีไหนมาแรงก็เปลี่ยนตามหมด ไม่เคยที่จะได้บทสรุปตามแผนงานว่า 20 ปีนี้ระบบนี้ใช้ได้หรือไม่ เพราะใช้ปีเดียวก็หาเรื่องเปลี่ยนใหม่อีกแล้ว ข้อสอบ ก็ที่รู้ๆกัน
>ฐานะทางสังคม ครอบครัวฐานะดี การศึกษาดี ไปเร็วกว่าแน่นอน! ถ้าไม่พูดถึงนิสัยส่วนบุคคล คนจนไม่มีเงินส่งลูกเรียนพิเศษมาในห้องก็เรียนไม่ทันเพื่อน แล้วครูยังจะไม่สนใจได้อีกหรอ? คำตอบคือได้ เพราะเด็กเยอะ พ่อแม่ที่พร้อมทั้งหน้าตา เงินทอง เวลาก็ต้องกำชับครูเป็นพิเศษ ส่วนคนไม่มีตังค์ก็ไม่มีเวลามาดูแลเพราะต้องทำงานเลี้ยงชีพ
>ครอบครัวที่สำคัญ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย มีคำถามเดียว คุณดูแลบุตรหลานได้ดีหรือยัง? ดูแลให้อยู่ในสังคมเป็น ทำอะไรด้วยตนเอง ไม่สปอยเกินไป และ ไม่ทิ้งขว้างเกินไป เราเข้าใจบางคนไม่มีเวลาจริงๆ แต่กลับบ้านถามลูกหลานสักนิดว่าที่โรงเรียนเป็นอย่างไร? ชอบมั้ย? เข้ากับเพื่อนได้มั้ย? เรียนทันมั้ย?
กระทู้นี้ส่วนใหญ่เกิดจากประสบการณ์ที่เราได้สัมผัสจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างแต่เราเสนอด้านลบมากกว่า เพราะด้านดีก็มีให้เห็นตามจอทีวี หนังสือพิมพ์ ไวนิลหน้าโรงเรียน..... เราชอบพูดคุยกับเพื่อน พี่น้อง ครู พ่อแม่ แต่รู้สึกเรื่องการศึกษาไทยจะเป็นเรื่องที่เอาไว้แค่บ่นๆ ไม่มีบทสรุป ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ที่เรียนๆไป มันมีความสำคัญ สามารถพัฒนาบ้านเมืองได้จริงหรือเปล่า....มันอาจมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย แต่เราจะทำอย่างไรดีล่ะ สิ่งที่เราเห็นภายนอกโรงเรียนกับภายในมันค่อนข้างต่างกัน คนทุกคนมีทั้งขาวดำรวมทั้ง จขกท แต่เราช่วยกันมองดูตนเอง คนรอบข้าง ให้มีคุณธรรม ไม่เห็นแก่ตัว ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน คำปฏิญาณตนที่เราเคยท่องตอนเด็ก ตอนนี้มองลูกหลานท่องหน้าเสาธง เราและเขาทำได้มากน้อยเพียงใด
..........ทุกความคิดเห็นไม่มีถูกผิด แต่บางทีมันอาจจะช่วยเตือนใจเราได้ในขณะหนึ่ง เราก็อยากรู้ประสบการณ์และความคิดคนอื่นเช่นกัน มีด้านดีหรือไม่ดีก็มาเล่ากันค่ะ ไทยแลนด์สู้!!