(หลงไฟ)จริงๆบทดุรงค์ สุปราณี เม มันก็สอนใจให้แง่คิดในการระวังตัวในการคบคน และการเลือกคู่ครองในชีวิตจริงด้วยนะ

บทดุรงค์หลอกคนดูได้เนียนมากเลย เข้าหาแม่ชาเข้าตามตรอกออกตามประตู  น้องชายชาเข้าโรงพยาบาลก็จ่ายค่ารักษาให้ คอยดูแลคอยเป็นห่วง มาช่วยชาตอนจะโดนไอ่เขียวข่มเหง คือใครจะไปเชื่อว่าที่แท้คนพรรค์นี้มีเมียอยู่แล้ว เราเป็นแม่ชาก็คงไม่เชื่อแหละ ดูแลครอบครัวดีขนาดนี้ แต่กลับให้สถานะลูกเราแค่เมียน้อยได้ยังไง (ที่โดนแม่ชาเอาน้ำสาดใส่หน้า คงไปพูดแก้ตัวอะไรไม่ดีแน่ แต่แม่ชาถือศักดิ์ศรีมาก) เพราะในความเชื่อเรื่องการเลี้ยงดูเมียน้อย มันต้องเลี้ยงแบบหลบๆซ่อนๆ เอาเงินฟาดหัวมาเปย์ไง ไม่ใช่สวมคราบสุภาพบุรุษแบบนี้

จริงๆเราเข้าใจเหตุผลดุรงค์อยู่เหมือนกัน (ถึงตอนนี้ยังไม่รู้แน่แท้จริงว่ามันมาหลอกชาทำไม และไม่รู้มันจะแสดงความกร่างอะไรออกมาอีก) คือคงรักชาจริงแหละ แต่ไม่ได้รักมากที่จะถึงขั้นยอมยกเลิกการแต่งงาน เพื่อมายกย่องชาได้...ชีวิตพวกนักธุรกิจหลายราย เขาก็เลือกภรรยามีฐานะเพื่อส่งเสริมเงินทองในตระกูลกันทั้งนั้น ชีวิตจริงมันไม่ใช่นิยายโรแมนต์รักข้ามฐานะ...ถ้ารักชาจริง ก็คงวิ่งออกไปตามชาตอนที่ชาหนีออกจากห้องแล้ว ไม่ใช่อยู่ให้เมียหลวงมารั้งแขนไว้ บอกว่าห้ามออกไป ไม่งั้นพนง.จะซุบซิบกันว่ารักเมียน้อยมากกว่าเมียหลวง แต่นี่ไม่ยอมวิ่งตาม...ก็แสดงว่าดุรงค์ก็ยังรักษาหน้าตาตัวเองเอาไว้อยู่

แล้วต้องมีความเห็นแก่ตัวเลือดเย็นแค่ไหน หลอกชาให้ทำงานใกล้ตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าคนทั้งโรงแรมเขารู้ว่าตัวเองมีเมียแล้ว แต่ยังปล่อยบื้อให้คนที่ตัวเองอ้างว่ารักหนามาอยู่ในสถานะเมียน้อย มาเป็นหัวหลักหัวตอ เอาเมียหลวงเข้ามาทำงานในโรงแรมด้วย...เมียหลวงนี่ก็เลือดเย็นพอกัน ดุรงค์ก็ไม่ใช่ว่าแต่งงานกับสุปราณีแค่เหตุผลทางธุรกิจ เพราะเราก็ได้เห็นซีนเวลาเขาอยู่กันสองต่อสอง ดุรงค์ก็เอาใจเมียดีนะ (ไม่รู้ว่าเอาใจเพราะกลัวเมียอาละวาดด้วยป่าว)

ใครอาจจะมองว่าสุปราณีเป็นเมียหลวงที่สตรองนะ แต่เราสมเพชผู้หญิงแบบนี้อ่ะ เป็นเราถ้ารู้ว่าคู่หมั้นนอกใจ เอาผู้หญิงที่ชอบคิดเกินลูกน้องมาทำงานด้วย แถมมาบอกให้เรายอมรับเมียน้อยในที่ทำงานให้ได้ เราบอกเลิกหมั้นไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องมาทนแต่ง ทนเห็นเจ้าบ่าวออกจากงานไปช่วยเมียน้อย เราทนไม่ได้หรอก...ผู้ชายในโลกมันหมดแล้วหรือไง ถึงต้องยอมให้ผู้ชายพรรค์นี้

เราดูออกว่าสุปราณีก็รักดุรงค์อยู่นะ ไม่ใช่แต่งงานทางธุรกิจเสียที่ไหน...แต่เราไม่ใช่เมียหลวงอย่างคุณหญิงแย้มจากนางทาส ไม่ใช่คุณหญิงเรียมจากอาญารัก ไม่ใช่แม่หญิงเรไรจากขุนศึก ไม่ใช่คุณหญิงโฉมฉายจากลิขิตริษยา ที่จะญาติดีฉันท์มิตรภาพกับเมียน้อยได้ ใช้ผัวร่วมกันได้อย่างสะอาดกายสะอาดใจ...เราว่าสุปราณีก็คงเจ็บแค้นแหละ แต่เลือกจะไม่แสดงความอ่อนแอออกมา เพราะไม่อยากเป็นเมียหลวงขี้วีนแบบตลาดๆ (แต่ยังไงก็ไม่ชอบนางที่มาดูถูกความจนของชาอยู่ดี)

ถึงบทนักแสดงมันจะทื่อ แต่มันสอนใจได้ว่าให้ระวังผู้ชายที่ดูดี เจนเทินแมน ลงทุนเล่นใหญ่ดูแลอะไรเราดีทุกอย่าง ไม่ใช่ว่าเขาจะโสดตัวเปล่าเล่าเปลือย ดูจากกระทู้ศาลาคนเศร้าพันทิปหลายคน ก็โดนผู้ชายเจนเทิลแมนหลอกให้ตกหลุมเป็นเมียน้อยหลายราย...ต่อไปถ้าจะคบผู้ชายดีๆ คงต้องจ้างสายสืบกันแล้วว่า ไปแอบมีเมียไว้ที่ไหนหรือเปล่า บางคนไปตรวจในทะเบียนสมรสอาจจะไม่มีเพราะไม่ได้จด หรือเมียอยู่ต่างจังหวัดก็เป็นได้

ส่วนคนที่น่าตบคว่ำ และอยากเห็นโดนตบในตอนหน้าที่สุด น่าจะเป็น เม เพื่อนที่แสนดีของชา สุดท้ายกลับเป็นคนที่เลือดเย็นที่สุด ใครจะไปคิดว่าเพื่อนที่เปย์เรา มานอนเป็นเพื่อนปลอบใจเรา ช่วยเหลือเราทุกอย่าง(ที่มีพี่ชายเป็นตำรวจ ช่วยชาจากไอ่เขียว) เป็นคนที่แม่เราไว้ใจ...สุดท้ายจะกลายเป็นคนที่ปิดบังความจริง ทนได้ไงที่เห็นเพื่อนเป็นเมียน้อยของเพื่อนอีกคน ด้วยข้ออ้างว่าเป็นเรื่องของคนสองคน ฉันเลือกไม่ได้หรอก นั่นก็เพื่อนนี่ก็เพื่อน...เราว่าคนแบบนี้ไม่ใช่เพื่อนหรอก ถ้าเราเป็นเม เรายอมเป็นหมาหัวเน่าบอกความจริงกับเพื่อนแต่แรก แล้วต่อให้เพื่อนจะไม่เชื่อเรา เลือกตัดขาดกับเรา อันนี้เรายอมนะ ดีกว่าปิดบัง มาพูดโกหกตอไปเรื่อย แล้วจะต้องมาถูกด่าตอนท้ายสุดอย่างนี้...มันแสดงให้เห็นว่า เพื่อนที่ดีที่สุด อาจจะกลายเป็นคนเลือดเย็นที่ทำร้ายเราที่สุดก็ได้

และการเอาความดีของดุรงค์กับเมที่ว่าเคยช่วยเหลือชา มาหักล้างกับการหลอกและปิดบังชา เราว่ามันฟังไม่ขึ้น มันเป็นเรื่องคนละส่วนกัน...เหมือนการทำบุญมันลบบาปไม่ได้ หรือการที่คนหลายคนมักจะมองด้านดีของคนเอามาหักล้างกับความแย่ของเขา เช่น ไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ไม่เจ้าชู้ ก็ไปมองว่านั้นคือข้อดีของเขา แล้วก็อดทนกับความไม่เอาไหนด้านอื่น เช่น ขี้เกียจช่วยทำงาน เป็นลูกแหง่ ไอ่คนแบบนี้เราอยากจะใช้ชีวิตด้วยเรอะ

ชีวิตคู่มันมีหลายองค์ประกอบมาก ไม่ใช่แค่การเอาข้อดีของเขามาหักล้างข้อแย่ แล้วก็ทนกับข้อแย่ หลอกตัวเองไปวันๆ ว่าคนเราก็มีดี เราเคยเป็นคนที่เคยมองแบบนั้นมาก่อน แต่สุดท้ายแล้วไม่ไหวจริงๆ เพราะเรารับไม่ได้กับข้อแย่ของเขา...เราเคยเป็นอย่างชา ที่เพื่อนจะแย่แค่ไหน ก็ไม่เอามาตัดสินเหมารวม ชาเลือกจะมองความดีของก้านที่มีน้อยนิด...แต่สุดท้ายเราก็เป็นเหมือนชาจริงๆ ที่เพื่อนมันไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนมันหรอก พอถึงคราวแย่มันก็เอาตัวมันรอดคนเดียว ปล่อยทิ้งเราไว้ (เราไม่ได้โดนเหมือนชาที่โดนก้านหลอกให้มาหาไอ่เขียวนะ แต่มีเหตุการณ์ที่รู้สึกได้ว่าเราโดนเพื่อนที่ไว้ใจมากเทกลางทางเพื่อเอาตัวรอด พอเหตุการณ์นั้นมีคนมาช่วยเราไว้ได้ มันกลับมาตีหน้ายิ้มว่าแกไม่เป็นไรนะ พอเราวีนแตกใส่ มันก็หาว่าเราจริงจังเกินเหตุ ขอโทษสักคำก็ไม่มี แล้วโทษว่าเป็นความผิดของเราอีกที่วิตกจริตเกินเหตุ...ตั้งแต่นั้นเราเลิกคบเพื่อนคนนี้ไปเลย เราถึงได้บอกไงว่าเข้าใจชา ว่าการโดนเพื่อนที่ไว้ใจมาหักหลังมันเป็นไง การไว้ใจการให้ใจคนหมดไปเต็ม 100 ไม่ว่าในฐานะแฟนหรือเพื่อน แล้วเขาไม่ให้ใจเรากลับมามันเป็นยังไง)

เราว่าบทดุรงค์ สุปราณี เม มันแสดงให้เห็นได้ว่าในเบื้องหน้าของคนที่ดูดีนั้น อาจจะมีเบื้องหลังที่ไม่ดีก็ได้...มันสอนใจเราว่า อย่าคาดหวัง อย่าให้ความหวังกับคนที่เราคบจนให้ไปหมดหัวใจ ไม่ว่าเขาจะดีกับเราแค่ไหนก็ตาม คุณต้องคาดคิดไว้ด้วยว่าสักวันเขาอาจจะเปลี่ยนแปลงได้ และเราต้องเตรียมรับบบนั้นให้ได้ ไม่งั้นจะเป็นแบบที่ชาเป็น ที่รักทุกคนแบบให้หมดหัวใจ สุดท้ายพอเขาไม่เป็นอย่างที่คาดหวังไว้ ชาก็เจ็บอยู่คนเดียว คนที่ถูกคาดหวังไม่ได้มาเสียใจอะไรด้วยเลย...ความรักมีวันหมดอายุฉันท์ใด มิตรภาพก็มีวันหมดอายุฉันท์นั้น เลิกคิดฝันเพ้อเจ้อเป็นการ์ตูนหรือนิทานได้แล้ว ที่ทุกอย่างมันจะ Forever เราจะรัก เราจะเป็นเพื่อนกันไปตลอดกาล เชิญขี่ม้าโพนี่ข้ามไปดอยนู้นเลย...ความจริงแท้ของทุกสิ่งในโลก คือความไม่แน่นอนคือความจริงแท้

ทุกวันนี้สำหรับเรา ไม่มีใครเป็นเพื่อนแท้ได้ 100% สักคนสำหรับเรา มีแบ่งแค่เป็นเปอร์เซ็นส์มากน้อยแค่นั้น เราไม่คิดจะให้ใจใครเต็มร้อยอย่างเมื่อก่อนอีก คงเพราะเจออย่างชา เจ็บมาเยอะเลยล่ะ...รักตัวเองให้มากที่สุด แต่อย่ารักมากจนเห็นแก่ตัวเอาเปรียบใครแบบที่ดุรงค์เป็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่