ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 13/10/2017 (ว่าด้วยเรื่องของ "กะลา")

กระทู้คำถาม


ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น





สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน


ยื่นใบลาซะ 20 วัน ตอนนี้กลับมาประจำการแล้ว ระหว่างนี้ขอขอบคุณพี่ซี พี่โอ้ น้องนู๋ ที่ช่วยตั้งกระทู้ค่ะ

ช่วงนี้กะลากำลังมาแรง เพื่อไม่ให้เสียเวลา มาทำความรู้จัก "กะลา" กันค่ะ

ประโยชน์ของ "กะลา"

กะลามะพร้าว คือส่วนที่ได้จากเปลือกแข็งด้านในลูกมะพร้าว (มะพร้าวเป็นพืชยืนต้นจัดอยู่ในตระกูลปาล์ม)

กะลามะพร้าวมีคุณสมบัติพิเศษก็คือ มีน้ำมันเคลือบ ติดไฟง่าย เหมาะสำหรับนำมาเป็นเชื้อเพลิง
นอกจากนั้นยังสามารถติดไฟอยู่ได้นาน จึงมีการนำมาทำเป็นเชื้อเพลิงชีวมวลค่ะ



นอกจากนี้กะลามะพร้าวยังนำไปทำเป็นเครื่องดนตรีได้อีกค่ะ มีการแกะสลักลายบน "ซอ" อย่างสวยงาม



นำไปทำของเล่นให้เด็กๆ อย่างเช่น ก๊อบแก๊บ กีฬาพื้นบ้านภาคเหนือ

ก๊อบแก๊บ หมายถึง เกี๊ยะ หรือรองเท้า การเล่นก๊อบแก๊บ คือ การเดินบนกะลามะพร้าวผ่าครึ่ง
มีเชือกร้อยสำหรับถือเดิน เวลาเดินกะลามะพร้าวผ่าครึ่งกระทบพื้นจะเกิดเสียงดังก๊อบแก๊บ



บางจังหวัด เช่น สมุทรสงคราม สุราษฎร์ธานี ฯลฯ มีการผลิตสินค้า OTOP ที่เป็นผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว
ทั้งโคมไฟ โมบาย ภาชนะใส่ของ เป็นต้น


(ขอบคุณภาพสวยๆ จากในเว็บไซต์)


จะเห็นว่ากะลามะพร้าวมีประโยชน์และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันเราอยู่มาก
ที่นี้มาดูสำนวนที่เกี่ยวกับ "กะลา" บ้างค่ะ

กบในกะลา หมายถึง ผู้ที่สำคัญตนว่ามีความรู้มาก
แต่จริงแล้วมีความรู้ในกรอบแคบๆ มีประสบการณ์น้อยเพราะไม่ได้ออกไปเจอกับโลกทัศน์ภายนอก



ภาษาจีนก็มีสำนวนนี้เหมือนกันนะคะ แต่เขาเรียกว่า ...

กบใต้ก้นบ่อ 井底之蛙

เรื่องนี้กล่าวถึงกบตัวหนึ่งอาศัยอยู่ก้นบ่อน้ำเล็กๆ และคิดไปว่านี่คือโลกอันแสนกว้างใหญ่ ช่างสุขใจเสียจริง



วันหนึ่งมีตะพาบน้ำมาจากทะเลตงไห่ กบจึงพูดกับตะพาบน้ำว่า

"ฉันมีความสุขมาก กระโดดโลดเต้นไปมาในบ่อและขอบบ่อ กระโดลงบ่อก็พักผ่อนในร่องอิฐในบ่อ
ในบ่อน้ำมีน้ำรองรับตัวฉันอยู่ทำให้ขาของฉันไม่เปื้อนดินโคลน ฉันเป็นเจ้าของบ่อแต่ผู้เดียว
ปู ปลาก็ไม่อาจจะเปรียบกับฉันได้"



ตะพาบจะลงก็ลงไปไม่ได้เพราะขาติดอยู่ขอบบ่อ มันจึงถอยออกจากบ่อ
แล้วเล่าถึงทะเลตงไห่ให้กบฟังว่า

"ไม่อาจจะใช้ภาษามาบรรยายความใหญ่ของทะเลตงไห่ได้หมด"

กบได้ยินแล้วก็ตะลึงงัน คาดไม่ถึงว่าจะมีที่ที่ใหญ่กว่าบ่อน้ำที่ตนอยู่ในโลกนี้

กบใต้ก้นบ่อ จึงใช้เปรียบเปรยถึงผู้ที่มีโลกทัศน์แคบ ไม่ลืมหูลืมตาดูโลกภายนอกว่าเป็นเช่นไร


พูดถึงสำนวนกบในกะลา หรือกบใต้บ่อน้ำ ก็ทำให้นึกถึงภาษิตจีนบทนึงที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแนวๆ นี้อยู่  คือ

เย่ หลาง จื้อ ต้า (夜郎自大) "คิดว่าข้านั้นใหญ่สุด"

เย่ หลาง 夜郎 เป็น ชื่อประเทศเย่หลาง
จื้อ ต้า 自大 แปลว่า (นึกว่า) ตัวเองยิ่งใหญ่



ในสมัย ชุนชิว (春秋) ประเทศจีนแบ่งเป็นประเทศเล็กประเทศน้อยมากมาย เย่ หลาง (夜郎) ก็เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยความที่เป็นประเทศเล็ก คนก็น้อย ยังไม่เจริญ การคมนาคมไม่สะดวก ทุรกันดาร ทำให้ประเทศนี้ไม่รับรู้โลกภายนอก
อ๋องของ เย่ หลาง เองก็ไม่เคยออกจากเมืองไปไหนเลย ก็เลยไม่รู้ว่าเมืองตัวเองเล็กนิดเดียว

วันหนึ่ง เย่หลางอ๋องออกไปเดินเล่นได้ถามข้าราชบริพารว่า ...
"แถวนี้ประเทศไหนใหญ่ที่สุด”
"แน่นอน เป็นประเทศเย่หลางที่ใหญ่ที่สุด” ข้าราชบริพารพร้อมใจกันอวย (คุ้นๆ นะ)



เดินไปอีกสักพักเจอภูเขาลูกหนึ่ง เย่หลางอ๋องถามว่า ...
"ในใต้หล้า มีภูเขาที่สูงกว่านี้อีกไหม?”
"ใต้หล้าไม่มีภูเขาใดสูงกว่าเขาลูกนี้อีกแล้ว” ข้าราชบริพารประสานเสียง

พวกเขาเดินมาถึงแม่น้ำสายหนึ่ง เย่หลางอ๋องพูดว่า ...
"เรารู้สึกว่าแม่น้ำสายนี้ยาวที่สุดในโลก”
ตามเคย ... ข้าราชบริพารตอบเป็นเสียงเดียวกัน "ท่านอ๋องพูดไม่ผิดแม้แต่น้อย”

ตั้งแต่นั้นมา เย่หลางอ๋องก็ยิ่งมั่นใจว่าประเทศตนใหญ่ที่สุดในโลก


ตอนนั้นถึงแม้ จิ๋นซี จะปราบทั้ง 6 ก๊ก รวบรวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งเดียวได้
แต่ยังมีส่วนทางตะวันตกเฉียงใต้ (บริเวณ ท้องไก่ ติดแผ่นดินใหญ่) ที่มีประเทศเล็กๆ ห่างไกลความเจริญ
ยังไม่ได้รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้

แผนที่ประเทศจีน เป็นรูปพ่อไก่ โดยมีตีนไก่ ๒ ข้างคือ เกาะไถหวัน (ไต้หวัน台湾) และ เกาะไห่หนัน (เกาะไหหลำ 海南岛)
สีแดง คือ มณฑลกุ้ยโจว อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน


เมื่อราชวงค์ฉินล่มสลาย กลายเป็นราชวงค์ฮั่น ประเทศเล็กๆ เหล่านี้ก็ยังคงไม่ได้รับรู้ความเปลี่ยนแปลงเช่นเคย
สรุปว่าเขารวมแผ่นดินสถาปนาราชวงศ์ฉิน จนฉินล่มไปแล้ว กลายเป็นฮั่น ประเทศเหล่านี้ก็ยังไม่ได้รู้เรื่องอะไร

มาถึงรัชสมัย พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ (汉武帝) กษัตริย์แห่งราชวงค์ฮั่น พระองค์ได้ส่งทูตไปที่ประเทศเย่หลาง
เมื่อทูตไปถึง อ๋องเจ้าของประเทศ เย่ หลาง ได้ส่งขุนนางระดับล่างมาต้อนรับ

สร้างความโกรธแค้นแก่ทูตฮั่นมาก เมื่อทูตได้พบอ๋อง จึงถามว่า
"ตัวข้าเป็นทูตประเทศใหญ่ ทำไมส่งขุนนางเล็กๆ มาต้อนรับข้า"

อ่องเย่ หลาง จึงหัวเราะเสียงดังและพูดว่า "ประเทศท่านที่ว่าใหญ่ ใหญ่ขนาดไหนนะ 555 "

ทูตของฮั่นตกใจมากว่าประเทศเล็กๆ พวกนี้ช่างไม่รู้เรื่องโลกภายนอกเลย (ทำนองกบในกะลา)
เพราะที่จริงขนาดประเทศเย่หลางนั้นได้แค่อำเภอหนึ่งของฮั่นเท่านั้น ทูตจึงเอาแผนที่อาณาเขต ฮั่น ให้อ๋อง เย่ หลาง ดู



อ๋องเห็นอาณาเขตของ ฮั่น แล้วเปรียบเทียบกับตัวเอง จึงรู้ว่า ประเทศตัวเองนั้นไม่ได้ใหญ่โตเหมือนที่คิดเลย

เราจึงใช้ภาษิต 夜郎自大 - เย่หลางจื้อต้า เรียกบุคคลที่ไม่ประมาณตน คิดว่าตัวเองเป็นมหาอำนาจ
ใหญ่โตกว่าใครในใต้หล้า โดยหารู้ไม่ว่าหากเมื่อเทียบกับคนอื่นแล้ว ตัวเองเป็นเพียงเมืองเล็กนิดเดียว




ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.hybridenergy.co.th/board/index.php/product-type-/2011-11-17-19-16-58
http://www.kidactiveplay.com/index.php/content_detail?id=34
https://www.facebook.com/LanguagePlusAcademy/posts/466994490087571
http://www.yizitong.org/my/picture.php?limit=0_21&album_type=2&reference_type=10&img=8c20dd73db914d80cbe49ea6a20dc03b_53388
http://www.cherriyuen.com/Idioms.php?language=zh_HK&idiom=87&keyword=
http://zuowen.yuwenmi.com/chengyugushi/437676.html
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lijun&month=04-2008&date=02&group=2&gblog=49
http://edu.sina.com.cn/kids/2014-09-28/121182444.shtml
http://www.thaitambon.com/product/1471616380
http://play.ondio.in/forum.php?mod=viewthread&tid=7475
พี่ซี cnck ที่แนะนำสุภาษิตจีน เย่ หลาง จื้อ ต้า


..................................................


โลกเราหมุนไป เก็บกะลาเอาไว้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจดีกว่าค่ะ
อย่าเอากะลาไว้ครอบเพื่อทำเป็น "กบในกะลา" เลย




กบในกะลานั้นก็ว่าแย่แล้ว แต่ที่หนักหนากว่า คือ กบที่ไม่ยอมรับรู้ว่าตัวเองอยู่ในกะลา
และพาลโกรธคนที่พยายามจะเปิดกะลาออก



กบ (ในกะลา) หวิว

...เหมือนดังกบในกะลา เธอปิดตาฉันเอาไว้
มืดมิดไม่เข้าใจเรื่องที่เกิด...

https://www.youtube.com/watch?v=8yBFm0EKHvk
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 33
นี่ก็ทำจากกะลาเหมือนกันครับ

สะล้อ



สะล้อหรือ ทะล้อ เป็นเครื่องสายบรรเลงด้วยการสี ใช้คัน ชักอิสระ ตัวสะล้อที่เป็นแหล่งกำเนิดเสียง  ทำด้วยกะลามะพร้าว ตัดและปิดหน้าด้วยไม้บาง ๆ มีช่องเสียงอยู่ด้านหลัง คันสะล้อทำด้วยไม้สัก หรือ ไม้เนื้อแข็งอื่น ๆ โดยปกติจะยาวประมาณ ๖๐ เซนติเมตร ลูกบิดอยู่ด้านหน้านิยม ทำเป็นสองสาย แต่ที่ทำเป็นสามสายก็มี สายทำด้วยลวด (เดิมใช้สายไหมฟั่น ) สะล้อมี ๓ ขนาด คือ สะล้อเล็กสะล้อกลาง และสะล้อใหญ่ ๓ สาย

เพลง ล่องแม่ปิง บรรเลงสะล้อ โดย ครูยิ่ง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://sites.google.com/site/jarussangumput/home/dara-thi-chxb
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่