Review: Only the Brave (Joseph Kosinski, 2017) เขียนโดย Form Corleone

Only the Brave (Joseph Kosinski, 2017) คะแนน B


By Form Corleone

"ผลกระทบต่อเรื่องราวทั้งหมดสร้างความรู้สึกสะเทือนใจอย่างถึงที่สุด" สำหรับเราที่ไม่มีความรู้มาก่อนหรือไม่ทราบพล็อตเรื่องมาก่อนเลยว่าหนังสร้างจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ แล้วเข้าไปรับชมโดยไม่คาดหวังอะไร ไม่มีรู้เบื้องหลังต่างๆมาก่อนทำให้การนั่งชม 'Only the Brave' คือการพาเราไปพบกับชีวิตหน่วยกู้ภัยดับไฟป่า 'Granite Mountain Hotshots' หน่วยกู้ภัยจากเมืองเล็กๆชนบทแห่งหนึ่งที่เดินทางต่อสู้กับไฟป่าทั้งประเทศอเมริกา หนังเล่าเรื่องราวก่อนจะมาเป็นทีมนี้ การฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจ การต่อสู้กับอันตรายต่างๆ การร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างทีม ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนพ้องและครอบครัว จนมาถึงบทสรุปแบบไม่คาดฝันที่นำพาความเศร้าใจ+สะเทือนใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว(สำหรับคนที่ไม่รู้อะไรเลย) ฉะนั้นแล้วการนั่งดูเรื่องราวของพวกเขาเหล่านี้จึงเป็นการสัมผัสแง่มุมหนึ่งของหน่วยกู้ภัยที่เสี่ยงชีวิตในการหยุดยั้งไฟป่าไม่ให้ลุกลามไปถึงหมู่บ้านละแวกใกล้เคียง และการต่อสู้เพื่อครอบครัวคนที่รัก รวมทั้งทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดลงไปในงานที่ทำ สำหรับเราที่ไม่ได้รู้ข้อมูลอะไรเลยก่อนเข้าไปดู จึงทำให้เราไม่ได้เตรียมใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย แม้ว่าจะพอคาดเดาเรื่องราวได้ว่าสุดท้ายจะต้องมีบทสรุปแบบไหน ณ ขณะดูอยู่ก็ตาม แต่ก็ไม่คิดว่าผลกระทบต่อเหตุการณ์ในเรื่องจะรุนแรงต่อความรู้สึกมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าคงต้องยอมรับวิธีบรรยายเรื่องราวและสภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงวิธีการกำกับที่ค่อยๆพาเราเข้าไปมีความสัมพันธ์กับตัวละครแบบค่อยเป็นค่อยไปคือสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อความรู้สึก


สิ่งที่เราได้จากภาพยนตร์เรื่องนี้ แง่มุมหนึ่งคงเป็นการเข้าใจว่าประเทศอีกฉีกโลกมีหน่วยงานดับเพลิงไฟป่าและมีการทำงานแบบนี้อยู่ด้วยอย่างจริงจัง เราที่เป็นประเทศที่ไม่ได้มีไฟป่ามากมายอะไร จึงคุ้นชินเพียงแค่นักดับเพลิงทั่วๆไป แต่ไม่เคยรับรู้ถึงการดับไฟป่ามาก่อนว่ามีการทำงานที่เอาจริงเอาจังมาก และการจะได้เป็นหน่วยงานนี้ต้องใช้เวลากว่าหลายปี 'Only the Brave' จึงให้มุมมองในการเป็นนักผจญเพลิงดับไฟป่าในแบบที่เราไม่เคยเห็นและไม่เคยสัมผัสรับรู้เรื่องราวมาก่อน การแจกแจงบทสำหรับตัวละครที่มีหลายตัวนั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้อาจจะมีปัญหาในการกล่าวถึงตัวละครแต่ละตัวให้ครบทั้งหมด เพราะหนังโฟกัสไปที่ตัวละครหลักไม่กี่คน(ถ้าอธิบายทุกตัวคงต้องทำเป็นซีรี่ย์แน่นอน) แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อเส้นเรื่องก็เกิดจากทุกคนในหน่วย ‘ฮอตชอต’ อย่างแน่นอน แม้จะต้องแลกมาด้วยความเนิบช้าอยู่ก็ตาม การแสดงของ 'จอช โบรลิน' ในฐานะหัวหน้าหน่วยฮอตชอตให้ความรู้สึกของการเป็นหัวหน้าที่ดีและให้การแสดงจนพาเราไปสำรวจความคิดต่อการทำงานที่ทุ่มเทสุดชีวิตรวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนรักที่ต้องอาศัยความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างมาก แม้ว่าในมุมมองส่วนหลังตัวหนังจะไม่ได้เล่นประเด็นนี้มากเท่าประเด็นแรกก็ตาม 'ไมลส์ เทลเลอร์' ในบทบทของคนขี้แพ้ ติดยา ที่อยากจะกลับตัวกลับใจเป็นผู้เป็นคนและเป็นพ่อที่ดี รับบทบาทได้สะเทือนใจและถ่ายทอดความรู้สึกได้ดีมากเช่นกัน


ท้ายสุด 'Only the Brave' คือภาพยนตร์ที่คิดว่าไม่ควรจะทราบข้อมูลต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมาก่อนเลย เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นในช่วงขณะที่ดูคือความดีงามของภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้น การพลิกไปอ่านบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดน่าจะลดทอนผลกระทบของงานนี้ได้ไม่มากก็น้อย เพราะหนังพยายามพาเราไปใกล้ชิดเหล่าตัวละครเรื่อยๆ และส่งอิมแพ็คมหาศาลมากๆในช่วงท้ายเรื่อง สำหรับเราแล้ว งานนี้คงจะต้องยอมรับว่าทำใจดูรอบเดียวก็เกินพอแล้ว ไม่ใช่ว่าตัวหนังทำได้แย่ แต่เพราะความรู้สึกต่อการนั่งดูอีกครั้งจะทำให้เรารู้สึกเศร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม(คิดว่าคงจะเป็นแบบนั้น) ฉะนั้นแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องราวการยกย่องวีรชนคนกล้าอีกเรื่องราวหนึ่ง แม้จะมีข้อเสียหรือตำหนิอยู่บ้างในการตัดสลับเรื่องราวที่ยืดเยื้อไปนิด แต่ภาพรวมทั้งหมดถือได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ดีเรื่องหนึ่งเลยครับ...


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่