[CR] มาเลย์เซย์ฮาโล่

PART1

เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างจะถูกย้ายมาอยู่ในความทรงจำ

.


มีผู้คนมากมายที่คิดว่าการเดินทางเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งมากไปกว่านั้นแล้ว สำหรับการเดินทางไปมาเลเซียของพวกเราผู้หญิง 4 คน นั้นล้วนยากกว่าแต่เดี๋ยวก่อน!ยากกว่าที่เราพูดถึงนั้นก็คือ ยากที่จะหักห้ามใจชมความงามกับเมืองปุตราจายา ยากที่จะชื่นชมหอแฝดสุดระรานตา ยากที่จะไม่พูดคุยกับคนที่นี่และสัมผัสอาหารพื้นเมือง

สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่การเดินทางครั้งแรกของพวกเราทั้งสี่คนที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทริปของเรา5วัน4คืน พวกเราใช้ชีวิตในประเทศนี้ให้อยู่รอดกันอย่างไรตามไปดูกันเล้ย  

ก่อนวันเดินทางพวกเราได้เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมหมดแล้ว สิ่งที่พวกเราเตรียมก่อนการเดินทาง
1.จองตั๋วเครื่องบิน
พวกเราจองตั๋วเครื่องบินของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เราจองทั้งขาไปและขากลับ
ขาไป


ขากลับ


2.หนังสือเดินทาง
พวกเราไปทำที่สถานีขนส่งกรุงเทพ(สายใต้ใหม่)เสียค่าธรรมเนียมคนละ1000บาท

3.แลกเงินจากหน่วยบาทเป็นริงกิต
พวกเราไปแลกเงินที่Supperrich Thailand(สีเขียว)แถวประตูน้ำ ค่าเงินของมาเลเซียที่เราแลกตอนนั้น7.8บาทไทยเท่ากับ1ริงกิตของประเทศมาเลเซีย เราแลกกันคนละ5000บาท ได้กลับมาคนละ647ริงกิต

4.Sim โทรศัพท์  
พวกเราไปซื้อsimของAIS ราคา399บาท ได้4GB

5.ศึกษาเส้นทาง
พวกเราไปทำสคริปการเดินทางและศึกษาสถานที่ท่องเที่ยว พิพิธภัณฑ์ สายรถ และที่สำคัญคือเส้นทางรถไฟฟ้า

รูปอ้างอิงจากhttp://www.teawmun.com

6.ที่พัก
เราจองที่พักที่กัวลาลัมเปอร์ เราพักที่ Regalia Residence Kuala Lumpur 2คืน พวกเราจองในแอพAirbnbและHotel excel inn 1คืน
7.หัวปลั๊กไฟ *สำคัญมาก
รูเสียบที่มาเลเซียเป็นปลั๊กสามขา รูปสี่เหลี่ยมๆเลยต้องเอาหัวปลั๊กและปลั๊กไฟไว้ชาร์ตแบตกล้องและแบตโทรศัพท์

ค่าใช้จ่ายก่อนการเดินทาง
.
ตั๋วเครื่องบิน ขาไปคนละ1664บาท ขากลับ1164บาท
sim โทรศัพท์คนละ399บาท
หนังสือเดินทางคนละ1000บาท
ที่พัก Regalia Residence Kuala Lumpur คนละ405.50x2รวม811บาท
ที่พัก Hotel excel inn คนละ160บาท
รวม5198บาท  

-Day1: กรุงเทพ-กัวลาลัมเปอร์-

เดินทางจากกรุงเทพฯด้วยไฟลท์ AK889 เวลา20.20น. เรามาถึงสนามบินดอนเมืองก่อนเวลา4ชั่วโมง เราได้เช็คอินผ่านเว็บกันมาแล้ว


พวกเราเลยไปนั่งกินข้าว พวกเรากินข้าวขาหมูและข้าวมันไก่ ข้าวขาหมูจานละ 90 บาท ข้าวมันไก่จานละ 80 บาท แล้วเราก็ซื้อน้ำมา2ขวด ขวดละ10บาท รสชาติอร่อยใช้ได้ กินกันจนหมดเลย เห็นละหิวเลยละสิ


หลังจากที่พวกเรากินข้าวกันเสร็จแล้วเราก็เอากระเป๋าไปชั่งน้ำหนักกัน แล้วก็ไปตม.ตรวจคนเข้าเมือง เราผ่านตม.มาแล้วเราเดินเข้าGateกันเลย5555 รีบไหมละ รีบแค่ไหนก็ต้องรออยู่ดีเพราะเครื่อง Delay พอขึ้นเครื่องอย่าลืมเปิดโทรศัพท์โหมดเครื่องบินนะ พอขึ้นเครื่องปุ๊บพวกเราก็หลับปั๊ป


ค่าใช้จ่าย Day 1
.
ข้าวขาหมู 90 บาท
น้ำเปล่า 10 บาท
รวม 100 บาท

-Day2 กัวลาลัมเปอร์-

หลังจากที่พวกเราเดินทางมา2ชั่วโมงพวกเราก็ถึงสนามบินKuala Lumpur Internation Airport 2 (klia2)มาถึงพวกเราปรับเวลานาฬิกากันเลย มาเลเซียจะเร็วกว่าไทย1ชั่วโมง เวลาที่เราถึงมาเลเซียเป็นเวลา01.15น.ก่อนที่พวกเราจะไปกินข้าวกันขอเข้าห้องน้ำก่อน ห้องน้ำมาเลเซียต่างจากไทยตรงที่ฉีดก้นเป็นเหมือนสายยางรดน้ำบ้านเราจะไม่มีหัวฉีด ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน


พวกเราเดินหาร้านข้าวกันแล้วก็จบลงที่KFC พวกเราสั่งมาเซ็ตนึง ในเซตนึงมีไก่ทอด3ชิ้น มันบด1ถ้วย ขนมปัง2ก้อน เป๊ปซี่1แก้ว ราคา13.25ริงกิตหรือประมาณ106บาท KFCที่นี่จะขายเป็นเซ็ตไม่แยกขายเป็นชิ้นเหมือนบ้านเรา รสชาติมันบดของที่นี่อร่อยมาก ที่ไทยมันบดเราไม่กินเลยแต่มาที่นี่เรากินมันบดกันจนหมด ขนมปังก็อร่อย แต่ไก่ที่นี่จะมันมากกว่าไทยเยอะเลยและใส่เครื่องเทศเยอะมาก กินกันเสร็จเราก็นอนกันที่KFCเลย5555

06.00 เราตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันกันที่ห้องน้ำที่สนามบินเลย
ทำภาระกิจเสร็จเราก็ไปซื้อตั๋วจาก Kila2 ไปสถานีปุตราจายากัน เดินทางโดยรถไฟฟ้าKLAI Transit เสียค่าตั๋วคนละ14ริงกิต ประมานคนละ112บาท มาที่นี่ไม่ได้ขึ้นรถไฟฟ้าถือว่าพลาดมาก


ใช้เวลา20นาทีเดินทางจาก Kila 2 มาสถานีPutrajaya Sentralในที่สุดเราก็ถึงแล้วเย้เย้


การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเมืองปุตราจายานั้นเรานั่งรถเมล์สายL15ไปลงมัสยิดสีชมพู ค่าโดยสาร1ริงกิต นั่งรถ15นาที


ถึงมัสยิดสีชมพูแล้ว รถบัสจะจอดตรงปุตราสแควร์ (Putra Square)พอดี พอลงรถเราก็เจอมัสยิดสีชมพูเลย เรามาถึงที่นี่08.15 น.มัสยิดสีชมพูเปิด 09.00 น. ยังเข้าไม่ได้เราเลยถ่ายบรรยากาศโดยรอบกันก่อน เรานั่งรอบริเวณปุตราสแควร์(Putra Square)จะเป็นลานกว้างๆมีธงของแต่ละรัฐ พอถึง 09.00 เราก็เข้าไปในมัสยิดสีชมพู ค่าเข้าชมฟรี โดยผู้หญิงเขาจะให้ใส่ชุดคลุมสีแดง แล้วต้องใส่หมวกคลุมหัวตลอดเวลาด้วย ส่วนผู้ชายใส่กางเกงขายาวก็เข้าได้แล้ว


เราเดินเข้าไปในมัสยิดภายในมัสยิดถูกตกแต่งสวยงามมาก สำหรับนักท่องเที่ยวเขาจะให้เข้าชมในพื้นที่ที่จัดให้เท่านั้น


พอเราออกจากมัสยิดสีชมพูเราก็เดินมาทางซ้ายก็เจอทำเนียบรัฐบาล


เมื่อเราถ่ายรูปเสร็จเราก็เดินมายังสะพานPutra Bridgeเพื่อชมบรรยากาศรอบๆมัสยิดสีชมพู


ในระหว่างทางที่เราจะเดินไปIron Mosqueเราได้เดินผ่านสะพาน Seri Wawasan Bridge และไม่พลาดที่จะถ่ายมาด้วย


เราเดินกันมา30นาทีก็ถึงIron Mosqueพอเรามาถึงเราก็ได้ซื้อน้ำกินที่ร้านค้าของที่นี่ กระป๋องละ2ริงกิตประมาณ16บาท รสชาติรสส้มพอกินได้สุด รสบลูเบอร์รี่ รสชาติจืดๆซ่าๆเหมือนกับน้ำโซดาเพียวๆแค่มีกลิ่นบลูเบอร์รี่และรสชาติแย่สุดก็ขวดสีน้ำตาล ตอนแรกเราเข้าใจว่ารสชาติคล้ายๆเป๊ปซี่โค้กบ้านเรา พอกินเท่านั้นรสชาติเหมือนยาหม่องนี่เองด้วยความเสียดายตังจึงกินจนหมด


มัสยิดเงินจะให้เข้าชมฟรีโดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับเป็นอย่างดีก่อนที่เราจะเข้าโบสถ์เจ้าหน้าที่ให้สวมเสื้อคลุมสีม่วง



เมื่อเราเข้าไปในมัสยิดบรรยากาศในมัสยิดเย็นมาก ภายนอกมัสยิดเต็มไปด้วยสระน้ำรอบๆเพื่อทำให้เย็นสบาย โดยเจ้าหน้าที่พาเราเดินรอบ มัสยิดแห่งนี้สร้างเสร็จในปี2010 สร้างด้วยโลหะกว่า70เปอร์เซ็นต์


เดินเข้ามาภายในห้องสวดมนต์ของมัสยิด ในทุกวันศุกร์ตอนบ่ายที่นี่จะทำการละหมาดครั้งใหญ่


พวกเราชมความงามของมัสยิดที่นี่จนครบแล้ว พวกเราได้มอบของขวัญที่ระลึกให้กับเจ้าหน้าที่โดยเราให้ลูกประคบที่เราซื้อมาจากไทยมามอบให้แทนคำขอบคุณสำหรับการต้อนรับเป็นอย่างดี


เราเดินไป Perbadan Putrajaya Complex แล้วเราก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาให้ชมกันตลอดทางจนถึงป้ายรถเมล์เพื่อที่จะนั่งรถเมล์สาย L15 กลับไปที่ Putrajaya Sentral



อ่านกันเพลินละสิ่ อดใจรออีกนิด PART2 กำลังคลอดตามมานะ
ชื่อสินค้า:   มาเลเซีย กัวลาลัมเปอร์ ปุตราจายา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่