“ผมไปกับคุณได้มั้ย…”

“ผมไปกับคุณได้มั้ย…”


          ผมชื่อแทน มีแฟนชื่อพลอย เราคบกันตอนผมอายุ 22 ส่วนเธอ 20 สามปีมาแล้วที่มีเธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ผมไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ เธอชอบเที่ยวธรรมชาติ นอนกลางดิน กินกลางทราย...ทะเล ความรักราบรื่นแต่ไม่ราบเรียบเหมือนคู่อื่นทั่ว ๆ ไปครับ

          ช่วงนี้พลอยงอนผมบ่อย เพราะไม่ค่อยรับโทรศัพท์เธอ ก็แหม...น้องใหม่ในบริษัทอย่างผม ต้องวางตัวมีความรับผิดชอบ ไม่อู้งานต่อหน้าสาธารณชน แม้กระทั่งตอนเลิกงาน ก็ตามประสาผู้ชายแหละ เมื่อสนิทกันจึงเริ่มกระชับความสัมพันธ์ด้วยกับแกล้ม บางทีก็เมากลับบ้านบ้าง แหะ ๆ จากเป็นคนไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ตอนนี้ผมกลับคิดว่าบางยี่ห้อมีเสน่ห์ยั่วยวนในตัวของมัน
          “ตัวเองไม่โทรมาฝันดีเลยนะเมื่อวาน”
          “กลับมาสลบเลยอะ”
          “กลับมากี่โมง”
          “ไม่ดึกหรอก เอ่อ...ห้าทุ่ม”
          “เลิกตั้งแต่ทุ่มหนึ่ง เลิกทำซะดีมั้งที่นี่ ชวนกันตั้งวงบ่อยจริง” เสียงพลอยเริ่มฉุน
          “ไม่ได้หรอก เงินเดือนเยอะกว่าที่เก่าตั้งสองพัน” จะให้ผมทิ้งบริษัทออแกไนซ์ที่เพื่อนร่วมงานอัธยาศัยดีไปได้ไง


          และผมได้เริ่มรู้ว่าการเข้าสังคมให้คนรักคนเอ็นดู บางทีต้องไหลไปตามน้ำ ผู้ชายอยู่ด้วยกันเยอะ ๆ ก็ฮาเฮ ปากหมา เกี้ยวสาวไปตามวัยล่ะครับ ส่วนผมน่ะหรอ งานคือสิ่งที่ทำแลกเงิน เข้ากับเพื่อนร่วมงานดีคือผลพลอยได้ ไม่มีไปเกี้ยวสาวหลังเลิกงานเหมือนพวกพี่ ๆ เขาหรอกครับ...ปฏิเสธมาได้ปีกว่า ฮอร์โมนเพศชายมันพลุ่งพล่าน ขอพลอยก็ไม่ค่อยให้ครับ บ่นเหนื่อยทุกทีตอนออกเวรพยาบาล ขนาดเป็นคลินิกส่วนตัวของแพทย์นะ เฮ้อ!

          “ฮือ ฮือ” เสียงร้องไห้มาตามสายทันทีที่รับโทรศัพท์
          “เป็นอะไรที่รัก”
          “ฮือออออ...แฟนส้มบอกว่าเห็นแทนไปลงอ่างกับเพื่อน ฮือ ๆ จริงมั้ย”
          “จะบ้าเหรอะ! ทำงานทุกวันเอาเวลาไหนไป”
          “ถ้าไม่ได้ทำก็จะไปใช่ป้ะ” พลอยสะอื้นกว่าเดิม
          “โถแม่คุณ เป็นแฟนกันมาหลายปี เคยเห็นเค้าไปเอาคนอื่นมั้ย” เคลียร์กันเป็นชั่วโมงครับ บอกไม่ได้ไป ๆ จะให้เอาหลักฐานมายืนยัน ไอคนเห็นนี่มันเห็นได้ไง ถ้าไม่ได้ไปลงอ่างซะเอง อย่าให้เจอจะเตะปากให้!

          เรามีเรื่องให้ถกเถียงกันประมาณนี้แหละครับนาน ๆ ครั้ง เข้าใจว่าผู้หญิงเป็นมนุษย์เข้าใจยากมานานแล้ว แต่พอได้ลิ้มรส เอ้ย ลิ้มลองคบเป็นแฟนยิ่งเข้าใจยากครับ เอาเป็นว่าผมไม่ค่อยเข้าใจเธอเลยเนอะ แต่มีข่าวดีมาบอก ปลายปีผมจะขอพลอยแต่งงานริมทะเล เหมือนที่เธอเคยบรรยายอยากเป็นดังเจ้าหญิงเงือก รอเจ้าชายอสูรอย่างผมมาสวมแหวนไข่มุกให้ จัดให้ตามคำขอครับ อย่างน้อยผมคงหามุกงาม ๆ ได้ราคาถูกกว่าเพชรเม็ดเป้ง ฮ่า ๆ ถ้าผมไม่…


          ผมมารับพลอยไปกินข้าวต้มรอบดึก เธอโอบเอวผมพร้อมทำหน้าเหม็นกลิ่นแอลกอฮอล์
          “กินมากี่แก้วเนี่ย เหม็นคลุ้งไปหมด”
          “3 แก้ว กลิ่นแรงเนอะ แทนยังเหม็นปากตัวเอง ฮ่าาาา~~” ผมพ่นลมจากปากแกล้งพลอย พลันรถมอเตอร์ไซค์แฉลบซ้ายขวาเพราะเธอหยิกเอวเข้าให้ ที่ร้านข้าวต้มผมยังจิบเบียร์อีกขวด เพื่อเรียกขวัญกำลังใจขอเธอแต่งงาน แต่คิดดูแล้วสภาพเกงขาสั้นรองเท้าแตะ ไม่โรแมนติกเอาซะเลย ไว้วันหลังเถอะ

          ลมปะทะหน้าแรงขณะขับรถเครื่องไม่สวมหมวกกันน็อค (ตรงนี้อย่าทำตามนะเด็ก ๆ ตำรวจจับไม่เท่าไร อันตรายร้ายยิ่งกว่า) ผมสะบัดหน้าให้กับดวงตาที่พร่ามัว สมองมันตึง ๆ คิดได้ช้ากว่าปกติ ผู้หญิงยิ้มสวยซ้อนท้ายกอดผมแน่น เธอเล่าถึงคนไข้วันนี้มารักษามีแต่เด็กเป็นส่วนใหญ่ ผมหันไปคุยกับเธอก่อนเห็นดวงตาดำเบิกกว้างอย่างตกใจ เสียงกรีดร้องพรากสติผมไป ชั่วพริบตาเดียวผมได้สูญเสียเจ้าสาวในอนาคต! ผมตื่นมาในห้องสีขาวของโรงพยาบาล กับข่าวร้ายว่าพลอยเสียชีวิต...เพราะผมเมาแล้วขับ


          คุณลองมโนสภาพผมเหมือนคนอกหักกรีดแขนตัวเอง เฝ้าโทษตัวเองข้าวปลาไม่กิน น้ำไม่แตะ ลางานมาถึงวันที่หก วันที่ผมได้เห็นพลอยอีกครั้งก่อนเผา...เธอมาหาผมครับ ขณะฟังพระสวดสลับเสียงร่ำไห้ของผู้ร่วมงาน ผมยาวสลวยปล่อยกลางหลังในชุดขาว นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามที่ตั้งศพ พอผมเห็นเธอ คนในงานได้แตกตื่นพร้อมกัน เป็นเครื่องย้ำว่าไม่ได้ตาฝาดไปคนเดียว เธอร้องไห้ครับ ร้องแบบไม่มีเสียงน้ำตาไหลพราก ผมสงสาร รู้สึกผิด ขอโทษสุดหัวใจ ขอโทษที่ชีวิตต้องดับลงเพียงเพราะผมดื่มไอน้ำบ้า ๆ นั่น อยากเดินเข้าไปกอดเหลือเกิน พอได้เห็นพลอยใกล้ ๆ ผมยิ่งปวดร้าวไปถึงขั้วหัวใจ ผิวสวยของเธอเปรอะไปด้วยแผลช้ำเขียว ช้ำม่วง ตรงคอมีรอยสะเก็ดเลือดเป็นแนวยาว หน้าแข้งกับหน้าผากเหวอะหวะจนเห็นเนื้อสีเหลืองชมพูไม่แพ้กัน
          “ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรมไว้ให้มั่นนะโยม” เสียงพระรูปหนึ่งเอ่ยขึ้นขณะผมเอื้อมมือจะถึงตัวเธอแล้ว
คืนสุดท้ายก่อนเผาใกล้หมดลง พลอยยังคงปรากฏกายใกล้ผมไม่ไปไหน รอจนผู้ร่วมงานและญาติกลับบ้านหมด ผมเดินตามเสียงร้องไห้ของเธอจนถึงทางออกวัด ก่อนพลอยหายไปในความมืด ความคิดถึงแล่นเข้าจับใจอีกครั้ง แทนขอโทษที่เราไม่สามารถมีงานแต่งงานในฝันร่วมกันได้ ผมกุมหน้าสลดกับฝ่ามือ หยดน้ำตาได้เหือดแห้งหายไปแล้ว ผมเสียใจจนไร้น้ำตาให้ไหลอีกต่อไป


          กลับบ้านมาผมเห็นพ่อแม่นั่งง่วนกับการจัดเหรียญโปรยทาน นัยน์ตาหญิงชราเศร้าหมองเมื่อผมไปนั่งใกล้ ๆ ทว่ามือเหี่ยว ๆ ของพ่อได้ช่วยกันปลอบประโลมจับมือแม่ไว้แน่น ราวกับเธอจะรู้สึกว่ารอบตัวมีความเปลี่ยนแปลงเหมือนกับผม จึงร้องไห้ออกมา และเบื้องหน้านั้นหญิงคนที่ผมรัก ได้เดินเข้ามาในบ้าน เธอขึ้นไปห้องนอนผม นั่งดูดอกไม้แห้งกรอบที่เราเคยให้กันในวันแห่งความรัก ผมไม่กล้าทิ้งแม้เพียงแตะเบา ๆ ดอกกุหลาบคงจะร่วงกร่อนลงมาทั้งก้าน เพราะคิดว่าเมื่อพลอยมาบ้านผม จะรู้ได้ทันทีถ้ามีของหายไป
          “พลอย” ผมเรียกเธอเสียงแผ่ว
          “พลอย” ผมเรียกเธออีกครั้ง แต่เหมือนดวงตากลมโตนั้นเลื่อนลอย อยู่ในภวังค์ที่เราสื่อกันไม่ถึง
          “ฮือ ฮือ” พลอยเริ่มปล่อยน้ำตารินไหลอีกครั้ง ผมก้าวขาไปยืนข้างเธอ และวูบหนึ่งก็สัมผัสกลิ่นคล้ายธูปวนเวียนกลางอากาศ
          “พลอยรู้ว่าตอนนั้นแทนโกหก แต่พลอยไม่อยากเลิกกัน คิดว่าให้อภัยและทำเป็นลืมมันไปสักครั้งคงดีกว่า”
เสียงเธอค่อย ๆ เปล่งแทรกเสียงสะอึกทีละคำ ทว่าผมกลับเข้าใจโดยพลันว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องใด เรื่องที่ผมโกหกว่าไม่ได้นอกกายเธอครับ...นั่นยิ่งทำให้ผมเป็นอสูรกายจริง ๆ มากขึ้น ผมผิดหวัง ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานเก็บเงินไปทำไม ในเมื่อไม่มีใครร่วมใช้มัน ทำไมไม่เป็นคนเลวที่ตายไป ให้ผมตายแทนได้ไหม ผมอยากตาย!


          ดับชีวิตตัวเองไปซะ! เป็นทางเดียวที่ชดใช้ให้พลอยได้อย่างสาสม ผมคิดวนเวียนเช่นนี้ทั้งคืนจนฟ้าสาง วันนี้พลอยมาหาผมที่วัดแต่เช้าในสภาพไม่ต่างจากเมื่อวาน แผลพุพองยังช้ำหนอง บ่งบอกได้ว่าเจ็บมาสาหัสด้วยน้ำมือคนที่เธอรัก เธออยู่เคียงข้างผมเสมอ แม้ควันพวยพุ่งออกจากปล่องเมรุเผาศพ หญิงชุดขาวยืนมองกลุ่มควันข้างกายผม ก่อนจะค่อยเลือนหายไปจากสายตา
          “อย่าเพิ่งไปนะ!” ผมได้แต่ตะโกนร่ำร้องในใจ
          “อยู่กับแทนก่อน อยู่ให้บอกรักและเป็นพ่อที่ดีของลูก จำได้มั้ยที่พลอยบอกว่าเราจะมีลูกชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เค้าจะได้วิ่งเล่นเป็นเพื่อนกันไงล่ะ อย่าทิ้งแทนไว้อย่างนี้ ให้แทนไปกับพลอยได้มั้ย...” เธอไม่ฟังผมสักนิดเลย โลกของเธอคงไม่ได้ยินคำวิงวอนจากผม พร้อมกันดวงเนตรผม มิสามารถมองเห็นเธอเด่นชัดได้อีกแล้ว

          ความรู้สึกว้าเหว่กลายเป็นความว่างเปล่าเข้ามาแทนที่ ผมเริ่มไม่รับรู้ถึงการอยากมีชีวิตอยู่ เมื่อเห็นพลอยเกาะกราบเรือซึ่งลอยคว้างกลางทะเลอยู่ข้างผม ห่อผ้าถูกเปิดออกแล้วลมทะเลก็พัดพาอัฐิโลดแล่นไปตามสายน้ำ ภาพข้างหน้าผมเริ่มมืดหม่น ขณะที่พลอยค่อย ๆ จางหายไป พร้อมกับการรับรู้ได้ ก่อนทุกสิ่งจมลงสู่ห้วงเหวอันมืดมิด…



“ผมตายแล้ว”
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เรื่องสั้น นักเขียนหนังสือ แต่งเรื่องสั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่