ณ ห้องฉลองสมรสในโรงแรมกลางเมืองกรุง ของงานแต่งงานระหว่าง
นาวาอากาศตรีจักรภพ วัฒนศักดินาธรหรือจักร และพิมาลา สุขธำรงรักษ์หรือมายด์
อันดูชื่นมื่นไปด้วยบรรยากาศที่ดูสวยงามด้วยการตบแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน
อย่างดูอลังการงานสร้าง
เนื่องด้วยครอบครัวฝ่ายชายนั้นเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย จึงทุ่มทุนเนรมิต
งานแต่งของลูกชายคนโตผู้รับราชการเป็นทหารอากาศอันเป็นหน้าเป็นตา
และสร้างเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูล อย่างสมน้ำสมเนื้อกับความภาคภูมิใจ
ของบิดามารดาผู้มีเชื้อสายจีน ซึ่งทำธุรกิจร้านขายเครื่องนอนรายใหญ่อยู่
ในย่านเยาวราช
"เฮ้ย ไอ้มิกซ์ แกดูนั่นดิวะ" เพื่อนเจ้าบ่าวรีบเรียกให้เพื่อนสนิทอีกคนของตน
หันไปดูคนที่พึ่งจะก้าวเดินเข้ามาในงาน
"อะไรของแก..." ติณณ์ที่แอบส่งสายตาหวานให้เพื่อนเจ้าสาวคนสวยอยู่ก็หัน
ไปเอ็ดเพื่อนอย่างรู้สึกแสนขัดใจ
"เฮ้ย ยัยไม้นี่หว่า" ชายหนุ่มร้องอุทานออกมาอย่างรู้สึกตกใจเมื่อเห็นแขกที่
ไม่ได้รับเชิญมางานแน่ๆ เพราะเธอนั้นเป็นแฟนเก่าของเจ้าสาวคนสวยที่กำลังยืน
เคียงข้างเจ้าบ่าวและพูดคุยอยู่กับพิธีกรอยู่บนเวที
"ยัยไม้มาทำไมวะไอ้ติณณ์" ธีรภพเอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ
ติณณ์เองก็หรี่ตามองอย่างนึกสงสัยในเจตนาของเจ้าตัวอยู่เหมือนกัน
"เล่นมาชุดสูทขาวยังกับเจ้าบ่าว แถมหน้าแดงเถือกขนาดนั้น มันไม่ค่อยน่าไว้ใจ
แล้วว่ะ เมารึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันว่าตามประกบเอาไว้ดีกว่า ถ้ามีอะไรก็เข้าชาร์จเลย โอเคนะ ไอ้ธี"
ติณณ์รีบบอกให้ธีรภพตามเขามา
"โอเค" ชายหนุ่มรับคำและทั้งสองคนก็มายืนสังเกตการณ์อยู่ข้างหลัง
อดีตแฟนเจ้าสาวที่เดินไปหยิบแก้วแชมเปญจากบริกรมาถือไว้ในมือและยกมันขึ้นจิบ
พร้อมกับจ้องมองไปยังคนบนเวทีทางด้านหน้าสุดด้วยแววตาเศร้าๆ โดยที่ก็ไม่ได้
ทำอะไรมากไปกว่านั้น จนคนเฝ้าก็แอบรู้สึกเบาใจลงนิดหน่อยที่ภีรณีไม่ได้ก่อเรื่อง
วุ่นวายอะไร
จนกระทั่งเมื่อผู้ใหญ่คนสำคัญถูกเชิญขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวอวยพร หญิงสาว
ก็ใช้อีกข้างซึ่งยังว่างอยู่ค่อยๆ ล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและก้มมองที่หน้าจอ
พร้อมกับเลื่อนนิ้วไปมา ทำห้ติณณ์เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ กับท่าทีของภีรณีที่ดู
ละความสนใจจากแฟนเก่ามามองแต่ที่บนหน้าจอมือถือ
ทันทีที่เสียงไชโยที่เจ้าภาพบนเวทีบอกให้คนในงานกล่าวอวยพรให้บ่าวสาว
ดังครบสามครั้ง เสียงริงโทนมือถือซึ่งเป็นเสียงของปานธนพรก็ดังขึ้นด้วยความดัง
ระดับสิบทันที
"ขอให้ความรัก ไม่มีความสุขใจ
ไม่ว่าสิ่งไหนพังให้หมดทุกอย่าง
ขอให้ความรักเขาและเธอมีแต่จืดจาง..."
บรรดาแขกเหรื่อรวมถึงบ่าวสาวก็หันขวับมามองตรงบริเวณต้นเสียงทาง
ด้านหลังของห้องจัดเลี้ยงแทบจะพร้อมเพรียงกันทันที และภีรณีก็เริ่มเทแชมเปญ
ในแก้วที่ถืออยู่ลงบนพื้น พร้อมกับแหกปากร้องเพลงตามเสียงเพลงนั้นไปด้วย
เชี่ยแล้ว
ติณณ์สบถในใจได้แค่นั้น เขากับธีรภพก็รีบวางแก้วแชมเปญในมือลงบนโต๊ะ
แถวนั้นและรีบพุ่งเข้าไปจับตัวเจ้าของมือถือเครื่องนั้น ชายหนุ่มรีบคว้ามือถือมากดปิดเสียง
และส่งมันให้กับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะปลดแก้วแชมเปญให้ธีรภพรับไปเช่นกัน
แม้ว่าคนเมาที่ตัวเล็กกว่าจะพยายามยื้อแย่งของทุกอย่างคืนแต่เธอก็สู้
แรงมือที่แข็งอย่างกับคีมเหล็กไม่ไหว จึงเริ่มโวยวายเสียงอ้อแอ้ออกมา
"เอาคืนมานะ"
"บ้ารึไงที่คิดมาทำลายงานแต่งชาวบ้านแบบนี้ ออกจากงานไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"ไม่ไปโว้ย!"
คนตัวใหญ่ไม่ฟังคำค้าน เขาจับลากแขนของหญิงสาวผมสั้นที่ร้องดิ้นโวยวาย
อย่างหนักให้เดินตามออกมา
หลายคนที่เห็นอาการพยศของแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็เริ่มหันไปถามไถ่แขกคนอื่น
เพราะอยากรู้ว่าหญิงสาวที่มาอาละวาดเป็นใคร หลายคนก็เข้าใจผิดคิดไปว่าอาจจะเป็น
กิ๊กเก่าของเจ้าบ่าวเพราะแขกหลายท่านก็เคยได้ยินกิตติศัพท์มาว่าจักรภพนั้นก็เป็น
ชายหนุ่มที่เนื้อหอมและเจ้าชู้มาก ในขณะที่ใครหลายคนซึ่งรู้ว่าคนที่กำลังโวยวาย
เป็นใครเริ่มป้องปากกระซิบกระซาบนินทาเจ้าสาวถึงเรื่องของแฟนเก่ากันอย่างเมามันส์
“แก ผัวเก่าบุกมาถล่มงานขนาดนี้ แกว่าอีเจ้าสาวจะนึกละอายใจบ้างไหม ทิ้งทอม
ที่คบกันตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยมาหาผู้ใหม่แบบนี้” กะเทยสาวแต่งหญิงนางหนึ่งที่นั่งอยู่
โซนตรงกลางของห้องจัดเลี้ยงก็หันไปคุยกับเพื่อนสาวคนสนิท
เมื่อมีคนเปิดประเด็นให้ เพื่อนสาวขาเม้าท์ก็พูดถึงพิมาลาแบบแย่ๆ อย่างสนุกปากทันที
“โอ๊ย แกหันไปดูหน้านางบนเวทีสิยะ ยืนทำหน้าอินโนเซนต์อยู่น่ะ ถ้าละอายใจ ชีก็คง
ไม่แอบมาแต่งแบบพยายามปกปิดไม่ให้ผัวเก่ารู้แบบนี้หรอก แต่นะความลับมันไม่มีในโลก
โดนมาเล่นถึงงานแบบนี้ก็สมควรแล้วล่ะ”
แต่อีกหลายคนที่รู้ลึกถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างภีรณีและพิมาลาก็แอบรู้สึกสงสาร
และเห็นใจอดีตแฟนเก่าอย่างภีรณีไม่ได้
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีชมพูที่กำลังยืนมองเหตุการณ์วุ่นวายอยู่ก็หันไปกระตุกแขนเพื่อน
ก่อนจะป้องปากกระซิบข้างหูของเพื่อนสาวในชุดกระโปรงสีน้ำเงิน
“แก ฉันสงสารไม้อ่ะ”
“ฉันก็สงสาร แต่ก็นะ ไอ้มายด์มันต้องเลือกจริงๆ นี่หว่า จริงๆ มันก็คงไม่ได้อยากจะทำร้าย
ไม้แบบนี้หรอก” กระซิบคุยกันเสร็จก็ได้แต่มองหน้ากันตาละห้อย เพราะถึงจะสงสารแฟนเพื่อนแต่
ก็สนิทสนมกับฝ่ายเจ้าสาว จึงต้องเลือกอยู่ฝั่งพิมาลาซึ่งเป็นเพื่อนของตน
ฝ่ายพิมาลาก็ยืนหน้าเสียเมื่อเห็นคนรักเก่าอาละวาดกลางงานแต่งงานของตัวเอง แต่แล้ว
สีหน้าก็เริ่มซีดลงเมื่อเห็นแขกผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวหันไปสอบถามญาติของอีก
ฝั่งอย่างดูมึนงงสงสัยว่าคนที่มาอาละวาดเป็นใคร แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวก็รีบจับกุมมือบางของหล่อน
และบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจว่าที่คู่ชีวิตของตน
จนเมื่อทั้งคู่หันมาสบสายตากัน เขาก็เอ่ยปลอบเบาๆ ว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกมายด์ พี่ฝากพวกเพื่อนๆ ให้คอยช่วยจับตาดูเอาไว้แล้ว แค่ไม้คนเดียว
พวกไอ้ติณณ์มันช่วยจัดการให้ได้อยู่แล้ว”
ก่อนที่เขาจะหันไปบอกพิธีกรว่าให้แจ้งแขกเหรื่อออกไมค์ไปว่า แค่เพียงคนเมามากจน
อาละวาดแบบไม่มีสติ เพื่อแก้สถานการณ์เอาหน้ารอดไปก่อน ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าแขก
หลายคนคงไม่เชื่อคำกล่าวอ้างแบบนี้
เมื่อภีรณียังดื้อด้าน ยืนกรานไม่ยอมให้ความร่วมมือในการเดินตามเขาไปดีๆ ติณณ์
ก็รวบกอดแล้วยกตัวหญิงสาวที่กำลังใช้สองมือทุบตีเขาดังพลักๆ ขึ้นพาดบ่า ก่อนจะ
อุ้มพาหล่อนออกจากงานไปเลยโดยไม่สนใจแขกเหรื่อในงานที่จ้องมองกันด้วย
ความตกตะลึงด้วยซ้ำ
To be continue...
หายไปนาน วันนี้มาฝากเรื่องใหม่ค่ะ หวังว่าคนอ่านจะสนุกกันนะคะ ^^
พนันหัวใจใต้ปีกรัก ตอนแรกค่ะ :)
นาวาอากาศตรีจักรภพ วัฒนศักดินาธรหรือจักร และพิมาลา สุขธำรงรักษ์หรือมายด์
อันดูชื่นมื่นไปด้วยบรรยากาศที่ดูสวยงามด้วยการตบแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน
อย่างดูอลังการงานสร้าง
เนื่องด้วยครอบครัวฝ่ายชายนั้นเป็นครอบครัวที่ร่ำรวย จึงทุ่มทุนเนรมิต
งานแต่งของลูกชายคนโตผู้รับราชการเป็นทหารอากาศอันเป็นหน้าเป็นตา
และสร้างเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูล อย่างสมน้ำสมเนื้อกับความภาคภูมิใจ
ของบิดามารดาผู้มีเชื้อสายจีน ซึ่งทำธุรกิจร้านขายเครื่องนอนรายใหญ่อยู่
ในย่านเยาวราช
"เฮ้ย ไอ้มิกซ์ แกดูนั่นดิวะ" เพื่อนเจ้าบ่าวรีบเรียกให้เพื่อนสนิทอีกคนของตน
หันไปดูคนที่พึ่งจะก้าวเดินเข้ามาในงาน
"อะไรของแก..." ติณณ์ที่แอบส่งสายตาหวานให้เพื่อนเจ้าสาวคนสวยอยู่ก็หัน
ไปเอ็ดเพื่อนอย่างรู้สึกแสนขัดใจ
"เฮ้ย ยัยไม้นี่หว่า" ชายหนุ่มร้องอุทานออกมาอย่างรู้สึกตกใจเมื่อเห็นแขกที่
ไม่ได้รับเชิญมางานแน่ๆ เพราะเธอนั้นเป็นแฟนเก่าของเจ้าสาวคนสวยที่กำลังยืน
เคียงข้างเจ้าบ่าวและพูดคุยอยู่กับพิธีกรอยู่บนเวที
"ยัยไม้มาทำไมวะไอ้ติณณ์" ธีรภพเอ่ยถามอย่างนึกแปลกใจ
ติณณ์เองก็หรี่ตามองอย่างนึกสงสัยในเจตนาของเจ้าตัวอยู่เหมือนกัน
"เล่นมาชุดสูทขาวยังกับเจ้าบ่าว แถมหน้าแดงเถือกขนาดนั้น มันไม่ค่อยน่าไว้ใจ
แล้วว่ะ เมารึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันว่าตามประกบเอาไว้ดีกว่า ถ้ามีอะไรก็เข้าชาร์จเลย โอเคนะ ไอ้ธี"
ติณณ์รีบบอกให้ธีรภพตามเขามา
"โอเค" ชายหนุ่มรับคำและทั้งสองคนก็มายืนสังเกตการณ์อยู่ข้างหลัง
อดีตแฟนเจ้าสาวที่เดินไปหยิบแก้วแชมเปญจากบริกรมาถือไว้ในมือและยกมันขึ้นจิบ
พร้อมกับจ้องมองไปยังคนบนเวทีทางด้านหน้าสุดด้วยแววตาเศร้าๆ โดยที่ก็ไม่ได้
ทำอะไรมากไปกว่านั้น จนคนเฝ้าก็แอบรู้สึกเบาใจลงนิดหน่อยที่ภีรณีไม่ได้ก่อเรื่อง
วุ่นวายอะไร
จนกระทั่งเมื่อผู้ใหญ่คนสำคัญถูกเชิญขึ้นไปบนเวทีเพื่อกล่าวอวยพร หญิงสาว
ก็ใช้อีกข้างซึ่งยังว่างอยู่ค่อยๆ ล้วงหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและก้มมองที่หน้าจอ
พร้อมกับเลื่อนนิ้วไปมา ทำห้ติณณ์เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ กับท่าทีของภีรณีที่ดู
ละความสนใจจากแฟนเก่ามามองแต่ที่บนหน้าจอมือถือ
ทันทีที่เสียงไชโยที่เจ้าภาพบนเวทีบอกให้คนในงานกล่าวอวยพรให้บ่าวสาว
ดังครบสามครั้ง เสียงริงโทนมือถือซึ่งเป็นเสียงของปานธนพรก็ดังขึ้นด้วยความดัง
ระดับสิบทันที
"ขอให้ความรัก ไม่มีความสุขใจ
ไม่ว่าสิ่งไหนพังให้หมดทุกอย่าง
ขอให้ความรักเขาและเธอมีแต่จืดจาง..."
บรรดาแขกเหรื่อรวมถึงบ่าวสาวก็หันขวับมามองตรงบริเวณต้นเสียงทาง
ด้านหลังของห้องจัดเลี้ยงแทบจะพร้อมเพรียงกันทันที และภีรณีก็เริ่มเทแชมเปญ
ในแก้วที่ถืออยู่ลงบนพื้น พร้อมกับแหกปากร้องเพลงตามเสียงเพลงนั้นไปด้วย
เชี่ยแล้ว
ติณณ์สบถในใจได้แค่นั้น เขากับธีรภพก็รีบวางแก้วแชมเปญในมือลงบนโต๊ะ
แถวนั้นและรีบพุ่งเข้าไปจับตัวเจ้าของมือถือเครื่องนั้น ชายหนุ่มรีบคว้ามือถือมากดปิดเสียง
และส่งมันให้กับเพื่อนสนิท ก่อนที่จะปลดแก้วแชมเปญให้ธีรภพรับไปเช่นกัน
แม้ว่าคนเมาที่ตัวเล็กกว่าจะพยายามยื้อแย่งของทุกอย่างคืนแต่เธอก็สู้
แรงมือที่แข็งอย่างกับคีมเหล็กไม่ไหว จึงเริ่มโวยวายเสียงอ้อแอ้ออกมา
"เอาคืนมานะ"
"บ้ารึไงที่คิดมาทำลายงานแต่งชาวบ้านแบบนี้ ออกจากงานไปเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"ไม่ไปโว้ย!"
คนตัวใหญ่ไม่ฟังคำค้าน เขาจับลากแขนของหญิงสาวผมสั้นที่ร้องดิ้นโวยวาย
อย่างหนักให้เดินตามออกมา
หลายคนที่เห็นอาการพยศของแขกที่ไม่ได้รับเชิญก็เริ่มหันไปถามไถ่แขกคนอื่น
เพราะอยากรู้ว่าหญิงสาวที่มาอาละวาดเป็นใคร หลายคนก็เข้าใจผิดคิดไปว่าอาจจะเป็น
กิ๊กเก่าของเจ้าบ่าวเพราะแขกหลายท่านก็เคยได้ยินกิตติศัพท์มาว่าจักรภพนั้นก็เป็น
ชายหนุ่มที่เนื้อหอมและเจ้าชู้มาก ในขณะที่ใครหลายคนซึ่งรู้ว่าคนที่กำลังโวยวาย
เป็นใครเริ่มป้องปากกระซิบกระซาบนินทาเจ้าสาวถึงเรื่องของแฟนเก่ากันอย่างเมามันส์
“แก ผัวเก่าบุกมาถล่มงานขนาดนี้ แกว่าอีเจ้าสาวจะนึกละอายใจบ้างไหม ทิ้งทอม
ที่คบกันตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัยมาหาผู้ใหม่แบบนี้” กะเทยสาวแต่งหญิงนางหนึ่งที่นั่งอยู่
โซนตรงกลางของห้องจัดเลี้ยงก็หันไปคุยกับเพื่อนสาวคนสนิท
เมื่อมีคนเปิดประเด็นให้ เพื่อนสาวขาเม้าท์ก็พูดถึงพิมาลาแบบแย่ๆ อย่างสนุกปากทันที
“โอ๊ย แกหันไปดูหน้านางบนเวทีสิยะ ยืนทำหน้าอินโนเซนต์อยู่น่ะ ถ้าละอายใจ ชีก็คง
ไม่แอบมาแต่งแบบพยายามปกปิดไม่ให้ผัวเก่ารู้แบบนี้หรอก แต่นะความลับมันไม่มีในโลก
โดนมาเล่นถึงงานแบบนี้ก็สมควรแล้วล่ะ”
แต่อีกหลายคนที่รู้ลึกถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างภีรณีและพิมาลาก็แอบรู้สึกสงสาร
และเห็นใจอดีตแฟนเก่าอย่างภีรณีไม่ได้
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีชมพูที่กำลังยืนมองเหตุการณ์วุ่นวายอยู่ก็หันไปกระตุกแขนเพื่อน
ก่อนจะป้องปากกระซิบข้างหูของเพื่อนสาวในชุดกระโปรงสีน้ำเงิน
“แก ฉันสงสารไม้อ่ะ”
“ฉันก็สงสาร แต่ก็นะ ไอ้มายด์มันต้องเลือกจริงๆ นี่หว่า จริงๆ มันก็คงไม่ได้อยากจะทำร้าย
ไม้แบบนี้หรอก” กระซิบคุยกันเสร็จก็ได้แต่มองหน้ากันตาละห้อย เพราะถึงจะสงสารแฟนเพื่อนแต่
ก็สนิทสนมกับฝ่ายเจ้าสาว จึงต้องเลือกอยู่ฝั่งพิมาลาซึ่งเป็นเพื่อนของตน
ฝ่ายพิมาลาก็ยืนหน้าเสียเมื่อเห็นคนรักเก่าอาละวาดกลางงานแต่งงานของตัวเอง แต่แล้ว
สีหน้าก็เริ่มซีดลงเมื่อเห็นแขกผู้ใหญ่ทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาวหันไปสอบถามญาติของอีก
ฝั่งอย่างดูมึนงงสงสัยว่าคนที่มาอาละวาดเป็นใคร แต่ฝ่ายเจ้าบ่าวก็รีบจับกุมมือบางของหล่อน
และบีบเบาๆ เพื่อให้กำลังใจว่าที่คู่ชีวิตของตน
จนเมื่อทั้งคู่หันมาสบสายตากัน เขาก็เอ่ยปลอบเบาๆ ว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกมายด์ พี่ฝากพวกเพื่อนๆ ให้คอยช่วยจับตาดูเอาไว้แล้ว แค่ไม้คนเดียว
พวกไอ้ติณณ์มันช่วยจัดการให้ได้อยู่แล้ว”
ก่อนที่เขาจะหันไปบอกพิธีกรว่าให้แจ้งแขกเหรื่อออกไมค์ไปว่า แค่เพียงคนเมามากจน
อาละวาดแบบไม่มีสติ เพื่อแก้สถานการณ์เอาหน้ารอดไปก่อน ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าแขก
หลายคนคงไม่เชื่อคำกล่าวอ้างแบบนี้
เมื่อภีรณียังดื้อด้าน ยืนกรานไม่ยอมให้ความร่วมมือในการเดินตามเขาไปดีๆ ติณณ์
ก็รวบกอดแล้วยกตัวหญิงสาวที่กำลังใช้สองมือทุบตีเขาดังพลักๆ ขึ้นพาดบ่า ก่อนจะ
อุ้มพาหล่อนออกจากงานไปเลยโดยไม่สนใจแขกเหรื่อในงานที่จ้องมองกันด้วย
ความตกตะลึงด้วยซ้ำ
To be continue...
หายไปนาน วันนี้มาฝากเรื่องใหม่ค่ะ หวังว่าคนอ่านจะสนุกกันนะคะ ^^