เนื่องจากกฏหมายมีความซับซ้อนมากและผมไม่สามารถทำความเข้าใจอย่างแท้จริงได้ในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น จึงขอความกรุณาจากผู้มีความรู้และผู้มีประสบการณ์เรื่องนี้มาให้คำแนะนำ และชี้แจ้ง ในเรื่องของการป้องกันตัว จากเหตุการณ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าเคยมีประสบการณ์ถูกจี้ปล้นมาก่อน ซึ่งนานหลายปีแล้ว และวันนี้เกิดเหตุการณ์ ระทึกสำหรับผม ในที่ลานจอดรถของสถานีขนส่งสาธารณะโดยราง โดยยกระดับจากพื้น และมีรางวิ่งข้างล่างเหมือนกัน สถานที่มีการเก็บค่าที่จอด ใกล้จุดสิ้นสุดของคลอง เป็นเวลาก่อนเลิกงาน กำลังเดินไปขึ้นซึ่งอยู่ของชั้นแรกของที่จอดรถ ที่จอดรถมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่จอดรถมีสองฝั่งตรงข้ามกัน ทางลงที่จอดรถมีสองทางคือ บนไดหนีไฟ ทางซ้ายสุดของสี่เหลี่ยมผืนผ้า(ตรงนี้จะเป็นที่จอดมอเตอร์ไซต์ส่วนหนึ่งและถัดไปทางขวาเป็นต้นไปจะจอดรถยนต์) และตรงกลางเป็นทางลงบันไดเลื่อนคู่
รถของผมจอดอยู่ ถัดไปทางด้านหลังบันไดเลื่อนคู่ประมาณ 20 เมตร ส่วนนี้จะไปค่อยพบรปภ.ๆปกติจะด้านหน้าๆของที่จอดรถ ไม่ก็อยู่ด้านบนตรงวงเวียนจอดรถส่งผู้โดยสารชั่วคราว ตอนนี้ถือว่าเปลี่ยวเลยในระยะทางสั้นแค่นี้ มีแค่ผมเดินมาคนเดียว เมื่อเดินไปยังรถที่จอดอยู่ ก็สังเกตคนสองคนยืนคุยอะไรอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามรถผมถัดไปหนึ่งช่องจอดรถ (ผมเดินไปเป็นถนนเลนเดียวผมจอดรถไว้ฝั่งขวามือ ส่วนคนแปลกหน้าจอดอยู่ฝั่งซ้ายมือ) คนหนึ่งเสื้อสีอ่อนผิวทูโทน ส่วนอีกคนผิวคล้ำในชุดเสื้อสีเข้มกางเกงขายาวสีดำ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่สมองสั่งการให้รับรู้ว่ามีคนสองคนอยู่ฝั่งตรงข้าม จุดจอดรถผมเป็นคันแรกของฝั่งขวาจึงไม่มีรถจอดยังด้านซ้ายของตัวรถแต่ด้านขวามีรถจอดอยู่ติดกัน จังหวะที่ผมกำลังหมุนกุญแจประตูฝั่งตรงข้ามคนขับเพื่อวางกระเป๋า ปกติผมไม่เคยเปิดประตูฝั่งซ้ายนี้เลย เหมือนร่างกายทำไปโดยไม่ได้คิด ก็จังหวะเดียวกับที่สองคนนั้นเดินสวนตรงข้ามกับที่ผมยืนไขกุญแจอยู่พอดี และเมื่อผมได้ยินเสียงกุญแจล็อคประตูปลดล็อคเรียบร้อยแล้วนั้น
คำถามหนึ่งก็ดังเป็นเสียงดังแข็งกร้าวแต่ไม่ถึงกับตะโกน ขึ้นข้างหลังผมเยื้องๆมาจากฝั่งตรงข้ามว่า " ไม่ทราบที่นี้คิดค่าจอดรถยังไง" พร้อมกับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ใกล้เข้ามา
เมื่อได้รับรู้เสียงที่ถามมาและรู้สึกเขามาใกล้เรื่อยๆ ผมก็เดินไปด้านหลังรถยนต์โดยอัตโนมัติ โดยทำทีที่จะเดินไปฝั่งคนขับแต่หยุดอยู่ก่อนอยู่ด้านหลังท้ายรถ ซึ่งมีพื้นที่กว่าสองวา และไม่มีกำแพงทึบด้านหลังจะเป็นช่องโปร่งที่มองไปยังของเส้นทางออกจากสถานที่จอดรถแห่งนี้ เมื่อหันกลับไป เป็นชายเสื้อสีอ่อนเดินกำลังเดินเข้ามาทางข้างซ้ายของตัวรถผม ส่วนชายเสื้อสีเข้มยืนเยื้องๆอยู่ฝั่งตรงข้าม
ผมพร้อมตอบกลับไปว่า " 3 ชม.แรก 20 บาท ครับ" แล้วชายเสื้อสีอ่อนก็หยุดอยู่ห่างไปจากที่ผมเคยยืนอยู่แค่ครึ่งวา และชายเสื้อสีอ่อนถามต่อว่า "เขาจะรู้เองใช่เมื่อออกไปใช่มั้ย"
ผมก็ตอบกลับไปว่า แล้วได้บัตรที่จอดรถมั้ย ชายเสื้อสีอ่อนทำท่าหยิบบัตรจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับก้าวข้างหน้าเพื่อมาประชิดตัวผมเพื่อจะเอาบัตรให้ดู แต่จังหวะนี้ผมก็ยังมองภาพรวมที่สองคนอยู่ คนเสื้ออ่อนกล่าวเข้ามา แต่เสื้อเข้มยังยืนอยูที่เดิม ส่วนผมระหว่างนั้นผมก็ถอยไปอีกสองก้าว ระหว่างถอยหลังก็ตอบกลับไปว่า "เดี๋ยววเขารู้เอง"
และผมหยุดยืนท่ามวยไทยแต่ไม่ได้ตั้งการ์ด จากนั้นคนเสื้อสีอ่อนหยุดก้าว มองกันอยู่สักสองวินาทีได้ ชายเสื้อสีอ่อนก็เดินหันหลังกลับไปสบทบกับที่ชายเสื้อสีเข้มยืนอยู่และพูดคุยอะไรสักอย่างซึ่งผมจับเสียงที่สื่อออกมาไม่ได้ จังหวะนั้นผมก็รีบขึ้นรถฝั่งประตูคนขับและล๊อคประตูรถอย่างรวดเร็ว เป็นจังวะเดียวกับคนเสื้อสีอ่อนเดินกลับมาพร้อมบอกชายเสื้อสีเข้มว่า "ลืมหมวกไว้ที่รถ" ผมก็มองตามสักพักมือยังจับอยู่ที่กุญแจที่เสียบคาอยู่ข้างพวงมาลัย ระหว่างที่เขากำลังเปิดรถผมก็สตาร์รถ ขับออกไปทางออกโดยไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย ระหว่างขับรถไปทางออก ก็ยังตื่นเต้นนิดๆอยู่ที่จู่ๆคนแปลกหน้าพยายามเข้ามาประชิดตัว เมื่อถึงจุดคืนบัตรจอดรถ
ผมก็ถามพนักงานว่า "เมื่อตะกี้มีผู้ชายสองคนเข้ามาถามผมเรื่องค่าที่จอดรึเปล่า" พนักงานตอบกลับมาว่า "ใช่รถเก๋งสีขาวที่มีสองคนรึเปล่า" ผมก็ตอบว่า "ใช่เลย" พนักงานก็ตอบกลับมาว่า "เมื่อกี้เขาก็ถามหนูไปเรื่องที่จอดรถเหมือนกัน"
ผมก็เอะใจคิดเลยว่าทำไมถามข้อมูลจากพนักงานแล้วยังจะมาถามข้อมูลจากเราอีก ในหัวที่คิดอันดับแรกก็คือ
มิจฉาชีพ
ผมก็บอกไปว่า "ผมก็ตกใจนะเขาเข้ามาถามผมอีกแถมจะประชิดตัวและตรงบริเวณดังกล่าวไม่มีรปภ.อยู่เลยให้ รปภ.เข้าไปดูได้มั้ย" พนักงานก็ตอบว่า อะไรสักอย่างผมไม่ได้ยินเพราะยังคงตื่นเต้นอยู่ พร้อมกับส่งบัตรที่จอดรถคืน และจ่ายเงินค่าที่จอด และผมก็ขับออกไป พร้อมดูเวลาตอนออกจากสถานี เหมือนมันกลายไปนิสัยไปแล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์สักอย่างก็จะมองนาฬิกาตลอด คิดว่าคงติดมาจากการรายงานให้ความช่วยเหลือโดยการโทรไป จส.100 บ่อยๆ
และคิดไปว่าคล้ายกับเหตุการณ์ตอนโดนจี้เมื่อก่อนเลยที่คนร้ายขี่มอเตอร์สวนมา ผมกำลังเดินกลับบ้านไม่ได้เล่นโทรศัพท์ด้วยนะ ผมอยู่ทางซ้าย คนร้ายอยู่ทางขวา เดินเข้ามาพร้อมกับถามคำถามว่า "ใช้โทรศัพท์อะไรขอดูหน่อย" ตอนนั้นผมโลกสวยครับ ระหว่างนั้นเลยงงกับคำถาม เข้าใจก็ต่อเมื่อเห็นปืนนี่ละ ผมก็บอกไปว่า เอาแต่เงินสดกับโทณศัพท์ไปนะขอกระเป๋าตังไว้ คนร้ายก็โอเค
หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นจุดจบโลกสวยเลยครับ ระแวงไปพักใหญ่ ก็ได้ผู้ใหญ่สอนว่า เวลาเดินเราต้องมองให้กว้างให้มีสติอยู่เสมอ คนเดินอยู่คนละทางจะเดินมาทางเราต้องเตรียมพร้อมป้องกันตัว ต้องมองหาไม้หาหินข้างทาง ไว้หากไม่มีของป้องกันและมีสติ อย่าได้หยุดนิ่งเพราะคาวามกลัว พยายามมีสติไว้และหลีกเลี่ยงการปะทะ
เหตุการณ์หลักๆเลยที่คิดว่าเป็น มิจฉาชีพ คือ
1. ถามคำถามพร้อมเข้ามาประชิดตัว ใช้คำถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเหยื่อ และน้ำเสียงดังที่แข็งกร้าวแต่ไม่ถึงกับตะโกน
เหมือนข่มๆ ในขณะที่ไม่มีคนอื่นอยู่ในเหตุการณ์
2. ถามคำถามแปลกๆ ว่า "ออกจากที่นี่เขาจะรู้ใช่มั้ย"
3. ได้รับรู้ว่ามีการถามคำถามเดียวกันจากพนักงานที่ให้บัตรจอดรถแล้ว ยังจะมาถามผมอีกทำไม
คำถาม
1. จากเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ หากคำตอบสุดท้ายที่ผมได้ตอบไป ผู้ต้องสงสัยยังจะก้าวเข้ามา ผมจะพูดว่า "อย่าเข้ามานะ" หากผู้ต้องสงสัยยังคงก้าวเข้ามาหาข้างหน้าเพียง 1 ก้าว ผมสามารถ ป้องกันตัวเองได้มั้ยครับ จุดนี้คงสู้มือเปล่าโดยเปิดฉากก่อน หากผู้ต้องสงสัยก้าวเข้ามาหา
2. อนาคตอาจจะพกอุปกรณ์ไว้ป้องกันตัวเองจะใช้ได้มั้ย เอาไว้ใช้แค่พอหนีไปได้ และหากพกไว้ในกระเป๋าสะพาย จะโดนตรวจสอบโดยตำรวจขึ้นมาจะโดนอะไรข้อกล่าวหาอะไรมั้ย เช่น มีดยาวไม่เกิน 3 นิ้ว สเปรย์พริกไท, แบบปืนพริกไท, เครื่องช็อตไฟฟ้าหรือสตั้นกัน
3. พกสิ่งป้องกันตัว(อาวุธ)อย่างไรให้ไม่ผิดกฎหมาย เช่น มีดใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายและใส่ปลอกมีด ผิดกฎหมายรึเปล่า
บางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่มิจฉาชีพก็ได้ แต่ผมไม่อยากเสี่ยงจึงคิดในแง่นี้ไว้ก่อน หากใครความคิดเห็นไม่ตรงกันก็ขออภัยด้วยนะครับ
เรื่องสถานที่ที่เกิดเหตุผมไม่มีเจตนาทำให้สถานที่นั้นเสียหายนะครับ
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและขออภัยหากผมพิมพ์อะไรผิดไปและหากแท็กห้องผิดไป ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
มิจฉาชีพประชิดตัวในลานจอดรถ!!! จะป้องกันตัวโดยการเปิดก่อนได้มั้ย มีเหตุการณ์จริงประกอบคำถาม
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าเคยมีประสบการณ์ถูกจี้ปล้นมาก่อน ซึ่งนานหลายปีแล้ว และวันนี้เกิดเหตุการณ์ ระทึกสำหรับผม ในที่ลานจอดรถของสถานีขนส่งสาธารณะโดยราง โดยยกระดับจากพื้น และมีรางวิ่งข้างล่างเหมือนกัน สถานที่มีการเก็บค่าที่จอด ใกล้จุดสิ้นสุดของคลอง เป็นเวลาก่อนเลิกงาน กำลังเดินไปขึ้นซึ่งอยู่ของชั้นแรกของที่จอดรถ ที่จอดรถมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่จอดรถมีสองฝั่งตรงข้ามกัน ทางลงที่จอดรถมีสองทางคือ บนไดหนีไฟ ทางซ้ายสุดของสี่เหลี่ยมผืนผ้า(ตรงนี้จะเป็นที่จอดมอเตอร์ไซต์ส่วนหนึ่งและถัดไปทางขวาเป็นต้นไปจะจอดรถยนต์) และตรงกลางเป็นทางลงบันไดเลื่อนคู่
รถของผมจอดอยู่ ถัดไปทางด้านหลังบันไดเลื่อนคู่ประมาณ 20 เมตร ส่วนนี้จะไปค่อยพบรปภ.ๆปกติจะด้านหน้าๆของที่จอดรถ ไม่ก็อยู่ด้านบนตรงวงเวียนจอดรถส่งผู้โดยสารชั่วคราว ตอนนี้ถือว่าเปลี่ยวเลยในระยะทางสั้นแค่นี้ มีแค่ผมเดินมาคนเดียว เมื่อเดินไปยังรถที่จอดอยู่ ก็สังเกตคนสองคนยืนคุยอะไรอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามรถผมถัดไปหนึ่งช่องจอดรถ (ผมเดินไปเป็นถนนเลนเดียวผมจอดรถไว้ฝั่งขวามือ ส่วนคนแปลกหน้าจอดอยู่ฝั่งซ้ายมือ) คนหนึ่งเสื้อสีอ่อนผิวทูโทน ส่วนอีกคนผิวคล้ำในชุดเสื้อสีเข้มกางเกงขายาวสีดำ ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่สมองสั่งการให้รับรู้ว่ามีคนสองคนอยู่ฝั่งตรงข้าม จุดจอดรถผมเป็นคันแรกของฝั่งขวาจึงไม่มีรถจอดยังด้านซ้ายของตัวรถแต่ด้านขวามีรถจอดอยู่ติดกัน จังหวะที่ผมกำลังหมุนกุญแจประตูฝั่งตรงข้ามคนขับเพื่อวางกระเป๋า ปกติผมไม่เคยเปิดประตูฝั่งซ้ายนี้เลย เหมือนร่างกายทำไปโดยไม่ได้คิด ก็จังหวะเดียวกับที่สองคนนั้นเดินสวนตรงข้ามกับที่ผมยืนไขกุญแจอยู่พอดี และเมื่อผมได้ยินเสียงกุญแจล็อคประตูปลดล็อคเรียบร้อยแล้วนั้น
คำถามหนึ่งก็ดังเป็นเสียงดังแข็งกร้าวแต่ไม่ถึงกับตะโกน ขึ้นข้างหลังผมเยื้องๆมาจากฝั่งตรงข้ามว่า " ไม่ทราบที่นี้คิดค่าจอดรถยังไง" พร้อมกับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ใกล้เข้ามา
เมื่อได้รับรู้เสียงที่ถามมาและรู้สึกเขามาใกล้เรื่อยๆ ผมก็เดินไปด้านหลังรถยนต์โดยอัตโนมัติ โดยทำทีที่จะเดินไปฝั่งคนขับแต่หยุดอยู่ก่อนอยู่ด้านหลังท้ายรถ ซึ่งมีพื้นที่กว่าสองวา และไม่มีกำแพงทึบด้านหลังจะเป็นช่องโปร่งที่มองไปยังของเส้นทางออกจากสถานที่จอดรถแห่งนี้ เมื่อหันกลับไป เป็นชายเสื้อสีอ่อนเดินกำลังเดินเข้ามาทางข้างซ้ายของตัวรถผม ส่วนชายเสื้อสีเข้มยืนเยื้องๆอยู่ฝั่งตรงข้าม
ผมพร้อมตอบกลับไปว่า " 3 ชม.แรก 20 บาท ครับ" แล้วชายเสื้อสีอ่อนก็หยุดอยู่ห่างไปจากที่ผมเคยยืนอยู่แค่ครึ่งวา และชายเสื้อสีอ่อนถามต่อว่า "เขาจะรู้เองใช่เมื่อออกไปใช่มั้ย"
ผมก็ตอบกลับไปว่า แล้วได้บัตรที่จอดรถมั้ย ชายเสื้อสีอ่อนทำท่าหยิบบัตรจากกระเป๋ากางเกงพร้อมกับก้าวข้างหน้าเพื่อมาประชิดตัวผมเพื่อจะเอาบัตรให้ดู แต่จังหวะนี้ผมก็ยังมองภาพรวมที่สองคนอยู่ คนเสื้ออ่อนกล่าวเข้ามา แต่เสื้อเข้มยังยืนอยูที่เดิม ส่วนผมระหว่างนั้นผมก็ถอยไปอีกสองก้าว ระหว่างถอยหลังก็ตอบกลับไปว่า "เดี๋ยววเขารู้เอง"
และผมหยุดยืนท่ามวยไทยแต่ไม่ได้ตั้งการ์ด จากนั้นคนเสื้อสีอ่อนหยุดก้าว มองกันอยู่สักสองวินาทีได้ ชายเสื้อสีอ่อนก็เดินหันหลังกลับไปสบทบกับที่ชายเสื้อสีเข้มยืนอยู่และพูดคุยอะไรสักอย่างซึ่งผมจับเสียงที่สื่อออกมาไม่ได้ จังหวะนั้นผมก็รีบขึ้นรถฝั่งประตูคนขับและล๊อคประตูรถอย่างรวดเร็ว เป็นจังวะเดียวกับคนเสื้อสีอ่อนเดินกลับมาพร้อมบอกชายเสื้อสีเข้มว่า "ลืมหมวกไว้ที่รถ" ผมก็มองตามสักพักมือยังจับอยู่ที่กุญแจที่เสียบคาอยู่ข้างพวงมาลัย ระหว่างที่เขากำลังเปิดรถผมก็สตาร์รถ ขับออกไปทางออกโดยไม่ได้หันกลับไปมองอีกเลย ระหว่างขับรถไปทางออก ก็ยังตื่นเต้นนิดๆอยู่ที่จู่ๆคนแปลกหน้าพยายามเข้ามาประชิดตัว เมื่อถึงจุดคืนบัตรจอดรถ
ผมก็ถามพนักงานว่า "เมื่อตะกี้มีผู้ชายสองคนเข้ามาถามผมเรื่องค่าที่จอดรึเปล่า" พนักงานตอบกลับมาว่า "ใช่รถเก๋งสีขาวที่มีสองคนรึเปล่า" ผมก็ตอบว่า "ใช่เลย" พนักงานก็ตอบกลับมาว่า "เมื่อกี้เขาก็ถามหนูไปเรื่องที่จอดรถเหมือนกัน"
ผมก็เอะใจคิดเลยว่าทำไมถามข้อมูลจากพนักงานแล้วยังจะมาถามข้อมูลจากเราอีก ในหัวที่คิดอันดับแรกก็คือมิจฉาชีพ
ผมก็บอกไปว่า "ผมก็ตกใจนะเขาเข้ามาถามผมอีกแถมจะประชิดตัวและตรงบริเวณดังกล่าวไม่มีรปภ.อยู่เลยให้ รปภ.เข้าไปดูได้มั้ย" พนักงานก็ตอบว่า อะไรสักอย่างผมไม่ได้ยินเพราะยังคงตื่นเต้นอยู่ พร้อมกับส่งบัตรที่จอดรถคืน และจ่ายเงินค่าที่จอด และผมก็ขับออกไป พร้อมดูเวลาตอนออกจากสถานี เหมือนมันกลายไปนิสัยไปแล้วเมื่อเกิดเหตุการณ์สักอย่างก็จะมองนาฬิกาตลอด คิดว่าคงติดมาจากการรายงานให้ความช่วยเหลือโดยการโทรไป จส.100 บ่อยๆ
และคิดไปว่าคล้ายกับเหตุการณ์ตอนโดนจี้เมื่อก่อนเลยที่คนร้ายขี่มอเตอร์สวนมา ผมกำลังเดินกลับบ้านไม่ได้เล่นโทรศัพท์ด้วยนะ ผมอยู่ทางซ้าย คนร้ายอยู่ทางขวา เดินเข้ามาพร้อมกับถามคำถามว่า "ใช้โทรศัพท์อะไรขอดูหน่อย" ตอนนั้นผมโลกสวยครับ ระหว่างนั้นเลยงงกับคำถาม เข้าใจก็ต่อเมื่อเห็นปืนนี่ละ ผมก็บอกไปว่า เอาแต่เงินสดกับโทณศัพท์ไปนะขอกระเป๋าตังไว้ คนร้ายก็โอเค
หลังจากนั้นมาก็กลายเป็นจุดจบโลกสวยเลยครับ ระแวงไปพักใหญ่ ก็ได้ผู้ใหญ่สอนว่า เวลาเดินเราต้องมองให้กว้างให้มีสติอยู่เสมอ คนเดินอยู่คนละทางจะเดินมาทางเราต้องเตรียมพร้อมป้องกันตัว ต้องมองหาไม้หาหินข้างทาง ไว้หากไม่มีของป้องกันและมีสติ อย่าได้หยุดนิ่งเพราะคาวามกลัว พยายามมีสติไว้และหลีกเลี่ยงการปะทะ
เหตุการณ์หลักๆเลยที่คิดว่าเป็น มิจฉาชีพ คือ
1. ถามคำถามพร้อมเข้ามาประชิดตัว ใช้คำถามเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเหยื่อ และน้ำเสียงดังที่แข็งกร้าวแต่ไม่ถึงกับตะโกน
เหมือนข่มๆ ในขณะที่ไม่มีคนอื่นอยู่ในเหตุการณ์
2. ถามคำถามแปลกๆ ว่า "ออกจากที่นี่เขาจะรู้ใช่มั้ย"
3. ได้รับรู้ว่ามีการถามคำถามเดียวกันจากพนักงานที่ให้บัตรจอดรถแล้ว ยังจะมาถามผมอีกทำไม
คำถาม
1. จากเหตุการณ์ที่กล่าวมานี้ หากคำตอบสุดท้ายที่ผมได้ตอบไป ผู้ต้องสงสัยยังจะก้าวเข้ามา ผมจะพูดว่า "อย่าเข้ามานะ" หากผู้ต้องสงสัยยังคงก้าวเข้ามาหาข้างหน้าเพียง 1 ก้าว ผมสามารถ ป้องกันตัวเองได้มั้ยครับ จุดนี้คงสู้มือเปล่าโดยเปิดฉากก่อน หากผู้ต้องสงสัยก้าวเข้ามาหา
2. อนาคตอาจจะพกอุปกรณ์ไว้ป้องกันตัวเองจะใช้ได้มั้ย เอาไว้ใช้แค่พอหนีไปได้ และหากพกไว้ในกระเป๋าสะพาย จะโดนตรวจสอบโดยตำรวจขึ้นมาจะโดนอะไรข้อกล่าวหาอะไรมั้ย เช่น มีดยาวไม่เกิน 3 นิ้ว สเปรย์พริกไท, แบบปืนพริกไท, เครื่องช็อตไฟฟ้าหรือสตั้นกัน
3. พกสิ่งป้องกันตัว(อาวุธ)อย่างไรให้ไม่ผิดกฎหมาย เช่น มีดใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายและใส่ปลอกมีด ผิดกฎหมายรึเปล่า
บางคนอาจจะคิดว่าไม่ใช่มิจฉาชีพก็ได้ แต่ผมไม่อยากเสี่ยงจึงคิดในแง่นี้ไว้ก่อน หากใครความคิดเห็นไม่ตรงกันก็ขออภัยด้วยนะครับ
เรื่องสถานที่ที่เกิดเหตุผมไม่มีเจตนาทำให้สถานที่นั้นเสียหายนะครับ
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและขออภัยหากผมพิมพ์อะไรผิดไปและหากแท็กห้องผิดไป ณ ที่นี้ด้วยนะครับ