Edinburgh to Anstruther
Calotn Hill — Battle of Bannockburn — Stirling castle
ตอน 1
https://pantip.com/topic/36900407
ตอน 2
https://pantip.com/topic/37074423
ตอน 4
https://pantip.com/topic/37074481
ตอน 5
https://pantip.com/topic/37075853
ตอน 6
https://pantip.com/topic/37076803
ตอน 7
https://pantip.com/topic/37077885
ตอนจบ
https://pantip.com/topic/37080607

ตื่นเช้ามา ลุ้นอากาศกัน 55
เช้านี้อากาศดี มองเห็น Arthur’s seat จากห้องนอน

จอดรถที่ถนน Princes street แล้วเดินขึ้นไป Calton Hill (จอดรถเสียตังนะครับ)

แปลว่าเราไม่หลงทาง

ทางขึ้นมี 2 ทาง
เดินตรงไป จะเป็นทางลาด ค่อยๆเดินขึ้นไป อ้อมๆหน่อย
ทางขวา ในแผนที่ คือเป็นบันได เดินตรงขึ้นไป
เนินเขานี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ราชการสำคัญๆของสกอตแลนด
นอกจากนั้นยังมีอนุสาวรีย์อื่นๆ เช่น
Nelson Monument
เป็นหอคอยสูงๆ ไม่ได้เปิดให้ขึ้นไป

National Monument of Scotland
เป็นเหมือนเสาโรมัน
ปีนขึ้นไปข้างบน มองไปข้างหลังเป็น Holyrood park สวยมาก เป็นเนินๆ หญ้าเขียวๆ

ใหญ่มากนะ ลองเทียบสเกลกับคน


Dugald Monument
เป็นเสาโรมันล้อมเป็นโดมเล็กๆ

ข้างบนมองลงมาเห็นเมืองข้างล่าง สวยมากๆ
ไกลๆ บนเขานั่น คือ Edinburgh castle
เดินไปอีกด้านที่ North viewpoint

จะเห็นวิวเมืองอีกด้านนึง
เป็นเมืองที่สวยจริงๆ
นึกถึงเมืองในเรื่องแฮรี่พอตเตอร์
จากนั้นเราลงมาเดินเล่นที่ Princes street

เดินเข้าเมืองไปเรื่อยๆ
เหมือนถนนเส้นนี้จะแบ่งเขต เมืองเก่า จะอยู่ซ้ายมือ
ฝั่งที่มีปราสาทเอดิน
และเมืองใหม่ อยู่ฝั่งขวามือ
ตามถนนก็มีของให้ชอปได้บ้างสำหรับขาชอป
ที่สกอตแลน รับเงินปอนด อังกฤษ แต่เงินทอนจะเป็นเงินทอนของสกอต
โดยค่าเงินเท่ากัน
เพื่อนบอกว่า อังกฤษ บางทีไม่ค่อยรับเงินสกอต พวกเราเลยไปถามร้านอาหารที่สกอต
เค้าบอกว่า ได้สิ ถ้าเค้าไม่รับ ก็บอกเค้าไปเลยว่า ผิดกฎหมายนะ
555 เก๋ มาก

เดินตามถนนมาเรื่อยๆจะเจอ
Scott Monument
สามารถขึ้นไปดูวิวข้างบนได้ คนละ 5 ปอน

คล้ายๆ สวนสาธารณะ เหมาะกับการหย่อนใจมาก

ซูมอิน

เก้าอี้ที่นี่ มักจะเป็นคู่รัก มาบริจาค แล้วติดชื่อเป็นอนุสรณ์ไว้
ผมชอบมากอ่ะ แค่อ่านป้ายยังรู้สึกถึงความรักของพวกเขาเลยอ่ะ
เว่อมั้ย
แต่รู้สึกจริงๆ

วิว เมื่อมองไปยังฝั่งเมืองเก่า
เทพนิยายชัดๆ ทำไมอนุรักษ์กันได้ขนาดนี้
ข้างหน้าเป็นสวน ฉากหลังเป็นเมืองเก่า โคตรสวย

คนสกอตแต่งตัวมาเดินเที่ยว เท่มั้ยหละ


รุ่นเด็ก VS รุ่นเดอะ
ดูชุดก็รู้ว่ารุ่นไหนเป็นรุ่นไหน รุ่นเดอะคือชุดอย่างแน่น จัดเต็มมาก โคตรเท่

นกเต็มสวน
นกที่นี่ชอบไปเกาะบนหัวอนุสาวรีย์นะ แล้วขี้ของมัน
ก็ไหลย้อยติดเต็มอนุสารวรีย์ ทำให้ความหน้าเกรงขามหายไปหมด


ทิ้งท้ายสำหรับสวนนี้
ชอบมาก สำหรับ Edinburgh ตั้งใจว่าต้องกลับมาอีก
และต้องตรงกับ Fringe festival และ Royal Edinburgh Military Tatoo ด้วย
รอบหน้า ต้องได้เป็นส่วนหนึ่ง!
จากนั้นเราเดินทางออกจาก เอดิน ไปยัง Anstruther
Anstruther เป็นเมืองเล็กๆ ชายทะเลด้านตะวันออกของเกาะ

ระหว่างทางแวะที่
“Battle of Bannockburn”
ยังจำได้มั้ย
ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ super hero
“Robert the Bruce” รบชนะพระเจ้าเอ็ดเวิดที่ 2 ของอังกฤษ ที่สมรภูมินี้
แล้วต่อมาส่งผลให้สกอตแลน เป็นอิสระจากอังกฤษ

อนุสาวรีย์ Robert the Bruce สง่างามมาก
สมรภูมินี้ เป็นทางผ่านที่จะไป ปราสาท Stirling
พระเจ้าเอ็ดเวิดที่ 2 ของอังกฤษ ได้เดินทัพมา เพื่อที่จะป้องกันปราสาท Stirling ไม่ให้สกอตแลนดยึด
โดยนำทหารมาประมาณ 20,000 นาย
ส่วนสกอตแลน มีทหารประมาณ 8,000 นาย โดยทหารสกอตได้รับการฝึกวิธีรบแบบ Schiltrons มาเพียงไม่มีสัปดาห์

“Schiltrons” คือการที่ทหารจัดแถวกันเป็นวง โดยทหารประมาณ 2,000 นาย
และถือหอกขนาดใหญ่ ยาว 12 ฟุต โดยอาจจะทำเป็นวงใหญ่ๆ หรือ สี่เหลี่ยม
แล้วถือหอกไว้ จะออกมาเหมือนเม่นขนาดใหญ่
สุดท้ายแล้วการสู้รบมาถึงวันที่สำคัญ 2 วัน
คือวันที่ 23 - 24 June 1314
พระเจ้าเอ็ดเวิดที่ 2 ไม่สามารถผ่านไปยังปราสาทได้
จึงได้ถอยทัพ และรักษาปราสาท Stirling ไว้ไม่ได้
ส่งผลให้ต่อมา สกอตแลน ได้เป็นอิสระจาก อังกฤษ
มีคำที่ป้ายบรรยาย ว่า
“ Two days that changed Scotland forever”
รู้แล้ว ว่าทำไม คนสกอต ถึงเคารพคนคนนี้มากๆ

ที่อนุสรณ์สถานนี้มีคำคมรอบๆเลย
อ่านแล้วก็ซึ้งบ้างอันที่แปลออก ความยากลำบากของคนรุ่นก่อนมันสุดจริงๆ

วิวรอบๆ สมรภูมิ
ผมนับถือใจเค้าจริงๆ คน 8,000 กับ คน 20,000
ต้องมีกำลังใจดีแค่ไหน ที่จะต่อสู้กับคน 2 หมื่น
เพื่อบ้านของพวกเค้าเอง เค้าคงสู้สุดใจ
แล้วสุดท้ายเค้าก็ทำได้สำเร็จ นับถือใจพวกเค้ามากๆ
ที่ Bannockburn visitor centre มักมีกิจกรรมให้ทำ โดยกิจกรรมจะวนๆกันไป ใครสนใจลองดูที่เวบไซได้ครับ
http://battleofbannockburn.com/visit/
ผมว่าเด็กต้องชอบมากแน่ๆ

จากนั้นเดินทางต่อไปยัง
Stirling castle
ปราสาทที่ทำให้พระเจ้าเอ็ดเวิดทรงผิดหวัง
ปราสาทนี้มีสัญลักษณ์เป็นยูนิคอน

ก่อนเข้า เราแวะทานข้าวกันก่อน
ร้านหน้าปราสาทเลย เดินลงบันไดมานิดเดียว
"The Portcullis"
ร้านนี้แนะนำเลย
เป็นทั้งร้านอาหารและที่พัก
คนเต็มร้านเลยครับ

บรรยากาศร้านแบบ อบอุ่น
ตอนมาร้านนี้ พยายามทำความเค้าใจเมนูอาหารของสกอตแลนด
ว่า ชื่อนี้ มันคืออะไร มีเนื้ออะไรบ้าง แต่ตอนนี้
ลืมไปหมดแล้ว OMG

อันนี้สเต็ก อะไรซักอย่าง อร่อยมาก

อันนี้ Cheese burger

อันนี้พายเนื้อ คือ ที่อื่นจะเป็นพายแล้วมีใส้เนื้ออยู่ข้างใน
แต่อันนี้คือ ใส้เนื้อใส่ถ้วยแล้วเอาขนมปังวางข้างบน

ส่วนนี่ ไก่ซอสมะนาว
ส่วนตัวผมว่าถูกปากทุกอย่างเลย
ดูรูปแล้วยังจำรสได้ ยังอยากกินอยู่เลย
ร้านนี้รอนานหน่อย แต่อร่อยครับ บรรยากาศดี สั่งวิสกี้จิบแก้หนาวไปก่อน
หรือใครโปรดเบียร์ก็สั่งมารองท้องได้

ปราสาท Stirling ขนาดเล็กกว่า ปราสาท Edinburgh
ปราสาทนี้มีคนมาล้อมจะยึดหลายครั้งมาก แต่ไม่สำเร็จ
สิ่งป้องกันตัวปราสาทเป็นกำแพง 2 ชั้น และความชันของเนินเขาลูกนี้
ข้างหลังกำแพงเหล่านี้มี ที่ประทับ, Hall, โบสถ์, สวนดอกไม้, โรงทำดินปืน, โรงครัว, คุก
แต่ละที่ก็จะทำ exhibition ให้เราเข้าไปดูตามส่วนต่างๆของปราสาท

เราเดินเข้ามาส่วนแรกก่อน

เข้ามาแล้วเราเดินไปยังสวนกันก่อน Queen Anne Garden

ข้างสวนนี้มี Castle Exhibition
แสดงความเป็นมาของปราสาท
กษัตริย์ที่ประทับแต่ละสมัย
และรายละเอียดของปราสาทแต่ละส่วน
บอกเลยว่า Exhibition ส่วนนี้ ดีมากๆ
ทำความรู้จักปราสาทได้เยอะเลย


จากนั้นเดินขึ้นไปข้างบนของอาคารนี้ จะเห็นวิวข้างล่าง
เดินขึ้นมาเห็นสวนแปลกตา
King’s knot
เป็นสวนของกษัตริย์ ใช้สำหรับฝึกทหาร ว่าการทางทหาร รวมถึงการล่าสัตว์

ข้างๆมีสุสาน สวยแบบน่ากลัว

ยังคงเดินอยู่ข้างบน วิวสวย
ปราสาท คือ ยิ่งใหญ่มาก
ตอนเดินไปก็คิดว่า ตัวเองเป็นทหารยามเฝ้าศัตรูอยู่ในปราสาท 555+ วิวมันได้

ไม่มีศัตรู หันกลับมาดูความเรียบร้อยหลังกำแพงปราสาท

กลับลงไปเข้าไปยังตัวปราสาท

ป้อมที่ประตูทางเข้า
ขลัง เคยเห็นแต่ในหนัง มาเจอของจริง


ผ่านประตูเข้ามา เจอ
"The Great Hall"
สีเหลืองสะดุดตา
The Great Hall ใช้สำหรับ ว่าราชการ จัดงานเลี้ยง
ว่ากันว่า เคยจัดงานเลี้ยงอาหาร โดนเอาเรือสำเภามาจอดไว้ใน Hall เพื่อตกแต่งและเสิร์ฟอาหารทะเล
The Great Hall
ตอนแรกก่อนจะบูรณะ The Great Hall นี้ก็เป็นหินสีเทาเหมือนกับอาคารอื่นๆ
แต่เค้าก็ไปพบส่วนมุมที่ถูกปิดไว้ของอาคาร เผยสีเดิมที่แท้จริงของ The Great Hall
นั่นคือสีเหลือง เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี สีของหินก็เปลี่ยนไปเป็นสีเทาสีน้ำตาลเป็นธรรมดา
โดยอธิบายว่า อาคารสีเหลืองทองบนเนินเขาสูงนี้
จะทำให้ชาวเมืองข้างล่างเห็นและรู้ว่า นี่ที่เป็นที่ประทับของกษัตริย์
ดังนั้น การบูรณะจึงทำให้อาคารนี้กลับมาเป็นสีเหลืองเหมือนดังเดิม

ภายใน Hall โครงหลังคาทำด้วยไม้ บูรณะขึ้นมาใหม่ตามของเดิม
สวยมาก
ผมคิดนะ ว่า สมัยก่อนวิศวกรรมเค้าพัฒนาไปขนาดไหน ทำไมถึงสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตไ
[CR] ตะลุย ลอนดอน - ขับรถท่อง สกอตแลนด์ ส.ค. 60 (London - Scotland Road trip) 3
Calotn Hill — Battle of Bannockburn — Stirling castle
ตอน 1 https://pantip.com/topic/36900407
ตอน 2 https://pantip.com/topic/37074423
ตอน 4 https://pantip.com/topic/37074481
ตอน 5 https://pantip.com/topic/37075853
ตอน 6 https://pantip.com/topic/37076803
ตอน 7 https://pantip.com/topic/37077885
ตอนจบ https://pantip.com/topic/37080607
ตื่นเช้ามา ลุ้นอากาศกัน 55
เช้านี้อากาศดี มองเห็น Arthur’s seat จากห้องนอน
จอดรถที่ถนน Princes street แล้วเดินขึ้นไป Calton Hill (จอดรถเสียตังนะครับ)
แปลว่าเราไม่หลงทาง
ทางขึ้นมี 2 ทาง
เดินตรงไป จะเป็นทางลาด ค่อยๆเดินขึ้นไป อ้อมๆหน่อย
ทางขวา ในแผนที่ คือเป็นบันได เดินตรงขึ้นไป
เนินเขานี้เป็นสถานที่ตั้งของสถานที่ราชการสำคัญๆของสกอตแลนด
นอกจากนั้นยังมีอนุสาวรีย์อื่นๆ เช่น
Nelson Monument
เป็นหอคอยสูงๆ ไม่ได้เปิดให้ขึ้นไป
National Monument of Scotland
เป็นเหมือนเสาโรมัน
ปีนขึ้นไปข้างบน มองไปข้างหลังเป็น Holyrood park สวยมาก เป็นเนินๆ หญ้าเขียวๆ
ใหญ่มากนะ ลองเทียบสเกลกับคน
Dugald Monument
เป็นเสาโรมันล้อมเป็นโดมเล็กๆ
ข้างบนมองลงมาเห็นเมืองข้างล่าง สวยมากๆ
ไกลๆ บนเขานั่น คือ Edinburgh castle
เดินไปอีกด้านที่ North viewpoint
จะเห็นวิวเมืองอีกด้านนึง
เป็นเมืองที่สวยจริงๆ
นึกถึงเมืองในเรื่องแฮรี่พอตเตอร์
จากนั้นเราลงมาเดินเล่นที่ Princes street
เดินเข้าเมืองไปเรื่อยๆ
เหมือนถนนเส้นนี้จะแบ่งเขต เมืองเก่า จะอยู่ซ้ายมือ
ฝั่งที่มีปราสาทเอดิน
และเมืองใหม่ อยู่ฝั่งขวามือ
ตามถนนก็มีของให้ชอปได้บ้างสำหรับขาชอป
ที่สกอตแลน รับเงินปอนด อังกฤษ แต่เงินทอนจะเป็นเงินทอนของสกอต
โดยค่าเงินเท่ากัน
เพื่อนบอกว่า อังกฤษ บางทีไม่ค่อยรับเงินสกอต พวกเราเลยไปถามร้านอาหารที่สกอต
เค้าบอกว่า ได้สิ ถ้าเค้าไม่รับ ก็บอกเค้าไปเลยว่า ผิดกฎหมายนะ
555 เก๋ มาก
เดินตามถนนมาเรื่อยๆจะเจอ
Scott Monument
สามารถขึ้นไปดูวิวข้างบนได้ คนละ 5 ปอน
คล้ายๆ สวนสาธารณะ เหมาะกับการหย่อนใจมาก
ซูมอิน
เก้าอี้ที่นี่ มักจะเป็นคู่รัก มาบริจาค แล้วติดชื่อเป็นอนุสรณ์ไว้
ผมชอบมากอ่ะ แค่อ่านป้ายยังรู้สึกถึงความรักของพวกเขาเลยอ่ะ
เว่อมั้ย
แต่รู้สึกจริงๆ
วิว เมื่อมองไปยังฝั่งเมืองเก่า
เทพนิยายชัดๆ ทำไมอนุรักษ์กันได้ขนาดนี้
ข้างหน้าเป็นสวน ฉากหลังเป็นเมืองเก่า โคตรสวย
คนสกอตแต่งตัวมาเดินเที่ยว เท่มั้ยหละ
รุ่นเด็ก VS รุ่นเดอะ
ดูชุดก็รู้ว่ารุ่นไหนเป็นรุ่นไหน รุ่นเดอะคือชุดอย่างแน่น จัดเต็มมาก โคตรเท่
นกเต็มสวน
นกที่นี่ชอบไปเกาะบนหัวอนุสาวรีย์นะ แล้วขี้ของมัน
ก็ไหลย้อยติดเต็มอนุสารวรีย์ ทำให้ความหน้าเกรงขามหายไปหมด
ทิ้งท้ายสำหรับสวนนี้
ชอบมาก สำหรับ Edinburgh ตั้งใจว่าต้องกลับมาอีก
และต้องตรงกับ Fringe festival และ Royal Edinburgh Military Tatoo ด้วย
รอบหน้า ต้องได้เป็นส่วนหนึ่ง!
จากนั้นเราเดินทางออกจาก เอดิน ไปยัง Anstruther
Anstruther เป็นเมืองเล็กๆ ชายทะเลด้านตะวันออกของเกาะ
ระหว่างทางแวะที่
“Battle of Bannockburn”
ยังจำได้มั้ย
ที่แห่งนี้เป็นที่ที่ super hero “Robert the Bruce” รบชนะพระเจ้าเอ็ดเวิดที่ 2 ของอังกฤษ ที่สมรภูมินี้
แล้วต่อมาส่งผลให้สกอตแลน เป็นอิสระจากอังกฤษ
อนุสาวรีย์ Robert the Bruce สง่างามมาก
สมรภูมินี้ เป็นทางผ่านที่จะไป ปราสาท Stirling
พระเจ้าเอ็ดเวิดที่ 2 ของอังกฤษ ได้เดินทัพมา เพื่อที่จะป้องกันปราสาท Stirling ไม่ให้สกอตแลนดยึด
โดยนำทหารมาประมาณ 20,000 นาย
ส่วนสกอตแลน มีทหารประมาณ 8,000 นาย โดยทหารสกอตได้รับการฝึกวิธีรบแบบ Schiltrons มาเพียงไม่มีสัปดาห์
“Schiltrons” คือการที่ทหารจัดแถวกันเป็นวง โดยทหารประมาณ 2,000 นาย
และถือหอกขนาดใหญ่ ยาว 12 ฟุต โดยอาจจะทำเป็นวงใหญ่ๆ หรือ สี่เหลี่ยม
แล้วถือหอกไว้ จะออกมาเหมือนเม่นขนาดใหญ่
สุดท้ายแล้วการสู้รบมาถึงวันที่สำคัญ 2 วัน
คือวันที่ 23 - 24 June 1314
พระเจ้าเอ็ดเวิดที่ 2 ไม่สามารถผ่านไปยังปราสาทได้
จึงได้ถอยทัพ และรักษาปราสาท Stirling ไว้ไม่ได้
ส่งผลให้ต่อมา สกอตแลน ได้เป็นอิสระจาก อังกฤษ
มีคำที่ป้ายบรรยาย ว่า
“ Two days that changed Scotland forever”
รู้แล้ว ว่าทำไม คนสกอต ถึงเคารพคนคนนี้มากๆ
ที่อนุสรณ์สถานนี้มีคำคมรอบๆเลย
อ่านแล้วก็ซึ้งบ้างอันที่แปลออก ความยากลำบากของคนรุ่นก่อนมันสุดจริงๆ
วิวรอบๆ สมรภูมิ
ผมนับถือใจเค้าจริงๆ คน 8,000 กับ คน 20,000
ต้องมีกำลังใจดีแค่ไหน ที่จะต่อสู้กับคน 2 หมื่น
เพื่อบ้านของพวกเค้าเอง เค้าคงสู้สุดใจ
แล้วสุดท้ายเค้าก็ทำได้สำเร็จ นับถือใจพวกเค้ามากๆ
ที่ Bannockburn visitor centre มักมีกิจกรรมให้ทำ โดยกิจกรรมจะวนๆกันไป ใครสนใจลองดูที่เวบไซได้ครับ
http://battleofbannockburn.com/visit/
ผมว่าเด็กต้องชอบมากแน่ๆ
จากนั้นเดินทางต่อไปยัง
Stirling castle
ปราสาทที่ทำให้พระเจ้าเอ็ดเวิดทรงผิดหวัง
ปราสาทนี้มีสัญลักษณ์เป็นยูนิคอน
ก่อนเข้า เราแวะทานข้าวกันก่อน
ร้านหน้าปราสาทเลย เดินลงบันไดมานิดเดียว
"The Portcullis"
ร้านนี้แนะนำเลย
เป็นทั้งร้านอาหารและที่พัก
คนเต็มร้านเลยครับ
บรรยากาศร้านแบบ อบอุ่น
ตอนมาร้านนี้ พยายามทำความเค้าใจเมนูอาหารของสกอตแลนด
ว่า ชื่อนี้ มันคืออะไร มีเนื้ออะไรบ้าง แต่ตอนนี้
ลืมไปหมดแล้ว OMG
อันนี้สเต็ก อะไรซักอย่าง อร่อยมาก
อันนี้ Cheese burger
อันนี้พายเนื้อ คือ ที่อื่นจะเป็นพายแล้วมีใส้เนื้ออยู่ข้างใน
แต่อันนี้คือ ใส้เนื้อใส่ถ้วยแล้วเอาขนมปังวางข้างบน
ส่วนนี่ ไก่ซอสมะนาว
ส่วนตัวผมว่าถูกปากทุกอย่างเลย
ดูรูปแล้วยังจำรสได้ ยังอยากกินอยู่เลย
ร้านนี้รอนานหน่อย แต่อร่อยครับ บรรยากาศดี สั่งวิสกี้จิบแก้หนาวไปก่อน
หรือใครโปรดเบียร์ก็สั่งมารองท้องได้
ปราสาท Stirling ขนาดเล็กกว่า ปราสาท Edinburgh
ปราสาทนี้มีคนมาล้อมจะยึดหลายครั้งมาก แต่ไม่สำเร็จ
สิ่งป้องกันตัวปราสาทเป็นกำแพง 2 ชั้น และความชันของเนินเขาลูกนี้
ข้างหลังกำแพงเหล่านี้มี ที่ประทับ, Hall, โบสถ์, สวนดอกไม้, โรงทำดินปืน, โรงครัว, คุก
แต่ละที่ก็จะทำ exhibition ให้เราเข้าไปดูตามส่วนต่างๆของปราสาท
เราเดินเข้ามาส่วนแรกก่อน
เข้ามาแล้วเราเดินไปยังสวนกันก่อน Queen Anne Garden
ข้างสวนนี้มี Castle Exhibition
แสดงความเป็นมาของปราสาท
กษัตริย์ที่ประทับแต่ละสมัย
และรายละเอียดของปราสาทแต่ละส่วน
บอกเลยว่า Exhibition ส่วนนี้ ดีมากๆ
ทำความรู้จักปราสาทได้เยอะเลย
จากนั้นเดินขึ้นไปข้างบนของอาคารนี้ จะเห็นวิวข้างล่าง
เดินขึ้นมาเห็นสวนแปลกตา
King’s knot
เป็นสวนของกษัตริย์ ใช้สำหรับฝึกทหาร ว่าการทางทหาร รวมถึงการล่าสัตว์
ข้างๆมีสุสาน สวยแบบน่ากลัว
ยังคงเดินอยู่ข้างบน วิวสวย
ปราสาท คือ ยิ่งใหญ่มาก
ตอนเดินไปก็คิดว่า ตัวเองเป็นทหารยามเฝ้าศัตรูอยู่ในปราสาท 555+ วิวมันได้
ไม่มีศัตรู หันกลับมาดูความเรียบร้อยหลังกำแพงปราสาท
กลับลงไปเข้าไปยังตัวปราสาท
ป้อมที่ประตูทางเข้า
ขลัง เคยเห็นแต่ในหนัง มาเจอของจริง
ผ่านประตูเข้ามา เจอ
"The Great Hall"
สีเหลืองสะดุดตา
The Great Hall ใช้สำหรับ ว่าราชการ จัดงานเลี้ยง
ว่ากันว่า เคยจัดงานเลี้ยงอาหาร โดนเอาเรือสำเภามาจอดไว้ใน Hall เพื่อตกแต่งและเสิร์ฟอาหารทะเล
The Great Hall
ตอนแรกก่อนจะบูรณะ The Great Hall นี้ก็เป็นหินสีเทาเหมือนกับอาคารอื่นๆ
แต่เค้าก็ไปพบส่วนมุมที่ถูกปิดไว้ของอาคาร เผยสีเดิมที่แท้จริงของ The Great Hall
นั่นคือสีเหลือง เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี สีของหินก็เปลี่ยนไปเป็นสีเทาสีน้ำตาลเป็นธรรมดา
โดยอธิบายว่า อาคารสีเหลืองทองบนเนินเขาสูงนี้
จะทำให้ชาวเมืองข้างล่างเห็นและรู้ว่า นี่ที่เป็นที่ประทับของกษัตริย์
ดังนั้น การบูรณะจึงทำให้อาคารนี้กลับมาเป็นสีเหลืองเหมือนดังเดิม
ภายใน Hall โครงหลังคาทำด้วยไม้ บูรณะขึ้นมาใหม่ตามของเดิม
สวยมาก
ผมคิดนะ ว่า สมัยก่อนวิศวกรรมเค้าพัฒนาไปขนาดไหน ทำไมถึงสร้างสิ่งก่อสร้างใหญ่โตไ