รถเมล์ ตลาดบางเขน ความรัก

กระทู้สนทนา
สวัสดีคะ คนที่เข้ามาอ่าน ....
หนังหรือละครที่สร้างมาไม่มีบทไหนที่ไม่สร้างให้พระเอกมาเจอนางเอกแบบยากๆ เอาจริงการแอบชอบแบบหนังเรื่องรถไฟฟ้ามาหานะเธอ นี่มันก็เป็นไปได้เรื่องของการแอบชอบแต่เรื่องการที่จะได้เข้าไปคุยนั้น เป็นเรื่องที่ยากซะเหลือเกินสำหรับผู้หญิงคนนึง..
เราคิดมาสักพักแล้วว่าเราจะตั้งกระทู้ดีไหม? แต่ก็นะเผื่อมันจะเป็นไปได้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาอ่าน(ถ้าเขาชอบอ่านหนังสือ55)
บางคนอาจจะเดาได้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร ถ้าเป็นอย่างที่คุณคิด ใช่.. เราแอบชอบใครคนนึงบนรถเมล์ เราแอบมองเขามาประมาณ 2 เดือนกว่าๆแล้ว ผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น..
เรื่องมันเป็นอย่างงี้ เราพึงเรียนจบและได้งานทำแถวอารีย์ (แต่เรื่องราวความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอารีย์หรอกนะ แค่เกรินเฉยๆ) เวลาเราไปทำงานหรือกลับบ้าน เราก็ขึ้นรถเมล์กลับ  วันที่เราไปทำงานวันแรก คือวันที่เราได้เจอเขาเป็นวันแรกเช่นกัน เรารอรถเมล์เพื่อที่จะขึ้นกลับบ้านที่สวนจตุจักร สักพักรถเมล์ที่เรารอก็มา เราเดินขึ้นที่ประตูตรงกลาง บนรถเมล์ก็ปกติมองนู้นมองนี้ไปเรื่อย จนไปสบตากับผู้ชายคนที่ยืนอยู่โซน ข้างหน้ารถเมล์ เรากับเขาสบตากันแว๊บนึง ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้คิดอะไร แค่รู้สึกว่า เขาก็แค่คนที่ขึ้นรถเมล์คนนึง แต่เขาก็แอบน่ารักเล็กน้อยอะหนะ เราก็เลยแอบมองเขา(บ่อยนิดนึง) ตอนนั้นเราฟังเพลง อีกนาน ของ GENE KASIDIT ตอนนั้น ข้างซ้ายของเรามีผู้หญิงคนนึง ยืนอยู่ข้าง ตอนที่เราฟังเพลงเราก็คิดว่า ถ้าเขาคนนั้นที่เราแอบมองมายืนใกล้ก็คงฟิน แต่อะไรมันจะเป็นได้ดั่งใจคิดจริงๆ ผู้หญิงที่ยืนข้างเรา เขาลงรถไปแค่เสี้ยววินาที ผู้ชายคนที่เราแอบมอง เขาเดินตรงมายืนอยู่ข้างๆเรา ตอนนั้นใจเต้นรัวเป็น
กลองงง เต้นเหมือนจะหลุดออกมาจากอก  ได้แต่ยืนยิ้มกริมๆ และก็ตกใจเหมือนกันว่าทำไมอยู่ดีดีเขาก็มายืนตรงนี้ ตอนนั้นเพลงของพี่จีนเพราะมากๆ เพราะสุดๆ จนมาถึงตอนที่เขาจะลง ตลาดบางเขน ตอนเขาลงเราก็ไม่ได้หันมองอะไร เพียงแต่เก็บความรู้สึกดีดี ที่เผลอไปแอบชอบคนแปลกหน้ากลับบ้าน
29 oct 2017
วันที่ 2 การทำงาน ก็เป็นเช่นเคยตอนกลับบ้านก็มารอรถที่เดิม คราวนี้ คิดในใจว่าถ้าใช่ขอให้เจอ อีกครั้ง และมันก็เป็นแบบนั้น มันใช่จริงๆ เขายืนอยู่ไม่ไกลจากเรา ผู้ชายตัดผมสกินเฮด เสื้อขาว กางเกงสีครีม ผิวขาว ที่เจอบนรถเมล์เมื่อวาน วันนี้ เขาใส่เสื้อสีดำ กางเกงสีดำ สะพายกระเป๋าผ้าสีขาว ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ เราดีใจนะที่ได้เจอ แต่ก็ทำได้เพียงนั่งยิ้มอยู่ที่ป้ายรถเมล์ แล้วมองเข้าขึ้นรถไป วันนี้เราไม่ได้ขึ้นรถคันเดียวกับเขา เพราะตอนนั้นเราไม่รู้ว่ารถสายไหนผ่านบ้านเราบ้างหรือเราควรนั่งสายไหนไปต่อที่ไหนที่จะกลับบ้านเราได้บ้าง
31 oct 2017
วันที่ 4 ของการทำงานรอรถเมล์เช่นเคย และก็เจอ เขามายืนรอรถเมล์ตรงหน้าเรา ใกล้พอที่จะเอามือแตะ ให้เขาหันมาได้ แต่ก็ได้แค่มองข้างหลัง วันนี้เราได้ขึ้นรถเมล์คันดียวกัน
เราก็เลยสังเกตดูก็รู้ว่า ตรงนี้จะมีรถต่อไปแถวบ้านเรา..และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราไปลงตรงที่เขาลงบ่อยๆ
แล้วระหว่างนั้น เราก็เจอเขาบ่อยๆที่ป้ายรถเมล์ ยืนรอรถเมล์ใกล้กันตลอด และใจเราก็เต้นตลอด ทุกครั้งที่เจอ รู้สึกแล้วที่เขาบอกว่าถ้าเราชอบใครมากๆ เราจะรู้สึกเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในท้อง 5 ปีแล้วที่เราไม่รู้สึกชอบใครแบบนี้ มันนานมากแล้วจริงๆ เราแอบมองเขาทุกครั้ง ที่เจอ
วันหนึ่ง เรากลับบ้านปกติ ยืนรอรถเมล์ เจอเขาปกติยืนใกล้กันเหมือนทุกครั้งที่เจอ ตอนนั้นเราลืมกดตังค์ เราเลยเดินไปกดตังค์ที่ MRT ตอนแรกเรากะจะนั่งรถไฟฟ้าไปลงแถวพหลเผื่อจะเดินกลับ แต่คิดไปคิดมา ก็เจอเขาแล้วปะวะ ทำไมเราถึงจะต้องปล่อยให้ความสุขเราหลุดไป เราเลยเดินกลับไปรอรถเมล์ อย่างเดิมแต่คนละที่ นึกภาพนะ ป้ายรถเมย์ มี ที่นั่ง 3ป้ายติดกัน ตรงที่รอรถเมล์สวน เรายืนอยู่ใกล้ทางบันไดเลื่อนลง BTS  ส่วนตัวเขายืนอยู่ตรงกลาง ตอนเราเดินมาเราเห็นเขาชะเง้อดูรถ เราไม่รู้ว่าเขาเห็นเราไหม เราก็ยืนรอ สักพัก อยู่ดีดี เข้าเดินมาเฉียดตรงที่เรายืนอยู่ เพือไปขึ้นรถเมล์ เราก็แอบคิดในใจจะเดินอ้อมมาตรงนี้ทำไม ในเมื่อเดินลงถนน น่าจะถึงรถเมล์เร็วกว่านะ แล้วตอนนั้นพอเราเห็นเขาเฉียดไป ใจเรามันบอกว่า วันนี้เทอต้องคุยกะเขา คิดยังไม่ทันจบรู้ตัวอีกทีมือเราก็ไปสะกิดเขาแล้วและถามเขาว่า "ขอโทษนะคะ รถคันนี้ไปบางเขนไหมคะ "ร้องไห้ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาลงบางเขนและรถคันนี้ก็ไปบางเขน) เขาตอบกลับมาว่า "ใช่คับ" แค่นั้นก็ทำให้เรารู้สึกยิ้มจนไม่รุ้จะหุบยังไง เราขึ้นรถเมล์ตามเขาไป เราเดินไปนั่งข้างหน้าส่วนเขายืนอยู่ข้างหลัง พอมาถึงที่เขาและเราจะลง ตลาดบางเขน เราเดินลงรถเมล์มาก่อนเขา ที่เราเห็นคือเขากำลังต่อแถวลงมาอีกประตูนึง เราเดินลงมาแล้วเดินนำหน้าเขามาก่อนแต่ในใจก็คิดว่าเดินตามาให้ทันนะ และนั้นก็เป็นอย่างที่คิด เขาเดินมาชะลอและเดินอยู่ข้างเรา เราแค่คิดว่าเราควรหันไปยิ้มให้เขานะ แต่........เรากลับได้แค่คิดเพราะเราไม่กล้าจะหันไป จนเขาหยุดเพื่อรอข้ามถนนไปอีกฝั่งนึง แต่แค่นั้นเราก็รู้สึกดีมาแล้ว แล้วหลังจากวันนั้นเราก็ไม่ได้กลับบ้านเวลาเดียวกับเขาและไม่ได้เจอเขาเลยเพราะเราเลิกงานช้าและเมื่อช่วงปลายเดือนที่แล้วเราป่วยจนต้องลางานยาว.... จนมาเมื่อวันก่อน  
06 oct 2017
เรากลับมาทำงาน และระหว่างรอรถเมล์เราขอให้เราได้เจอเขาอีก ขอให้เจอ และนั้นก็เจอ เขามายืนอยู่ตรงหน้า เรา ตอนที่เราหยุดลางานไป มันทำให้เราคิดได้ว่า วันพรุ่งนี้เราจะเจอเขาอีกไหม? พรุ่งนี้ เรายังจะยืนใกล้เขาทุกวันแบบนี้ไหม? แล้วถ้าไม่เราจะปล่อยให้เขาเป็นแค่คนที่เราแอบชอบมากๆ รู้สึกดีด้วยมากๆ แล้วเดินผ่านเราไปเหรอ? แต่ก็นั้นแหละ สุดท้ายเราก็ได้แค่นั่งมองเขาแบบใจสั่น แล้วขึ้นรถเมล์คันเดียวกับเขา ลงรถไปพร้อมเขา และก็ขอแบบเดิมให้เขาเดินตามเรามา เราเดินก้มหน้าแล้วจำรองเท้าที่เขาใส่ได้ เราต้องเดินใกล้กันแค่ไหนเหรอ ถึงจะมองเห็นรองเท้าของอีกคน เราหันหลังกลับไปมองเขาเห็นเขาเดินข้ามถนนไป เราคิดว่าเขาจะเดินไปทางไหน..  อีกฟากนึงของถนน ผู้ชายคนที่เราแอบชอบเดินขนานกับเรา เราได้เดินข้างเขาแต่....มันเป็นอีกฟากของถนนเราเดินมองเขาไปเรื่อยๆ จนเขาเลี้ยวเขาซอยไป...
และมาวันนี้ วันที่เราอยากจะเจอเข้าเวลาเดิมที่เขากำลังจะมา แล้วเขาก็มาเดินผ่านน่าเราและขึ้นรถเมล์ไป แต่เรากลับช็อต ถ้าเราคิดให้ไวกว่านี้ ไม่เขิล ไม่กลัว นั้นคงเป็นโอกาศที่ดีที่เราจะได้นั่งบนรถเมล์ข้างเขา สุดท้ายเราก็ปล่อยมันผ่านไปจริงๆ....
เราอาจจะเป็นคนเล่าเรื่องไม่เก่งนะ และอาจจะทำให้บางคนคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น นั้นมันก็แล้วแต่จะคิด
ที่เราตั้งกระทู้วันนี้ เราแค่อยากจะบอกเล่าเอาจริงเราอยากรู้จักเขาจริงๆ แต่เราไม่รู้จะเอาความกล้าที่ไหนเดินเข้าไปทำความรู้จักเขา ถ้ามันง่ายเหมือนที่ เหม่ยลี่เข้าไปคุยกับคุณลุง ก็ดีนะสิ เราเคยอ่านเจอเรื่องราวของหญิงสาวที่แอบชอบผู้ชายบนรถไฟฟ้าของต่างประเทศ ถ้าเรากล้าได้ครึ่งนึงแบบผู้หญิงคนนั้น เราคงไม่ต้องมานั่งนับเวลาเจอเขาแบบทุกวันนี้
ขอบคุณที่อ่านนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่