สวัสดีเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกคนนะครับผม กระทู้นี้พวกผมสร้างขึ้นมาเพื่อเอามาแชร์ประสบการณ์ในการไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรกของพวกเรากันครับ ซึ่งประเทศที่เราไปก็คือ ประเทศมาเลเซีย นั่นเองครับ
ก่อนอื่นเลย ในชีวิตคนเรานั้น ย่อมมีครั้งแรกเสมอครับ ไม่ว่าจะเป็นหัดเดินครั้งแรก หัดปั่นจักรยานครั้งแรก มีแฟนครั้งแรก ซึ่งของพวกเราก็คล้ายกันๆ “ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก” ปกติแล้ว การทำอะไรที่มันเป็นครั้งแรกมันก็ไม่ได้ง่ายหรอกครับ เราต้องวางแผน ต้องตัดสินใจ ต้องเตรียมหลายสิ่งหลายอย่างให้พร้อมก่อนการออกเดินทาง ซึ่งขั้นตอนนี้ก็รู้สึกว่าไปได้สวยเลยทีเดียว จนถึงวันที่ต้องออกเดินทางกัน หลังจากนี้จะแชร์ประสบการณ์ที่เจอมาครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ เพราะนี่เป็นกระทู้แรกที่พวกผมเขียนกันจริงๆ จัง ครับ
Day1 Bangkok to Penang
ระยะเวลา 4 วัน 3 คืนที่เราจะไป ประเทศมาเลเซีย เราได้วางแผนกันแบบลงตัวมากๆ ครับ ซึ่งก็แน่นอนครับ “แผนล่ม” เรียกได้ว่าล่มตั้งแต่เนิ่นๆ เลย ลองไปดูกันครับ
พวกเราตื่นเต้นอย่างมากจนกระทั่งไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออก 3 ชม.มีเพื่อนผมคนนึงขึ้นเครื่องครั้งแรก จึงไม่รู้กฎการพกของเหลวขึ้นเครื่องมาก่อนจึงเตรียมสุขภัณฑ์มาร้อยแปดประการ แต่เกือบได้ทิ้งลงถังซะแล้วครับ แต่ดีที่เพื่อนอีกคนมีสิทธิพิเศษของบัตรเครดิตทำให้สามารถนำของเหลวloadขึ้นเครื่องมาได้ ซึ่งระหว่างเที่ยวบินจาก BKK มา PEN ราบรื่นดีครับไม่มี delay เครื่องจอดตรงตามเวลา แต่หลังจากนั้นแหละครับ ติด ตม. แถวยาวเหยียดเกือบชั่วโมงครับ ทำให้เวลาที่วางไว้ ไม่ตรงตามแผนเท่าไหร่ แต่ยังไม่เป็นไรมาก พอผ่าน ตม. มาได้ค่อยโล่งอกครับ พร้อมเดินทาง ทำให้เจอปัญหาที่ 2 อีก ตอนนี้บอกก่อนว่าถ้าใครได้ขึ้นรถเมล์ของมาเลเซียเนี่ย เขาจะเป็นแบบ จ่ายตังค์ก่อน แล้วจึงจะได้ตั๋ว ปัญหาคือ เขาไม่มีตังค์ทอนให้ผู้โดยสาร ซึ่งตั๋วก็ราคาถูกครับ แต่เงินที่พวกผมแลกมานี่ มีแต่แบงค์ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย แต่สุดท้ายก็หาแบงค์เล็กๆ มาจ่ายได้ แล้วก็ขึ้นรถไปตามระเบียบ ฉะนั้น ถ้าใครที่จะมาขึ้นรถเมล์ที่นี่ก็เตรียมเงินเตรียมแบงค์เล็กๆ มากันให้ดีๆ พวกผมเตือนแล้วนะ 5555555

หลังจากขึ้นรถโดยสารของมาเลเซีย “ครั้งแรก” ก็พบว่าถนนบ้านเมืองของเขาก็ใกล้เคียงกับประเทศไทยเรา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุเห็นได้ คือถนนที่เหมือนเป็นถนนสายหลักของเขาจะมีเลนส์สำหรับมอเตอร์ไซด์โดยเฉพาะทำให้ผมรู้สึกว่าสภาพท้องถนของเขาดูเป็นระเบียบกว่าบ้านเรากว่า ทำให้อะไรๆ มันดูง่ายและสะดวกสบาย ส่วนสายไฟแทบจะไม่มีให้เห็นเลยสักเส้นครับ เพราะเขาเอาลงใต้ดินหมด รู้สึกสบายตาสุดๆ เห็นวิวทิวทัศน์ได้ชัดเจนซึ่งระหว่างเดินทางก็เห็นทั้งภูเขาเห็นทั้งทะเล ถือว่าครบถ้วนเลยทีเดียวครับ


เรานั่งมาจนถึง Komtar สภาพแวดล้อมบริเวณนั้น ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยห้าง อู่รถเมล์ รถทัวร์ ซึ่งถ้าเราอยากเดินทางไปที่ไหน เราก็สามารถมาติดต่อแถวนี้ได้เลย แต่สำหรับพวกเราตอนนี้ก็ต้องการ internet เพื่อหาตำแหน่งที่พักที่เราได้ลิสต์กันไว้ ก่อนหาที่พัก เราก็เข้าห้างเลยครับ ไปซื้อซิมของทางมาเลเซีย ที่ร้าน Hot Link เป็นร้านที่พวกผมวางแผนจะไปซื้อกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เมื่อไปถึงร้านก็รู้สึกเซอร์ไพรซ์นิดหน่อยเพราะที่ร้านมีป้ายโฆษณาซึ่งเป็นภาษาไทย หลังจากซื้อซิมมาราคา 21 RPเราก็เริ่มตามหาที่พัก

เพื่อนๆคงสงสัยว่าทำไมไม่จองล่วงหน้า ก็มีหลายเหตุผล
1.ผมรู้สึกว่ามันยุ่งยากในการจองที่พักเพราะต้องใช้บัตรเครดิตซึ่งพวกผมยังไม่มีใครมี
2.การเดินหาที่พักก็ถือเป็นการสำรวจพื้นที่ และได้ฝึกภาษาระหว่างเดินเพื่อสอบผู้คนระหว่างทาง หรือการสนทนากับเจ้าของhostelเพื่อเข้าพัก
ซึ่งพวกเราได้หาข้อมูลสถานที่พักมาจาก website Hostel world (ผมขอแนะนำเพื่อนๆเลยละกันเว็ปนี้ดีมาก เป็นเว็ปที่รวบรวม hostel ไว้เพียงอย่างเดียว เหมาะแก่นัก backpack ทั้งหลายอย่างมาก) พวกผมได้เลือกที่พักโดยดูจากคะแนนของในweb โดยได้ลิสต์ไว้ 3 ที่ ที่แรกคือ live of jurney ที่นี้ตกแต่งสวยงาม ดูหรูหราปะปนไปกับกลิ่นอายของนักเดินทาง เห็ฯแล้วรู้สึกแบบอยากจะนอนที่นี่เหลือเกิน แต่ก็น่าเศร้าพอไปถึง ก็ได้คุยกับเจ้าของ hostel จับใจความได้ประมาณว่า เต็ม!! ผมถามเขาว่า “เมื่อวานผมเช็ค status แล้วมีที่ว่างตั้งเยอะนี่นาา” เขาบอกว่าวันศุกร์จะมีนักท่องเทียวเช็คอินเยอะมากกกก พวกเราคงผิดเองที่มาช้าไปหน่อย55 เลยตัดสินใจไปดูที่พักที่ 2 กันมีชื่อว่า Old Penang Guest House สำเนียงของเจ้าของ hostel ที่นี่ฟังยากนิดหน่อยเพราะเป็นคนอินเดีย แต่เขาก็พูดคล่องมาก พวกเราก็สนุกกันไป ได้ยินคำว่า sharing room เป็น single room ซึ่งเขาบอกว่าราคา32 RPต่อคืน เห้ยทำไมถูกจัง ก็เลยรีบตอบตกลงไป “single room six person” เขาทำหน้างง แล้วตอบกลับมาว่า single room 90 RP ต่อคืน พักได้ 2 คน พวกเราก็ฮากันสิครับ สรุปกว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ใช้เวลานานอยู่

นี่ก็เป็น “ครั้งแรก” ที่ได้พัก Guest House แบบ Sharing room ซึ่งเป็นห้องที่พักรวมกับคนอื่นๆ เนื่องจากพวกผมมาถึงที่พักช้ากว่าเวลาที่วางไว้มากกกกกก ถึงที่พักแล้วก็รีบเก็บข้าวของและเตรียมพร้อมออกเดินทาง ก่อนออกเดินทางก็ได้ให้เจ้าของที่พักเนี่ย เป็นคนแนะนำที่เที่ยวยอดนิยมหรือร้านอาหารดังๆ ไว้ให้ ซึ่งเขาก็แนะนำสถานที่ให้เราได้อย่างครบถ้วน ทำให้พวกเราประทับใจในส่วนนี้มากๆ เวลา ตอนนั้นคือประมาณ 4 โมงเย็นของเวลาที่มาเลเซีย (เร็วกว่าไทย 1 ชม.) ตอนนั้นเราลงจากเครื่องก็ไม่ได้กินข้าวกันเลย จึงตัดสินใจไป Red Garden Food Paradise ซึ่งเป็น Food court ที่ไม่ไกลจากที่พักมาก ทำให้เราได้ “กินอาหารมื้อแรกของประเทศมาเลเซีย” โดยเรานัดแนะกันว่า จะไม่สั่งอาหารที่เหมือนกัน แล้วมาแชร์อาหารกัน อาหารที่นี่แพงแล้วก็ได้น้อย และที่สำคัญเปิดในเวลากลางคืน เมื่อพวกเรามาถึงร้านบางร้านยังไม่เปิดเลย ก็เลยรู้สึกเซ็งกันไปตามๆกัน แต่ก็ได้ลิ้มลองอาหารแปลกๆหลากหลายรสชาติเลยทีเดียว หลังจากเติมพลังเราก็พร้อมที่จะหลงทางกันแล้วววววว
แผนของเราที่วางไว้คือ วันแรกเนี่ยจะต้องขึ้น Penang Hill ตอนเย็นๆ แต่เมื่อเราใช้เวลาในการเดินทางนานเกินไป เราจึงต้องเลื่อนทริป Penang Hill ไว้ในวันที่สอง ส่วนวันนี้นั้น เรายอมทิ้งแผนทุกอย่าง เพื่อสำรวจเมืองปีนังรอบๆ และไปสิ้นสุดที่ Night Market ในgorge town ที่เจ้าของที่พักเขาแนะนำมา โดยระหว่างนั้นเราก็ตระเวนหาของใช้จำเป็น เช่น ปลั๊กไฟ เพราะมาเลเซียจะใช้ไม่เหมือนประเทศเรา นอกจากนั้นก็ตระเวนหาของกินพื้นเมือง ระหว่างทางบังเอิญไปเจอร้านbakery ชื่อดังของ gorge town (Ming Xiang Tai) ร้านนี้ได้ยินมาว่า ทาร์ตไข่อร่อย จึงอยากจะลองชิมซักหน่อย แต่เนื่องจากเป็นเวลาเย็น จึงขายไปหมดแล้ว เขาบอกว่าทาร์ตไข่จะหมดเร็วมาก แต่ภายในยังเหลือขนมแปลกๆเยอะมากผมจึงเลือกซื้อพวกของที่ติดป้าย recommend ไว้ซึ่งที่ป้ายชื่อผมก็อ่านไม่ออกหรอกว่าคืออะไร แต่ลักษณะภายนอกมันเหมือนซาลาเปาแต่เป็นซาลาเปาที่แป้งด้านนอกเป็นเหมือนแป้ง ทาร์ตไข่กรอบๆ สีทองอร่ามสวยงามน่ากินสุดๆ ยิ่งมองเข้าไปในตู้ที่เปิดไฟสีงขาวๆเหลืองๆยิ่งสะท้อนจนแสบตาอย่างกับขุมทรัพย์กันเลยที่เดียว

ส่วนภายในกัดไปคำแรกนี่นึกไม่ออกว่าคือไส้อะไรรู้แต่ว่าอร่อยมากๆ ไส้แน่นและเยอะมาก กินจนหมด 1 ก้อนก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร พอก้อนต่อมาคนละรสกัน แต่ก้อนนี้กัดคำแรกรู้เลยคล้ายๆซาลาเปาไส้หมูแดงแต่เนื่องจากอิสลามเยอะจึงเดาว่าน่าจะเป็นเนื้อซะมากกว่า สุดท้ายกินจนหมดก็ยังไม่รู้ว่าชนิดแรกคือไส้อะไร นอกจากนี้ผมไปสะดุดตาที่หน้าร้านเขียนไว้ว่า Herb tea egg เป็นไข่ที่ต้มในชาสมุนไพรเปิดหม้อออกมาหอมมากเลยจัดไป 3 ฟอง รสชาตินี้คล้ายๆไข่พะโล้แต่ มีสมุนไพรอื่นๆนอกจากอบเชยอยู่ ให้เดาให้หมดคงยากเพราะเยอะมาก กินเข้าไปร้อนๆนี่กลิ่นฟุ้งอยู่ในปากในจมูกหอมและอร่อยมากๆ แต่เนื้อไข่แห้งไปหน่อย หลังจากนั้นก็มาจบที่ ร้านโรตีมะตะบะ ตอนแรกคิดว่าขนาดจะเท่ากับที่ไทย เลยสั่งมา 5 แผ่นที่ไหนได้

ยังกะพิซซ่าถาดเล็ก ส่วนเรื่องรสชาติ โดยมะตะบะที่กินจะเป็นมะตะบะเนื้อซึ่งออกรสเนื้อน้อยมากปกติที่ไทยก็ไม่ออกอยู่ละแต่เครื่องเทศและเครื่องเคียงที่ใช้ทำไส้นี่หอมหวนในปากมากครับ สำหรับคนที่ชอบทานพวกผงกะหรี่อยากให้ได้ไปลองชิมกันนะครับ นอกจากนี้มีนำ้ซอสราดด้วย โดยซอสจะเป็นเครื่องเทศลักษณะคล้ายมัสมันแต่เหมือนจะเข้มไปทางกลิ่นมากๆถึงมากที่สุด(เริ่มเปลี่ยนเป็นรีวิวอาหารแทน 555555)

หลังจากที่กินกันจนจุกท้องแล้ว ก็เดินย่อยเพื่อจะไปหาอะไรกินกันที่ Night Market ต่อ ระหว่างทางเนี่ย ทำให้ผมสังเกตอะไรหลายๆ อย่างนะครับ แต่หลักๆ เลยคือ ที่ปีนังเนี่ย คนมาเลเซียมีหลายเชื้อชาติ หลายวัฒนธรรมครับ ที่เห็นเด่นๆ เลย คือ จะมีคนมาเลเซียที่จะเป็นคนจีนผิวขาว และ คนมาเลเซียที่คล้ายคนอินเดียผิวดำ ซึ่งเดินไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นชุมชนจีนกับชุมชนคนอินเดียหรือแขกเนี่ย สลับกัน ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า เขาอยู่ด้วยกันได้ยังไง ขนาดคนไทย เชื้อชาติเดียวกันบางคนมองหน้ากันแล้วจะต่อยกันให้ได้เลยครับ 555+ เดินไปเดินมาตามแผนที่ก็มาถึงจุดที่มี Night Market ของปีนังแล้ว แต่เอ๊ะ!! ทำไมมันดูเงียบๆ พอเปิดดูข้อมูลเท่านั้นแหละครับ “Night Market ปิดวันที่เราไปพอดี” ไอ้เรากับเพื่อนเราก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลยครับ เลยไม่ได้เปิดดูข้อมูล เห็นว่ามีตลาดตอนดึกก็ตรงดิ่งมาเลย แป่ววววเลยครับ T^T เราก็เลยต้องตัดสินใจกลับที่พักกัน ซึ่งก็หารถเมล์ที่จะไปจอด Komtar ใกล้ที่พักเรา ก็เจอรถเมล์สาย 303 ที่ไปลง Komtar พอดี

ระหว่างที่เราเดินจาก Komtar ไปที่พัก เราก็เดินไปเส้นทางใหม่ เผื่อจะได้เจออะไรใหม่ๆ ซึ่งมีจริงๆ ครับ ในชุมชนจีน เหมือนพวกเขากำลังจัดพิธีงานมงคลอะไรซักอย่างอยู่พอดี พวกเราก็ได้สังเกตุลักษณะของงานและพิธีนั้น ผู้คนจะต้องแต่งชุดขาว และเรียบร้อยเพื่อจะไปกราบไหว้ข้อพรให้กับเจ้าภาพ พวกเราซึ่งแต่งชุดดำมาพอดีไม่ควรจะเข้าใกล้งานนี้ จึงสังเกตุได้ซักแปบก็รีบเดินห่างออกมา จากนั้นพวกเราก็กลับที่พักกัน ก่อนจะถึงที่พักก็มีของกินแปลกๆอยู่ตรงถนนใหญ่ใกล้ๆ ทีพ่ักเราครับ คนขายเป็นคนจีน เขาเรียกอาหารแบบนี้ว่า “Lok Lok”

"Lok Lok" เนี่ยจะมีทั้ง ลูกชิ้น เห็ด ไส้กรอก ผักกระหล่ำ ฯลฯ โดยของที่บอกมาทั้งหมดนี่คือ ถูกเสียบเป็นไม้วางอยู่บนรถเข็น วิธีกินคือเราต้องหยิบไม้พวกนี้มาลวกกินเอง เขาจะมีน้ำเดือดไว้ให้ วิธีกินก็ลวกในนำ้โดยเขาจะมีน้ำจิ้มให้ราดกินกันตรงหน้าร้านเลยครับ ส่วนตอนคิดตังค์ก็คิดเป็นไม้ครับ ตรงไม้จะมีสีติดอยู่ เขาก็จะมีราคาบอกว่าไม้สีนี้ราคากี่ริงกิต พอเรากินเสร็จเราต้องเอาไม้ไปให้เขาคำนวณตังค์แล้วก็จ่ายตังค์ตามราคาครับ ก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ถือว่าเป็นบรรยากาศใหม่ๆ ในการกินอาหาร หลังจากที่เรากินเสร็จก็เข้าที่พัก ซึ่งพอกลับเข้าที่พักก็พบว่าพวกเราต้องพักกับชาวต่างชาติ 2 คน เป็นชายชาวเสปน และหญิงชาวฮอนแลนด์ กลุ่มของพวกเราก็คุยทักทายกันกับพวกเขา แล้วก็ได้รู้ว่าชายชาวเสปนนั้นเขาจะเดินทางท่องเทียวใน asia เป็นเวลา 1 ปี โดยจะอยู่ที่ มาเลเซีย 1 เดือนโดยประมาณ หลังจากจบที่มาเลเซียแล้วเขาจะไปต่อที่ จาการ์ต้า ผมมีคำถามมากมายที่อยากจะถามนะครับ แต่ก็กลัวรบกวนเขาเพราะใกล้เวลานอนแล้วด้วย พวกผมจึงแยกย้ายทำธุระส่วนตัว แล้วไปพักผ่อนกันครับ



|
"มาเลไปเล" ประสบการณ์เที่ยวมาเลเซียครั้งแรก
ก่อนอื่นเลย ในชีวิตคนเรานั้น ย่อมมีครั้งแรกเสมอครับ ไม่ว่าจะเป็นหัดเดินครั้งแรก หัดปั่นจักรยานครั้งแรก มีแฟนครั้งแรก ซึ่งของพวกเราก็คล้ายกันๆ “ไปเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก” ปกติแล้ว การทำอะไรที่มันเป็นครั้งแรกมันก็ไม่ได้ง่ายหรอกครับ เราต้องวางแผน ต้องตัดสินใจ ต้องเตรียมหลายสิ่งหลายอย่างให้พร้อมก่อนการออกเดินทาง ซึ่งขั้นตอนนี้ก็รู้สึกว่าไปได้สวยเลยทีเดียว จนถึงวันที่ต้องออกเดินทางกัน หลังจากนี้จะแชร์ประสบการณ์ที่เจอมาครับ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็ขออภัยด้วยครับ เพราะนี่เป็นกระทู้แรกที่พวกผมเขียนกันจริงๆ จัง ครับ
Day1 Bangkok to Penang
ระยะเวลา 4 วัน 3 คืนที่เราจะไป ประเทศมาเลเซีย เราได้วางแผนกันแบบลงตัวมากๆ ครับ ซึ่งก็แน่นอนครับ “แผนล่ม” เรียกได้ว่าล่มตั้งแต่เนิ่นๆ เลย ลองไปดูกันครับ
พวกเราตื่นเต้นอย่างมากจนกระทั่งไปถึงสนามบินก่อนเครื่องออก 3 ชม.มีเพื่อนผมคนนึงขึ้นเครื่องครั้งแรก จึงไม่รู้กฎการพกของเหลวขึ้นเครื่องมาก่อนจึงเตรียมสุขภัณฑ์มาร้อยแปดประการ แต่เกือบได้ทิ้งลงถังซะแล้วครับ แต่ดีที่เพื่อนอีกคนมีสิทธิพิเศษของบัตรเครดิตทำให้สามารถนำของเหลวloadขึ้นเครื่องมาได้ ซึ่งระหว่างเที่ยวบินจาก BKK มา PEN ราบรื่นดีครับไม่มี delay เครื่องจอดตรงตามเวลา แต่หลังจากนั้นแหละครับ ติด ตม. แถวยาวเหยียดเกือบชั่วโมงครับ ทำให้เวลาที่วางไว้ ไม่ตรงตามแผนเท่าไหร่ แต่ยังไม่เป็นไรมาก พอผ่าน ตม. มาได้ค่อยโล่งอกครับ พร้อมเดินทาง ทำให้เจอปัญหาที่ 2 อีก ตอนนี้บอกก่อนว่าถ้าใครได้ขึ้นรถเมล์ของมาเลเซียเนี่ย เขาจะเป็นแบบ จ่ายตังค์ก่อน แล้วจึงจะได้ตั๋ว ปัญหาคือ เขาไม่มีตังค์ทอนให้ผู้โดยสาร ซึ่งตั๋วก็ราคาถูกครับ แต่เงินที่พวกผมแลกมานี่ มีแต่แบงค์ใหญ่ๆ ทั้งนั้นเลย แต่สุดท้ายก็หาแบงค์เล็กๆ มาจ่ายได้ แล้วก็ขึ้นรถไปตามระเบียบ ฉะนั้น ถ้าใครที่จะมาขึ้นรถเมล์ที่นี่ก็เตรียมเงินเตรียมแบงค์เล็กๆ มากันให้ดีๆ พวกผมเตือนแล้วนะ 5555555
เพื่อนๆคงสงสัยว่าทำไมไม่จองล่วงหน้า ก็มีหลายเหตุผล
1.ผมรู้สึกว่ามันยุ่งยากในการจองที่พักเพราะต้องใช้บัตรเครดิตซึ่งพวกผมยังไม่มีใครมี
2.การเดินหาที่พักก็ถือเป็นการสำรวจพื้นที่ และได้ฝึกภาษาระหว่างเดินเพื่อสอบผู้คนระหว่างทาง หรือการสนทนากับเจ้าของhostelเพื่อเข้าพัก
ซึ่งพวกเราได้หาข้อมูลสถานที่พักมาจาก website Hostel world (ผมขอแนะนำเพื่อนๆเลยละกันเว็ปนี้ดีมาก เป็นเว็ปที่รวบรวม hostel ไว้เพียงอย่างเดียว เหมาะแก่นัก backpack ทั้งหลายอย่างมาก) พวกผมได้เลือกที่พักโดยดูจากคะแนนของในweb โดยได้ลิสต์ไว้ 3 ที่ ที่แรกคือ live of jurney ที่นี้ตกแต่งสวยงาม ดูหรูหราปะปนไปกับกลิ่นอายของนักเดินทาง เห็ฯแล้วรู้สึกแบบอยากจะนอนที่นี่เหลือเกิน แต่ก็น่าเศร้าพอไปถึง ก็ได้คุยกับเจ้าของ hostel จับใจความได้ประมาณว่า เต็ม!! ผมถามเขาว่า “เมื่อวานผมเช็ค status แล้วมีที่ว่างตั้งเยอะนี่นาา” เขาบอกว่าวันศุกร์จะมีนักท่องเทียวเช็คอินเยอะมากกกก พวกเราคงผิดเองที่มาช้าไปหน่อย55 เลยตัดสินใจไปดูที่พักที่ 2 กันมีชื่อว่า Old Penang Guest House สำเนียงของเจ้าของ hostel ที่นี่ฟังยากนิดหน่อยเพราะเป็นคนอินเดีย แต่เขาก็พูดคล่องมาก พวกเราก็สนุกกันไป ได้ยินคำว่า sharing room เป็น single room ซึ่งเขาบอกว่าราคา32 RPต่อคืน เห้ยทำไมถูกจัง ก็เลยรีบตอบตกลงไป “single room six person” เขาทำหน้างง แล้วตอบกลับมาว่า single room 90 RP ต่อคืน พักได้ 2 คน พวกเราก็ฮากันสิครับ สรุปกว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ใช้เวลานานอยู่
แผนของเราที่วางไว้คือ วันแรกเนี่ยจะต้องขึ้น Penang Hill ตอนเย็นๆ แต่เมื่อเราใช้เวลาในการเดินทางนานเกินไป เราจึงต้องเลื่อนทริป Penang Hill ไว้ในวันที่สอง ส่วนวันนี้นั้น เรายอมทิ้งแผนทุกอย่าง เพื่อสำรวจเมืองปีนังรอบๆ และไปสิ้นสุดที่ Night Market ในgorge town ที่เจ้าของที่พักเขาแนะนำมา โดยระหว่างนั้นเราก็ตระเวนหาของใช้จำเป็น เช่น ปลั๊กไฟ เพราะมาเลเซียจะใช้ไม่เหมือนประเทศเรา นอกจากนั้นก็ตระเวนหาของกินพื้นเมือง ระหว่างทางบังเอิญไปเจอร้านbakery ชื่อดังของ gorge town (Ming Xiang Tai) ร้านนี้ได้ยินมาว่า ทาร์ตไข่อร่อย จึงอยากจะลองชิมซักหน่อย แต่เนื่องจากเป็นเวลาเย็น จึงขายไปหมดแล้ว เขาบอกว่าทาร์ตไข่จะหมดเร็วมาก แต่ภายในยังเหลือขนมแปลกๆเยอะมากผมจึงเลือกซื้อพวกของที่ติดป้าย recommend ไว้ซึ่งที่ป้ายชื่อผมก็อ่านไม่ออกหรอกว่าคืออะไร แต่ลักษณะภายนอกมันเหมือนซาลาเปาแต่เป็นซาลาเปาที่แป้งด้านนอกเป็นเหมือนแป้ง ทาร์ตไข่กรอบๆ สีทองอร่ามสวยงามน่ากินสุดๆ ยิ่งมองเข้าไปในตู้ที่เปิดไฟสีงขาวๆเหลืองๆยิ่งสะท้อนจนแสบตาอย่างกับขุมทรัพย์กันเลยที่เดียว