แชร์ประสบการณ์การผ่าก้อนเนื้อที่นมเมื่ออายุ 26 ปี

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าสมัครสมาชิกพันทิปเมื่อกี้  เพื่อมาแชร์ประสบการณ์นี้โดยเฉพาะเลยค่ะ



กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกนะคะ จะพยายามเว้นวรรคและใช้ภาษาให้ถูกต้อง เพราะสิงอยู่พันทิปมานานก็รู้สึกว่า
ที่นี่เราจะพยายามให้ทุกคนใช้ภาษาให้ถูกต้องกัน ถ้าผิดพลาดตรงไหน อย่าด่าแรงนะคะ ฮ่าๆ



อยากมาเล่ามาแชร์จริงๆค่ะ เพราะไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเป็น
แล้วพอพบว่าตัวเองเป็น สิ่งหนึ่งที่ทำคือค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ได้พบประสบการณ์คนอื่นๆที่เป็นเหมือนกันจากพันทิป
มันทำให้รู้สึกใจชื้นขึ้นมาค่ะว่า ไม่ได้เป็นคนเดียว คนอื่นก็เป็นแหะ เผื่อว่าวันนึงมีคนที่เป็นเหมือนเราผ่านมาเจอกระทู้นี้ จะได้มีกำลังใจ



เริ่มเรื่องเลยนะ ช่วงแรกๆจะเล่าความเป็นมาก่อนนะคะ :



รู้ตัวตั้งแต่ตอนอายุประมาณ 14 ปี (น่าจะ...นะคะ) ตอนนั้นกำลังเป็นเด็กน้อยหอยสังที่กำลังจะมีนมค่ะ
ก็รู้สึกเจ็บหน้าอก แล้วตอนนั้นออกทอมบอย ในตอนนั้น การมีนมเหมือนเป็นเรื่องน่าอายค่ะ เพราะใครนมใหญ่จะโดนล้อ
เลยพยายามกดๆหน้าอกให้ยุบลงไป -*- แล้วพบว่าเอ๊ะ เหมือนมีก้อนๆนะ...พอบอกแม่ แม่ไปบอกญาติ
ญาติก็หัวเราะแล้วบอกว่าน่าจะนมนะกำลังจะขึ้น



ก็ปล่อยผ่านไป จนมัธยมปลาย มหาวิทยาลัย....จนเรียนจบมาสามปี!! พึ่งไปหาหมอค่ะ
ช่วงเวลาตั้งแต่มัธยมปลายจนถึงก่อนไปหาหมอ ก็จับนมตัวเองตลอด ...มันก็มีค่ะไอ่ก้อนๆนี่
ลักษณะเป็นก้อนๆ เหมือนกลิ้งได้ ไม่เจ็บนะคะ แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง แม่ก็ไม่รู้ ฮ่าาาา



สิ่งที่ทำให้ไปพบหมอคือ อาสะใภ้ตรวจพบเป็นมะเร็งเต้านม เราเลยเล่าให้แม่ฟังเรื่องไอ่ก้อนๆที่นม  แม่เลยให้ไปตรวจ
เราก็เลยหาเวลาไปตรวจ ใช้สิทธิประกันสังคมค่ะ ก็พอเจอหมอก็สั้นๆง่ายๆไม่ถึง 5 นาที (ตอนรอเจอหมอประมาณ 1ชม.)



หมอ : เป็นอะไรมาครับ
เรา : มีก้อนที่หน้าอกค่ะ



หมอก็ให้ไปนอนที่เตียง โดยเราก็ถอดเสื้อออก หมอก็กดๆหน้าอกทั้งสองข้าง
ถามว่าอายมั้ย ก็อาจจะรู้สึกแปลกๆ แต่ปกติเป็นคนใส่สายเดี่ยวใส่ชุดว่ายน้ำได้ เลยรู้สึกแปลกมากกว่าอายค่ะ
ซึ่งหมอเป็นผู้ชายก็จริง แต่เราเข้าใจว่าหมอ พยาบาล อาชีพนี้วันๆนึงเจอนมผู้หญิงจนเอียนแล้วละคะ
พอหมอตรวจเสร็จ หมอก็ถามเราค่ะว่า จะกินยาแล้วรอดูอาการ หรือจะผ่าออก



ก่อนไปพบหมอเรารู้ว่าเรามีก้อน แต่ในใจลึกๆก็ภาวนาขอให้ไม่ใช่
พอหมอถามแบบนี้ เราก็มึนๆเหมือนกัน แต่ก็ตอบไปค่ะว่า ผ่า หมอก็นัดผ่าตามคิว
ซึ่งหมอก็บอกค่ะว่าถ้าผ่าจะมีแผลเป็นเกิดขึ้นนะ เราก็โอเคไม่เป็นไรค่ะ
เหตุผลที่ผ่าก็ ขี้เกียจกินยา แล้วผ่าออกไปจากตัวเราก็น่าจะดีกว่า (คิดแค่นั้นจริงๆ ฮ่าา)



ระหว่างนั้นเราก็สงสัยค่ะว่าพอจับแล้วเจอ แล้วก็ผ่าเลยเหรอ
หมอไม่อัลตราซาวน์ดูหน่อยเหรอคะ ฮ่าๆๆ เก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วไปถามพี่ที่รู้จัก (บ้านเขามีโรงพยาบาล)
พี่ก็เลยไปถามพี่ชายที่เป็นหมอ แล้วก็มาบอกเราว่าให้เราไปเมมโมแกรมกับอัลตราซาวน์ดูที่รพ.ไหนก็ได้



เราก็ลองค้นหาว่ารพ.ที่ไหน ราคาเท่าไหร่บ้าง
เจอโปรของรพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ราคาโปรถือว่าถูกว่าที่อื่นเลย โปรแกรมเมมโมแกรม+อัลตราซาวน์ 1,700 บาท
แต่ราคานี้จะไม่รวมค่าปรึกษาแพทย์กรณีที่ผลออกมาผิดปกตินะคะ ซึ่งเราก็โอเค เพราะเรารักษากับรพ.ประกันสังคม
และต้องการแค่การตรวจอัลตราซาวน์ดู



ปรากฏว่า ข้างที่เราพบก้อนเนื้อ (ข้างขวา) มี 2 ก้อน ส่วนอีกข้าง (ข้างซ้าย) มี 5 ก้อน (ขนาดไม่เกิน 5มม. เราจับไม่เจอ)
แต่ที่จับเจอขนาด 7 มม. ก็ช็อคเบาๆ ค่ะ แต่ก็รู้สึกโชคดีที่รู้ตัวตอนนี้ เพราะถ้ารู้ตัวตอนที่มันโตแล้วเป็นเนื้อร้ายน่าจะแย่นะคะ



พอถึงวันผ่า เราก็เอาผลเมมโมแกรม+อัลตราซาวน์ไปให้หมอดู
หมอดูแล้วบอกว่า ผลนี้มันคนละเรื่องกับที่จะผ่านะ ถ้าจับไม่เจอก็ทำอะไรไม่ได้ (เราก็มึนต่อไป เป็นคนมึนๆค่ะ -*-)
ซึ่งคุณหมอที่อัลตราซาวน์ให้เรา เค้าบอกว่าข้างที่เราจะผ่า มีอีกก้อนอยู่ใกล้ๆกันเลย
แต่คุณหมอคนที่ผ่าให้เรา เค้าผ่าออกให้เราแค่ก้อนเดียว


ตรงนี้สำคัญคิดว่าคนที่จะต้องผ่าอยากรู้เป็นพิเศษ เจ็บไหม ?


เมมโมแกรม คือการ X-ray โดยเจ้าเครื่องนี้จะหนีบนมเรา นึกภาพ นมเราจะถูกหนีบเหมือนกล้วยปิ้ง
เคยอ่านในพันทิปบอกเจ็บมาก เราหลอนกลัวเจ็บไปหลายวันเลย
แต่พอไปทำจริงๆ ปรากฏว่า ไม่เจ็บเลยยยยยย
แต่ผลเมมโมแกรมเราออกมาก็ไม่เห็นอะไร  (ลืมบอกค่ะว่าเราอายุ 26ปี)



ซึ่งก่อนทำ จากที่อ่านๆหาข้อมูลมา
เมมโมแกรมเหมาะกับคนอายุ 40 ขึ้นไป เพราะถ้าอายุน้อยกว่านี้เหมือนว่าเนื้อเรายังแน่นทำให้ไม่เห็นก้อนเนื้อ
แต่ด้วยความกังวลก็ยังอยากลองตรวจอยู่ดี อยากรู้ก็ต้องลองค่ะ ....
สุดท้ายหมอก็บอกค่ะว่า ถ้ามารอบหน้า ตรวจเฉพาะอัลตราซาวน์ก็พอค่ะ
( เนื่องจากอัลตราซาวน์เราพบก้อนเนื้อ (ไม่แน่ใจว่าเค้าเรียกก้อนอะไรนะคะ ขอเรียกก้อนเนื้อ) จึงต้องตรวจทุกๆ 6 เดือน
เพื่อเช็คดูค่ะว่ามันโตขึ้นมั้ย ถ้ามันโตเร็วผิดปกติจะได้ผ่า แต่ถ้าไม่โตขึ้นเลยภายใน 2 ปี หลังจากนั้นก็ให้ตรวจเป็นปีละครั้งค่ะ)



การผ่าเอาชิ้นเนื้อไปตรวจ ก่อนผ่า หมอก็มาจับเจ้าก้อนนี้ที่หน้าอกอีกรอบ ก่อนจะเอาปากกาวงๆตำแหน่งที่จะผ่า
เสร็จแล้วก็ให้เราออกไปรอ (หมอนัดผ่าที่ห้องฉุกเฉิน วันที่เราไปห้องฉุกเฉินมีหมอ 1 คน และทีมพยาบาลกับผู้ช่วยหลายคน คนไข้มีแต่ไม่ถือว่าเยอะล้นหลาม ) รอประมาณครึ่งชม. พยาบาลก็เรียกไปที่ห้องผ่าตัดเล็ก เราก็เปลี่ยนเสื้อ สักพักพยาบาลก็มาฉีดยาชาตรงที่จะผ่า
ตรงนี้ถามถึงระดับความเจ็บ ขอเปรียบเทียบความเจ็บกับการถอนฟันนะคะ....ฉีดยาชาตอนถอนฟันเจ็บกว่าค่ะ
ฉีดยาชาเสร็จ สักพักหมอก็เข้ามาผ่า โดยที่พยาบาลจะเอาผ้ามาปิดตาเรานะ ระหว่างนั้นเราก็จะมีสติตลอดค่ะ
หมอใช้เวลาประมาณครึ่งชม. ก็ผ่าเสร็จ เรารู้สึกโล่งใจมาก แบบว่าไม่เจ็บแหะ
ผ่าเสร็จหมอก็บอกเราแค่ว่า ให้ล้างแผลทุก 2 วัน ห้ามล้างแผลเองจะไปล้างแผลที่ไหนก็ได้ แล้วหมอก็ออกไป -*-



พยาบาลก็เอาผ้าออกจากหน้าเรา แล้วก็ล้างแผลให้ก่อนจะปิดสติกเกอร์กันน้ำให้
เราก็คุยกับพยาบาลค่ะว่า หมอเอาออกกี่ก้อน พยาบาลก็คีบมาให้ดู 1ก้อนค่ะ
(ลักษณะก้อน ก้อนผิวเรียบ หน้าตาเหมือนไส้กรอกอีสานค่ะ ต่างกันตรง หนังไส้กรอกอีสานจะเป็นหนังสีแดง และข้างในเป็นสีขาวเหมือนมันหมู)
เราเลยคุยกับพยาบาลว่า จริงๆเรามีอีกก้อนนะ ซึ่งพยาบาลก็ตอบแทนคุณหมอได้ดีค่ะว่า
คุณหมอท่านไม่มีเวลาผ่าทีละหลายๆก้อนค่ะ เพราะคนไข้แกเยอะ อาจจะผ่าได้ครั้งละ 1 ก้อน




ในใจเราก็แอบค้านอยู่เบาๆว่า อุส่าห์ผ่าแล้วน่าจะเอาออกให้หมด
แต่ก็เข้าใจค่ะว่าหมอคนไข้เยอะ เพราะตอนผ่าให้เราประมาณ 12.00 เสร็จประมาณ 12.30 ทีมงานหมอไม่รู้ได้กินข้าวเที่ยงหรือยังค่ะ
อีกอย่าง เราก็ไม่ได้คุยกับหมอชัดเจนค่ะว่ามันมี 2 ก้อน เพราะตอนเจอหมอครั้งแรกเราเข้าใจว่ามีก้อนเดียว แต่มันกลิ้งได้
แต่พอไปอัลตราซาวน์ถึงรู้ว่ามี 2 ก้อน



พยาบาลน่ารักค่ะ พูดจาดี แล้วพยาบาลก็แนะนำเรื่องล้างแผล
หมอบอกให้ล้าง 2 วันครั้ง พยาบาลบอกเราให้ล้างวันเว้นวัน ( เราก็มึนไปอีก -*- ฮ่าๆๆ )
เพราะบางคน มีน้ำเหลือง น้ำหนอง สารคัดหลั่งออกมาจากแผลเยอะ ถ้าสองสามวันล้างแผลหนึ่งครั้ง ไหมอาจจะจม
ถึงเวลาตัดไหมจะเจ็บค่ะ พยาบาลบอกอีกค่ะว่าคนตัดไหมไม่ใช่หมอ



ตอนนี้เราผ่านการผ่าเอาก้อนเนื้อออกมา 3 วันแล้วค่ะ หมอให้ยาฆ่าเชื้อ ยาลดบวม แล้วก็ยาพาราแก้ปวดมา
(แต่พาราเรากินไป 2 เม็ดเองค่ะ ไม่ได้เจ็บปวด แต่กินเพราะกลัวจะเจ็บปวด
ตอนนี้ไม่กินพาราแล้วเพราะไม่เจ็บจริงๆ ถอนฟันเจ็บกว่าเยอะค่ะ)



ไปล้างแผลใช้สิทธิประกันสังคมมาเมื่อวาน สิทธิประกันสังคมจะไม่ได้สติกเกอร์กันน้ำนะคะ
ไม่ซีเรียสค่ะ ไปหาซื้อที่ร้านขายยาได้ 2 ชิ้น /กล่อง 45 บาท
ซึ่งตอนนี้ว่าจะไม่ติดแล้วค่ะ เพราะรู้สึกติดก็เหมือนไม่ติด แบบว่าสติกเกอร์มันคลุมไม่หมด
จะมีส่วนผ้ากลอซแพลมๆออกมา ซึ่งเวลาโดนน้ำก็เหมือนจะดูดน้ำเข้าไปอยู่ดี ฮ่าๆ



อ่อ ตอนไปล้างแผล เราแอบมองแผลที่หน้าอกตัวเอง
ตอนแรกมโนไว้ว่าต้องบวมแดง ต้องมีหนองแน่เลย ปรากฏว่าแผลเราน่ารักที่สุด นางไม่เป็นอะไรเลย
แผลขนาด 1-2 ซม. ตอนนี้ยังนึกไม่ออกค่ะว่าถ้าตัดไหมแล้ว แผลเป็นที่หมอบอกว่าจะมี มันจะเป็นเเผลเป็นหน้าตาแบบไหน จะนูนมั้ย




เดี๋ยววันที่ 15 นี้มีนัดกับหมอ เพื่อฟังผลว่าเจ้าก้อนเนื้อที่เอาออกไปเป็นเจ้าตัวร้ายหรือไม่ ?
และเราคงต้องบอกหมอค่ะว่า....หมอคะ...มันมีอีกก้อนนะ...อีกข้างหนูก็มีนะ....ทำไงดีคะ ฮ่าๆ
ไม่รู้หมอจะว่าไง แต่เท่าที่คุยมา เจอหมอมาสองครั้ง ถ้านับคำพูดหมอนะ ไม่เกิน 200 คำค่ะ
มาไวไปไวมาก เจอหมอแป๊บๆ แต่ก็เข้าใจค่ะว่าเรามันสิทธิประกันสังคม คนป่วยหมอก็เยอะ
แค่เชื่อใจหมอว่าถึงเราจะเจอกันแป๊บๆ แต่หมอก็จะช่วยรักษาเราให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้







PS 1.ประเด็นที่สงสัยคือ เราจะอัลตราซาวน์ทุก 6 เดือนโดยใช้สิทธิประกันสังคมได้ไหมคะ?
PS 2.ใครมีประสบการณ์แบบหนูบ้างคะ? แล้วการรักษาเป็นยังไงบ้าง?
PS 3. หมอที่รักษามะเร็งให้อาเรา บอกว่าเดี๋ยวนี้สาวๆ ก็เป็นกันเยอะ ไม่ต้องรอแก่ก็เป็นกันเพียบซีสต์ที่นม ใครที่กังวลอยู่ก็ลองไปตรวจดูนะคะ อย่าปล่อยให้ความกังวลมาทำร้ายจิตใจเราให้เศร้าหมองเลยค่ะ จิตใจที่แจ่มใสย่อมดีกว่า
PS 4. หากจะทำประกันสุขภาพตอนนี้ยังทันมั้ยคะ เท่าที่ศึกษามา ประกันจะไม่ครอบคลุมโรคที่เคยเป็นมาก่อนทำประกัน ซึ่งอย่างเคสของเรา เคยผ่าก้อนเนื้อที่หน้าอกออก ถ้าเราทำประกันสุขภาพ แล้วอีก 2 ปีข้างหน้าเราต้องผ่าออกที่นมข้างเดิมอีก ประกันจะจ่ายให้มั้ย  หรือถ้านมคนละข้างกับที่เคยผ่า หรือที่อวัยวะอื่นของร่างกาย หากท่านไหนที่ขายประกันแวะผ่านมาอ่านและไม่เป็นการรบกวนมากเกินไป รบกวนชี้แนะหน่อยค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่