สวัสดีครับ มินกุ๊ก พาทัวร์กลับมาอีกครั้ง 5555+ หลังจากไม่ได้เขียนกระทู้รีวิวซะนาน แต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้เดินทางไปไหนเลยนะครับ ยังคงเดินทางอย่างต่อเนื่องแต่ตอนแรก กะว่าจะไปทำเป็นวีดีโอ ที่เค้ากำลังฮิตกัน ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ครับ เนื่องจากไปถ่ายมา กำลังตัดต่อไปเรื่อยปรากฏคอมเจ๊ง ไฟล์ที่ถ่ายมาหายไปซะเกลี้ยง เอ้อให้มันได้อย่างงี้ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ กลับมาเขียนเหมือนเดิมก็ได้ ไม่รู้ทุกวันนี้ยังคงมีคนอ่านกระทู้เที่ยวของพันทิพย์อยู่รึป่าวน้า หลังจากนี้ก็ยังมีทริปอยู่ในสต๊อกอีกพอสมควร ที่จะได้เขียนบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้พบมา พร้อมกับเป็นไกด์ไลน์ให้กับเพื่อนๆที่อยากจะไปเที่ยวที่ต่างๆ
เอาล่ะครับ ปล.กระทู้นี้อาจจะไม่ได้ชมรูป ที่เป็นรายละเอียดมากนัก เพราะตอนไปเที่ยวไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนกระทู้รีวิว แต่เนื่องจากพอไปกลับมา ก็มีเพื่อนๆ อยากได้แพลนกันมากมาย ก็เลยจะกลับมาเขียน แต่จะพยายามใส่รายละเอียดให้ครบ เพื่อนๆที่เดินทางตามไปจะได้ เดินทางได้ง่าย แล้วก็ไปเองสะดวกครับ
เอาล่ะ เกริ่นมาซะยาว จนตัวหนังสือจะหมดเรป อยู่แล้วเราจะมาเริ่มกันเลยยยยยยยยยยย สัสเปลืองหยุด
หลายๆคนจะชอบถามว่า งบเท่าไหร่ ๆ ๆๆๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ รัวๆ ผมไม่กั๊กเลยแล้วกันสรุปให้ตรงนี้เลย ผมใช้เงินบาทไปทั้งหมด รวมทุกบาททุกสตางค์ ตั้งกะตั๋วเครื่องบิน ยันซื้อยาดม และของฝาก ผมหมดไปประมาณ 33000 บาท เท่านั้นครับ กับทั้งทริปนี้ซึ่งเราจะได้ชมว่า 33000 บาทของผมเนี่ยมันไปไหนได้บ้างจะถูกจะแพงจะแรงจะดี ก็ขอเชิญอ่านกันต่อออ
ก่อนเดินทางก็ต้องเตรียมของกันก่อนสำหรับช่วงเวลาที่ผมไปนั้นเป็นช่วง เดินกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฤดูหนาว ไม่พอยังเป็นหนาวที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย หึหึ ทำไมถึงเลือกไปช่วงนี้ ไม่ยากครับ มันว่างช่วงนี้ อีกอย่างนึงสมาชิกก็ค่อนข้างจะมีมติตรงกันว่า ถ้าไปแล้วมันไม่หนาว มันเหมือนอยู่บ้านเราอะครับ ถ้าไปแล้วมันหนาวๆๆๆๆๆ แบบไม่เคยพบเคยเจอเนี่ย ก็จะได้รู้ว่า เอ้ออกูอยู่ ญี่ปุ่นนะว้อยย ทำนองเนี้ย เออตั๋วมันก็ถูกลงด้วยแหละนิดหน่อย มันโลว์ด้วยแหละไม่นับ 555+
สิ่งของที่ต้องเตรียม เครื่องนุ่งห่มกันหนาว ถ้าไปหน้าหนาวอะนะเช็คดีๆ สำหรับผมก็ว่าเตรียมไปเยอะแล้วนะ แต่ไปเจอความหนาวของจริง ขอบอกเลยว่า หนาว เชรี่ยๆ หนาวจนต้องร้องขอชีวิต อุณหภูมิหนักสุดที่ได้พบในทริปที่ไปคือ ตอนกลางคืนแม่ม ปาเข้าไป -5 - -10 คิดดูพี่น้อง เกิดมาขึ้นภูแถวบ้าน 9 องศา ก็แทบทรุดแล้ว ขอบอกเลยว่า แม้แต่อยู่ในที่พัก เปิดฮีตเตอร์ก็ยังรู้สึกเลยว่า กูไม่ได้อยู่บ้านแน่นวล
ผมขี้เกียจเขียนละว่าต้องเตรียมไรไปบ้าง เออมันก็ของจำเป็นนั่นแหละ เงินทองก็ไปแลกซะให้เรียบร้อย รอช่วงเวลาที่เงินเยน มันลงก็ดี ได้ 29 บาทนี่จะถือว่ากำไรชีวิต พาสปอร์ต ก็คงรู้อยู่แล้วว่าต้องใช้ สำคัญที่สุดเลยนะสำหรับการเที่ยวเองเนี่ย **** คือ แพลน *****
พวกคุณต้องเตรียมแพลน ศึกษาการเดินทาง ป้ายต่างๆไปให้ดี ยิ่งหลงน้อยยิ่งเที่ยวได้เยอะ จำไว้นะครับ **** หลงน้อยเที่ยวเยอะ ๆ ๆ ท่องๆๆๆ ****
เอาล่ะพร้อมแล้ว สายการบินหางแดง แพงบางเที่ยวบินจะนำทางท่านสู่สนามบิน โนบิตะ เห้ย ไซตามะ เห้ย นาริตะ เอ้อ ถูกแล้วว แหมห้าบาทสิบบาทก็เอา
เดินทางออกจากดอนเมิอง เวลา 10.45 น. ถึง นาริตะประมาณ 19.00 น.

ฟิ้วววววว ปล.รูปเครื่องบินเอามาจากกูเกิ้ลล
เวลาของญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงนะครับ เช่น ถ้าเรา 15.00 เขาจะ 17.00 มันเรียกว่า ช้ารึเร็ววะ ช่างมัน 55+
เมื่อเดินทางมาถึง แรกก้าวออกมาจากเครื่องบิน ก็จะสัมผัสได้ถึง ญี่ปุ่นครับ เพราะ

หนาววววววววว มากกกกกก 5555+ หนาวจนต้องหัวเราะกันว่า เป็นไงล่ะ มาญี่ปุ่นมันต้องหนาวมันถึงจะใช่ ใช่เลย อีเห้
จากนั้นขั้นตอนก็ไม่มีไรมากครับ เดินตามป้าย ไปรอรับกระเป๋า ขั้นตอนนี้คงไม่ต้องอธิบายกันมาก แต่ถ้าท่านไม่เคยไปต่างประเทศจริงๆล่ะก็มันก็ง่ายนิดเดียวครับ เดินตามคนอื่นครับ ยังไงมันก็ไปเอากระเป๋า
เมื่อได้กระเป๋าเสร็จแล้วก็ไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองครับ หรือที่เขาเรียกว่า อิมมิ อะไรซักอย่าง 55+ ถุ้ย ก็เหมือนเดิมครับ ใครไม่ทราบก็เดินตามคนอื่นครับ หรือถามคนไทยในเครื่องครับ เพราะคนไทยทั้งลำครับ เดินตามเค้าต้อยๆๆไปเลยครับ ไปต่อแถวเข้า
ก่อนไปตัวผมเองนั้นเคยเดินทางไปประเทศลาว เท่านั้นครับ พาสปอร์ตถือว่าเป็นชั้น ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมั่กๆ ไม่ได้ดูน่าตาเป็นนักท่องเที่ยวซะด้วย ก็ถามเพื่อนที่เค้าไปบ่อยๆ เห้ยๆ ตรูจะมีปัญหาปะวะ มันจะให้กูเข้าประเทศมันมั้ยเนี่ย ตอนนั้นข่าวคนไทยโดนเท ที่เกาหลีกำลัง บู้มๆๆๆๆๆ เลยครับ เพื่อนบอก โอ้ยไปญี่ปุ่นมา หลายที ไม่เคยเห็นใครโดน ตม. เทเลยนะจริงๆ ตื๊ดผ่านๆ อย่างเดียวไอ้เราก็ ใจชื้นครับ
ตัดสลับมาผมกำลังยืนต่อแถว รอตรวจพาสปอร์ตครับ ลืมบอกไปว่า สมาชิกที่ร่วมเดินทางในทริปนี้ ก็มีอยู่ 5-6 คนครับ รวมผม มีเพื่อนๆ น้องๆ อีกซึ่งผมรับบท เป็นผู้นำกลุ่ม สถาปนาตัวเองครับ 555+ เอ้อนอกเรื่องอีกละ
กลับมาที่ต่อแถว ผมก็เดินและทำหน้าให้ดูเหมือนนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด พร้อมกับรอยยิ้มจากเมืองสยาม ก้าวเข้าไปหา ตม. สาวท่านนึง ที่น่าตาเค้าน่าดูอิดโรยจาก การที่น่าจะนั่งตรงนั้นมาทั้งวัน พอเข้าไปถึง เขาก็เปลี่ยนสีหน้า กลายเป็นยิ้มแย้มขึ้นมาทันที พร้อมกล่าวทักทาย และยื่นมือมา ทันใดนั้นผมก็รู้ได้ว่า เราต้องยื่นพาสปอร์ตให้เค้าา ก็ยื่นไป เค้าก็ปั๊มๆ เช็คๆ อยู่ประมาน ไม่ถึง 1 นาที ก็ยื่นคืนมา แล้วก็บอกว่า เสร็จแล้วว
จากนั้นก็เดินมาด้านหน้า มันจะมีทางลงบันใดลงไป เอ่ ผมชักสับสนแล้วว่า มันเอากระเป๋าก่อน หรือว่า ผ่านด่าน ตม. ก่อน แต่ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า มันอาจจะสลับกัน ขอประทานอภัยถ้ามันผิดพลาดเพราะผมไปมา กพ. มาเขียน เอาตอน พย. อาจจะหลงลืมนิดหน่อย 555+
กลับมาต่อ ผมยืนอยู่ข้างบนบันไดกำลังจะเดินลงไป หาเพื่อนๆ กลุ่มนึงที่รออยู่แล้วด้านล่าง เมื่อผมเดินลงไปก็เห็นสมาชิกกำลัง พูดคุยกันเกี่ยวกับ บรรยากาศ กระเป๋า การผ่านด่านว่าไปโน่นนี่นั่น แต่ผมสังเกตุเห็นว่า เอ๊ะ ทำไมคนมันไม่ครบหว่า จริงด้วยครับ คนมันไม่ครับ ขาดไป 2 คน คือ รุ่นน้องของผม กับแฟน ผมก็เอาล่ะ

หายไปไหนเนี่ย ผมก็เลยเดินขึ้นไปด้านบน ตรง ตม. อีกครั้งนึงเพื่อมองดูว่าต่อแถวอยู่ รึป่าว ปรากฏว่า ก็ไม่มี
เอ้าน้องผมหายไปไหนนี่ จากนั้นพยามจะติดต่อ ก็คือ ลืมบอกไปนอนตอนแรก พวกผมเช่า wifi ของ Japan wifi ไป ก็พยามเปิด แต่คราวซวยน้องผมมันก็ไม่ได้ล็อคอินเอาไว้เพราะมันยังไม่ได้เปิดใช้งาน เอาล่ะทำไงดี ผมก็ยืนมองๆ อยู่ตรงนั้นซักพักก็มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนนึงเดินพร้อมถือ เอกสารลักษณะคล้ายๆแฟ้มมาหาผมพร้อมยิงคำถาม
ประโยคต่อไปนี้สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษนะครับแต่จะขอแปลเป็นไทยเลย ปล.สำเนียง ญี่ปุ่น ฟังยากกกกกกสุดๆ แล้วยิ่งเราไม่เก่งด้วยแล้วเนี่ย ยิ่งหนังชีวิตเลยครับ
เจ้าหน้าที่ : สวัสดีค่ะ คุณรู้จักคนสองคนนี้รึป่าวคะ (พร้อมยื่น รูปถ่ายพาสปอตมาให้ดู ปรากฏว่าเป็นน้องผมทั้งสองคน )
ผม : ใช่ครับ นั่นเป็นน้องของผม มาด้วยกันกับเพื่อนอีก 3-4 คน มีปัญหาอะไรรึป่าวครับ ?
เจ้าหน้าที่ : ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่จะขอสอบถามข้อมูลหน่อยนะคะ
ผม : ได้ครับ
เจ้าหน้าที่ : คุณมากันกี่คนคะ มาทำไม / มาในนามบริษัทหรอ / แล้วพักที่ไหน / จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง / อยู่กี่วัน / เอาเงินมาเท่าไหร่ / มีญาติหรืออะไรอยู่ที่นี่ไหม / จะกลับวันไหน / ขอดูเอกสารตั๋วเครื่องบินขากลับหน่อย / บอกได้ไหมว่าแต่ละวันจะไปที่ไหนบ้าง /
คุณพระนางถามแบบนี้จริงๆ โอ้โห ผมยืนตอบนางอยู่กว่า 30-40 นาทีได้ เพราะต้องแจงให้นางฟัง เหมือนผมมาเขียนกระทู้นี้เลย ซึ่งกว่าจะเข้าใจกัน ก็นั่นแหละครับ ปาเข้าไปเกือบ ชม.ได้ พอผมตอบนางเสร็จนางก็บอกว่า โอเค ให้ผมรอตรงนี้ จะไปพาน้องมาให้ แล้วนางก็หายไปราวๆ 3 นาที น้องของผมก็เดินมาทั้งสองคน พร้อมสีหน้าที่ สดใส 555+
พอมันมาถึงผมก็ถามมันว่า เห้ยพวกไปอยู่ไหนมาวะ เป็นไงบ้าง ทำไมถึงเข้าไม่ได้
โดยสรุปความมันบอกผมว่า " ผมก็ไม่รู้พี่ ผมก็ยื่นให้เหมือนพวกพี่ทำ เขาก็ไม่ถามอะไรผมนะ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ พาไปนั่งรอคิวอยู่ในห้อง ทางโน้น แล้วก็มีคนไทยหลายคน โดนพาเข้ามาเหมือนกัน แล้วก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาถาม อะไรผมมากมาย แต่ผมพูดไม่เป็น ก็ตอบเขาไม่ได้ ผมก็เลยพอจะบอกได้ว่า ผมมากับพี่ พี่ผมน่าจะรออยู่ตรงแถวนั้น เขาก็เลยออกจากห้องไปนานนนมาก แล้วก็กลับมาหาผม แล้วก็พามาหาพี่นี่แหละ "
เป็นประสบการณ์ต่างแดนที่สุดยอดจริงๆ มาต่างประเทศแล้วโดนเข้าห้องเย็นแบบนี้
เอาล่ะหลังจากนั้น เราก็พร้อมกันเสร็จแล้วเอาข้าวเอาของเรียบร้อยเราก็จะเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้า ปลายทางที่เราจอง โรงแรมเอาไว้ อยู่ที่ย่าน อุเอโนะ ก็จะห่างจาก สนามบิน ราวๆ 1 ชม. ได้ ก่อนไปย้ำว่าก่อนไป
**** จะมีตั๋วบุฟเฟ่ รถไฟสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น หาซื้อได้ที่สนามบินเท่านั้น แล้วราคาจะถูกลง เกือบครึ่งๆเพราะฉะนั้นต้องหาซื้อให้เรียบร้อย *****
ลักษณะตั๋วคือ จะเป็นตั๋วบุฟเฟ่ จะเป็นประมาณนี้ ราคามันไม่ตายตัว แต่บวกลบไม่มาก ต้องใช้พาสปอตซื้อเท่านั้นนะครับ
*** เค้าเตอร์ที่ขายตั๋วนี้จะอยู่บริเวณ ที่เขาขายตั๋วรถไฟเข้าเมือง น่าจะเป็นชั้นใต้ดิน หรือถาม พนง.ที่สนามบินก็ได้ครับ
สำหรับเต้าเตอร์ที่ขาย ขออภัยจริงๆผมจำชื่อไม่ได้ แต่ถ้าท่านไปก็ลอง เอารูปพาส ที่ผมใส่ไว้กระทู้ให้พนักงาน ที่สนามบินดูแล้วถามเค้าว่าไปซื้อได้ที่ไหน
โดย ถ้าเราไปถูกเค้าเตอร์ ด้านหน้า มันจะมี บอร์ด พร้อมราคา ขายติดอยู่ด้านหน้าครับ ถ้าเดินไปผา่นยังไงมองดูก็คงทราบ ****

ตอนที่ผมซื้อจะเป็น พาส 3 วัน + กับ รถพิเศษ เคเซ Express ไปและกลับ จากสนามบินนาริตะ ไปลง อุเอโนะ และ จาก อุเอโนะ กลับ สนามบิน
ราคาราวๆ 2400 เยน สำหรับ การคิดเงินเยนแบบ รวดเร็วนะครับ คือคิดง่ายๆว่า 1000 เยน : 300 บาท หรือ 30 % คิดแบบเร็วๆนะครับ ซึ่งมันไม่เป๊ํะหรอก แต่ก็เอาไว้แก้ขัดเวลาเร่งรีบ
ตอนแรกก็คิดว่ามันแพงเอาเรื่องอยู่นะ แต่พอเข้าไปในเมืองจริงๆแล้วจะทราบเลยว่า ถ้าเราท่องเที่ยวโดยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่า รถไฟฟ้าใต้ดิน มันสามารถนำพาท่านไปได้เกือบทุกที่ใน โตเกียวเลยล่ะเพราะงั้นมันคุ้ม เพราะราคาตั๋วรถไฟใต้ดิน หากไม่มีพาสบุฟเฟ่ 1 เที่ยว จะสตาร์ทที่ 160 เยน ถ้าผมจำไม่ผิด ถ้าผิดก็ขออภัย และจะไปแพงสุดน่าจะอยู่ที่ 240 เยน ต่อ 1 เที่ยว เพราะงั้น วันๆนึงถ้าเราเดินทางเที่ยวเยอะ ค่ารถไฟ ไม่ต่ำกว่า 2000 เยน แน่นอน แล้วการมีพาสบุฟเฟ่ ก็จะช่วยประหยัดเวลาให้เราไม่ต้องไป ต่อคิวซื้อตั๋ว ที่ตู้อีกด้วย
เดี๋ยวมาต่อ ครับ
[CR] รีวิว Japan 2017 แจกแพลนเที่ยวเอง Tokyo คาวา ดิสนีย์ วิธีการเดินทาง พร้อมประสบการณ์ติดห้องเย็น ตม. !!
สวัสดีครับ มินกุ๊ก พาทัวร์กลับมาอีกครั้ง 5555+ หลังจากไม่ได้เขียนกระทู้รีวิวซะนาน แต่ไม่ใช่ว่าไม่ได้เดินทางไปไหนเลยนะครับ ยังคงเดินทางอย่างต่อเนื่องแต่ตอนแรก กะว่าจะไปทำเป็นวีดีโอ ที่เค้ากำลังฮิตกัน ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ครับ เนื่องจากไปถ่ายมา กำลังตัดต่อไปเรื่อยปรากฏคอมเจ๊ง ไฟล์ที่ถ่ายมาหายไปซะเกลี้ยง เอ้อให้มันได้อย่างงี้ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ กลับมาเขียนเหมือนเดิมก็ได้ ไม่รู้ทุกวันนี้ยังคงมีคนอ่านกระทู้เที่ยวของพันทิพย์อยู่รึป่าวน้า หลังจากนี้ก็ยังมีทริปอยู่ในสต๊อกอีกพอสมควร ที่จะได้เขียนบอกเล่าประสบการณ์ที่ได้พบมา พร้อมกับเป็นไกด์ไลน์ให้กับเพื่อนๆที่อยากจะไปเที่ยวที่ต่างๆ
เอาล่ะครับ ปล.กระทู้นี้อาจจะไม่ได้ชมรูป ที่เป็นรายละเอียดมากนัก เพราะตอนไปเที่ยวไม่ได้ตั้งใจจะมาเขียนกระทู้รีวิว แต่เนื่องจากพอไปกลับมา ก็มีเพื่อนๆ อยากได้แพลนกันมากมาย ก็เลยจะกลับมาเขียน แต่จะพยายามใส่รายละเอียดให้ครบ เพื่อนๆที่เดินทางตามไปจะได้ เดินทางได้ง่าย แล้วก็ไปเองสะดวกครับ
เอาล่ะ เกริ่นมาซะยาว จนตัวหนังสือจะหมดเรป อยู่แล้วเราจะมาเริ่มกันเลยยยยยยยยยยย สัสเปลืองหยุด
หลายๆคนจะชอบถามว่า งบเท่าไหร่ ๆ ๆๆๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ รัวๆ ผมไม่กั๊กเลยแล้วกันสรุปให้ตรงนี้เลย ผมใช้เงินบาทไปทั้งหมด รวมทุกบาททุกสตางค์ ตั้งกะตั๋วเครื่องบิน ยันซื้อยาดม และของฝาก ผมหมดไปประมาณ 33000 บาท เท่านั้นครับ กับทั้งทริปนี้ซึ่งเราจะได้ชมว่า 33000 บาทของผมเนี่ยมันไปไหนได้บ้างจะถูกจะแพงจะแรงจะดี ก็ขอเชิญอ่านกันต่อออ
ก่อนเดินทางก็ต้องเตรียมของกันก่อนสำหรับช่วงเวลาที่ผมไปนั้นเป็นช่วง เดินกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นฤดูหนาว ไม่พอยังเป็นหนาวที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย หึหึ ทำไมถึงเลือกไปช่วงนี้ ไม่ยากครับ มันว่างช่วงนี้ อีกอย่างนึงสมาชิกก็ค่อนข้างจะมีมติตรงกันว่า ถ้าไปแล้วมันไม่หนาว มันเหมือนอยู่บ้านเราอะครับ ถ้าไปแล้วมันหนาวๆๆๆๆๆ แบบไม่เคยพบเคยเจอเนี่ย ก็จะได้รู้ว่า เอ้ออกูอยู่ ญี่ปุ่นนะว้อยย ทำนองเนี้ย เออตั๋วมันก็ถูกลงด้วยแหละนิดหน่อย มันโลว์ด้วยแหละไม่นับ 555+
สิ่งของที่ต้องเตรียม เครื่องนุ่งห่มกันหนาว ถ้าไปหน้าหนาวอะนะเช็คดีๆ สำหรับผมก็ว่าเตรียมไปเยอะแล้วนะ แต่ไปเจอความหนาวของจริง ขอบอกเลยว่า หนาว เชรี่ยๆ หนาวจนต้องร้องขอชีวิต อุณหภูมิหนักสุดที่ได้พบในทริปที่ไปคือ ตอนกลางคืนแม่ม ปาเข้าไป -5 - -10 คิดดูพี่น้อง เกิดมาขึ้นภูแถวบ้าน 9 องศา ก็แทบทรุดแล้ว ขอบอกเลยว่า แม้แต่อยู่ในที่พัก เปิดฮีตเตอร์ก็ยังรู้สึกเลยว่า กูไม่ได้อยู่บ้านแน่นวล
ผมขี้เกียจเขียนละว่าต้องเตรียมไรไปบ้าง เออมันก็ของจำเป็นนั่นแหละ เงินทองก็ไปแลกซะให้เรียบร้อย รอช่วงเวลาที่เงินเยน มันลงก็ดี ได้ 29 บาทนี่จะถือว่ากำไรชีวิต พาสปอร์ต ก็คงรู้อยู่แล้วว่าต้องใช้ สำคัญที่สุดเลยนะสำหรับการเที่ยวเองเนี่ย **** คือ แพลน *****
พวกคุณต้องเตรียมแพลน ศึกษาการเดินทาง ป้ายต่างๆไปให้ดี ยิ่งหลงน้อยยิ่งเที่ยวได้เยอะ จำไว้นะครับ **** หลงน้อยเที่ยวเยอะ ๆ ๆ ท่องๆๆๆ ****
เอาล่ะพร้อมแล้ว สายการบินหางแดง แพงบางเที่ยวบินจะนำทางท่านสู่สนามบิน โนบิตะ เห้ย ไซตามะ เห้ย นาริตะ เอ้อ ถูกแล้วว แหมห้าบาทสิบบาทก็เอา
เดินทางออกจากดอนเมิอง เวลา 10.45 น. ถึง นาริตะประมาณ 19.00 น.
ฟิ้วววววว ปล.รูปเครื่องบินเอามาจากกูเกิ้ลล
เวลาของญี่ปุ่นจะเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงนะครับ เช่น ถ้าเรา 15.00 เขาจะ 17.00 มันเรียกว่า ช้ารึเร็ววะ ช่างมัน 55+
เมื่อเดินทางมาถึง แรกก้าวออกมาจากเครื่องบิน ก็จะสัมผัสได้ถึง ญี่ปุ่นครับ เพราะ
จากนั้นขั้นตอนก็ไม่มีไรมากครับ เดินตามป้าย ไปรอรับกระเป๋า ขั้นตอนนี้คงไม่ต้องอธิบายกันมาก แต่ถ้าท่านไม่เคยไปต่างประเทศจริงๆล่ะก็มันก็ง่ายนิดเดียวครับ เดินตามคนอื่นครับ ยังไงมันก็ไปเอากระเป๋า
เมื่อได้กระเป๋าเสร็จแล้วก็ไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองครับ หรือที่เขาเรียกว่า อิมมิ อะไรซักอย่าง 55+ ถุ้ย ก็เหมือนเดิมครับ ใครไม่ทราบก็เดินตามคนอื่นครับ หรือถามคนไทยในเครื่องครับ เพราะคนไทยทั้งลำครับ เดินตามเค้าต้อยๆๆไปเลยครับ ไปต่อแถวเข้า
ก่อนไปตัวผมเองนั้นเคยเดินทางไปประเทศลาว เท่านั้นครับ พาสปอร์ตถือว่าเป็นชั้น ต่ำเตี้ยเรี่ยดินมั่กๆ ไม่ได้ดูน่าตาเป็นนักท่องเที่ยวซะด้วย ก็ถามเพื่อนที่เค้าไปบ่อยๆ เห้ยๆ ตรูจะมีปัญหาปะวะ มันจะให้กูเข้าประเทศมันมั้ยเนี่ย ตอนนั้นข่าวคนไทยโดนเท ที่เกาหลีกำลัง บู้มๆๆๆๆๆ เลยครับ เพื่อนบอก โอ้ยไปญี่ปุ่นมา หลายที ไม่เคยเห็นใครโดน ตม. เทเลยนะจริงๆ ตื๊ดผ่านๆ อย่างเดียวไอ้เราก็ ใจชื้นครับ
ตัดสลับมาผมกำลังยืนต่อแถว รอตรวจพาสปอร์ตครับ ลืมบอกไปว่า สมาชิกที่ร่วมเดินทางในทริปนี้ ก็มีอยู่ 5-6 คนครับ รวมผม มีเพื่อนๆ น้องๆ อีกซึ่งผมรับบท เป็นผู้นำกลุ่ม สถาปนาตัวเองครับ 555+ เอ้อนอกเรื่องอีกละ
กลับมาที่ต่อแถว ผมก็เดินและทำหน้าให้ดูเหมือนนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด พร้อมกับรอยยิ้มจากเมืองสยาม ก้าวเข้าไปหา ตม. สาวท่านนึง ที่น่าตาเค้าน่าดูอิดโรยจาก การที่น่าจะนั่งตรงนั้นมาทั้งวัน พอเข้าไปถึง เขาก็เปลี่ยนสีหน้า กลายเป็นยิ้มแย้มขึ้นมาทันที พร้อมกล่าวทักทาย และยื่นมือมา ทันใดนั้นผมก็รู้ได้ว่า เราต้องยื่นพาสปอร์ตให้เค้าา ก็ยื่นไป เค้าก็ปั๊มๆ เช็คๆ อยู่ประมาน ไม่ถึง 1 นาที ก็ยื่นคืนมา แล้วก็บอกว่า เสร็จแล้วว
จากนั้นก็เดินมาด้านหน้า มันจะมีทางลงบันใดลงไป เอ่ ผมชักสับสนแล้วว่า มันเอากระเป๋าก่อน หรือว่า ผ่านด่าน ตม. ก่อน แต่ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่า มันอาจจะสลับกัน ขอประทานอภัยถ้ามันผิดพลาดเพราะผมไปมา กพ. มาเขียน เอาตอน พย. อาจจะหลงลืมนิดหน่อย 555+
กลับมาต่อ ผมยืนอยู่ข้างบนบันไดกำลังจะเดินลงไป หาเพื่อนๆ กลุ่มนึงที่รออยู่แล้วด้านล่าง เมื่อผมเดินลงไปก็เห็นสมาชิกกำลัง พูดคุยกันเกี่ยวกับ บรรยากาศ กระเป๋า การผ่านด่านว่าไปโน่นนี่นั่น แต่ผมสังเกตุเห็นว่า เอ๊ะ ทำไมคนมันไม่ครบหว่า จริงด้วยครับ คนมันไม่ครับ ขาดไป 2 คน คือ รุ่นน้องของผม กับแฟน ผมก็เอาล่ะ
เอ้าน้องผมหายไปไหนนี่ จากนั้นพยามจะติดต่อ ก็คือ ลืมบอกไปนอนตอนแรก พวกผมเช่า wifi ของ Japan wifi ไป ก็พยามเปิด แต่คราวซวยน้องผมมันก็ไม่ได้ล็อคอินเอาไว้เพราะมันยังไม่ได้เปิดใช้งาน เอาล่ะทำไงดี ผมก็ยืนมองๆ อยู่ตรงนั้นซักพักก็มีเจ้าหน้าที่ผู้หญิงชาวญี่ปุ่นคนนึงเดินพร้อมถือ เอกสารลักษณะคล้ายๆแฟ้มมาหาผมพร้อมยิงคำถาม
ประโยคต่อไปนี้สื่อสารเป็นภาษาอังกฤษนะครับแต่จะขอแปลเป็นไทยเลย ปล.สำเนียง ญี่ปุ่น ฟังยากกกกกกสุดๆ แล้วยิ่งเราไม่เก่งด้วยแล้วเนี่ย ยิ่งหนังชีวิตเลยครับ
เจ้าหน้าที่ : สวัสดีค่ะ คุณรู้จักคนสองคนนี้รึป่าวคะ (พร้อมยื่น รูปถ่ายพาสปอตมาให้ดู ปรากฏว่าเป็นน้องผมทั้งสองคน )
ผม : ใช่ครับ นั่นเป็นน้องของผม มาด้วยกันกับเพื่อนอีก 3-4 คน มีปัญหาอะไรรึป่าวครับ ?
เจ้าหน้าที่ : ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ แต่จะขอสอบถามข้อมูลหน่อยนะคะ
ผม : ได้ครับ
เจ้าหน้าที่ : คุณมากันกี่คนคะ มาทำไม / มาในนามบริษัทหรอ / แล้วพักที่ไหน / จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง / อยู่กี่วัน / เอาเงินมาเท่าไหร่ / มีญาติหรืออะไรอยู่ที่นี่ไหม / จะกลับวันไหน / ขอดูเอกสารตั๋วเครื่องบินขากลับหน่อย / บอกได้ไหมว่าแต่ละวันจะไปที่ไหนบ้าง /
คุณพระนางถามแบบนี้จริงๆ โอ้โห ผมยืนตอบนางอยู่กว่า 30-40 นาทีได้ เพราะต้องแจงให้นางฟัง เหมือนผมมาเขียนกระทู้นี้เลย ซึ่งกว่าจะเข้าใจกัน ก็นั่นแหละครับ ปาเข้าไปเกือบ ชม.ได้ พอผมตอบนางเสร็จนางก็บอกว่า โอเค ให้ผมรอตรงนี้ จะไปพาน้องมาให้ แล้วนางก็หายไปราวๆ 3 นาที น้องของผมก็เดินมาทั้งสองคน พร้อมสีหน้าที่ สดใส 555+
พอมันมาถึงผมก็ถามมันว่า เห้ยพวกไปอยู่ไหนมาวะ เป็นไงบ้าง ทำไมถึงเข้าไม่ได้
โดยสรุปความมันบอกผมว่า " ผมก็ไม่รู้พี่ ผมก็ยื่นให้เหมือนพวกพี่ทำ เขาก็ไม่ถามอะไรผมนะ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่ พาไปนั่งรอคิวอยู่ในห้อง ทางโน้น แล้วก็มีคนไทยหลายคน โดนพาเข้ามาเหมือนกัน แล้วก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาถาม อะไรผมมากมาย แต่ผมพูดไม่เป็น ก็ตอบเขาไม่ได้ ผมก็เลยพอจะบอกได้ว่า ผมมากับพี่ พี่ผมน่าจะรออยู่ตรงแถวนั้น เขาก็เลยออกจากห้องไปนานนนมาก แล้วก็กลับมาหาผม แล้วก็พามาหาพี่นี่แหละ "
เป็นประสบการณ์ต่างแดนที่สุดยอดจริงๆ มาต่างประเทศแล้วโดนเข้าห้องเย็นแบบนี้
เอาล่ะหลังจากนั้น เราก็พร้อมกันเสร็จแล้วเอาข้าวเอาของเรียบร้อยเราก็จะเดินทางไปขึ้นรถไฟฟ้า ปลายทางที่เราจอง โรงแรมเอาไว้ อยู่ที่ย่าน อุเอโนะ ก็จะห่างจาก สนามบิน ราวๆ 1 ชม. ได้ ก่อนไปย้ำว่าก่อนไป
**** จะมีตั๋วบุฟเฟ่ รถไฟสำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้น หาซื้อได้ที่สนามบินเท่านั้น แล้วราคาจะถูกลง เกือบครึ่งๆเพราะฉะนั้นต้องหาซื้อให้เรียบร้อย *****
ลักษณะตั๋วคือ จะเป็นตั๋วบุฟเฟ่ จะเป็นประมาณนี้ ราคามันไม่ตายตัว แต่บวกลบไม่มาก ต้องใช้พาสปอตซื้อเท่านั้นนะครับ
*** เค้าเตอร์ที่ขายตั๋วนี้จะอยู่บริเวณ ที่เขาขายตั๋วรถไฟเข้าเมือง น่าจะเป็นชั้นใต้ดิน หรือถาม พนง.ที่สนามบินก็ได้ครับ
สำหรับเต้าเตอร์ที่ขาย ขออภัยจริงๆผมจำชื่อไม่ได้ แต่ถ้าท่านไปก็ลอง เอารูปพาส ที่ผมใส่ไว้กระทู้ให้พนักงาน ที่สนามบินดูแล้วถามเค้าว่าไปซื้อได้ที่ไหน
โดย ถ้าเราไปถูกเค้าเตอร์ ด้านหน้า มันจะมี บอร์ด พร้อมราคา ขายติดอยู่ด้านหน้าครับ ถ้าเดินไปผา่นยังไงมองดูก็คงทราบ ****
ตอนที่ผมซื้อจะเป็น พาส 3 วัน + กับ รถพิเศษ เคเซ Express ไปและกลับ จากสนามบินนาริตะ ไปลง อุเอโนะ และ จาก อุเอโนะ กลับ สนามบิน
ราคาราวๆ 2400 เยน สำหรับ การคิดเงินเยนแบบ รวดเร็วนะครับ คือคิดง่ายๆว่า 1000 เยน : 300 บาท หรือ 30 % คิดแบบเร็วๆนะครับ ซึ่งมันไม่เป๊ํะหรอก แต่ก็เอาไว้แก้ขัดเวลาเร่งรีบ
ตอนแรกก็คิดว่ามันแพงเอาเรื่องอยู่นะ แต่พอเข้าไปในเมืองจริงๆแล้วจะทราบเลยว่า ถ้าเราท่องเที่ยวโดยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่า รถไฟฟ้าใต้ดิน มันสามารถนำพาท่านไปได้เกือบทุกที่ใน โตเกียวเลยล่ะเพราะงั้นมันคุ้ม เพราะราคาตั๋วรถไฟใต้ดิน หากไม่มีพาสบุฟเฟ่ 1 เที่ยว จะสตาร์ทที่ 160 เยน ถ้าผมจำไม่ผิด ถ้าผิดก็ขออภัย และจะไปแพงสุดน่าจะอยู่ที่ 240 เยน ต่อ 1 เที่ยว เพราะงั้น วันๆนึงถ้าเราเดินทางเที่ยวเยอะ ค่ารถไฟ ไม่ต่ำกว่า 2000 เยน แน่นอน แล้วการมีพาสบุฟเฟ่ ก็จะช่วยประหยัดเวลาให้เราไม่ต้องไป ต่อคิวซื้อตั๋ว ที่ตู้อีกด้วย
เดี๋ยวมาต่อ ครับ