[CR] :::ไปดูลมหายใจของพระเจ้า --โบรโม-- และ --บาหลี-- ความแตกต่างที่ลงตัว:::

กระทู้รีวิว

นักท่องเที่ยว ประเทศอินโดนีเซีย เที่ยวภูเขา เที่ยวต่างประเทศ ภาพถ่าย

สวัสดีครับพี่น้องชาวบลู ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของผมที่มีโอกาสได้เดินทางไปเที่ยวประเทศอินโดนีเซีย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้วครับ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ไปเที่ยวภูเขาไฟโบรโม ซึ่งเป็นหนึ่งสถานที่ในฝันของผมที่อยากจะเป็นสักครั้งในชีวิตครับ และซึ่งที่นี่คือลมหายใจของพระเจ้าก้ว่าได้เลยล่ะครับ เพราะอะไรถึงเรียกว่าลมหายใจของพระเจ้าน่ะหรอครับ อาจจะเป็นเพราะว่าภูเขาไฟโบรโมเป็นภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่ครับ ซึ่งเมื่อเวลาขึ้นไปบนปล่องภูเขาไฟโบรโมจะได้ยินเสียงคล้ายๆ กับเสียงเครื่องบินเจ็ทอย่ตลอดเวลา พร้อมกับยังพ่นควันออกมาตลอดเวลาด้วยครับ

ด้วยตัวผมเองมีเพื่อนเป็นชาวบาหลี ดังนั้นจึงได้รับความสะดวกสบายพอสมควรในการท่องเที่ยวครับ เริ่มด้วยด้วยการจองตั๋วซึ่งผมสะสมไมล์ในกลุ่มของ Oneworld ครับ ดังนั้นจึงบินด้วยสายการบินมาเลเชียแอร์ไลน์ ซึ่งนั่นหมายความว่าผมต้องเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องที่ซีเรียสมากเพราะว่าผมมีเวลาสำหรับทริปนี้ค่อนข้างเยอะครับ

ซึ่งไฟลท์แรกทำการบินด้วยการบินไทย เครื่อง 777-200 ครับ เนื่องจากว่ามาเลเซียแอร์ไลน์ทำ Codeshare กับการบินไทยในไฟลท์นี้ครับ

หลังจากที่ใช้เวลาต่อเครื่องก็ถึงเวลาต้องบินต่อ ไฟลท์นี้บินด้วย B737-800 ครับ

ถึงที่บาหลีก็ได้เวลาทานมื้อเย็นพอดีครับ โชคดีที่เพื่อนเตรียมอาหารไว้รอเพียบเลย

หลังจากทานข้าวเสร็จก็มีเวลาพักผ่อนประมาณ 3 ชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วไม่ถึงหรอกครับ ผมได้พักแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นเพราะว่ามาถึงแล้วก็ต้องนั่งคุยกันเสียหน่อย จากนั้นประมาณเที่ยงคืนพวกผมต้องออกเดินทางจากเกาะบาหลี ข้ามไปยังเมืองมาลาง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของเกาะชวา

ใช้เวลาในการขับรถทั้งสิ้น 12 ชั่วโมง ต้องบอกก่อนเลยว่าเริ่มแรกเพื่อนผมโกหก ตอนแรกได้ยินมาว่า 6 ชั่วโมงก็ค่อยข้างดีใจผมไม่นอนเลยตลอดการเดินทาง 6 ชั่วโมงแรก พอถึงจุดพักผมถามเพื่อน มันบอกว่าอีก 6 ชั่วโมง!!!!! เฮ้ยรวมแล้ว 12 ชั่วโมงตายๆๆๆ ระหว่างทางที่พักรถก็ลงไปถ่ายรูปแก้เซ็ครับ

กว่าจะถึงเมืองมาลางก็ประมาณราวๆ เที่ยงวันครับ เหนื่อยมา 12 ชั่วโมงพอกันที ถึงแล้วเราไม่รีรอครับ แชะภาพกันก่อนเลย ดรงแรมที่พักนี้ชื่อว่า Jambuluwuk Batu Village Resort & Convention Hall ซึ่งสถานที่สวยเลยทีเดียว ซึ่งเป็นทั้งรีสอร์ท และวิลล่าครับ บรรยากาศที่นี่หนาวๆ เย็นๆ ต่างจากบาหลีที่อากาศร้อนมากๆ โรงแรมตั้งอยู่บนเนินเขาเลยครับ

ได้เวลาอาหารเที่ยงแล้ว มื้อแรกที่โรงแรมก็พวกผมสั่งอาหารอินโดนีเซียหมดแล้วครับ แต่อาจจะไม่ถูกปากคนไทยอย่างเราๆ สักเท่าไรนะครับ

วิวจากร้านอาหารของโรงแรมมองไปด้านล่างจะเป็นสระน้ำของโรงแรมครับ

บรรยากาศบ้านพักครับ ในบ้านหลังนี้จะเป็นบ้านสองชั้น มีอยู่ 3 ห้องนอนครับ

เก็บภาพและบรรยากาศรอบๆ มีเวลาพักผ่อนประมาณ 2-3 ชั่วโมงก่อนที่จะออกไปดูรอบๆ เมืองมาลางครับ สถานที่แรกที่จะพาไปเที่ยวคือโรงแรม Hotel TUGU ครับ ซึ่งอยู่ในกลางของเมืองมาลังครับ เจ้าของใช้ของสะสมของตัวเองมาประดับโรงแรมได้อย่างลงตัว แต่ผมคิดว่ามันออกจะน่ากลัวและหลอนไปนิดๆ นะครับ ถ้าใครอยากลองพักที่นี่ก็ลองจองดูกันได้เลยนะครับ ไปดูภาพกันเลย

ต่อด้วยร้านไอศกรีมร้านแรกๆ ซึ่งก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1930 ครับ มีเมนูให้เลือกเยอะเหมือนกันนะครับ ราคาไม่แพงครับ

เสร็จแล้วก็ถึงเวลาพักผ่อนก่อนที่จะลุยสำหรับค่ำคืนอันยาวนานแล้วล่ะครับ สรุปผมได้พักผ่อนประมาณ 30 นาทีเท่านั้นเอง เราต้องออกเดินทางประมาณเที่ยงคืนเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเขาไฟโบรโมครับ ซึ่งคล่าวๆ คือนั่งรถไป 1 ชั่วโมง เพื่อไปขึ้นรถจิ๊ป จากนั้นต่อรถจิ๊ปขึ้นไปภูเขาอีก 2 ชั่วโมงครับ

เป็นการเดินทางที่แสนทรหดจริงๆ ครับ แต่ว่าก็คุ้มค่าครับ อุณหภูมิบนนั้นประมาณ 8-9 องศาเซลเซียสครับ ไม่อธิบายอะไรมากมาย ไปดูภาพกันเลย

ถือว่าเป็นความโชคดีมากๆ นะครับที่ได้เห็นทะเลหมอกบนนี้ ซึ่งเพื่อนบอกว่ามาหลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยเจอเลย

หลังจากถ่ายรูปที่จุดชมวิวจนจุใจแล้ว ก็ต้องรีบลงไปเก็บภาพด้านล่างนะครับ ถ้าลงไปสายกว่านี้คนเยอะแน่นอน

จากนั้นขึ้นไปดูลมหายใจของพระเจ้าใกล้ๆ เลยดีกว่านะครับ ถ้าไม่ขึ้นไปถือว่ายังมาไม่ถึงนะครับ เวลานั้นตื่นเต้น อยากจะกระโดดขึ้นไปเร็วๆ จังเลย ซึ่งการที่จะขึ้นไปนั้นสามารถขี่ม้า ซึ่งจะต้องจ่ายเงินประมาณ 400 บาท จากนั้นจะต้องเดินขึ้นบันไดอีกจนถึงปล่องภูเขาไฟโบรโม หรือจะเดินก็ได้ครับ