สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิป ที่รักการท่องเที่ยวทุกคน
เราจะมาเล่าถึงประสบการณ์ รวมถึงแนะนำสถานที่เที่ยวในญี่ปุ่นที่เราก้าวเท้าไปเหยียบมา
เริ่มจาก Tokyo -> Nikko -> Mount Fuji -> Shirakawa-go -> Kyoto -> Osaka -> Wakayama -> Fukuoka
เราออกเดินทางจากประเทศไทยเวลา 19.05 น. ณ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Vietnam airlines
Transfer ที่ ฮานอย เครื่องออก 23.30 น. และถึง Narita Airport โดยสวัสดิภาพ เวลา 7.05 น. (เวลาญี่ปุ่น)
รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเราก็ออกมาซื้อตั๋วรถไฟ Keisei Express skyliner เข้าเมือง เคาน์เตอร์อยู่ตรงประตูทางออกจาก terminal เลยล่ะ
ตั๋วราคา 1290 yen = 387 บาท
ซื้อตั๋วรถไฟเข้าเมืองเรียบร้อย เราก็เดินไปอีกฝั่งของสนามบินเพื่อซื้อตั๋วรถไฟใต้ดิน ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วรถบัส Keisei
เราซื้อแบบ 48 ชม. (นับจากเวลาเริ่มใช้งาน ถ้าเราเริ่มใช้ 7 โมงเช้า ก็อยู่ไปอีก 48 ชม. นับจากนั้น)
เพราะเราอยู่โตเกียวแค่ 2 วัน ราคา 1200 yen = 360 บาท
Note!!
ราคาตั๋ว จำนวน 24 ชม. 800 yen
ราคาตั๋ว จำนวน 72 ชม. 1500 yen
สถานที่ซื้อตั๋ว นอกเหนือจากสนามบินนานาชาติ Narita ได้แก่ สำนักงานข้อมูลผู้โดยสารโตเกียว เมโทร: Ueno, Ginza, Shinjuku และ Omote-sando
สนามบินนานาชาติ Haneda (ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว เที่ยวบินระหว่างประเทศ)
โอเค ตั๋วพร้อม เราก็เข้าเมืองกันเลย
เรานั่งรถไฟ Skyliner เข้าเมืองเวลา 8.29 น. จากที่ซื้อตั๋วจะมีบันไดเลื่อนลงไปสถานี นั่ง Keisei Line นะ
ที่พักเราอยู่ใกล้กับ Asakusa Station เราก็นั่งไปลงตรงนั้นเลย สะดวกมาก ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. หลับตื่นเดียวถึงเลย
เราแบกสัมภาระไปฝากที่โรงแรมแล้วก็ออกเที่ยว เดินผ่าน Senso-ji เลยขอแชะภาพสักหน่อย 1 ภาพ
ฝนกำลังตกเลยจ้า ช่วงที่เรามานี่ไต้ฝุ่นเข้า เทวดาบรรดาลฝนมาให้ชุ่มช่ำหัวใจ
โอเค หลังจากเราเอากระเป๋าไปฝากเรียบร้อย ก็ได้เวลาสนุกแล้วสิ
เริ่มจาก สถานที่แรก : Imperial Palace
การเดินทางจาก Asakusa Station ไป Imperial Palace
นั่งรถไฟ จาก Asakusa station ไปลง Otemachi station
เราต้องเปลี่ยนสายรถไฟ จาก Asakusa Line -> Tozai Line
Asakusa station (A18) -> Nihombashi station (A13)(T10) -> Otemachi station (A09)
เมื่อถึง Otemachi station แล้ว เราก็ออกทางออก c13b ป้ายมีบอกเป็นระยะๆ
ขึ้นไปถึงพบกับความจริงที่ปวดใจ ฝนตกหนักจ้า แต่เราสู้ เดินต่อไป ประตูที่เราเข้า คือ Ote-mon Gate นะ
เอารูปมาฝากละกัน ฝนตกนี่มันสดชื่นจริงๆ แต่ไม่ตกจะดีกว่านะจ๊ะนายจ๋า
เข้าชมฟรีจ้าาาาาา เก็บบัตรนี้ไว้ คืนตอนขาออกด้วยนะ
เอาภาพไปชมรัวๆ
ใต้ความใลไม้เปลี่ยนสี
เราแวะพักหลายรอบมาก เพราะว่าฝนตกหนัก และลมแรง T T เลยไปไหนไม่ได้หลายที่ล่ะ
สถานที่ที่สอง : Meiji Shrine
จากสถานี Otemachi ที่อยู่ cross กับ Chiyoda Line เราก็สามารถนั่งจาก
Otemachi station (c11) ไปลง Meiji jingumae (Harajuku) station (c03) ได้เลย
ลงจากสถานีก็ได้กลิ่นหอมของขนม เลยต้องลองชิมสักหน่อย อดใจไม่ไหว คนต่อแถวเยอะด้วย
ร้าน Danish Bar นี่แหละจ้ะ เราสั่งไส้ sweet potato อร่อย หอม ดี ไปลองกันได้
โอเค เดินขึ้นมาจากสถานี เดินเลี้ยวขวาจะเจอสะพาน เดินข้ามไป เห็นเสาใหญ่ๆ สองเสา คนเยอะๆ นั่นแหละทางเข้า
เดินตามเรามาเลยจ้าาา าาา
ทางเดินมันจะใหญ่โตอะไรเช่นนี้ บรรยากาศก็ดี๊ดี และฝนหยุดตกแล้วจ้าาา
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอถังใส่สาเกมากมายตั้งเรียงรายอยู่ ศิลปะสุดๆ ชอบๆๆ
เจอเสา Torii อีกแล้วววว ววว ด่านที่ 2
ด่านที่ 3 อันนี้ได้เข้าจริงๆละ
ก่อนจะเข้า ต้องล้างมือ ล้างปากก่อนนะ เพื่อชำระล้างสิ่งสกปรก
ล้างมือ 2 ข้าง ล้างปาก 1 ปาก เรียบร้อย ดูพี่ฝรั่งท่านนี้เป็นตัวอย่าง
ภายใน Meiji Shrine
เขียนขอพรกันหน่อยยย ยย
ท่านใดที่ชอบเครื่องราง ก็ไปซื้อหาจับจองกันได้ที่บูธตรงนั้นเลย
เราออกอีกทางนึง คือเหมือนเดินเป็นวงกลมอะ สุดท้ายก็จะเดินไปชนกับตรงทางเข้าเสา Torii ด่านที่ 2
จบทริปสำหรับวันนี้ เวลาหมด เจอฝนเข้าไป เดินทางลำบาก ออกจากวัดก็พระอาทิตย์ตกดินพอดี
สำหรับมื้อเย็นวันนี้ เราไปทานที่ร้าน Sugita แถวๆ สถานี Kuramae (A17) เป็นร้าน local ที่คนญี่ปุ่นชอบไปทาน
เพื่อนญี่ปุ่นพาไป เป็นร้านขาย tonkatsu ร้านไม้ใหญ่มาก มีที่นั่งแบบเป็นแถว กับที่นั่งส่วนตัว
จะบอกว่ามันดีมาก หมูเนื้อหนา แต่ไม่เหนียว เมนูมีไม่เยอะ มีแค่เนื้อ, หมูธรรมดา และหมูติดมัน
แต่คนเยอะมาก -*- ใครสนใจก็มาลองกันได้ มื้อนี้ ประมาณ 1500 yen = 450 บาท
เสร็จจากอาหารเย็น เดินกลับโรงแรม ขอแวะแชะภาพที่ Senso-ji ยามค่ำคืนหน่อยละกัน
จบวันแรกแบบเปียกปอน ชุ่มฉ่ำกันไป
วันที่ 2 สถานที่แรก : Senso-ji (เวลาเช้าตั้งแต่คลื่นมหาชนยังไม่มา)
เงียบสงบมาก อยากไหว้ตรงไหนไหว้ อยากถ่ายรูปก็ได้ถ่าย
มีคณะนักเรียนมาทัศนะศึกษาตั้งแต่เช้าเลย
เข้าวัดกันนนนน นนนเถอะ
ในส่วนของบรรยากาศโดยรอบนั้น น น น น
[รีวิว] ทริปญี่ปุ่น ตอนที่ 1 Tokyo