คือเราเป็นพนักงาน ทำงานเกี่ยวกับเอกสารทั่วไปค่ะ พิมพ์เอกสาร ถ่ายเอกสาร จัดเอกสารเข้าแฟ้ม
เซ็นเอกสารบ้างบางอย่างเพื่อให้งานดำเนินต่อได้ คล้ายๆ เซ็นแทนหัวหน้าได้บ้างเฉพาะเอกสารรับเรื่อง อะไรทำนองนี้
แล้วในออฟฟิศ เอาเฉพาะทีมของเรามีประมาณ 5 คน
1.หัวหน้าผู้ชาย ทำงานหลายที่เร่ร่อนไปมาไม่ค่อยนั่งโต๊ะเท่าไหร่ค่ะ
2.รุ่นพี่ผู้ชาย(พนักงานที่อายุเยอะสุดในทีม) และมีอำนาจแทนหัวหน้าได้เลยทุกกรณี
3.พนักงานผู้ชายผอมสูง
4.พนักงานผู้ชายสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอมไม่สูงไม่เตี้ย
5.และ...เราเองผู้หญิงหนึ่งเดียว ผอมแห้งแรงน้อยแถมตัวเตี้ยอีกต่างหาก
ตอนมาสมัครงาน หัวหน้าเป็นคนสัมภาษณ์เอง เขาบอกทำงานไหวไหมผู้ชายเยอะนะ
องค์กรเขากำหนดมาให้มีผู้หญิงได้แค่ทีมละคน แต่เกรดเราดี ความสามารถเราก็ทำได้ เขาเลยรับไว้
ด้วยความที่เราจบใหม่ ไฟแรงสูง ค่าแรงต่ำกว่ามาตรฐานยังไงก็รับได้ ขอแค่ได้ทำงานหาประสบการณ์ก็เอา
เราเลยบอกไปว่าไหว! แต่ใครจะคิดว่าจะมีวันที่ไม่ไหว
หัวหน้าบอกตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน ว่าอยู่กันแบบพี่น้องนะ มีอะไรเราก็ช่วยเหลือกัน หยิบจับอะไรง่ายๆ ได้ก็ทำ
เราก็จำมาแบบนั้น และหัวหน้าย้ำว่า ถ้าขยันขันแข็งอาจพิจารณาขอเพิ่มค่าแรงให้ เราก็เข้าใจและจดจำเรื่อยมา
พอทำช่วงแรก เราอ่อนหวานพูดเพราะกับทุกคนในทีมค่ะ เพราะเรามาใหม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในทีมให้ได้เร็วๆ
เราเป็นมิตรกับทุกคน มีอะไรที่เขาทำค้างไว้ก็ช่วยทำจนเสร็จ แม้จะไม่ใช่งานเรา เพราะช่วงทำงานใหม่ๆ ดูไม่
ค่อยมีอะไรให้ทำเลย แอบนั่งหาวเกือบทุกวัน แต่คนอื่นดูมีงานล้นมือจัง ทำให้เราไม่สบายใจที่เอาเปรียบเขา
ก็ลงแรงตัวเองไปช่วยงานคนอื่นค่ะ
แต่พอทำไปเรื่อยๆ กลายเป็น จากที่คนอื่นทำงานของเขาอยู่ ตอนนี้ทุกคนในทีมชอบโยนงานเขามาให้เราทำ
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เราก็ยินดีช่วยเพราะคิดว่าเขาคงยุ่งพัลวันแล้วมั้ง แต่ไม่ใช่เลย พอเราทำงานให้เขาไป
ขณะที่เรายุ่งกับงานของเขา พวกเขากลับนั่งดูหนังฟังเพลง เล่นมือถือ คุยเรื่องไร้สาระกันเอง ไม่แคร์ว่าเราไหว
หรือไม่ไหว
พอมีงานหนักต้องใช้แรงทำจริงๆ เช่นย้ายสถานที่ทำงานไปอีกมุมหนึ่ง ต้องยกโต๊ะเก้าอี้และอุปกรณ์สำนักงาน
หัวหน้าไม่เข้ามาสั่งการหรือหาใครมาช่วยยก รุ่นพี่ลาไปเที่ยวพักร้อน อ้างว่าจองทัวร์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ยกเลิกก็
ไม่ได้เพราะจ่ายเงินไปก่อน พนักงานอีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ชายก็อ้างเหตุผลเรื่องงาน พากันไปประชุม แล้วก็ทิ้ง
เราให้ขนของเอง มีบางคนในที่ทำงานเห็นใจก็มาช่วยบ้าง แต่มันไม่ใช่งานเขา...ก็เลยช่วยไม่ถึงฝั่ง
เรารู้สึกเหมือนทำงานคนเดียว ไหนใครบอกว่าอยู่กันแบบพี่น้องมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน
ทำไมคนพี่หนีไปเที่ยวสบายใจ เพื่อนร่วมงานที่ยังอยู่ก็ไม่เคยมาช่วยเหลือเรา ปล่อยให้เราขนของย้ายของเอง
ทั้งที่เราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ตอนขนของจากชั้นล่างขึ้นชั้นบนประมาณ 4-6 ชั้น เราเหนื่อยและท้อใจกับเพื่อน
ในทีมจนน้ำตาไหลเอง แล้วก็นั่งคิดว่า เราจะทำยังไงถึงจะดัดนิสัยคนแบบนี้ได้บ้าง
เรายังอยากทำงานที่นี่ต่ออีกสักระยะค่ะ แต่ก่อนจะจากที่นี่ไป เราอยากให้คนขี้เกียจคนชอบเอาเปรียบแบบนี้ได้
คิดซะบ้าง เพราะเรากลัวคนต่อไปที่มาทำงาน เขาจะต้องลำบากเหมือนเรา ถูกเอาเปรียบเหมือนเรา และที่เรา
ได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานแผนกอื่น เขาลือกันว่า ทีมนี้หาพนักงานทำเอกสารยากมาก ไม่รู้ทำไม แต่วันนี้เราก็
ได้รู้ได้เข้าใจแล้วค่ะ ...ไม่มีใครอยากร่วมงานกับทีมไม่เวิร์คหรอก
เราจะดัดสันดานเพื่อนร่วมงานนิสัยแย่ๆ แบบนี้ยังไงได้บ้างคะ?
เซ็นเอกสารบ้างบางอย่างเพื่อให้งานดำเนินต่อได้ คล้ายๆ เซ็นแทนหัวหน้าได้บ้างเฉพาะเอกสารรับเรื่อง อะไรทำนองนี้
แล้วในออฟฟิศ เอาเฉพาะทีมของเรามีประมาณ 5 คน
1.หัวหน้าผู้ชาย ทำงานหลายที่เร่ร่อนไปมาไม่ค่อยนั่งโต๊ะเท่าไหร่ค่ะ
2.รุ่นพี่ผู้ชาย(พนักงานที่อายุเยอะสุดในทีม) และมีอำนาจแทนหัวหน้าได้เลยทุกกรณี
3.พนักงานผู้ชายผอมสูง
4.พนักงานผู้ชายสมส่วนไม่อ้วนไม่ผอมไม่สูงไม่เตี้ย
5.และ...เราเองผู้หญิงหนึ่งเดียว ผอมแห้งแรงน้อยแถมตัวเตี้ยอีกต่างหาก
ตอนมาสมัครงาน หัวหน้าเป็นคนสัมภาษณ์เอง เขาบอกทำงานไหวไหมผู้ชายเยอะนะ
องค์กรเขากำหนดมาให้มีผู้หญิงได้แค่ทีมละคน แต่เกรดเราดี ความสามารถเราก็ทำได้ เขาเลยรับไว้
ด้วยความที่เราจบใหม่ ไฟแรงสูง ค่าแรงต่ำกว่ามาตรฐานยังไงก็รับได้ ขอแค่ได้ทำงานหาประสบการณ์ก็เอา
เราเลยบอกไปว่าไหว! แต่ใครจะคิดว่าจะมีวันที่ไม่ไหว
หัวหน้าบอกตั้งแต่วันแรกที่ทำงาน ว่าอยู่กันแบบพี่น้องนะ มีอะไรเราก็ช่วยเหลือกัน หยิบจับอะไรง่ายๆ ได้ก็ทำ
เราก็จำมาแบบนั้น และหัวหน้าย้ำว่า ถ้าขยันขันแข็งอาจพิจารณาขอเพิ่มค่าแรงให้ เราก็เข้าใจและจดจำเรื่อยมา
พอทำช่วงแรก เราอ่อนหวานพูดเพราะกับทุกคนในทีมค่ะ เพราะเรามาใหม่อยากเป็นส่วนหนึ่งในทีมให้ได้เร็วๆ
เราเป็นมิตรกับทุกคน มีอะไรที่เขาทำค้างไว้ก็ช่วยทำจนเสร็จ แม้จะไม่ใช่งานเรา เพราะช่วงทำงานใหม่ๆ ดูไม่
ค่อยมีอะไรให้ทำเลย แอบนั่งหาวเกือบทุกวัน แต่คนอื่นดูมีงานล้นมือจัง ทำให้เราไม่สบายใจที่เอาเปรียบเขา
ก็ลงแรงตัวเองไปช่วยงานคนอื่นค่ะ
แต่พอทำไปเรื่อยๆ กลายเป็น จากที่คนอื่นทำงานของเขาอยู่ ตอนนี้ทุกคนในทีมชอบโยนงานเขามาให้เราทำ
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่เราก็ยินดีช่วยเพราะคิดว่าเขาคงยุ่งพัลวันแล้วมั้ง แต่ไม่ใช่เลย พอเราทำงานให้เขาไป
ขณะที่เรายุ่งกับงานของเขา พวกเขากลับนั่งดูหนังฟังเพลง เล่นมือถือ คุยเรื่องไร้สาระกันเอง ไม่แคร์ว่าเราไหว
หรือไม่ไหว
พอมีงานหนักต้องใช้แรงทำจริงๆ เช่นย้ายสถานที่ทำงานไปอีกมุมหนึ่ง ต้องยกโต๊ะเก้าอี้และอุปกรณ์สำนักงาน
หัวหน้าไม่เข้ามาสั่งการหรือหาใครมาช่วยยก รุ่นพี่ลาไปเที่ยวพักร้อน อ้างว่าจองทัวร์ไว้ล่วงหน้าแล้ว ยกเลิกก็
ไม่ได้เพราะจ่ายเงินไปก่อน พนักงานอีก 2 คน ซึ่งเป็นผู้ชายก็อ้างเหตุผลเรื่องงาน พากันไปประชุม แล้วก็ทิ้ง
เราให้ขนของเอง มีบางคนในที่ทำงานเห็นใจก็มาช่วยบ้าง แต่มันไม่ใช่งานเขา...ก็เลยช่วยไม่ถึงฝั่ง
เรารู้สึกเหมือนทำงานคนเดียว ไหนใครบอกว่าอยู่กันแบบพี่น้องมีอะไรก็ช่วยเหลือกัน
ทำไมคนพี่หนีไปเที่ยวสบายใจ เพื่อนร่วมงานที่ยังอยู่ก็ไม่เคยมาช่วยเหลือเรา ปล่อยให้เราขนของย้ายของเอง
ทั้งที่เราเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ตอนขนของจากชั้นล่างขึ้นชั้นบนประมาณ 4-6 ชั้น เราเหนื่อยและท้อใจกับเพื่อน
ในทีมจนน้ำตาไหลเอง แล้วก็นั่งคิดว่า เราจะทำยังไงถึงจะดัดนิสัยคนแบบนี้ได้บ้าง
เรายังอยากทำงานที่นี่ต่ออีกสักระยะค่ะ แต่ก่อนจะจากที่นี่ไป เราอยากให้คนขี้เกียจคนชอบเอาเปรียบแบบนี้ได้
คิดซะบ้าง เพราะเรากลัวคนต่อไปที่มาทำงาน เขาจะต้องลำบากเหมือนเรา ถูกเอาเปรียบเหมือนเรา และที่เรา
ได้ยินมาจากเพื่อนร่วมงานแผนกอื่น เขาลือกันว่า ทีมนี้หาพนักงานทำเอกสารยากมาก ไม่รู้ทำไม แต่วันนี้เราก็
ได้รู้ได้เข้าใจแล้วค่ะ ...ไม่มีใครอยากร่วมงานกับทีมไม่เวิร์คหรอก