[CR] [Review] Thor : Ragnarok (2017) ศึกอวสานเทพเจ้า


หลังจากห่างหายจากภาคที่ 2 ไปถึง 4 ปี ภาคที่ 3 ของ Thor เทพเจ้าสายฟ้าก็เข้าโรงฉายเสียที โดยภาคนี้ดารานำในภาคก่อนๆ ก็ยังอยู่เกือบครบครัน ไม่ว่าจะเป็น เลียม เฮมสเวิร์ธ , ทอม ฮิดเดิลสตัน ,ไอดริส เอลบา และ ท่านเซอร์แอนโธนี่ ฮอปกิ้นส์ โดยภาคนี้ได้มีดาราสาวเจ้าบทบาทอย่าง เคท แบลนเชทท์ มาร่วมงานโดยมารับบทเป็นเฮล่าตัวร้ายของเรื่อง ซึ่งในภาคนี้ก็ได้ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวนิวซีแลน์ ไทกา ไวตีตี โดยมีโปรดิวเซอร์หน้าเก่าอย่าง เควิน ไฟกี มาอำนวยการสร้างด้วยเช่นกัน

หนังบอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่ ธอร์ ( เฮมสเวิร์ธ ) ได้เสร็จภารกิจของทีมอเวนเจอร์ เขาเริ่มตามหาหินอินฟินิตี้และได้รู้เรื่อง “คำทำนายแร็กนาร็อก” ซึ่งทำนายว่าจะเกิดสงครามที่ทำให้แอสการ์ดต้องพังพินาศ เขาจึงพยายามปกป้องแอสการ์ดจากคำทำนาย แต่ก็เหมือนจะสูญเปล่าเมื่อพบกับความจริงที่โอดิน( ฮอปกิ้นส์ ) บิดาของเขาได้ปกปิดเอาไว้ เมื่อเฮล่า ( แบลนเชทท์ ) เทพเจ้าแห่งความตายที่ถูกโอดินจองจำได้ถูกปลดปล่อยออกมา เฮล่า จึงกลับมายังแอสการ์ดเพื่อแก้แค้นและยึดครองแอสการ์ด ธอร์จึงต้องต่อสู้เพื่อปกป้องแอสการ์ด แต่ทว่า เฮล่ากลับจัดการธอร์ได้อย่างง่ายดาย แถมค้อนโยเนียร์ก็ถูกทำลาย และในระหว่างการต่อสู้นั้นเอง ธอร์ได้หลุดไปยังดาวซาคาร์และถูกจับไปเป็นนักสู้แกลดดิเอเตอร์ ซึ่งทำให้ธอร์ได้พบกับฮัลค์ ( รัฟฟาโล ) และต้องต่อสู้กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อหาทางกลับไปช่วยปลดปล่อยแอสการ์ดจากเงื้อมมือของเฮล่า

แม้พล็อตเรื่องดูน่าจะเป็นหนังแนวแอคชั่นหนักๆ แบบซีเรียส แต่ตัวอย่างก็บอกแล้วว่าเรื่องนี้มีฮาแน่นอน หนังกลายเป็นหนังแอคชั่นแฟนตาซีที่มีความตลกเบาสมอง  ใส่มุกเข้าไปแบบไม่ยั้งแทบจะทุกฉากทุกตอน แม้แต่ตัวโอดินบิดาของธอร์ที่ดูขรึมๆ จริงจังๆ ก็ยังมีฉากฮากับเขาด้วยเลย แต่พอถึงฉากแอคชั่นก็มันสุดติ่ง ยิ่งได้เพลง Immigrant Song ของ Led Zeppelin มาประกอบกับตอนต่อสู้ของธอร์มันช่างลงตัวได้อย่างเหลือเชื่อ รวมไปถึงเพลงประกอบในตอนที่ไปยังดาวซาคาร์ก็มีกลิ่นอายคล้ายๆ กับเรื่อง Guardian of Galaxy อยู่เหมือนกัน เมื่อความตลกโปกฮารวมกับฉากแอคชั่นมันๆ ความสนุกสนานก็บังเกิดขึ้น รวมไปถึงฉากสถานที่ตามดาวเคราะห์ต่างๆ สเปเชียลเอฟเฟกทำได้ยอดเยี่ยมมาตรฐานไม่ตกไปจากภาคก่อนๆ หรือหนังค่ายเดียวกัน สิ่งหนึ่งที่จะแปลกตาไปจากภาคก่อนๆ คงจะเป็นในเรื่องของสีสันต่างๆ โดยเฉพาะที่ดาวซาคาร์ซึ่งเป็นดาวที่เรียกได้ว่ามีความเหลื่อมล้ำเหมือนสังคมโลกในปัจจุบันที่คนรวยหรือชนชั้นสูงก็จะแต่งตัวดีๆ สีสันฉูดฉาดดูกีฬาที่มีความรุนแรง เช่น เอาคนมาฆ่ากัน ( ถ้าในโลกของเราก็คงเป็นพวกมวยสากล หรือ อเมริกันฟุตบอล ) ในขณะที่ชนชั้นล่างก็ต้องอาศัยอยู่ตามกองขยะคอยดักปล้นเพื่อเอาตัวรอด เรียกได้ว่าดูๆ ไปก็สะท้อนถึงสังคมในปัจจุบัน

สำหรับเฮมสเวิร์ธในบทบาทของธอร์ ภาคนี้แลดูว่าเขาจะมีความผ่อนคลายเป็นพิเศษแตกต่างจากภาคก่อนๆ  โดยธอร์จะเป็นคนตลก ขี้เล่น ชอบแหย่คนอื่นๆ ไม่ค่อยมีความดราม่าให้เห็นมากนักแต่ธอร์ก็ยังคงมีความเอาแต่ใจตัวเองและชอบทำตามอารมณ์เหมือนเดิม ส่วนในบทแอคชั่นเฮมสเวิร์ธก็ยังเล่นบทบู๊ได้อย่างเท่ห์มีสไตล์ ถือได้ว่าเฮมสเวิร์ธทำได้ตามมาตรฐานของเค้าที่เคยได้ทำเอาไว้ ในส่วนของโลกิ ถ้าเราได้เคยดูในภาคก่อนๆ จะรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายคอยหักหลังทุกคนได้ตลอดเวลา แต่ในภาคนี้ฮิดเดิลสตันอาจจะไม่มีความชั่วร้ายเท่าใดนัก แต่ในความเจ้าเล่ห์เพทุบายยังมีเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความพลิ้ว เรียกได้ว่าที่เคยเกลียดๆ กัน อาจจะหลงรักในความทะเล้นของเค้าก็เป็นได้ ในส่วนของแบลนเชทท์ในบทบาทของเฮล่า เทพเจ้าแห่งความตาย ต้องถือว่าเธอเล่นได้ดีสุดๆ เหมาะสมกับบทนี้มากๆ ทั้งสีหน้าแววตาท่าทางดูราวกับแม่มดที่ชั่วร้ายอย่างกับในหนังเทพนิยายพี่น้องกริมม์ไม่มีผิด ดูไปดูมานี่นึกว่าดีเจต้นหอม หรือ พลอยเฌอมาลย์มาเล่นเรื่องนี้ด้วย นานๆ ทีจะเห็นแบลนเชทท์มาเล่นหนังซูเปอร์ฮีโร่ อีกคนที่ต้องขอพูดถึงก็คือในส่วนของ วัลคีรี่อดีตนักรบชาวแอสการ์ดที่รับบทโดย เทสซ่า ทอมป์สัน เรื่องนี้เธอเล่นได้เท่ห์มากๆ เป็นสาวนักสู้ที่มีความแข็งแกร่งราวกับผู้ชายอกสามศอก แถมยังดูมีเสน่ห์เรียกได้ว่าเป็นสาวผิวสีที่ขึ้นกล้องสุดๆ ดูสวยสดใส และโอดิน กษัตริย์เฒ่าบิดาของธอร์ ที่ท่านเซอร์แอนโธนี่เล่น ที่แม้จะโผล่มาน้อยไม่มากนักแต่ก็ทำให้เราเห็นถึงออร่าของนักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ และความมีอิทธิพลในทุกๆ ฉากที่แกโผล่มา เว้นฉากตลกนะครับ ที่แกเองก็เล่นได้น่ารักสามารถเรียกเสียงฮามาได้เหมือนกัน ส่วนฮัลค์ในภาคนี้ก็จะเหมือนเด็กน้อยงี่เง่าเอาแต่ใจในร่างยักษ์ตัวเขียว ที่ก็เรียกเสียงฮาได้เป็นพักๆ เหมือนกัน ผิดกับฮัลค์ที่เราเคยดูที่มีความเกรี้ยวกราดเสมอๆ


สำหรับ Thor ภาคนี้ผมให้คะแนน 8.5 เต็ม 10 ครับ หักตรงที่บางทีพยายามใส่มุกตลกเข้าไปมากเกิน บางมุกก็มีความรู้สึกฝืด บางมุกก็สามบาทห้าบาท ทั้งๆ ที่ฉากนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ก็ได้ เอาตรงๆ ก็มุกที่จะขำสุดๆ ก็จะเป็นในมุกจำพวกเจ็บตัว เป็นต้น รวมไปถึงการที่ตัวละครหลายๆ ตัวตายง่ายเกิ๊น อารมณ์ประมาณว่า อ่าว ตายแล้วหรอ ปัดโถ่ อุตส่าห์โผล่มาทั้งที (แต่ก็เข้าใจนะว่าเฮล่ามันเก่งจริงๆ) ทั้งๆ ที่บางตัวภาคก่อนๆ โคตรเก่ง รวมไปถึงฉากซึ้งๆ ระหว่างพ่อลูก ที่ทำได้ดูเหมือนว่าอารมณ์ยังไม่สุดเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้สนุกครับไม่น่าเบื่อดูเพลินๆ ใครที่ชอบแนวตลกเบาสมอง หรือ แอคชั่นที่ถ่ายทำได้มันและสวยงามแบบแฟนตาซี ต้องห้ามพลาด ยิ่งถ้าแฟนหนังมาร์เวลส์ยิ่งต้องดู

เอาเพลงประกอบตอนบู๊มาฝากครับผม
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ถ้าสนใจดูรีวิวหนังเรื่องอื่นเพิ่มเติม ให้คำติชมแนะนำ หรือถ้าอยากให้รีวิวหนังเรื่องไหน มาพูดคุยกันได้ที่เพจผมครับ https://www.facebook.com/cineman95/  ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Thor : Ragnarok - ธอร์ ศึกอวสานเทพเจ้า
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่