แจ้งเตือนสำหรับเพื่อนๆ และพี่น้องเกษตรกรทุกท่านนะครับ
กรมปศุสัตว์เตือน !!! ให้ระวังสุขภาพสัตว์ กับโรคที่มากับหน้าหนาวกันด้วยนะครับ ปีนี้คาดกันว่าจะหนาวรุนแรงเพราะปรากฏการณ์ลานีญ่า
ประเทศไทยเปลี่ยนจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทำให้อุณหภูมิในรอบวันมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันมาก จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์ที่เลี้ยงไว้
สัตว์เลี้ยงบางชนิดจะปรับตัวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ยาก จนทำให้สัตว์มีสุขภาพอ่อนแอ และทำให้เกิดโรคระบาดในสัตว์ได้ง่าย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่จะสามารถแพร่ระบาด และติดต่อได้ง่ายที่สุด โดยสามารถแพร่ขยายได้ทางอากาศ
รวมทั้งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีนกอพยพย้ายถิ่นฐานจากฝั่งประเทศในขั้วโลกเหนือลงใต้ เพื่อหาความอบอุ่น และขยายพันธุ์ จนทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคสัตว์ได้ง่าย
ดังนั้น เกษตรกรควรจะต้องหมั่นทำความสะอาด และตรวจเชคสุขภาพสัตว์เลี้ยงในฟาร์มของตัวเอง ถ้าหากพบสัตว์ป่วย หรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรจะต้องรีบแจ้งไปยังปศุสัตว์ในพื้นที่โดยเร็วที่สุด หรือแจ้งผ่านสายด่วนกรมปศุสัตว์ที่เบอร์ 096 - 301 - 1946 ตลอด 24 ชั่วโมง
รวมทั้งเอกชนยักษ์ใหญ่ไทย ซีพี ก็ออกมาเตือนเกษตรกรไทยให้เฝ้าระวัง และดูแลสัตว์ในฟาร์ม
น.สพ.นรินทร์ ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ชำนาญการด้านสุขภาพสัตว์ แนะนำวิธีการเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันที่หลายพื้นที่มีอุณหภูมิลดต่ำลงในช่วงเช้าและค่ำ สลับกับอากาศร้อนในช่วงกลางวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงทำให้เกิดความเครียด และภูมิคุ้มกันโรคของสัตว์ลดลง สัตว์จึงเจ็บป่วยง่ายขึ้น โดยมีคำแนะนำดังนี้
โรคที่เกิดได้บ่อยในสัตว์มีกีบ เช่น โค กระบือ และสุกร เกษตรกรควรพึงระวังโรคปาก และเท้าเปื่อย และโดยเฉพาะสุกรจะต้องระวังการเกิดโรค PRRS ที่พบว่ามีการระบาดในช่วงนี้ได้ได้ง่าย จะระบาดอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีการติดต่อถึงคน
ส่วนการเลี้ยงไก่ไข่ ควรต้องดูแลสภาพภายในโรงเรือนให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่เปียกชื้น อาจต้องมีการเพิ่มผ้าม่านกั้นแนวลมที่จะเข้าโรงเรือน และเพิ่มหลอดไฟกก เพื่อทำให้อุณหภูมิไม่ต่ำจนเกินไป นอกจากนี้ ยังต้องควบคุมการให้อาหารให้เหมาะสม อาจต้องให้อาหารบ่อยครั้งขึ้น เพื่อกระตุ้นการกินอาหาร ทั้งนี้ สามารถเพิ่มวิตามินละลายน้ำให้แม่ไก่ได้ตามสมควร
ด้านนายอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจสัตว์น้ำของซีพีเอฟ แนะนำวิธีการเลี้ยงปลาในช่วงฤดูหนาวซึ่งมักจะเกิดภาวะอุณหภูมิน้ำลดต่ำลง ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโต และสุขภาพของสัตว์น้ำ เนื่องจากปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น อาจจะทำให้ปลามีความผิดปกติ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันที่จะลดต่ำลงด้วย ปลาจึงกินอาหารลดลง มีความอ่อนแอลง ดังนั้นเกษตรกรควรวางแผนการเลี้ยงอย่างรอบคอบ ไม่เลี้ยงปลาหนาแน่นจนเกินไป และปล่อยลูกปลาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และควรสังเกตการกินอาหารที่อาจลดลง เนื่องจากอุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
โดยควรยึดหลักการณ์ให้อาหารทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง กล่าวคือ ควรแบ่งจำนวนมื้ออาหารมากขึ้นเป็นวันละ 5-6 มื้อ ซึ่งในแต่ละครั้งจะต้องให้ทีละน้อยเท่าที่ปลากินหมด เพื่อกระตุ้นการกินของปลาให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการให้อาหารในช่วงเช้าที่มีอุณหภูมิต่ำ เพราะปลาจะกินอาหารได้น้อย เกษตรกรจึงควรผสมวิตามินซี และสารกระตุ้นภูมิต้านทานในอาหารให้ปลากินสัปดาห์ละ 3 ครั้งเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานด้วย
ที่มา :
ประชาชาติธุรกิจ
และที่สำคัญ หากมีการสุ่มไฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยงแล้ว อย่าลืมดับไฟกันด้วยทุกครั้งนะครับ
เพราะหลายครั้ง การสุ่มไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นทั้งคน และสัตว์เลี้ยง มักจะลุกลามจนเกิดเป็นเพลิงไหม้ใหญ่โต เสียทั้งทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง
อย่าลืม สำหรับในพื้นที่ในฟาร์มก็ควรจะต้องมีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อยานพาหนะทุกชนิด และควบคุมคนที่เข้าออก เพื่อไม่ให้นำเชื้อโรคระบาดเข้าสู่ฟาร์มกันด้วยนะครับ
ปศุสัตว์เตือน !!! ระวังสุขภาพสัตว์ กับโรคที่มากับหน้าหนาว
กรมปศุสัตว์เตือน !!! ให้ระวังสุขภาพสัตว์ กับโรคที่มากับหน้าหนาวกันด้วยนะครับ ปีนี้คาดกันว่าจะหนาวรุนแรงเพราะปรากฏการณ์ลานีญ่า
ประเทศไทยเปลี่ยนจากฤดูฝนเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ทำให้อุณหภูมิในรอบวันมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันมาก จนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของสัตว์ที่เลี้ยงไว้
สัตว์เลี้ยงบางชนิดจะปรับตัวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ยาก จนทำให้สัตว์มีสุขภาพอ่อนแอ และทำให้เกิดโรคระบาดในสัตว์ได้ง่าย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจที่จะสามารถแพร่ระบาด และติดต่อได้ง่ายที่สุด โดยสามารถแพร่ขยายได้ทางอากาศ
รวมทั้งช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีนกอพยพย้ายถิ่นฐานจากฝั่งประเทศในขั้วโลกเหนือลงใต้ เพื่อหาความอบอุ่น และขยายพันธุ์ จนทำให้เกิดการแพร่กระจายของโรคสัตว์ได้ง่าย
ดังนั้น เกษตรกรควรจะต้องหมั่นทำความสะอาด และตรวจเชคสุขภาพสัตว์เลี้ยงในฟาร์มของตัวเอง ถ้าหากพบสัตว์ป่วย หรือตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรจะต้องรีบแจ้งไปยังปศุสัตว์ในพื้นที่โดยเร็วที่สุด หรือแจ้งผ่านสายด่วนกรมปศุสัตว์ที่เบอร์ 096 - 301 - 1946 ตลอด 24 ชั่วโมง
รวมทั้งเอกชนยักษ์ใหญ่ไทย ซีพี ก็ออกมาเตือนเกษตรกรไทยให้เฝ้าระวัง และดูแลสัตว์ในฟาร์ม
น.สพ.นรินทร์ ร่มลำดวน รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ชำนาญการด้านสุขภาพสัตว์ แนะนำวิธีการเลี้ยงสัตว์ในปัจจุบันที่หลายพื้นที่มีอุณหภูมิลดต่ำลงในช่วงเช้าและค่ำ สลับกับอากาศร้อนในช่วงกลางวัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงทำให้เกิดความเครียด และภูมิคุ้มกันโรคของสัตว์ลดลง สัตว์จึงเจ็บป่วยง่ายขึ้น โดยมีคำแนะนำดังนี้
โรคที่เกิดได้บ่อยในสัตว์มีกีบ เช่น โค กระบือ และสุกร เกษตรกรควรพึงระวังโรคปาก และเท้าเปื่อย และโดยเฉพาะสุกรจะต้องระวังการเกิดโรค PRRS ที่พบว่ามีการระบาดในช่วงนี้ได้ได้ง่าย จะระบาดอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มีการติดต่อถึงคน
ส่วนการเลี้ยงไก่ไข่ ควรต้องดูแลสภาพภายในโรงเรือนให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่เปียกชื้น อาจต้องมีการเพิ่มผ้าม่านกั้นแนวลมที่จะเข้าโรงเรือน และเพิ่มหลอดไฟกก เพื่อทำให้อุณหภูมิไม่ต่ำจนเกินไป นอกจากนี้ ยังต้องควบคุมการให้อาหารให้เหมาะสม อาจต้องให้อาหารบ่อยครั้งขึ้น เพื่อกระตุ้นการกินอาหาร ทั้งนี้ สามารถเพิ่มวิตามินละลายน้ำให้แม่ไก่ได้ตามสมควร
ด้านนายอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจสัตว์น้ำของซีพีเอฟ แนะนำวิธีการเลี้ยงปลาในช่วงฤดูหนาวซึ่งมักจะเกิดภาวะอุณหภูมิน้ำลดต่ำลง ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อการเจริญเติบโต และสุขภาพของสัตว์น้ำ เนื่องจากปลาเป็นสัตว์เลือดเย็น อาจจะทำให้ปลามีความผิดปกติ รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันที่จะลดต่ำลงด้วย ปลาจึงกินอาหารลดลง มีความอ่อนแอลง ดังนั้นเกษตรกรควรวางแผนการเลี้ยงอย่างรอบคอบ ไม่เลี้ยงปลาหนาแน่นจนเกินไป และปล่อยลูกปลาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และควรสังเกตการกินอาหารที่อาจลดลง เนื่องจากอุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
โดยควรยึดหลักการณ์ให้อาหารทีละน้อยแต่บ่อยครั้ง กล่าวคือ ควรแบ่งจำนวนมื้ออาหารมากขึ้นเป็นวันละ 5-6 มื้อ ซึ่งในแต่ละครั้งจะต้องให้ทีละน้อยเท่าที่ปลากินหมด เพื่อกระตุ้นการกินของปลาให้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการให้อาหารในช่วงเช้าที่มีอุณหภูมิต่ำ เพราะปลาจะกินอาหารได้น้อย เกษตรกรจึงควรผสมวิตามินซี และสารกระตุ้นภูมิต้านทานในอาหารให้ปลากินสัปดาห์ละ 3 ครั้งเพื่อเพิ่มภูมิต้านทานด้วย
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ
และที่สำคัญ หากมีการสุ่มไฟ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยงแล้ว อย่าลืมดับไฟกันด้วยทุกครั้งนะครับ
เพราะหลายครั้ง การสุ่มไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่นทั้งคน และสัตว์เลี้ยง มักจะลุกลามจนเกิดเป็นเพลิงไหม้ใหญ่โต เสียทั้งทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง
อย่าลืม สำหรับในพื้นที่ในฟาร์มก็ควรจะต้องมีการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อยานพาหนะทุกชนิด และควบคุมคนที่เข้าออก เพื่อไม่ให้นำเชื้อโรคระบาดเข้าสู่ฟาร์มกันด้วยนะครับ