สวัสดีครับเพื่อนๆ แอบตามอ่านพันทิปมาได้พักใหญ่ๆ เห็นคนรีวิวมาก็เยอะ เริ่มคิดว่า เหย เราก็รีวิวได้น่ะ ลองซะหน่อย (^^)/ จะว่าไปก็ไม่ได้อยู่ห้องไหนเป็นพิเศษครับ โพสต์บ้างไม่โพสต์บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ หว้ากอ ชายคา กล้อง และมาบุญครองครับ
ที่มารีวิววันนี้ ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่สาวกค่ายใดค่ายหนึ่งนะครับ (ช่วงนี้เห็นแต่ละค่ายดุเดือดเหลือเกิน กลัวลูกหลงฮะ ^^”) ผมชอบเทคโนโลยีครับ เล่นมาตั้งแต่ O2 สมัยก่อนนู้นนน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ห้างฟอร์จูน (ใครเล่น O2 ช่วงนั้นจะทราบนะครับ นัดมีทติ้งที่นั่นกันก็บ่อย ฮ่าๆๆๆ) โทรศัพท์เครื่องล่าสุดก็ Note 3 > LG G4 แล้วกระโดดมา S8+ พักหลังมาเริ่มมาทำงานออกแบบ ตกแต่ง ก่อสร้าง เลยคิดว่า Note 8 น่าจะตอบโจทย์ ส่วนแท็บเลต ก็ยังใช้ iPad ด้วยความเคยชินฮะ พูดถึงตัว Note 8 ปัจจุบันก็เห็นคนรีวิวกันเยอะ แต่หลังจากใช้เองมาประมาณเดือนกว่า ก็ค้นพบว่า เฮ้ย จริงๆแล้ว มีมุมที่น่าสนใจอีกนะ (หรือมีคนพูดไปแล้วแต่ผมไม่รู้ ฮ่าๆๆ) เอาเป็นว่า คิดซะว่าผมมาเล่าให้ฟังละกันครับ ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ ผมใช้แล้วมีอะไรที่ผมชอบครับ
ปล. ของคนอื่นรีวิวเค้าออกตั้งนานแล้ว เวลาซื้อโทรศัพท์มาใหม่ๆ เราก็อยากจะเล่นจนหลับแล้วรีบตื่นแต่เช้ามานั่งเล่นต่อใช่ไหมครับ แต่สำหรับผม ได้เครื่องมาตั้งแต่วันพุธหลังจากออกได้ 1 สัปดาห์ครับ แต่เล่นไม่ได้ เพราะคุณแฟน(เมีย)เชื่อว่าห้ามใช้ของใหม่วันพุธ.....จริงๆแล้วก็โดนห้ามแบบนี้มาตลอดอ่ะนะ แต่อย่างอื่นมันเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เลยไม่ค่อยรู้สึกครับ แต่ก็นั่นแหล่ะ ใครจะกล้าฝ่าฝืนครับ ได้เล่นจริงๆ ตั้งแต่พฤหัสกลางคืนครับ – เพราะกลางวันพอจับโทรศัพท์ก็โดนบ่นว่าจับมือถืออยู่นั่นแหล่ะ เล่นทั้งวัน ต้องรอหลับก่อน (- -“)
เข้าเรื่องกันเลยละกัน ผมขอรีวิวแบ่งเป็น 3 จุดหลักๆดังนี้ครับ
- ดีไซน์ และการสัมผัส
- กล้อง (Live Focus Vs. Selective Focus)
- กล้อง (Macro Note8 Vs. S8)
- การใช้งานและความเร็ว
ดีไซน์ และการสัมผัส
เมื่อพูดโทรศัพท์ใหม่ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก และความรู้สึกแรกสัมผัสครับ

รูปไม่ได้เบี้ยวนะครับ ถ่ายที่บ่อน้ำข้างบ้าน ขอบบ่อมันเบี้ยวฮะ (- -“)
มีความรู้สึกว่า เทรนด์สมัยนี้ โทรศัพท์จอโค้งข้างๆกันหมดเลย (จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องจอโค้งโดยเฉพาะ Note ครับ ตอนที่ Note Edge ออก ผมก็ไปลองมา การที่จอมันโค้งแล้วจดงานเร็วๆปากกามันดูจะลื่นตกขอบ เคยไปลองจับ S6 Edge มันก็สวยนะครับ แต่มีคนบอกว่าจะต้องคอยระวังนิ้วโดนขอบ ตอนนั้นก็เลยเลือก LG G4 ครับ) แต่หลังจากเปลี่ยนมาเป็น S8 และ Note 8 ก็รู้สึกว่าความโค้งมันไม่ได้ทำให้ชีวิตลำบากขนาดนั้น เค้าน่าจะทำโค้งมาแค่ให้จอมันดูไม่มีขอบครับ

ในส่วนของการออกแบบ ตัวเครื่องออกแบบมาตามการ Design ของ S8 นั่นก็คือ จอไร้ขอบ และมีความผสมผสานเป็นชิ้นเดียวกันครับ จริงๆแล้วผมว่าดีไซน์สวยมากนะครับ ติดอย่างเดียวว่าถ้าไม่ได้ใส่เคส จะเจอปัญหาว่าเวลาควักออกมาจากกระเป๋า จะหยิบออกมาผิดด้านเสมอ เพราะด้านหน้าและด้านหลังเหมือนกัน (ฮา)

ในแง่ของการจับและการถือ ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือเปล่า แต่มีความรู้สึกว่า สัดส่วนตัวเครื่องที่มันกว้างเท่ากันตลอดแนว จับและถือง่ายกว่า S8+ คือจับแล้วรู้สึกว่าจะไม่ทำตกครับ (S8+ ทำตกบ่อย แฟนชอบบอกว่าเป็นคนมือไม่มีกาว) การใช้งานมือเดียวยังพอได้อยู่ครับ แต่อาจต้องแบะมือออกนิดนึง
เรื่องของกล้อง
การรีวิวประสิทธิภาพของกล้อง ทางเว็บต่างๆก็ได้มีการทดสอบให้ดูค่อนข้างเยอะแล้วครับ ถ้าสนใจลองเสิร์ชอากู๋ดูนะครับ ในเรื่องของกล้องที่ผมจะพูดถึงวันนี้ คือเรื่องของการที่มีกล้อง 2 ตัว นั่นคือฟังก์ชั้น Live Focus และการถ่ายมาโครด้วยโหมดออฟติคอลซูม 2 เท่าครับ
Live Focus Vs. Selective Focus
หลักการทำงานของ Live Focus ของ Note 8 คือการใช้กล้องตัวที่สองระยะ Focal Length 52mm จับภาพวัตถุที่จะถ่ายแล้วใช้กล้องตัวที่หนึ่งระยะ Focal Length 26mm เบลอฉากหลัง ในขณะที่ Selective Focus ของ S8 ใช้กล้องตัวเดียวกันที่ Focal Length 26mm ถ่ายภาพหลายครั้ง แต่ละครั้งเปลี่ยนจุดโฟกัส ทำให้ได้หน้าชัดหลังเบลอ ทั้งสองอย่างใช้การทำงานของฮาร์ดแวร์ผสมซอฟท์แวร์ แต่ว่า....อันไหนดีกว่า ก็เลยจับมาทดสอบให้ดูครับ
เงื่อนไขการทดสอบ
- ใช้ขาตั้งกล้อง ติดเทปกาวที่พื้น และห่างจากตัวแบบ ระยะเท่ากัน
- กดจุดโฟกัสไปที่ตัวแบบ
- สภาพแสงธรรมชาติ
- ไม่มีการปรับค่าชดเชยแสง (Exposure)
Test 1 : Live Focus @ 20cm Vs. Selective Focus @ 20cm

เนื่องจาก Live Focus ใช้กล้องตัวที่สองจับภาพวัตถุซึ่งมี Focal length มากกว่า S8 การตั้งกล้องในระยะเดียวกันจึงทำให้วัตถุในภาพของ Note 8 ดูใกล้กว่า
Test 2 : Live Focus @ 25cm Vs. Selective Focus @ 20cm

เพื่อให้เห็นความแตกต่างของทั้งสองโหมด ผมได้ทำการเลื่อนระยะของขาตั้งกล้องของ Note 8 ถอยไป 5 เซ็นติเมตร เพื่อให้ได้ Focal Length เดียวกันกับ S8 โดยปัจจัยควบคุมอื่นยังเหมือนเดิม พบว่า Live Focus ของ Note 8 ฉากหลังละลายโฮก คหสต ผมชอบการละลายหลังของ Note 8 มากกว่า S8 แต่มีข้อสังเกตุที่ตัวลำกล้องปืนใหญ่ถูกละลายไปบ้าง
การถ่ายมาโคร
ผมชอบถ่ายรูปธรรมชาติครับ เห็นดอกไม้สวยๆ แมลงทำกิจกรรม เห็นแล้วต้องรีบเอากล้องเข้าไปถ่าย (เพราะตัวแบบมันสวยอยู่แล้ว ตอนถ่ายไม่ต้องคิดไรเยอะ ^^) ก็เลยลองเอา Note 8 และ S8+ มาทดสอบถ่ายมาโครระยะใกล้

กล้องของ S8 และกล้องหลักของ Note 8 มีระยะ Focal Length อยู่ที่ 26mm ซึ่งการถ่ายวัตถุระยะใกล้ที่สุดที่สามารถถ่ายได้จะอยู่ที่ประมาณ 7 เซ็นติเมตรจากระยะวัตถุครับ ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้วัตถุจะหลุดโฟกัส ภาพชุดด้านล่างเป็นการถ่ายภาพเดียวกันด้วย Note 8 โดยเพิ่มระยะห่างจากวัตถุเป็น 12 เซ็นติเมตรเพื่อให้ได้ภาพในมุมเดียวกันภาพชุดแรก โหมดที่ใช้ เป็นกล้องตัวที่สองแบบซูม และ โหมด Live Focus การตั้งกล้องอาจมีเหลื่อมเล็กน้อย แต่ปัจจัยควบคุมอื่นๆเหมือนเดิมครับ
ผลปรากฎว่าการถ่ายโหมด Auto ผ่านกล้องหลักฉากหลังละลายสวยกว่าเพราะรูรับแสงที่กว้างกว่า เป็นการละลายด้วยฮาร์ดแวร์อย่างแท้จริงครับ แต่การถ่ายมาโครของผม อยากให้เห็นรายละเอียดของวัตถุมากกว่านี้ครับ
เนื่องจากโหมด Selective Focus และ Live Focus มีข้อจำกัดด้านสภาพแสงและระยะห่างจากตัววัตถุ จึงไม่สามารถถ่ายภาพในระยะห่างจากวัตถุน้อยกว่า 7 เซ็นติเมตรได้ แต่โหมดซูมสองเท่าของ Note 8 ทำได้!! ผลจึงเป็นดังนี้ครับ

เห็นหน้าบานาจชัดมากกกกกกกก เห็นยันรอยยับกางเกง (และก็เห็นด้วยว่าลงสีไม่เรียบร้อย ฮ่าๆๆๆ)

ดอกและเกสรของโป๊ยเซียน
การใช้งานและความเร็วของเครื่อง
ในฐานะที่เป็นคิดว่าตัวเองเป็น Geek คนนึง ผมชอบความเร็วครับ ยอมรับครับว่า iPhone แรงกว่า และระบบดีกว่าโทรศัพท์รุ่นอื่นที่ออกในปีเดียวกันครับ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในตัวเลขนะครับ แต่ความเร็วสำหรับผมคือความเร็วในการทำงานครับ คือถ้าใครมาจากสายคอมพ์จะทราบครับว่า ความเร็วของ CPU ไม่สำคัญเท่ากับความเร็วของการบูทเครื่องหรือความเร็วในการเข้าวินโดว์ หรือดูว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าระบบจะแคลช โดยพื้นฐานก็ใช้ Notepad เนี่ยแหล่ะครับ echo ไปกันจนกว่าจะเดี้ยงไปข้างนึง (หรือทั้งหมดที่ว่ามามีแค่ผมทำคนเดียวก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆๆ)
โทรศัพท์ก็เช่นกันครับ ปัจจุบันความเร็วในการเปิดแอพไม่ต่างกัน แต่ผมอยากทราบว่าเปิดได้กี่แอพจนกว่าเครื่องจะเดี้ยง หรือแอพปิดตัวเองทิ้ง การทดสอบผมทำโดยสองวิธีด้วยกันครับ แต่ก่อนอื่นเริ่มทดสอบโดยดูความเร็วพื้นฐานของทั้งสองรุ่นกันก่อนครับ

จะเห็นได้ว่าความเร็วที่ได้คะแนนไม่ต่างกันมากครับ เราจะลองดูความต่างหลังจากการเทสดังนี้ครับ
Test 1 : โหลดแอพตามรายชื่อดังนี้มา แล้วเปิดทีละแอพ สลับไปสลับมา การตัดสินดูว่ากี่แอพกว่าระบบจะเริ่มปิดแอพแรก

พบว่าทั้ง Note 8 และ S8+ สามารถจัดการทรัพยากรได้ค่อนข้างดี ยังไม่มีแอพไหนถูกปิดตัว ทั้ง Note 8 และ S8+ คะแนนดรอปลงเล็กน้อย
Test 2 : ทำการทดสอบขีดจำกัดของ RAM โดยการทำแรมให้เต็มมากที่สุด ในที่นี้ผมใช้แอพ RamEater ซึ่งสามารถเริ่มเซอร์วิสกินแรม เซอร์วิสละ 500MB การตัดสินดูว่าเปิดได้ทั้งหมดกี่ Service ก่อนจะเริ่มปิดตัวเอง และขณะที่เซอร์วิสเต็ม ทดสอบได้คะแนนเท่าไหร่

ผลปรากฎว่า Note 8 สามารถรันเซอร์วิสได้ถึง 10 ตัว ในขณะที่ S8+ สามารถรันได้ 7 ตัว ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ เพราะ Note 8 มี RAM มากกว่า S8+ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ในสภาวะที่แรมถูกใช้จนเกลี้ยงทั้งคู่ Note 8 แสดงอาการกระตุกและดีเลย์น้อยมาก เมื่อเลื่อนแถบNotification ลงมา Note 8 หน่วงประมาณน้อยกว่า 1 วินาที ในขณะที่ S8+ ต้องรอประมาณ 2-3 วินาที ที่สำคัญในแง่ของคะแนน Note 8 คะแนนลดลงจากสภาวะปกติเพียง 100 กว่าจุด ในขณะที่ S8+ คะแนนลดลงเกือบ 2,000 จุด ทำให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการทรัพยากรที่ดีกว่าของ Note 8
สรุป
ผมค่อนข้างประทับใจกับโทรศัพท์เครื่องนี้ครับ กล้องเก่งในส่วนที่ผมใช้งานประจำ ด้าน multi-tasking ทำได้ค่อนข้างดี ตอบโจทย์ในความเป็น Note และความเป็นจอใหญ่ได้อย่างดีครับ ส่วนเรื่องปากกา และการใช้งานด้านอื่นๆ เชื่อว่ามีหลายท่านที่รีวิวไว้ค่อนข้างดีอยู่แล้วครับ

แหม่...ของใหม่ใครก็เห่อ แม้แต่เต่าในบ่อก็อยากมาดูฮะ
[CR] รีวิวแบบบ้านๆ Galaxy Note 8 - หน้าชัดหลังเบลอและการถ่ายมาโคร
ที่มารีวิววันนี้ ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่สาวกค่ายใดค่ายหนึ่งนะครับ (ช่วงนี้เห็นแต่ละค่ายดุเดือดเหลือเกิน กลัวลูกหลงฮะ ^^”) ผมชอบเทคโนโลยีครับ เล่นมาตั้งแต่ O2 สมัยก่อนนู้นนน ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ห้างฟอร์จูน (ใครเล่น O2 ช่วงนั้นจะทราบนะครับ นัดมีทติ้งที่นั่นกันก็บ่อย ฮ่าๆๆๆ) โทรศัพท์เครื่องล่าสุดก็ Note 3 > LG G4 แล้วกระโดดมา S8+ พักหลังมาเริ่มมาทำงานออกแบบ ตกแต่ง ก่อสร้าง เลยคิดว่า Note 8 น่าจะตอบโจทย์ ส่วนแท็บเลต ก็ยังใช้ iPad ด้วยความเคยชินฮะ พูดถึงตัว Note 8 ปัจจุบันก็เห็นคนรีวิวกันเยอะ แต่หลังจากใช้เองมาประมาณเดือนกว่า ก็ค้นพบว่า เฮ้ย จริงๆแล้ว มีมุมที่น่าสนใจอีกนะ (หรือมีคนพูดไปแล้วแต่ผมไม่รู้ ฮ่าๆๆ) เอาเป็นว่า คิดซะว่าผมมาเล่าให้ฟังละกันครับ ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้ ผมใช้แล้วมีอะไรที่ผมชอบครับ
ปล. ของคนอื่นรีวิวเค้าออกตั้งนานแล้ว เวลาซื้อโทรศัพท์มาใหม่ๆ เราก็อยากจะเล่นจนหลับแล้วรีบตื่นแต่เช้ามานั่งเล่นต่อใช่ไหมครับ แต่สำหรับผม ได้เครื่องมาตั้งแต่วันพุธหลังจากออกได้ 1 สัปดาห์ครับ แต่เล่นไม่ได้ เพราะคุณแฟน(เมีย)เชื่อว่าห้ามใช้ของใหม่วันพุธ.....จริงๆแล้วก็โดนห้ามแบบนี้มาตลอดอ่ะนะ แต่อย่างอื่นมันเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เลยไม่ค่อยรู้สึกครับ แต่ก็นั่นแหล่ะ ใครจะกล้าฝ่าฝืนครับ ได้เล่นจริงๆ ตั้งแต่พฤหัสกลางคืนครับ – เพราะกลางวันพอจับโทรศัพท์ก็โดนบ่นว่าจับมือถืออยู่นั่นแหล่ะ เล่นทั้งวัน ต้องรอหลับก่อน (- -“)
เข้าเรื่องกันเลยละกัน ผมขอรีวิวแบ่งเป็น 3 จุดหลักๆดังนี้ครับ
- ดีไซน์ และการสัมผัส
- กล้อง (Live Focus Vs. Selective Focus)
- กล้อง (Macro Note8 Vs. S8)
- การใช้งานและความเร็ว
ดีไซน์ และการสัมผัส
เมื่อพูดโทรศัพท์ใหม่ คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก และความรู้สึกแรกสัมผัสครับ
มีความรู้สึกว่า เทรนด์สมัยนี้ โทรศัพท์จอโค้งข้างๆกันหมดเลย (จริงๆแล้ว ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับเรื่องจอโค้งโดยเฉพาะ Note ครับ ตอนที่ Note Edge ออก ผมก็ไปลองมา การที่จอมันโค้งแล้วจดงานเร็วๆปากกามันดูจะลื่นตกขอบ เคยไปลองจับ S6 Edge มันก็สวยนะครับ แต่มีคนบอกว่าจะต้องคอยระวังนิ้วโดนขอบ ตอนนั้นก็เลยเลือก LG G4 ครับ) แต่หลังจากเปลี่ยนมาเป็น S8 และ Note 8 ก็รู้สึกว่าความโค้งมันไม่ได้ทำให้ชีวิตลำบากขนาดนั้น เค้าน่าจะทำโค้งมาแค่ให้จอมันดูไม่มีขอบครับ
เรื่องของกล้อง
การรีวิวประสิทธิภาพของกล้อง ทางเว็บต่างๆก็ได้มีการทดสอบให้ดูค่อนข้างเยอะแล้วครับ ถ้าสนใจลองเสิร์ชอากู๋ดูนะครับ ในเรื่องของกล้องที่ผมจะพูดถึงวันนี้ คือเรื่องของการที่มีกล้อง 2 ตัว นั่นคือฟังก์ชั้น Live Focus และการถ่ายมาโครด้วยโหมดออฟติคอลซูม 2 เท่าครับ
Live Focus Vs. Selective Focus
หลักการทำงานของ Live Focus ของ Note 8 คือการใช้กล้องตัวที่สองระยะ Focal Length 52mm จับภาพวัตถุที่จะถ่ายแล้วใช้กล้องตัวที่หนึ่งระยะ Focal Length 26mm เบลอฉากหลัง ในขณะที่ Selective Focus ของ S8 ใช้กล้องตัวเดียวกันที่ Focal Length 26mm ถ่ายภาพหลายครั้ง แต่ละครั้งเปลี่ยนจุดโฟกัส ทำให้ได้หน้าชัดหลังเบลอ ทั้งสองอย่างใช้การทำงานของฮาร์ดแวร์ผสมซอฟท์แวร์ แต่ว่า....อันไหนดีกว่า ก็เลยจับมาทดสอบให้ดูครับ
เงื่อนไขการทดสอบ
- ใช้ขาตั้งกล้อง ติดเทปกาวที่พื้น และห่างจากตัวแบบ ระยะเท่ากัน
- กดจุดโฟกัสไปที่ตัวแบบ
- สภาพแสงธรรมชาติ
- ไม่มีการปรับค่าชดเชยแสง (Exposure)
Test 1 : Live Focus @ 20cm Vs. Selective Focus @ 20cm
Test 2 : Live Focus @ 25cm Vs. Selective Focus @ 20cm
การถ่ายมาโคร
ผมชอบถ่ายรูปธรรมชาติครับ เห็นดอกไม้สวยๆ แมลงทำกิจกรรม เห็นแล้วต้องรีบเอากล้องเข้าไปถ่าย (เพราะตัวแบบมันสวยอยู่แล้ว ตอนถ่ายไม่ต้องคิดไรเยอะ ^^) ก็เลยลองเอา Note 8 และ S8+ มาทดสอบถ่ายมาโครระยะใกล้
กล้องของ S8 และกล้องหลักของ Note 8 มีระยะ Focal Length อยู่ที่ 26mm ซึ่งการถ่ายวัตถุระยะใกล้ที่สุดที่สามารถถ่ายได้จะอยู่ที่ประมาณ 7 เซ็นติเมตรจากระยะวัตถุครับ ถ้าเข้าใกล้มากกว่านี้วัตถุจะหลุดโฟกัส ภาพชุดด้านล่างเป็นการถ่ายภาพเดียวกันด้วย Note 8 โดยเพิ่มระยะห่างจากวัตถุเป็น 12 เซ็นติเมตรเพื่อให้ได้ภาพในมุมเดียวกันภาพชุดแรก โหมดที่ใช้ เป็นกล้องตัวที่สองแบบซูม และ โหมด Live Focus การตั้งกล้องอาจมีเหลื่อมเล็กน้อย แต่ปัจจัยควบคุมอื่นๆเหมือนเดิมครับ
ผลปรากฎว่าการถ่ายโหมด Auto ผ่านกล้องหลักฉากหลังละลายสวยกว่าเพราะรูรับแสงที่กว้างกว่า เป็นการละลายด้วยฮาร์ดแวร์อย่างแท้จริงครับ แต่การถ่ายมาโครของผม อยากให้เห็นรายละเอียดของวัตถุมากกว่านี้ครับ
เนื่องจากโหมด Selective Focus และ Live Focus มีข้อจำกัดด้านสภาพแสงและระยะห่างจากตัววัตถุ จึงไม่สามารถถ่ายภาพในระยะห่างจากวัตถุน้อยกว่า 7 เซ็นติเมตรได้ แต่โหมดซูมสองเท่าของ Note 8 ทำได้!! ผลจึงเป็นดังนี้ครับ
การใช้งานและความเร็วของเครื่อง
ในฐานะที่เป็นคิดว่าตัวเองเป็น Geek คนนึง ผมชอบความเร็วครับ ยอมรับครับว่า iPhone แรงกว่า และระบบดีกว่าโทรศัพท์รุ่นอื่นที่ออกในปีเดียวกันครับ ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อในตัวเลขนะครับ แต่ความเร็วสำหรับผมคือความเร็วในการทำงานครับ คือถ้าใครมาจากสายคอมพ์จะทราบครับว่า ความเร็วของ CPU ไม่สำคัญเท่ากับความเร็วของการบูทเครื่องหรือความเร็วในการเข้าวินโดว์ หรือดูว่าใช้เวลาเท่าไหร่กว่าระบบจะแคลช โดยพื้นฐานก็ใช้ Notepad เนี่ยแหล่ะครับ echo ไปกันจนกว่าจะเดี้ยงไปข้างนึง (หรือทั้งหมดที่ว่ามามีแค่ผมทำคนเดียวก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆๆๆ)
โทรศัพท์ก็เช่นกันครับ ปัจจุบันความเร็วในการเปิดแอพไม่ต่างกัน แต่ผมอยากทราบว่าเปิดได้กี่แอพจนกว่าเครื่องจะเดี้ยง หรือแอพปิดตัวเองทิ้ง การทดสอบผมทำโดยสองวิธีด้วยกันครับ แต่ก่อนอื่นเริ่มทดสอบโดยดูความเร็วพื้นฐานของทั้งสองรุ่นกันก่อนครับ
Test 1 : โหลดแอพตามรายชื่อดังนี้มา แล้วเปิดทีละแอพ สลับไปสลับมา การตัดสินดูว่ากี่แอพกว่าระบบจะเริ่มปิดแอพแรก
Test 2 : ทำการทดสอบขีดจำกัดของ RAM โดยการทำแรมให้เต็มมากที่สุด ในที่นี้ผมใช้แอพ RamEater ซึ่งสามารถเริ่มเซอร์วิสกินแรม เซอร์วิสละ 500MB การตัดสินดูว่าเปิดได้ทั้งหมดกี่ Service ก่อนจะเริ่มปิดตัวเอง และขณะที่เซอร์วิสเต็ม ทดสอบได้คะแนนเท่าไหร่
สรุป
ผมค่อนข้างประทับใจกับโทรศัพท์เครื่องนี้ครับ กล้องเก่งในส่วนที่ผมใช้งานประจำ ด้าน multi-tasking ทำได้ค่อนข้างดี ตอบโจทย์ในความเป็น Note และความเป็นจอใหญ่ได้อย่างดีครับ ส่วนเรื่องปากกา และการใช้งานด้านอื่นๆ เชื่อว่ามีหลายท่านที่รีวิวไว้ค่อนข้างดีอยู่แล้วครับ