[CR] กาญจนบุรี trip style [ราคา]สบายกระเป๋า 3 วันสองคืน ไทรโยค-ตัวเมือง 2560

รีวิวเที่ยวกาจนะจ๊ะบุรี งบคนละไม่เกิด 2500 ที่สุดของที่สุดความคุ้ม สามวันสองคืนค่ะ


สวัสดีค่ะ เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา เจ้าของกระทู้ มีวันว่างที่นานน๊านจะมีโอกาสสักที เลยวางแผนกับแฟนว่า จะหาสถานที่ใกล้กรุงเทพและสะดวก แม้ไม่มีรถ และประหยัดงบน้อยๆของเรา เลยตัดสินใจลองเชิงไปเที่ยว กาญจนบุรีกัน ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เพื่อนน่าจะอยากไปในวันหยุดสั้นๆ และมาลองเขียนรีวิวเผื่อเพื่อนๆคนไหนอยากไปกันค่ะ


กระทู้นี่ เป็นกระทู้แรกที่เพิ่งเริ่มเขียนนะคะ อยากจะเล่าอย่างละเอียดเลยหล่ะ อิอิ ผิดพลาดอะไรขออภัย และน้อมรับคำติชมค่า^^
เราพยายามหาสถานที่พัก ติดกับริมแม่น้ำ ที่เล่นน้ำได้ตลอด ในคืนแรก และคืนที่สองจะไปตะลอนเที่ยวรอบเมืองกาญจนบุรีค่ะ เรียกได้ว่าเอาให้คุ้มเลยทีเดียว ไม่เสียเที่ยว และที่สำคัญเนื่องจากจองที่พักกันช้าไปนิ๊ดนึง เพราะตัดสินใจกันกระชันชิดไปหน่อย เลยต้องหาที่ๆว่างด้วยค่ะ เงื่อนไขเยอะเนอะ แฮะๆ


เค้าล้อเล่นเจ้าหนูน้อยใส่หมวกคนนี้คือดิฉันเองคะ อิอิเค้าล้อเล่น


เริ่มวันแรก
เราออกเดินทางไปกาณจนบุรีด้วยรถตู้ที่ หมอชิต ค่ะ คนเยอะนิดหน่อยเพราะเป็นวันหยุดสามวัน ไปขึ้นที่ท่าหมายเลข 77 ราคา120บาท แต่รถติดมากค่ะ ออกตอน เก้าโมงนิดๆ ถึงตอนเที่ยง ก็ถือว่านานสำหรับเจ้าของกระทู้ นั่งจนเมื่อยขากันเลยทีเดียว แต่บ่ยั่นค่ะ งานนี้พร้อมลุยย

พอลงมาที่ บขส. ให้เลือกขึ้นรถเมล์ไปสังขบุรี อยู่ริมสุดนะคะ ไม่ต้องไปถามคนขายตั๋วรถตู้ที่บขส. เพราะเจ้าของกระทู้ได้ถามคุณป้าแถวนั้นมา แล้วด้วยความดูเหมือนเด็กน้อยหรืออย่างไรไม่ทราบ โดนลากไปหารถส่วนตัวให้เหมาไปค่ะ ค่าเสียหาย 700 บาท ดีที่ไหวตัวหลบออกมาทัน เราจะไม่ใช่เงินเปลืองค่ะ555 ไว้ใจได้ เจ้าของกระทู้จะพาไปอย่างคุ้มและถูกแน่นอน พอขึ้นรถเมล์บอกว่าเราจะไปลงที่แยกวังภู เอ้ย วังโพธิ์ ชื่อนี้เป็นที่เถียงกะแฟนนานค่ะ55(ไม่อยากยอมรับ) เพราะเจ้าของกระทู้โทรถามทางโรงแรมได้ยินบางภู เสริซ์หาในกูเกิ้ลไม่เจอ แฟนโทรอีกรอบเลยสรุปได้ไปถูก ไม่หลงค่ะ(-//-) ราคา คนละ 35 บาท ระหว่างข้างทางก็จะผ่าน เมืองมัลลิกาด้วยค่ะ เพื่อใครอยากจะแวะเที่ยวดู แต่เจ้าของกระทู้ไม่ได้แวะนะคะ เนื่องจากสายแล้ว ใครเที่ยวแล้วมาแล้วสู่กันฟังด้วยนะคะ

หลังจากชั่วโมงนึงผ่านไป..ในที่สุดด ก็ถึงที่แยกวังโพธิ์(ยังไม่ถึงจุดหมายนะคะ ดีใจไว้ก่อน) อยู่ใกล้ๆกับมหาลัยมหิดลค่ะ จากนั้นให้หาลุงมอไซด์ที่ดูใจดีหน่อยบอกไป บ้านริมแควแพริมน้ำ พวกเราโดนคนละ 100 บาท ระยะทางประมาณ 10กว่าโลได้ ซ้อนสองกันไป ก็ สองร้อย ตอนนั้นดีใจมาก จะถึงสักที แต่มารู้ที่หลังว่า จริงๆน่าจะประมาณ คนละเจ็ดสิบ หรือ แปดสิบบาทนะคะ จากพี่ในรีสอรต์ แล้วแต่ความสามารถในการต่อราคาเลยค่ะ เพราะตอนนั้นมีมอไซต์คันเดียวพอดี ก็ให้คุณลุงไปเนอะ นานๆทีค่ะ ใครคิดจะกลับกันเองก็ของเบอร์ติดต่อคุณลุงไว้นะคะ เพื่อฉุกเฉินไม่มีรถกลับ

ที่พักของเรา เย้ ถึงซักทีหัวเราะ ชื่อ บ้านริมแควแพริมน้ำ ร่มรื่น มองเห็นวิวรถไฟสายมรณะ ชัดเจนสุดๆ

พอถึงที่หมายก็รีบไปเช็คอินห้องพัก พนักงานก็ต้อนรับด้วย น้ำมะตูมเย็นๆ ดับความร้อนค่ะ และมีรถกอลฟ์ขับไปส่งที่บริเวณ เรือนแพริมน้ำที่พักของเรา ที่นี่เขาจะเก็บเป็นแพคเกจ ตกคนละ 1180 บาท จะรวมค่าห้องพัก ซึ่งเป็น แพพัดลม ไม่ต้องกลัวร้อนคะ ลมเย็นสบาย ห้องน้ำรวม อยู่ด้านนอกค่ะ มีอาหารมื้อเย็น ดึก(ของชอบเลยค่ะ) และเช้า รวมถึง พาล่องแพเปียก 2 กิโลเมตร มีการแสดงตอนเย็นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และ พาไปชมถ้ำกระแซในตอนเช้าอีกวันหนึ่ง   
จากนั้นก็พักผ่อนตามอัธยาศัยเลย นี่คือบรรยากาศในห้องแพค่ะ ตอนแรกนึกว่ามาสองคนจะเป็นหนึ่งหรือสองเตียง เปิดมานี่นอนได้ถึงสี่คนเลยค่ะ แจ่มฝุดๆ

บรรยากาศในห้องก็จะได้สัมผัสกับธรรมชาติเต็มๆเลย เปิดหน้าต่างให้ลมโกรกเย็นสบายดีค่ะ ด้านหน้าจะมีแพเปียกให้ไปนั่งจุ่มขาเล่นกันได้ ชิวๆ ข้างๆห้องเจ้าของกระทู้มีวัยรุ่นมาสังสรรค์เอากีตาร์มาดีด ร้องเพลงกัน กับบรรยากาศลมเย็นๆ มองเห็นรถไฟสายสายมรณะด้วยค่ะ ไอ้เราก็แอบร้องเพลงคลอไปด้วย เบาๆค่ะ 55 ก็แอบเนียนๆไปได้เนอะ อ้อ อีกทริกนึง เวลาจองห้องต้องขอเขาเอาห้องที่มีแพข้างหน้าด้วยนะคะ เพราะบางห้องก็ไม่มี แล้วแต่ว่าจะจอดไว้ที่ไหน แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ ไปนั่งได้หมด

พอสามโมงครึ่งจะมีเสียงตามสายเรียกให้มารวมกันที่จุดที่มีเสื้อชูชีพเพื่อจะไปล่องแพเปียกกัน>< เป็นช่วงที่เจ้าของกระทู้ชอบที่สุด เพราะเราจะได้ไหลไปกับกระแสน้ำ  และเล่นน้ำจนจุใจ โดยพนักงานก็จะพาเราขึ้นแพที่อยู่หน้าห้องเรานี้แหละค่ะ แล้วให้นั่งท้ายๆ ให้ก้นเปียกน้ำ จากนั้น เรือก็จะลากเราไป สองกิโล เพื่อทิ้งเราไว้กลางทาง? ให้ลอยตุ๊ปป่องกลับมาที่พักระหว่างทางก็จะมีการเล่นมุกให้ผ่อนคลายกันไป ไม่เล่านะคะ เดี๋ยวเพื่อนๆไปแล้วจะแป๊กเพราะรู้อยู่แล้ว อย่างเจ้าของกระทู้เป็นต้น 55 (เพราะอ่านรีวิวเยอะค่ะ) พอถึงจุดที่ปล่อยตัว เจ้าหน้าที่จะคอยดูแลอย่างดีเลยนะคะ คุมซ้าย ขวา หน้า หลัง ป้องกันไม่ให้ติดที่รากไม้ข้างทางแล้วกลับไม่ได้ค่ะ^^ หลอกค่ะ ไม่มีอันตราย สนุกมากก กอ ไก่ ล้านตัว ตอนแรกมีกลัวนิดหน่อย พอปรับตัวได้ ไม่รอใครเลยค่ะ ว่ายๆๆ มองข้างบนเมฆสวย น้ำเย็น ไม่อยากให้ถึงที่พักเลยทีเดียว ส่วนใครลงน้ำไม่ได้แต่อยากสัมผัส บรรยากาศ ก็ขอขึ้นเรือไปด้วยได้นะคะ เอามือแตะๆน้ำก็ชื่นใจแล้วค่ะ ส่วนตอนขึ้นไม่ต้องห่วงนะคะ ทันทุกคน มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิดเลย พอกลับมา โชคดีได้เล่นอีกหนึ่งรอบ เพราะมีคนยังขึ้นไม่ครบ ตัดสินใจขอไปด้วยทันทีเลยค่ะ รอบสองนี่ลอยช้าหน่อย เพราะไม่ตื่นเต้นแล้ว เน้นสบายๆค่ะ หลังจากนั้นใครที่ว่ายน้ำแข็งหน่อยก็อาจเล่นน้ำหน้าที่พัก แต่ไม่แนะนำสำหรับคนว่ายน้ำไม่แข็งนะคะ เพราะน้ำค่อนข้างแรงเวลาเราจะจับบันไดขึ้น ต้องระวังหน่อยค่ะ

หลังจากอาบน้ำ พักเหนื่อยกันเรียบร้อย เราก็มาเดินชมบรรยากาศรอบที่พักกันค่ะ เดินวนไปมา จนพี่พนักงาน นึกว่า เราหลงหาทางไปห้องอาหารไม่เจอ ก็บอกเก้อๆไปค่ะว่าเดินถ่ายรูปเล่น ไม่หลงจริง จริ๊ง
จุ๊บๆจุ๊บๆ

หกโมงครึ่งได้เวลาเหล่าผู้หิวโหยอย่างเราไปกิน อาหารเย็น อย่างเต็มอิ่ม ขอชมตรงอาหารเลยค่ะ บุ้ฟเฟ่เลยจ้า เย๊อะมากก กินกันไม่หวาดไม่ไหว มีทั้งข้าว และก๋วยเตี๋ยว รวมถึง ผักผักไฟแดงที่จะให้เราเลือกผัก ปรุงเอง แต่พนักงานจะผัดให้ ซึ่งคุณแฟนภูมิใจนำเสนอมากค่ะ เพราะตัวเองเป็นคนปรุงเอง (และกินเองจนหมด)มีหลักฐานจากรูปไปเป็นตัวอย่าง เหมือนมากันสักสี่คน เขินจังค่ะ โต๊ะข้างๆสามคนยังน้อยกว่าเลย ถือว่าใช้แรงไปเยอะ จัดเต็ม หมดนะคะ ไม่เหลือ

ส่วนการแสดงตอนเย็น ถูกงดไปค่ะเนื่องจาก เหตุการณ์ครบรอบสวรรคตของในหลวง ซึ่งก็เห็นด้วยค่ะ แต่ปกติจะมีร้องคาราโอเกะด้วยนะคะ ใครไปแล้วมาเล่าให้ฟังกันด้วยนะคะว่าดีไหม ดังนั้น พวกเราเลยกลับไปนั่งเล่นที่แพเช่นเคยค่ะ เห็นดาวชัดมาก กระจายเต็มท้องฟ้า มีบางครอบครัวก็เอาอาหาร เหล้า เบียร์ มานั่งกินกัน สังสรรค์กันไปค่ะ ก่อนนอนก็มีเสียงน้ำไหล กับลมเย็นๆ กล่อมจนหลับไปเลยค่ะ (ใครมาหลายคนอย่างลืมปลั๊กพ่วงนะคะ เพราะมีปลั๊กว่างให้เสียบแค่หลังละหนึ่งช่องเท่านั้น!! )

ตื่นเช้ามา ก็นึกถึงของกินเป็นอย่างแรก55 รีบอาบน้ำ สูดอากาศยามเช้าแล้วเดินไปห้องอาหารค่ะ (คราวนี้ไปทางตรงค่ะ ไม่ชมบรรยากาศแหละ) อาหารเช้าไม่ผิดหวังเช่นเคย เรียกได้ว่า full course มีทั้ง กับข้าวไทย อาหารเช้าฝรั่ง ขนมปัง น้ำเต้าหู้ ขนมครก น้ำส้ม อันนี้ไม่ใช่ทริปกินนะคะ อย่าเพิ่งเลิกอ่าน ทริปเที่ยวค่ะ ทริปเที่ยว

ต่อจากนั้น ไปจัดของเตรียมเอากลับเลยค่ะ หลังจากเที่ยวถ้ำกระแซเสร็จ เพราะขอพี่พนักงานให้ชวนหารถ และรวบรวมคน ให้ไปส่งตรงหน้าทางแยกวัดโพธิ์ที่เดิม โดยเก้าโมงคนขับเรือก็พาเราข้ามแม่น้ำไปทางฝั่งรางรถไฟสายมรณะ ซึ่งไกลมากก ห้านาทีพวกเราก็ถึงแล้ว แอบผิดหวังเล็กน้อยค่ะ เพราะจริงๆคือฝั่งตรงข้ามของเรานั้นเอง นึกว่าจะได้นั่งเรือเล่นนานๆซะหน่อย จากนั้นเราก็ย้อนรอบประวัติศาสตร์ สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นทางที่เชลยต้องขนหินและเหล็กมาเพื่อสร้างสะพาน ก็เดินพอหวาดเสียวเล็กน้อย
จากนั้นเข้าไปไหว้พระในถ้ำกระแซค่ะ ในตัวถ้ำค่อนข้างจะไม่ลึก เดินไปไม่นานก็สุดทางเดินแล้วให้เดินกลับค่ะ โดยส่วนตัวแล้วคิดว่ากิจกรรมนี้สั้นไปนิ้ดด อยากแวะถ้ำเชลยศึกที่อยู่ห่างไปอีกสักหน่อย แต่โดยรวมแล้วสนุกค่ะ ถือเป็นสองวันหนึ่งคืนที่ได้พักผ่อนตรงวัตถุประสงค์ เพราะที่ต่อไปเราจะตะลุยเที่ยวในเมืองกัน

---อีกปัญหาค้างคาใจก็คือ ค่าเดินทางกลับไปแยกวัดโพธิค่ะ ตอนแรกพนักงานบอกมีคนกลับด้วย ทั้งหมดรวมเป็น ห้าคน 400 บาท ตกคนละแปดสิบ แต่สุดท้ายมีเพิ่มมาอีกสามคนเป็นแปดคน คนขับก็ยังคิดแปดสิบอยู่ดีค่ะ เลยรวมเป็น ไปส่ง 640 บาท ซึ่งถือว่าแพงมากกก กับระยะทางสิบกิโล แนะนำให้จัดกลุ่ม สร้างสัมพันธ์กันเองแล้วหารถเหมาออกไป โดยไม่ผ่านพนักงานจะคุ้มกว่ามากๆค่ะ ในตอนนั้นเราก็ไม่อยากจะพูดเพราะไม่มีใครว่าอะไร และไม่อยากมีปัญหาด้วยค่ะ ก็เลยปล่อยไป หมดค่าเดินทางไปเยอะเหมือนกันนะคะ ----

สำหรับคืนที่สองนั้น เราสองคนวางแผนกันว่าอยากเที่ยวให้รอบเมืองกาญเลยค่ะ กะมาครั้งเดียวก็ให้คุ้ม55 ซึ่งเราหาที่พักกันกระชั้นชิดมาก นั่นคือ คืนนนั้นเลย ซึ่งโชคดีมากที่บังเอิญไปเห็นที่พัก บ้านชาวเกาะค่ะ ราคาไม่แพงแถมพาเที่ยวรอบเมืองกาญ ฟรี!!!  อีกตั้งหาก เดวจะเปะลิ้งไว้ด่านล่างน้ะค้ะ ว่าแล้ว เราก็ไม่รีบรอช้า โทรไปถามเลยทันทีค่ะ มีคุณลุงคนนึงรับสาย ซึ่งสอบถามก็ทราบว่า ห้องยังว่าง และมีลูกค้าแค่พวกเราสองคนค่ะ คุณลุงคนนี้ชื่อลุงยศ แกอาศัยอยู่กับป้านิด เปิดบ้านตัวเองเป็น โฮมสเตย์ขนาดย่อมๆ บรรยากาศร่มรื่น เป็นกันเองสุดๆ มีการดูแลเอาใจใส่ดีมาก 10 10 10 ไปเลยค่ะ ลุงยศจะขับรถพาเราไปตะลอนทั่วเมืองกาญกว่า 20 แห่ง บอกเลยว่าแค่คิด ยังเหนื่อยแทนลุงเลยค่ะ 55 แต่เราจะเหนื่อยได้ยังไง นานๆทีเนอะ ลุยเต็มที่ go go go

สถานที่แรกที่เรานัดเจอกับคุณลุงหลังจากที่ออกมาจาก อ.ไทรโยคแล้วคือ สุสานดอนรัก ที่ทุกคนรู้จักกันดี อยู่ใจกลางเมืองกาญเลยหล่ะ ที่นี้ก็จะมีประวัติศาสตร์คร่าวๆของสงครามโลกครั้งที่สอง เขียนไว้ถึงสามภาษาด้วยกัน
แชะภาพ เป็นที่ระลึกค่ะ ใต้ต้นไม้ นึกถึงหนังฝรั่งที่จะมีสุสานที่เป็นของชาวคริสต์ค่ะ ปอกส้ม

หลังจากนั้นพวกเราก็เจอลุงยศพร้อมกับเพื่อนร่วมทริปอีก 2 แม่ลูก ซึ่งก็ดีนะคะ เพราะกำลังคิดอยู่ว่า คนละ 590 บาท แค่สองคน คุณลุงอาจจะไม่คุ้มก็เป็นได้ แล้วไปหลายๆคนก็สนุกดีค่ะ จากนั้นลุงก็ขับรถมาไปส่งก่อนถึงสะพานข้าวแม่น้ำแคว ซึ่งคุณลุงบอกว่าให้เดินข้ามไปอีกฝั่งเลยนะ เดี๋ยวจะไปรอรับ จขกท. ก็รับทราบแต่โดยดี เพราะอยากข้ามสะพานลงไปอีกฝั่งอยู่แล้วค่ะ ปกติจะเดินไปได้เกินครึ่งทางแล้วเดินกลับ แต่ช่วงที่ไปคนค่อนข้างเยอะค่ะ ฝรั่งก็เดินสวนกันขวักไขว่ให้เราพอได้มองบ้าง55


เดวมาต่อน้ะค้ะ อย่าเพิ่งเบื่อกันหล่ะ
ชื่อสินค้า:   กาญจนบุรี - ถ้ำกระแซ - เส้นทางรถไฟสายมรณะ - ต้นจามจุรียักษ์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่