[CR] เที่ยวนครลำปาง ย้อนรอยอารยธรรม

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ขออนุญาตฺพาทุกท่านเที่ยวนครลำปาง เพื่ออย้อนรอยอารยธรรมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากผมเป็นมือใหม่ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยนะครับ
    นครลำปางหรือลำปางเขลางค์นครเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานพันกว่าปี แต่หลายๆคนคงไม่ทราบว่าในยุคก่อนประวัติสาสตร์ พื้นที่แห่งนี้ก็มีร่องรอยอารญธรรมของมนุษย์แล้ว และมีพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จึงอยากตามไปดูในโอกาสนี้ครับ
    แบ่งเป็นสี่ช่วงดังนี้ครับ
             1. ยุคก่อนประวัติศาสตร์ แหล่งท่องเที่ยวอยู่ที่ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ บริเวณศาลเจ้าพ่อประตูผา เส้นทางรอยต่อ อ.เมืองกับ อ.งาว
             2. ยุคเมืองเขลางค์นคร แหล่งท่องเที่ยว วัดพระแก้วตอนเต้า วัดปงสนุก วัดเจดีย์ซาว แต่วันนี้ไปชมวัดเจดีย์ซาว
             3. ยุคก้าวสู่โลกปัจจุบัน แหล่งท่องเที่ยว สะพานรัษฎา กาดกองต้า สถานีรถไฟ
             4. ยุคปัจจุบัน แหล่งท่องเที่ยว โรงไฟฟ้าและเหมืองแม่เมาะ โรงงานเซรามิก
                 แถมแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน ครับผม
              จุดเร่ิมต้นของการท่องเที่ยวอยู่ที่สถานีรถไฟนครลำปาง ซึ่งมีความเป็นมายาวนาน แต่ตอนนี้เราจะย้อนไปสู่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่ภาพเขียนสีโบราณ บริเวณศาลเจ้าพ่อประตูผากันก่อนครับ หน้าสถานีรถไฟจะมีรถสองแถวบริการไปได้ทุกที่ แต่ต่องรองราคากันให้ดีก่อนนะครับ
       ในปี พศ.2531 ทหารค่ายฝึกรบพิเศษประตูผาได้ค้นพบภาพเขียนสีก่อนประว้ต์ศาสตร์นี้ขณะทำการฝึกและต่อมาได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว บริเวณภาพเขียนจะอยู่บนหน้าผา กระจายเป็นกลุ่มๆ บนระยะทางกว่าสามร้อยเมตร  ภาพเขียนกว่าพ้นแปดร้อยภาพ เมื่อนักวิชาการมาตรวจสอบพบว่าภาพเขียนสีดังกล่าวมีอายุกว่า 3,000 - 5.000 ปี  เป็นภาพเขียนที่ใช้ฝุ่นสีแดงผสมยางไม้หรือไขมันสัตว์มาเขียนบนพื้นหิน เป้นภาพของสัตว์ คน กิจกรรมต่าง และทีมีมากที่สุดคือรอยมือประทับลงไป
          แต่น่าเสียดายที่ภาพเขียนที่สวยงามและทรงคุณค่าหลายๆภาพถูกคนมือบอนและไร้สำนึกมาเขียนตัวหนังสือทับลงไป เจ้าหน้าที่จีงต้องลบรอยอุบาทย์นั้นออกไป ทำให้ภาพเขียนที่มีอายุมานานกว่าสามพันปีถูกทำลายในยุคนี้ มันเป็นสิ่งน่าเศร้าใจจริงๆ
http://www.chiangmainews.co.th/page/archives/497612
          ต่อไปขอพาไปเที่ยวในยุคของเมืองเขลางค์นครซึ่งก่อนตั้งมาประมาณ 1,300 กว่าปีก่อน โดยท้าวอนันตะยศ ผู้เป็นลูกฝาแฝดของพระนางจามเทวีผูก่อตั้งนครหริภุญชัยหรือเมืองลำพูน โดยมีพี่ชายร่วมอุทรคือท้าวมหายศซึ่งปกครองนครลำพูนต่อจากพระนางจามเทวีผู้เป็นมารดา
วันนี้ไดไปเที่ยวที่วัดพระเจดีย์ซาวหลัง หรือวัดเจดีย์ซาว
              คำว่าซาวเป็นภาษาพื้นเมืองของคนภาคเหนือแปลว่า ยี่สิบ  วัดนี้ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยโบราณ และถูกบูรณะขึ้นใหม่ในสมัย เจ้าพ่อบุญวาทย์ วงศ์มานิตย์  วัดเจดีย์ซาวหลังตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง บนถนนลำปาง-แจ้ห่ม จากหลักฐานการขุดพบพระเครื่องสมัยหริภุญชัยที่องค์พระเจดีย์ ทำให้สันนิษฐานได้ว่า วัดนี้สร้างมานานกว่าพันปี เจดีย์แต่ละองค์เป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบเจดีย์พม่าขนาดเล็ก มีสีทองเป็นประกาย ตั้งอยู่บนฐานเหลี่ยม ยอดเจดีย์ตกแต่งประดับด้วยฉัตรอย่างสวยงาม จุดเด่นของวัดนี้คือองค์พระเจดีย์สีขาวจำนวนยี่สิบองค์ บรรจุพระเกศาธาตุของพระอรหันต์ บรรจุอยู่ในผอบทองคำฝังไว้ใต้เจดีย์  นอกจากนี้ เมื่อปี พ.ศ. 2526 ชาวบ้านได้ขุดพบพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์หนัก 100 บาทสองสลึง มามอบให้แก่ทางวัดซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้ชื่อว่า พระแสนแซ่ทองคำ เป็นพระพุทธรูปปางมาร วิชัย ศิลปะสมัยล้านนา ลักษณะพิเศษของพระพุทธรูปองค์นี้คือ สามารถถอดออกเป็นชั้นส่วนต่างๆ แล้วประกอบ กลับเข้าไปใหม่ได้พระพุทธรูปทองคำองค์แรกที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุแห่งชาติ
http://www.paiduaykan.com/76_province/north/lampang/wat-chedi-sao.html
            จุดต่อไปเป็นแหล่งท่องเที่ยวในยุคที่เมืองลำปางมีการเปิดกว้างสู่อารยธรรมสมัยใหม่ ในช่วงร้อยกว่าปีก่อน ในสมัยรัชกาลที่ 4 - 5 มีชาวอังกฤษเข้ามาขอสัมปทานการทำไม้ในภาคเหนือ ในเมืองลำปางจึงมีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่มาก ทั้งชาวอังกฤษและชาติยุโรปอื่นๆจนถึงชาวพม่า กิจการค้าเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก
        สะพานรัษฎาพิเศก เป็นสะพานเก่าแก่และสวยงามของจังหวัดลำปาง สร้างขึ้นในปี 2436 บริเวณสะพานมีเครื่องหมายไก่ขาวและครุฑหลวงประดับไว้บนหัวสะพาน  ในสมัยเจ้าบุญวาทย์วงษ์มานิตเป็นเจ้าผู้ครองนครลำปาง ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แต่แรกสร้างเป็นสะพานไม้มีความยาว 120 เมตร เชื่อว่าชื่อ “รัษฎาภิเศก” นั้นมีที่มาจากการสร้างสะพานเพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีรัชดาภิเษกรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ได้พระราชทานนาม “รัษฎาภิเศก” ให้กับสะพานแห่งนี้
        กาดกองต้า หมายถึงตลาดตรอกท่าน้ำ ในอดีตเคยเป็น ตลาดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากเมืองลำปางนั้นเคยเป็นศูนย์กลางทางการค้าของ ภาคเหนือย่านการค้าส่วนมากมักเกิดขึ้นริมฝั่งแม่น้ำสายใหญ่อย่างแม่น้ำวัง ทำให้เกิดชุมชนที่เข้ามาทำธุรกิจ เช่น อังกฤษ พม่า และจีน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เข้ามาทำการค้ามากที่สุด จนกลายเป็นชุมชนชาวจีนขนาดใหญ่ ชาวบ้านจึง เรียกกาดกองต้าว่าตลาดจีน
     ต่อมาเมื่อทางรถไฟได้ก่อสร้างมาถึงจังหวัดลำปาง ย่านการค้าจึงย้ายไปอยู่แถวรอบสถานีรถไฟคือตลาดเก้าจาวและสบตุ๋ยแทน ปัจจุบันทางเทศบาลนครลำปางได้จัดให้มีถนนคนเดินในช่วงเย็นวันเสาร์อาทิตย์ ทำให้กาดกองต้าที่เคยซบเซาได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
http://www.paiduaykan.com/76_province/north/lampang/kadkongta.html
สถานีรถไฟนครลำปาง เป็นสถานีรถไฟรุ่นแรกๆที่ถูกสร้างขึ้นในประเทศไทย เปิดใช้งานเมื่อ 1 เมษายน 2459 ในสมัยรัชกาลที่ 6 และตัวอาคารยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน และชุมชนโดยรอบก็เป็นย่านชุมชนเก่า มีสถาปัตยกรรมจากสมัยก่อนหลงเหลืออยู่ นักท่องเที่ยวที่ชอบสถาปัตยกรรมโบราณสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้
    สิ่งที่มีมาคู่กับรถไฟก็คือรถม้า ให้บริการครั้งแรกในปี พ.ศ. 2459 สำหรับรับส่งผู้โดยสารจากสถานีรถไฟเข้าสู่ตัวเมืองนครลำปาง
ปัจจุบันยังคงให้บริการอยู่แต่เป็นการขับพานักท่องเที่ยวชมรอบเมือง
   นครลำปางได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จากเมืองเกษตรกรรมมาสู่สังคมอุตสาหกรรม อุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงของลำปางอย่างหนึ่งก็คือการทำภาชนะกระเบื้องเคลือบหรือเซรามิก
   ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของจังหวัดลำปางจะเป็นภูเขาสลับซับซ้อน และลักษณะดินจะเป็นดินขาวซึ่งเหมาะแก่การทำเครื่องปั้นเซรามิกผลิตภัณฑ์เซรามิกที่ผลิตจากดินที่นี่จึงมีคุณภาพสูง จุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรมเซรามิกลำปางนั้นเริ่มจาก นายซิมหยูชาวจีนเมืองไท้ปูเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านการผลิตถ้วยชาม เห็นชาวบ้านอำเภอแจ้ห่มใช้แร่ดินขาวมาเป็นหินลับมีด จึงชวนนายเซี่ยะหยุย แซ่อื้อ และนายซิวกิม แซ่กว๊อก ค้นหาแหล่งดินขาวเพื่อเอามาทดลองทำถ้วยชาม จนกระทั่งในราวปี พ.ศ. 2498 – พ.ศ.2499 ได้พบแหล่งดินขาวที่บ้านปางค่า อำเภอแจ้ห่ม จึงได้เริ่มทดลองผลิตเครื่องปั้นเซรามิก หลังจากนั้นในปีพ.ศ. 2500 ได้มีการจัดตั้งโรงงานเซรามิกแห่งแรกของจังหวัดลำปาง ตั้งแต่นั้นมาเซรามิกลำปางจึงได้มีการพัฒนามาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบัน
  
     เมื่อพูดถึงโรงงานอุตสาหกรรมในนครลำปาง จุดที่จะละเลยไปไม่ได้เลยก็คือโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำจากถ่านลิกไนท์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
จังหวัดลำปางเป็นจังหวัดที่มีถ่านหินลิกไนต์มากที่สุดในประเทศไทย ทำให้ทำให้มีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ที่นี่ และนอกจากโรงไฟฟ้ากับเหมืองถ่านหินแล้วยังมี พิพิธภัณฑ์ สวนสาธารณะ สนามกอล์ฟ ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปรับชม ปัจจุบันเหมืองแม่เมาะได้ทำการขุดขนถ่านจำนวนประมาณ 15-17 ล้านตัน ส่งให้เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าหน่วยที่ 4 ถึง 13 จำนวน 10 หน่วย ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และจ่ายไปยังจังหวัดต่าง ๆ

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%B0

แหล่งท่องเที่ยวสุดท้ายที่จะไปในครั้งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของลำปาง นั่นก็คือ บ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อยู่ในท้องที่อำเภอเมืองปาน จุดเด่นของที่นี้คือบ่อน้ำพุร้อนจากความร้อนใต้พิภพ อุณหภูมิเฉลี่ย 75 องศาเซลเซียส โดยนักท่องเที่ยวนิยมเอาไข่ไปแช่ในน้ำพุร้อนทำให้ไข่สุกได้ใน      15 นาที่ และยังมีบ่ออาบน้ำแร่ สำหรับนักท่องเที่ยว ที่ต้องการแช่น้ำแร่ มีบ่ออาบน้ำแร่กลางแจ้งและบ่อแบบเซาน่าส่วนตัวไปจนถึงบ่ออาบแบบรวมด้วยครับ
   มีบ่ออาบน้ำแร่กลางแจ้งและบ่อแบบเซาน่าส่วนตัวไปจนถึงบ่ออาบแบบรวมด้วยครับ

แหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดนี้สามารถเที่ยวได้ภายในสองวัน เช่นเดินทางมาโดยรถไฟถึงลำปางในตอนเช้า แล้วจ้างรถสองแถวนำส่งในจุดต่างๆรอบนอกเมือง จากนั้นตอนเย็นก็ไปเดินเล่นที่กาดกองต้า และหาที่พักในเมือง ในวันรุ่งขึ้นก็เที่ยวเขตในเมือง นั่งรถมาชมเมือง จนถึงตอนเย็นก็โดยสารรถไฟกลับโดยสวัสดิภาพ
สุดท้าย ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลและภาพที่นำมาร่วมการนำเสนอ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามชมครับ
ชื่อสินค้า:   นครลำปาง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่