🌙⭐️🌟 ถุงมือนักเขียน เรื่องที่ 9 "กล้องใช้แล้ว" โดย "ถุงมือบราวนี่" ครับ 🌟⭐️🌙

กระทู้คำถาม


เรื่องที่ 9 นี้ เป็นเรื่องยาวอีกเรื่องหนึ่ง และ "กล้องใช้แล้วทิ้ง" นี้ เป็นกล้องของใคร สำคัญอย่างไร ?

ไปหาคำตอบกันครับ...

----------------------------------------------------------------------------------------------------------






-1-

“เฮ้ย! วิน”


เพื่อนคนหนึ่งเอ่ยเรียก ผมหันไปหาต้นเสียงนั้น ยังไม่ทันเอ่ยตอบ เพื่อนคนนั้นก็พูดอีกว่า

“ไปต่อกันไหม”  

ตอนนี้เราเพิ่งเลี้ยงฉลองเรียนจบชั้น ม.6 เสร็จที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อนคนนี้คงตั้งใจจะชวนผมไปฉลองที่อื่นต่อเป็นแน่ นอกจากเขาแล้วเพื่อนคนอื่นก็ออกปากชวนผมด้วยเหมือนกัน

ผมยังไม่ตอบคำใด สายตาของผมตอนนี้จับจ้องไปยังเพื่อนนักเรียนสาวสวยที่ชื่อ กานดา ที่ยืนอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ชักชวนนี้แทน

กานดา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมาก ผิวขาวเนียน นัยน์ตาส่องประกายสดใส ผมยาวสลวย รูปร่างดี เพื่อนชายในรุ่นเดียวกันแอบชอบเธอหลายคน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นแหละ แต่ว่าเธอไม่รู้หรอกว่าผมแอบชอบเธออยู่

ผมมองเธอตลอด แล้วสักพักก็หันไปพูดกับเพื่อนที่ชวนผมว่า

“ไม่ล่ะ พวกนายไปเถอะ ฉันติดธุระที่ร้านนี้นิดหน่อย”

“มีอะไรล่ะวิน ทำไมไม่ไปด้วยกัน”

“เอ่อ… พอดีต้องเคลียร์ค่าใช้จ่ายที่ร้านนี้ก่อน แล้วต้องทำอะไรอีกหลายอย่าง กว่าจะเสร็จคงอีกนาน ไม่อยากให้พวกนาย ไปกันก่อนเถอะ”

“เออ นั่นสิ ลืมไปว่านายเป็นคนควบคุมงาน งั้นพวกฉันไปก่อนนะ”

“โอเค ขอให้สนุกนะ”

พวกเขาทั้งหมดออกจากร้านไป กานดาหญิงสาวที่ผมคอยมองก็ตามเพื่อนกลุ่มนี้ออกไปต่อด้วย

เฮ้อ.. ไม่กล้าอีกแล้วเรา

ตามจริงแล้วในงานเลี้ยงฉลองเรียนจบ ม.6 ที่ร้านอาหารนี้ ผมตั้งใจจะหาจังหวะสารภาพรักกับกานดา หาจังหวะตลอดทั้งงานเพื่อการนี้

ทว่า...

มีอยู่ช่วงหนึ่งในงานเลี้ยงส่งท้ายเรียนจบนี้ที่ผมได้พูดคุยกับเธอสองต่อสอง

“นี่ดา” ดา เป็นชื่อเล่นของกานดา

“มีอะไรหรือวิน” เธอหันหน้ามาด้วยแววตาสดใส

“ตอนนี้ดาคบใครอยู่หรือเปล่า” ผมถามไปตรง ๆ เลย จังหวะมาแล้วต้องจัดไปอย่าให้เสีย

กานดายิ้ม “ไม่มีหรอก วินถามทำไมเหรอ”

พอได้ยินอย่างนี้ ผมใจชื้นขึ้นมาเลย หากเธอบอกว่ามีคนคบแล้ว ผมคงไม่กล้าไปพูดอีกแน่

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมพูดต่อ แอบยิ้มเล็ก ๆ ในใจ พยายามรวบรวมพลังและความกล้าเพื่อพูดเรื่องสารภาพรักกับเธอแล้ว

แต่กานดาพูดขึ้นมาก่อน

“แต่ดามีคนที่ชอบแล้ว” ขณะที่เธอพูดเธอคลี่ยิ้มที่สดใสขึ้นอีก “ยังไม่ได้บอกให้เขารู้ตัวหรอกนะ”

“อ่า..” ได้ยินแบบนี้พูดต่อไม่ออก และสุดท้ายผมก็ไม่ได้สารภาพรักกับเธอ

ใครกันที่ดาชอบ

หลังจากเพื่อนส่วนใหญ่ออกไปแล้ว ผมก็จัดการนู้นนี่ในร้านอาหารต่อ แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งเรียกผมขึ้นมา

“อ้าว ยังอยู่เหรอวิน”

ผมหันกลับไปหา เธอคือ วิภา เพื่อนสาวผมซอยสั้น เพื่อนห้องเดียวกับผม

“ไม่ไปต่อเหรอวิน” วิภาถาม

“ไม่อ่ะภา เราต้องเคลียร์เรื่องร้านก่อน” ผมตอบเธอ

“ก็ทำเสร็จแล้วไม่ใช่หรือ”

“ยังเลย” ผมส่ายหน้า จริง ๆ ก็ทำเสร็จแล้วแหละ แต่ก็อยากทอดอารมณ์ไปเรื่อย ๆ อยู่ที่ร้านนี้

“ช้าอีกตามเคยนะวิน ไปด้วยกันเถอะ ออกไปต่อคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”

วิภาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกกำหนดให้เป็นคนดูแลงาน ดูเหมือนว่าเธอจะทำหน้าที่ในส่วนของตัวเองเสร็จแล้ว

“ไปเถอะ ฉันจะจัดการตรงนี้เอง” ผมพูดต่อ

“เอางั้นหรือ งั้นฉันไปก่อน ถ้าเปลี่ยนใจก็ตามมาละกัน จะกินเผื่อให้นะ ฮ่ะ ๆ”

พูดจบวิภาก็เดินออกจากร้านไปอีกคน แต่ว่า ขณะนั้นก็มีพนักงานเสิร์ฟอาหารคนหนึ่งเดินมาหาผม

“คุณครับ”

“อ่ะ มีอะไรหรือครับ”

“นี่ใช่ของกลุ่มพวกคุณหรือเปล่าครับ เห็นวางอยู่ที่โต๊ะน่ะครับ” เขาหยิบของสิ่งหนึ่งส่งให้ผม

ผมรับของนั้นมา

กล้องถ่ายรูปแบบใช้แล้วทิ้ง

สมัยนี้ยังมีคนใช้กล้องแบบนี้อีกหรือ ผมไม่ได้เห็นกล้องถ่ายรูปแบบใช้แล้วทิ้งนานแล้วนะ

แต่ว่าของใครกัน

สุดท้ายก็ไม่มีใครมารับคืน

ผมอุตส่าห์นั่งรอที่ร้านเผื่อเจ้าของกล้องจะกลับมาเอามันคืน แต่ว่าไม่มีใครมารับเลย

สุดท้ายเลยต้องเอากล้องถ่ายแล้วทิ้งนี้กลับบ้านมาด้วย

ของใครกันนะ

จะส่งคืนเจ้าของตอนนี้เก็ไม่ได้ด้วย ไม่มีชื่อหรืออะไรเขียนไว้ที่ตัวกล้องเลย

ดูท่าคงมีทางเดียว

ถ่ายให้หมดแล้วไปล้างภาพที่ถ่ายมาดู



สองวันถัดมา

ผมถ่ายรูปจนหมด แล้วเอากล้องไปล้างที่ร้านอัดรูป เพื่อจะได้ดูรูปในกล้อง คงมีแต่วิธีนี้วิธีเดียวถึงจะรู้ว่าใครเป็นเจ้าของกล้อง

แต่ว่าการที่เราเอากล้องของคนอื่นมาล้างเองแบบนี้ มันก็ไม่ดีเหมือนกัน

รูปในกล้องส่วนใหญ่คงเป็นภาพในงานเลี้ยงส่งท้ายเรียนจบแน่ ๆ เดี๋ยวดูว่ามีใครในกล้องบ้างก็คงพอรู้เองว่าใครเป็นเจ้าของ

“อ่อ!”

พอผมเห็นรูปใบแรกก็ตกใจ เพราะรูปแรกไม่ใช่รูปภาพในงานเลี้ยงส่งท้าย อีกทั้งมันไม่ใช่รูปคนอีกด้วย

เป็นรูปแมว

แมวสีขาว ไร้สีอื่นปะปน

นี่ไม่ใช่กล้องของนักเรียน ม.6 โรงเรียนผมหรือ

ผมคิดแบบนี้ทันที เพราะเห็นว่ามีรูปแมวสีขาวนี้อยู่หลายใบ แต่แล้วความคิดที่ว่านี้ก็ต้องตกไป

เมื่อเห็นรูปใบต่อจากรูปแมวนั้น ผมแน่ใจทันทีว่า กล้องถ่ายรูปนี้ต้องเป็นของหนึ่งในนักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนผมแน่

เพราะเป็นภาพผม

ภาพผมตอนที่อยู่ในงานเลี้ยงส่งท้าย ม.6

พอเห็นรูปตัวเองอย่างนี้ ผมคิดไปว่าต่อไปก็คงมีรูปคนอื่น ๆ อยู่แน่ ๆ

แต่แล้วไม่ใช่

เพราะรูปต่อไป ไม่ว่าใบไหน ๆ ก็เป็นรูปของผมทั้งนั้น

รูปเหล่านั้นเป็นรูปผมในกิริยาต่าง ๆ แต่ว่าจากมุมกล้องมันเป็นการแอบถ่ายผมทั้งสิ้น

ทำไมเป็นแบบนี้…

ทำไมภาพในกล้องนี้ถึงมีแต่รูปแมวสีขาวกับรูปผม



-2-

ทำไมในกล้องถ่ายแล้วทิ้งถึงมีรูปผมได้ มีใครสักคนตามสตอล์คเกอร์ผมหรือ ถึงได้แอบถ่ายรูปผมอย่างนี้

ตอนนี้ผมมึนงงมาก มั่นใจเลยว่าไม่มีใครขอผมถ่ายรูป และผมเองก็ไม่เห็นว่ามีใครที่แอบถ่ายผมด้วยเหมือนกัน

สุดท้ายไม่รู้จะทำไงดี เพราะผมยังคิดไม่ออกว่าใครน่าจะเป็นเจ้าของกล้องอันนี้ ตอนอยู่ในงานผมก็มัวแต่ยุ่งกับการควบคุมงานเลี้ยงกับสนใจเรื่องสารภาพกับกานดา ไม่ได้สังเกตอะไรเลย

แต่ว่ายังพอมีหนทางอยู่

เพื่อนนักเรียนชั้น ม.6 ของผมมีอยู่คนหนึ่งที่เหมาะสมจะช่วยเหลือได้ในสถานการณ์เช่นนี้ และเธอก็สนิทกับผมพอสมควร

เธอคือ วิภา เพื่อนนักเรียนหญิงที่ทิ้งผมแล้วออกไปเที่ยวนั่นเอง


วิภา ยอดนักสืบ เป็นฉายาที่ผมตั้งให้เธอ

เนื่องจากวิภาชอบอ่านนิยายสืบสวน และชอบสืบค้นอะไรต่าง ๆ อยู่เสมอ

เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอสามารถสืบหาคนขโมยกระเป๋าของเพื่อนได้ แบบว่าคนร้ายเถียงกลับไม่ได้เลย เพราะจำนนด้วยหลักฐาน  ต้องยอมรับผิดสถานเดียว

ตั้งแต่นั้นมาผมก็เพิ่มเติมฉายา ยอดนักสืบ ให้เธอและมักเรียกเธออย่างนี้ทุกครั้งเวลาขอให้เธอช่วยเหลือ

และครั้งนี้ก็เช่นกัน

“วิภา ยอดนักสืบ”

วิภายิ้มเมื่อได้ยินผมเรียกอย่างนี้ ตอนนี้เราสองคนนั่งอยู่ที่ร้านอาหาร เป็นร้านเดียวกับที่จัดงานเลี้ยงส่งท้ายนั่นแหละ

“มีเรื่องมาให้ฉันสืบอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย” เธอพูดด้วยเสียงห้วน ๆ ถึงน้ำเสียงจะดูไม่เต็มใจนัก แต่ใบหน้าของเธอก็เป็นหลักฐานให้เห็นว่าสนใจอยากจะสืบเรื่องของผมอยู่แล้ว

ผมพยักหน้ารับ “ช่วยหน่อยละกัน” แล้วส่งรูปทั้งหมดให้กับเธอ

“ภา..คิดว่าไง”

วิภารับรูปเหล่านั้นมาดู “คิดว่าไงหรือ..”

เธอมองดูรูปอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยพูดต่อว่า “วินก็ถ่ายรูปขึ้นนี่ ดูดีกว่าที่คิด”

ผมเบ้หน้า

...ไม่ใช่โว้ย...

แต่ก็ไม่ความผิดของวิภาที่ตอบอย่างนี้ เพราะผมก็ยังไม่ได้บอกอะไรเลย

“แหะ ๆ ลืมบอกเธอไป พอดีรูปพวกนี้เราอัดมาจากกล้องถ่ายแล้วทิ้งที่เราเจอในงานน่ะ”

เธอพยักหน้าเบา ๆ นิ่งฟัง ยังไม่ได้พูดอะไร ก้มดูรูปต่อ

“เป็นภาจะรู้สึกยังไง ถ้าโดนแอบถ่ายรูปแบบนี้”

ภายังไม่พูดต่อ ผมเลยพูดต่ออีกว่า “แบบนี้มันเหมือนพวกโรคจิต พวกสตอล์คเกอร์เลย น่ากลัวออก”

“ทำไมวินคิดแบบนั้นล่ะ” วิภาถามสวนขึ้นมา

“ตามแอบถ่ายแบบนี้ มันไม่ดีไม่ใช่เหรอ..”

“มันก็คิดแบบนั้นได้ แต่ถ้านายลองคิดดูดี ๆ หากคนตามถ่ายเป็นผู้หญิงล่ะ”

“เอ่อ.. “ ผมหยุดคิด “หมายความว่าไง”

“แบบนี้ไง ถ้าคนถ่ายรูปพวกนี้เป็นผู้หญิง คน ๆ นั้นเค้าอาจจะชอบวินก็ได้ ถึงได้ตามแอบถ่ายไว้อย่างนี้”

“ชอบ.. ชอบฉันนี่นะ ใคร.. ใครจะมาชอบฉันล่ะ”

“เรื่องนั้นก็คงต้องสืบต่อไปแหละ” เธอบอก

“แล้วทำไมเค้าต้องแอบถ่ายรูปฉันด้วย”

วิภายิ้ม ค่อย ๆ พูดขึ้นว่า “นายก็น่าจะเข้าใจนะ ว่าความรู้สึกที่ต้องแอบชอบนั้นเป็นอย่างไร”

“เอ่อ!”

วิภาพูดอย่างนี้หมายความว่าไง แน่นอนว่าเธอไม่ยอมบอกตรง ๆ ผมคิดต่อไปเองจนรู้ถึงความรู้สึกนั้น มันคงเป็นความรู้สึกแอบชอบ ถึงได้ตามแอบถ่ายรูปอย่างนี้ จะว่าไปผมเองก็ยังแอบเก็บรูปของกานดาไว้เหมือนกัน

“รู้แล้วสินะ”

ผมผงกศีรษะรับ “แต่ว่าจะทำไงดีล่ะ”

“วิภา ยอดนักสืบคนนี้จะช่วยนายสืบหาเอง”

“ไงก็ฝากหน่อยนะ”

“นายก็เป็นผู้ช่วยให้ฉันหน่อยละกัน วิน ... วินสัน

“วินสัน?” ผมงงกับสิ่งที่เธอพูด

“ก็แปลงมาจาก วัตสัน คู่หูของเชอร์ล็อค โฮล์มส์ไง” วิภาตอบด้วยเสียงสดใส พร้อมหยิบช้อนมาคาบให้ดูเป็นไปค์อีกด้วย

ตกลงผมกลายเป็นวัตสันไปแล้วหรือนี่


-3-

การสืบของเชอร์ล็อค โฮล์มส์สาว วิภา ยอดนักสืบเริ่มต้นขึ้นแล้ว

วินสันอย่างผมคงต้องเริ่มต้นด้วยเช่นกัน

แต่ว่าวิภากลับพูดเพียงว่า “ลงมือกันเลย” ยังไม่ได้ทำอะไรต่อ ยังนั่งอยู่ในร้านอาหารร่วมกับผม จนผมถามเธอว่า

“แล้วจะทำไงต่อ”

วิภามองหน้าผม

“นักสืบชื่อดังบอกไว้ว่า คนร้ายจะต้องย้อนกลับไปที่เกิดเหตุ เราต้องรออยู่ที่นี่ หาข้อมูลจากที่นี่ก่อนดีที่สุด”

“คนร้าย...”

คนร้ายจะต้องย้อนกลับไปที่เกิดเหตุหรือ… วิภา เธอเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรือว่าเจ้าของกล้องอาจจะเป็นหญิงสาวที่ชอบผมไม่ใช่หรือ

…ไว้ใจได้ไหมเนี่ย นักสืบสาวคนนี้…

แต่คิดไปคิดมา มันก็ใช่เหมือนกัน

“ก็มีเหตุผล ถ้าลืมของไว้ ยังไงนึกได้ก็ต้องกลับมาหาของแน่ ๆ”

แต่เวลาผ่านไปยังไม่มีใครมา อีกทั้งพอวิภาไปถามเจ้าของร้านอาหาร ก็ไม่มีคนกลับมาตามหากล้องเลย

“เอาไงดี” ผมถามวิภา

“รออีกหน่อยละกัน” เธอบอก “แต่ว่าฉันหิวแล้วอ่ะ”

“เหรอ งั้นฉันเลี้ยงละกัน เพราะฉันขอร้องให้เธอช่วยสืบเรื่องนี้นี่”

วิภายิ้มแล้วสั่งอาหารกับทางร้านทันที

เพียงพักเดียว อาหารคาวชนิดต่าง ๆ ก็มาเสิร์ฟที่โต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่แล้ว

วิภามองอาหารบนโต๊ะ แล้วหยิบช้อนส้อมและทานอย่างฉับไว

อาหารตรงหน้าค่อย ๆ หมดไปทีละอย่าง และก่อนที่อาหารจานสุดท้ายจะหมด วิภาก็เงยหน้าขึ้น แล้วถามผมว่า

“สั่งอาหารหวานได้ด้วยใช่ไหม ฉันสั่งเลยนะ ขอบใจ”

เธอพูดเองตอบเองเสร็จสรรพ ผมไม่ทันตอบรับอะไร อาหารหวานก็ถูกสั่งมาเสียแล้ว

เพื่อนสาวของผมคนนี้ทุกทีเลย เรื่องอาหารนี่ไม่ได้เลย กินแหลก ยังดีที่กินแล้วไม่อ้วน ตอนนี้ดูไม่ออกแล้วว่านักสืบหรือนักกินกันแน่

เอาเถอะ ๆ ปล่อยเธอกินไป งานจะได้เดิน

ทว่า...

มันก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมเรื่องกล้อง สุดท้ายพอวิภาเหมือนจะอิ่ม ผมรีบออกปากชวนเธอออกจากร้านอาหารนี้อย่างไว เพราะกลัวว่าเธอจะสั่งอาหารอีกนั่นแหละ เงินผมหมดไปเยอะแล้ว



(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่