[GOT7] รีวิวอัลบั้ม <7 for 7> เด็กหนุ่มทั้ง 7 กับหมายเลข 7

สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน นี่คือกระทู้ตามสัญญาว่าจะมารีวิวอัลบั้ม <7 for 7> ของ GOT7 นะคะ ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วยค่ะที่มาช้าไปหน่อย กว่าจะมีเวลานั่งเขียนกระทู้ก็จบโปรโมทในเกาหลีไปแล้ว พริบตาเดียวกัซก็เตรียมทัวร์ญี่ปุ่นกันแล้ว แถมยังปล่อยไตเติ้ลอัลบั้มญี่ปุ่นแล้วด้วย หวังว่ากระทู้นี้จะได้ร่วมแบ่งปันมุมมองกับทุกท่านนะคะ หากใครมีข้อคิดเห็นยังไงก็ยินดีแลกเปลี่ยนเสมอค่ะ

ขอตั้งเป็นกระทู้ใหม่เลยนะคะ แต่ถ้าใครอยากอ่านที่รีวิวอัลบั้มไว้ก่อนหน้า เชิญกระทู้นี้ค่ะ https://pantip.com/topic/36178754
เราจะค่อยๆ เขียนไปนะคะ เพราะมีหลายเรื่องที่อยากพูดถึงในฐานะอากาเซ่ และแน่นอนว่าเป็นกระทู้ที่ยาวมากอีกแล้วค่ะ




สำหรับหัวข้อที่จะรีวิวมี 4 หัวข้อ ดังนี้
1. คอนเซ็ปต์อัลบั้ม
2. มิวสิควิดีโอและเพลงโปรโมท
3. เพลงในอัลบั้ม
4. ภาพรวมการโปรโมท


---------------------------------


1. คอนเซ็ปต์อัลบั้ม: 7 เรื่องราวที่น่าสนใจของหมายเลข 7

อัลบั้มใหม่นี้มีความเกี่ยวข้องกับเลข 7 เยอะมากเลยค่ะ เราสังเกตเห็นความเกี่ยวข้องที่ว่าอยู่ 7 ประการ ได้แก่

1) ตั้งแต่ชื่ออัลบั้ม <7 for 7> ก็เห็นๆ และคงเดาได้ไม่ยากว่าเลข 7 มาจากหมายเลขที่ปรากฏอยู่ในชื่อวง GOT7 ซึ่งเลขดังกล่าวเป็นลัคกี้นัมเบอร์ที่นิยมใช้เป็น motif กันทั่วโลก เช่น วันทั้งเจ็ด ดาวเคราะห์ทั้งเจ็ด คนแคระทั้งเจ็ด ไปจนถึงดาบเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง เลข 7 ปรากฏเป็นอนุภาคของนิทานตำนานอยู่บ่อยๆ กัซก็เป็นอีกหนึ่งที่นำเลข 7 มาใช้ ทั้งรูปเจ็ดเหลี่ยมและการทำมือเป็นเลขเจ็ด ที่จริงก็เป็นที่ทราบดีอยู่แล้วเพราะไม่ใช่วงที่เพิ่งเดบิวต์ แต่คำถามคือจะมาย้ำเรื่องเลข 7 นี้เพราะอะไร น่าสงสัยไหมคะ แต่ก่อนเล่นคำว่า GOT แต่ครั้งนี้เล่นกับเลข 7 ความพิเศษคืออะไร


2) ชื่อวงที่สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกในวง กัซนิยามตัวเองว่าเป็นเด็กหนุ่มผู้โชคดีทั้ง 7 คน จากต่างที่ต่างถิ่นเดินทางมารวมตัวกันเพื่อสร้างฝัน แม้ว่าบอยแบนด์หลายวงจะมีสมาชิกเจ็ดคนก็ตาม แต่หมายเลข 7 สำหรับ GOT7 น่าจะมีเรื่องราวผูกพันลึกซึ้งกว่านั้น ดังที่เด็กกัซย้ำประโยคนี้เสมอว่า “เริ่มด้วย 7 ก็ต้องจบด้วย 7”

ประเด็นชื่ออัลบั้มนี้เราว่าส่วนหนึ่งคงได้ผลกระทบมาจากดราม่าเรื่องการออกยูนิตหรือออกโซโล่ พูดง่ายๆ ก็คือตั้งชื่อมาช่วยตอกหน้าคนที่บอกว่า GOT7 จะแยกวงหรืออะไรต่อมิอะไร ซึ่งก่อนหน้านี้คนที่รับเคราะห์ไปมากที่สุดก็คือแจ็คสัน ไม่รู้ดวงตกหรือยังไงทำไมแจ็คสันถึงได้มีงานเข้าตลอดทุกเดือนและมักจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างงี่เง่าจากแฟน/แอนตี้แฟนเสียด้วย อาจเพราะแจ็คสันมีตารางงานที่จีนทำให้ไม่ค่อยได้อยู่ที่เกาหลีและไม่เอื้อให้ร่วมกิจกรรมในญี่ปุ่น ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ต้องยอมรับว่าในตลาดจีนนั้นแจ็คสันกำลังเป็นที่นิยมมาก หากจะทิ้งโอกาสนี้ไปก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่ใช่น้อย ประกอบกับฟากญี่ปุ่นก็ไม่ได้ถูกคอกับชาวจีนสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แม้จะน่าเสียดายที่คัมแบ็กญี่ปุ่นเดือนนี้จะมีแค่ 6 คน อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าหากตารางเวลาและการพักผ่อนลงตัว ไม่กระทบกับสุขภาพ แจ็คสันอาจจะได้คัมแบ็กที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง (ท้าย MV Turn Up มีเลข 7 ใบ้เอาไว้)

เอาล่ะค่ะ สรุปว่าการตั้งชื่ออัลบั้ม <7 for 7> ก็คงจะมีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นย้ำความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทีมด้วย ความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้เป็นสิ่งที่กัซภูมิใจเสมอมาและยืนยันว่าจะรักษาให้คงอยู่ต่อไป แบบที่ยองเจและคยอมบอกว่าพวกเขาจะเป็น GOT7 ไปอีก 700 ปี จะเป็น GOT7 ตราบจนวันตาย ส่วนแจ็คสันก็ยืนยันว่าเขาจะประสบความสำเร็จในฐานะ "แจ็คสัน GOT7" ให้ได้

ความรักและผูกพันกันนี้จะเห็นได้จากสร้อยสัญลักษณ์วง ที่เมื่อแยกชิ้นจะเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของแต่ละคน แต่เมื่อมารวมกันก็จะได้เป็นเจ็ดเหลี่ยมหนึ่งเดียว เรื่องสร้อยประจำตัวประจำวงนี้ถึงมาร์คจะได้ไอเดียจากบอยแบนด์ตะวันตก แต่การนำมาประยุกต์เป็นของตัวเองนี้ไม่ใช่ใครจะทำก็ได้ เราจึงไม่ค่อยเดือดร้อนเรื่องสร้อยจะไปเหมือนใคร เพราะยังไงก็ไม่มีทางเหมือนหรอกค่ะ ยังไงก็มีความหมายและคุณค่าทางใจไม่เหมือนที่กัซเป็นเจ้าของแน่นอน แต่เราไม่เห็นด้วยนะคะ ถ้าแฟนคลับจะทำลอกเลียนมาใส่หรือขาย

friendship goal ของกัซสื่อสารเป็นรูปธรรมอย่างที่เห็นในทีเซอร์อัลบั้ม มีความแฟนตาซีเมื่อโลหะสามเหลี่ยมเจ็ดชิ้นลอยมาประกอบกันเองเป็นเจ็ดเหลี่ยมเหมือนแม่เหล็ก ก็คงมหัศจรรย์พอๆ กับเด็กเจ็ดคนนี้มาเจอกันที่เกาหลีนั่นแหละค่ะ


3) เลข 7 ยังแฝงอยู่ในระยะเวลาการคัมแบ็กครบเจ็ดคนในรอบ 7 เดือน ซึ่งจะว่านานไหมก็ไม่ได้นานมาก ระยะห่างก็พอๆ กับปี 2016 จากอัลบั้ม Flight Log Departure (ปลายมีนาคม) ไปหา Flight Log Turbulence (ปลายกันยายน) แต่ในช่วงระหว่างนั้นมีคอนเสิร์ต Fly World Tour ส่วนปีนี้ก็มีการคัมแบ็กของ JJ Project และการออกโซโล่ของแจ็คสัน รวมทั้งวาไรตี้ในไทยก็มาคั่นเวลาให้พอหายคิดถึง พูดตามตรงคือเราแทบจะไม่ได้หยุดหวีดเลยค่ะ มีเรื่องราวให้ติดตามได้ทุกวัน แต่สำหรับแฟนๆ ที่อยากเห็นกัซอยู่ครบวงก็คงจะคิดถึงกันมากทีเดียว

ที่จริงเราคิดว่ากัซจะคัมแบ็กต้นปีหน้าด้วยซ้ำค่ะ แต่จากตารางทัวร์ญี่ปุ่นที่ปล่อยมาก่อน เห็นตารางแน่นเอี๊ยดแล้วก็คิดว่าช่วงตุลาคมนี้คงเลี่ยงคัมแบ็กไม่ได้แล้ว เพราะถ้าไม่คัมแบ็กก็จะไม่มีเพลงใหม่ไปแสดงในงานประกาศรางวัลปลายปีและจะทิ้งระยะนานเกินไป ด้วยเวลากระชั้นชิดแบบนี้ก็คงต้องเสี่ยง จะคัมแบ็กชนวงไหนก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ปัจจัยนี้ก็ส่งผลให้การโปรโมทเป็นไปได้ไม่เต็มที่ด้วย (เรื่องนี้จะยกไปถกสุดท้ายเลยนะคะ)


4) อัลบั้มนี้ยังเป็นมินิอัลบั้มที่ 7 ของ GOT7 (ถ้ารวม Full Album ของเกาหลีก็เป็นอัลบั้มที่ 9) ก็คงจะเห็นพัฒนาการคอนเซ็ปต์จากลุคแฟนเด็กซนๆ กวนๆ จีบสาว ให้กำลังใจสาว อกหัก มาจนถึงมิตรภาพที่ทิ้งท้ายเอาไว้ในซีรี่ส์สุดท้าย (trailer ของ Flight Log Arrival) เราเห็นความต่อเนื่องอย่างหนึ่งของอัลบั้มนี้ ก็คือการที่เจวายพีกล้าให้กัซได้ทำเพลงของตัวเอง กัซพร้อมจะบินด้วยปีกของตัวเองโดยไม่กลัวความล้มเหลวแล้ว กัซพร้อมจะเล่าเรื่องราวของตัวเองด้วยเพลงของตัวเองแล้ว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

น่ายินดีกับก้าวสำคัญนี้นะคะ แต่ถึงยังไงกัซก็ยังคงเลือกนำเสนอพลังบวกของตัวเองเช่นเคย เลือกโชว์ด้านสดใส ร่าเริง เท่ อบอุ่น ก็ไม่ต้องสงสัยนะคะ ถ้ากัซจะไม่โปรโมทเพลงบัลลาด เพราะมันไม่ใช่ภาพลักษณ์ของวงอยู่แล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่แต่งเพลงบัลลาดหรือเพลงเศร้ารันทดนะ แต่เขาไม่นำเสนอในฐานะ GOT7 ทั้งวงเท่านั้นเอง


5) ในอัลบั้มมีทั้งหมด 7 เพลง ที่สำคัญคือเป็นครั้งแรกที่ไตเติ้ลเป็นเพลงที่สมาชิกเป็นคนแต่ง แล้วก็เป็นครั้งแรกที่กัซมีส่วนร่วมแต่งเพลงในอัลบั้มทุกเพลงด้วย เด็กๆ มีส่วนร่วมในผลงานครั้งนี้ค่อนข้างเยอะ ทั้งเพลง ท่าเต้น หรือวิดีโอ อัลบั้มนี้เป็นโอกาสดีที่กัซจะได้นำเสนอตัวตนของตัวเอง ในอนาคตก็คงจะเห็นผลงานมากกว่านี้อีก ส่วนแนวเพลงที่ทำก็ไม่ได้ฉีกออกจากเดิม แต่กำลังพัฒนาสไตล์ให้เห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น บางสไตล์ก็ต่อเนื่องมาจากอัลบั้ม Flight Log และ JJ Project เป็นจุดที่จะเน้นให้เห็นลักษณะเด่นของ GOT7 มากขึ้น คิดว่าคราวนี้ไม่น่าจะมีใครมาพูดว่ากัซไม่มีแนวเพลงเป็นของตัวเองอีกแล้วนะคะ เพราะถ้าพูดแบบนั้นแสดงว่าไม่เคยฟังเพลงในอัลบั้มที่กัซแต่งแน่ๆ


6) เลข 7 ยังมีบทบาทในคอนเซ็ปต์สีอัลบั้มด้วย โค้ดสีหลักของอัลบั้ม 823543 หรือชื่อสี Camelot (ม่วงอมแดง) ได้มาจากการคำนวณเลข 7 ยกกำลัง 7 (823543 บวกกันจนเหลือเลขหลักเดียวก็จะเท่ากับ 7)  อีกทั้งโทนสีของมิวสิควิดีโอก็เป็นชุดสีที่เข้ากันกับเฉดหลักนี้ทั้งสิ้น เรื่องโทนสีนี่เราคงต้องยกความดีความชอบให้ฝ่ายออกแบบและกำกับศิลป์นะคะ ถือว่าโปรดักชั่นนี้คิดมาอย่างละเอียดทีเดียว (เดี๋ยวจะไปเทียบเฉดสีในหัวข้อเอ็มวีนะคะ)

มีการนำชุดสีมาใช้อย่างคุ้มค่า ตั้งแต่ในเลย์เอ้าท์ ของ Schedule Announcement, Tracklist, ดิสเพลย์ทวิตเตอร์ของ GOT7 Official, แสงสีในเอ็มวี, สีสันเสื้อผ้าในอัลบั้มแจ็กเก็ตและเสื้อผ้าที่ใช้โชว์บนสเตจ รวมทั้งธีมของอัลบั้ม 2 เวอร์ชั่น ได้แก่ Magic Hour (ม่วงอมชมพู) และ Golden Hour (ส้มอมทอง) ทั้งสองโทนล้วนหมายถึงสีของท้องฟ้าในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นหรือกำลังตก ซึ่งทำให้ท้องฟ้ามีสีสันสวยงาม ไม่ต้องพูดถึงว่าสอดคล้องกับเนื้อหาในคอรัสของเพลงไตเติ้ลว่า “It’s a beautiful sky…”

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ขอเสริมอีกนิดค่ะ อันนี้เป็นการตีความของเราเองจากที่เห็นเฉดสี Camelot ซึ่งเป็นสีม่วงที่เกี่ยวข้องกับตำนานอัศวิน ซึ่งตำนานเทือกนี้มักจะอยู่ในยุคมืด (dark age) ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวลึกลับอาถรรพ์เวทมนตร์ อันจะตรงข้ามกับยุคทอง (golden age) ที่มีความสุนทรีย์มากกว่า ความหมายของสีนี้ไปสอดคล้องกับท่อนแร็พของแจ็คสันในเพลง You Are ที่ว่า  “ชีกึม เน คีบุน like before the sun up” (ตอนนี้อารมณ์ของผมเหมือนก่อนพระอาทิตย์ขึ้น) เป็นการสื่อสารอารมณ์มืดมน อึดอัด หดหู่ ฯลฯ ก่อนที่จะพบท้องฟ้าอันสวยงามในท่อนคอรัส ซึ่งก็เป็นความคิดแบบสากลของมนุษย์ที่มักจะเปรียบความทุกข์กับเวลากลางคืนและเปรียบความสุขกับเวลากลางวัน คือเราว่าพอดูรายละเอียดอัลบั้ม ฟังเพลง ดูเนื้อหาในเพลง พร้อมกับดูเอ็มวีหรือการแสดงบนเวทีไปด้วย มันให้จินตภาพอารมณ์ความรู้สึกประสานกัน รู้สึกว่าเขาพยายามบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ผ่านทุกองค์ประกอบจริงๆ

การคุมโทนความหมายของแสงสีทำให้อัลบั้มมีเอกภาพ ไม่ใช่แค่เนื้อหาเพลงหรือเอ็มวี แต่เชื่อมโยงกันทั้งโปรดักชั่น ในส่วนนี้เราว่าเจวายพีทำได้ดีมาก เราอยากให้อัลบั้มต่อไปก็คิดเรื่องโทนสีที่น่าสนใจแบบนี้อีก คือไม่ใช่แค่ทำตามเทรนด์แต่ยังแฝงความหมายที่ลึกซึ้งเอาไว้ เราว่าสนุกดีค่ะ ติดตามศิลปินแล้วยังได้ค้นคว้าหาข้อมูลความรู้รอบตัวอีก


7) นอกจากอัลบั้ม <7 for 7> ตั้งใจสื่อสารเรื่องราวความเป็นมาของวง ให้รู้ว่ากัซเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างไรบ้าง จนถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันว่าจะมีกัน 7 คน จะอยู่เพื่อทั้ง 7 คน เป็น GOT7 for GOT7 ต่อไป อีกแง่หนึ่งคอนเซ็ปต์ก็คงตั้งใจสื่อสารถึงแฟนคลับที่สนับสนุนและรอคอยมาตลอด ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จมากหรือน้อยเพียงใด การมีคนอยู่เคียงข้างก็ย่อมสร้างความอบอุ่นในหัวใจเสมอ พวกเขาจะเป็น GOT7 for IGOT7 เหมือนที่เจบีตั้งชื่อ official instagram ของวงว่า got7.with.igot7 นั่นเอง ทั้งกัซและอากาเซ่มีเลข 7 แฝงอยู่ในนั้น ต่างเป็นกำลังใจให้กันในวันที่ยากลำบาก ถ้าไม่อยู่เพื่อกันแล้วจะอยู่เพื่อใคร ถูกไหมคะ

ในจุดที่หวั่นไหวและหวาดกลัวที่สุด การรับรู้ว่ายังมีคนเข้าใจและคอยเป็นกำลังใจให้ นั่นคือพลังที่จะทำให้ก้าวต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ กล้าที่จะเติบโตแม้อาจเจ็บปวด แม้จะมีคำดูถูกเหยียดหยันหรือความผิดหวัง แต่แล้วยังไงล่ะ พยายามใหม่ก็ได้นี่ เราไม่จำเป็นต้องโฟกัสคนที่ไม่แคร์เรานี่นา กัซให้ความสำคัญกับคนที่เขารักและรักเขาก่อนเสมอ เราก็หวังว่าอากาเซ่จะให้ความสำคัญกับกัซก่อน "คนอื่น" เช่นกันนะคะ


สรุปคือ คอนเซ็ปต์อัลบั้ม <7 for 7> คนที่เพิ่งมาตามกัซใหม่ๆ ก็อาจจะงงหน่อย แบบมาเจ็ดเพื่อเจ็ดอะไรล่ะ แต่สำหรับคนที่ติดตามมานานก็น่าจะเข้าใจได้ โดยเฉพาะคนที่ตามมาหลายปีน่าจะอินทีเดียว เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของอัลบั้มไปด้วย เราว่าความสนุกอยู่ตรงนี้แหละค่ะ อยู่ตรงที่ได้เห็นรายละเอียดที่ยังเหมือนเดิมและที่แตกต่างจากเดิม หลายอย่างเมื่อลองเอาไปเทียบกันก็จะยิ่งเห็นความสำคัญของแต่ละช่วงเวลา ซึ่งช่วงเวลานั้นเป็นสิ่งที่จะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้อีกแล้ว สำหรับแฟนคลับที่เพิ่งติดตามก็คงต้องบอกว่ากัซไม่เคยหยุดนิ่ง ถ้าคิดจะตามแล้วล่ะก็...ต้องตามให้ทันนะคะ 5555555

-------

หัวข้อถัดไปต่อที่คอมเม้นต์นะคะ ช้าหน่อยอย่าว่ากันน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่