คัดลอกจากเพจ Tales of the Tapes ของกระผมเองครับ
Album Review: Liam Gallagher - As You Were
กราบสวัสดีท่านผู้อ่าน Tales of the Tapes อีกครั้ง ขออภัยที่หายหน้าหายตาไปนาน
ต่อไปนี้ หลังจากกระผมได้สมัครบริการ streaming อย่างเป็นทางการแล้ว
หวังว่าคงมีโอกาสได้ฟังเพลงมากขึ้น และมีเรื่องมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังมากขึ้น
แม้ว่าภาระหน้าที่งานประจำจะรัดตัวเพียงใดก็ตาม
เนื่องด้วยโอกาสที่ลูกพี่ Liam Gallagher มีผลงานใหม่ออกมาครั้ง
พร้อมทั้งจะมาพบกับพวกเราชาวไทยในวันที่ 12 มกราคม ศกหน้า
จึงเป็นโอกาสดีที่กระผมจะฟังผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของลูกพี่แล้วนำมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านทุกท่าน
อันดับแรก: ลูกพี่กลับมาแล้วโว้ยยยยยยย!!!!!!!!!!
ต้องบอกก่อนว่าเสียงร้องของลูกพี่เลียมในตอนนี้ดีขึ้นจากช่วงหลัง ๆ มามาก
ทั้งในสตูดิโอและการแสดงสด หวังว่าลูกพี่จะดูแลตัวเองและรักษาเส้นเสียงไว้ให้ดีไว้ได้นาน ๆ นะครับ
สำหรับ As You Were ผลงานโซโล่อัลบั้มอย่างเป็นทางการชุดแรกของลูกพี่เลียม
โดยรวมส่วนตัวผมชอบครึ่ง เฉย ๆ ครึ่ง ความรู้สึกรวม ๆ จึงออกไปทางชอบแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ
อัลบั้มชุดนี้ลูกพี่เลียมใช้บริการของ hitmakers แถวหน้าในวงการเพลงพ็อป
นำโดย Greg Kurstin ที่เคยร่วมงานกับ Adele และ Sia มาแล้ว ในการช่วยรังสรรค์บทเพลงในอัลบั้มนี้
ภาคดนตรี อัลบั้มนี้มาในแนวทางของดนตรีพ็อปร็อกสไตล์อังกฤษแท้ ๆ
โดยสัมผัสได้ถึงอิทธิพลทางดนตรี
จาก The Beatles, Rolling Stones, T-Rex, David Bowie และแน่นอน Oasis
อัลบั้มเปิดหัวมาได้แข็งแรงมาก นำโดยแทร็กแรกและซิงเกิลนำของอัลบั้ม Wall of Glass
โดดเด่นด้วยเสียงฮาร์มอนิกากระหึ่ม ๆ กีตาร์แสบกำลังดี และภาคจังหวะเบสและกลองที่แน่นมาก
เมโลดี้ติดหู delivery ของลูกพี่เลียมเปี่ยมไปด้วย swagger ราวกับตอนที่ร้อง Supersonic เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ครึ่งแรกของอัลบั้มทำได้ค่อนข้างดี มี Bold แทร็กที่ 2 เพลงจังหวะกลางเท่ ๆ
แทร็กที่ 3 Greedy Soul เป็นเพลงที่มีจังหวะชวนขยับขึ้นมาหน่อย เป็นเพลงสไตล์ประกาศศักดาตามสไตล์ลูกพี่เลียม
ตามด้วยบัลลาดเพราะ ๆ สองเพลง
ได้แก่ Paper Crown แทร็กที่ 4 บัลลาดในสไตล์บีเทิลส์ผสมโบวี่ที่น่าจะเศร้าที่สุดในอัลบั้ม เมโลดี้เพราะมาก
และแทร็กที่ 5 For What It's Worth เพลงที่มีกลิ่นอาย Oasis ชัดเจนที่สุดในอัลบั้ม
เป็นเพลงแทนคำขอโทษที่จริงใจจากลูกพี่เลียม ซึ้งกำลังดีไม่น้ำเน่าเกินไปนัก
ทว่าหลังจากจุดนี้เป็นต้นไป ผมรู้สึกว่าระดับความชอบดรอปลงค่อนข้างมาก
ไม่ค่อยมีเพลงที่น่าจดจำเท่าไรนัก
ให้ความรู้สึกคล้ายอัลบั้มของ Oasis ช่วง Heathen Chemistry / Don't Believe The Truth
ที่น่าผิดหวังที่สุดน่าจะเป็น Chinatown แทร็กที่ 9 ซิงเกิลโปรโมตลำดับที่สองของอัลบั้ม
ที่มีแววว่าจะเป็นเพลงที่ดี แต่ด้วยเนื้อเพลงตลก ๆ บวกกับเมโลดี้ที่ค่อนข้างน่าเบื่อ ทำให้กลายเป็นจุดอ่อนของอัลบั้มชุดนี้ไปเลย
สรุปรวม ๆ อีกครั้ง สำหรับงานเดี่ยวชุดแรกของลูกพี่เลียม โดยรวมถือว่าสอบผ่าน
ครึ่งแรกของอัลบั้มแข็งแรงมาก แต่น่าเสียดายที่มาแผ่วในครึ่งหลัง
อย่างไรก็ตาม เราก็ยังรู้สึกดีที่ลูกพี่ของเรายังมีแรง มีไฟ
และมีเสียงร้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ รวมถึงยังเป็นบุคคลที่มีสีสันไม่เปลี่ยนแปลง
และหากจะให้พูดตามตรง นี่น่าจะเป็นผลงานของอดีตสมาชิก Oasis ที่ผมชอบที่สุด
ในบรรดาผลงานที่ออกมาหลังจากแยกวงกันไป
หวังว่าต้นปีหน้าคงมีโอกาสได้พบกันนะลูกพี่นะ
https://open.spotify.com/album/2V3WS9tlPYmscBNWHHYu9X
[CR] Album Review: Liam Gallagher - As You Were
Album Review: Liam Gallagher - As You Were
กราบสวัสดีท่านผู้อ่าน Tales of the Tapes อีกครั้ง ขออภัยที่หายหน้าหายตาไปนาน
ต่อไปนี้ หลังจากกระผมได้สมัครบริการ streaming อย่างเป็นทางการแล้ว
หวังว่าคงมีโอกาสได้ฟังเพลงมากขึ้น และมีเรื่องมาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังมากขึ้น
แม้ว่าภาระหน้าที่งานประจำจะรัดตัวเพียงใดก็ตาม
เนื่องด้วยโอกาสที่ลูกพี่ Liam Gallagher มีผลงานใหม่ออกมาครั้ง
พร้อมทั้งจะมาพบกับพวกเราชาวไทยในวันที่ 12 มกราคม ศกหน้า
จึงเป็นโอกาสดีที่กระผมจะฟังผลงานอัลบั้มเดี่ยวชุดแรกของลูกพี่แล้วนำมาเล่าสู่ท่านผู้อ่านทุกท่าน
อันดับแรก: ลูกพี่กลับมาแล้วโว้ยยยยยยย!!!!!!!!!!
ต้องบอกก่อนว่าเสียงร้องของลูกพี่เลียมในตอนนี้ดีขึ้นจากช่วงหลัง ๆ มามาก
ทั้งในสตูดิโอและการแสดงสด หวังว่าลูกพี่จะดูแลตัวเองและรักษาเส้นเสียงไว้ให้ดีไว้ได้นาน ๆ นะครับ
สำหรับ As You Were ผลงานโซโล่อัลบั้มอย่างเป็นทางการชุดแรกของลูกพี่เลียม
โดยรวมส่วนตัวผมชอบครึ่ง เฉย ๆ ครึ่ง ความรู้สึกรวม ๆ จึงออกไปทางชอบแบบครึ่ง ๆ กลาง ๆ
อัลบั้มชุดนี้ลูกพี่เลียมใช้บริการของ hitmakers แถวหน้าในวงการเพลงพ็อป
นำโดย Greg Kurstin ที่เคยร่วมงานกับ Adele และ Sia มาแล้ว ในการช่วยรังสรรค์บทเพลงในอัลบั้มนี้
ภาคดนตรี อัลบั้มนี้มาในแนวทางของดนตรีพ็อปร็อกสไตล์อังกฤษแท้ ๆ
โดยสัมผัสได้ถึงอิทธิพลทางดนตรี
จาก The Beatles, Rolling Stones, T-Rex, David Bowie และแน่นอน Oasis
อัลบั้มเปิดหัวมาได้แข็งแรงมาก นำโดยแทร็กแรกและซิงเกิลนำของอัลบั้ม Wall of Glass
โดดเด่นด้วยเสียงฮาร์มอนิกากระหึ่ม ๆ กีตาร์แสบกำลังดี และภาคจังหวะเบสและกลองที่แน่นมาก
เมโลดี้ติดหู delivery ของลูกพี่เลียมเปี่ยมไปด้วย swagger ราวกับตอนที่ร้อง Supersonic เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว
ครึ่งแรกของอัลบั้มทำได้ค่อนข้างดี มี Bold แทร็กที่ 2 เพลงจังหวะกลางเท่ ๆ
แทร็กที่ 3 Greedy Soul เป็นเพลงที่มีจังหวะชวนขยับขึ้นมาหน่อย เป็นเพลงสไตล์ประกาศศักดาตามสไตล์ลูกพี่เลียม
ตามด้วยบัลลาดเพราะ ๆ สองเพลง
ได้แก่ Paper Crown แทร็กที่ 4 บัลลาดในสไตล์บีเทิลส์ผสมโบวี่ที่น่าจะเศร้าที่สุดในอัลบั้ม เมโลดี้เพราะมาก
และแทร็กที่ 5 For What It's Worth เพลงที่มีกลิ่นอาย Oasis ชัดเจนที่สุดในอัลบั้ม
เป็นเพลงแทนคำขอโทษที่จริงใจจากลูกพี่เลียม ซึ้งกำลังดีไม่น้ำเน่าเกินไปนัก
ทว่าหลังจากจุดนี้เป็นต้นไป ผมรู้สึกว่าระดับความชอบดรอปลงค่อนข้างมาก
ไม่ค่อยมีเพลงที่น่าจดจำเท่าไรนัก
ให้ความรู้สึกคล้ายอัลบั้มของ Oasis ช่วง Heathen Chemistry / Don't Believe The Truth
ที่น่าผิดหวังที่สุดน่าจะเป็น Chinatown แทร็กที่ 9 ซิงเกิลโปรโมตลำดับที่สองของอัลบั้ม
ที่มีแววว่าจะเป็นเพลงที่ดี แต่ด้วยเนื้อเพลงตลก ๆ บวกกับเมโลดี้ที่ค่อนข้างน่าเบื่อ ทำให้กลายเป็นจุดอ่อนของอัลบั้มชุดนี้ไปเลย
สรุปรวม ๆ อีกครั้ง สำหรับงานเดี่ยวชุดแรกของลูกพี่เลียม โดยรวมถือว่าสอบผ่าน
ครึ่งแรกของอัลบั้มแข็งแรงมาก แต่น่าเสียดายที่มาแผ่วในครึ่งหลัง
อย่างไรก็ตาม เราก็ยังรู้สึกดีที่ลูกพี่ของเรายังมีแรง มีไฟ
และมีเสียงร้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษ รวมถึงยังเป็นบุคคลที่มีสีสันไม่เปลี่ยนแปลง
และหากจะให้พูดตามตรง นี่น่าจะเป็นผลงานของอดีตสมาชิก Oasis ที่ผมชอบที่สุด
ในบรรดาผลงานที่ออกมาหลังจากแยกวงกันไป
หวังว่าต้นปีหน้าคงมีโอกาสได้พบกันนะลูกพี่นะ
https://open.spotify.com/album/2V3WS9tlPYmscBNWHHYu9X