เที่ยวสเปนตอนที่ 2 พาชม Roman Aqueduct of Segovia เมืองเซโกเวีย Spain

สถานที่ต่อไปที่จะพาเพื่อน ๆ ไปชมกันก็คือ Roman Aqueduct of Segovia หรือ สะพานส่งน้ำโรมัน พวกเรายังพักอยู่ที่กรุงมาดริด เพื่อนจึงทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาพวกเราเที่ยว จาก Madrid ขับรถขึ้นไปทางตอนเหนือ มุ่งหน้าไปยังเมือง Segovia ใช้เวลาประมาณ 1ชม. ก็มาถึง Roman Aqueduct สะพานน้ำแห่งนี้มีอายุมากกว่า 2,000 ปี สมัยที่โรมันเข้าปกครองประเทศสเปน

เมืองเซโกเบีย เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ได้แก่ มหาวิหาร สะพานส่งน้ำโรมัน มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางจากกรุงมาดริดมาเที่ยวที่เมืองนี้ เนื่องจากมีระยะทางไม่ไกลมากนัก สามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียว นอกจากนั้นยังมีปราสาทและโบสถ์หลายแห่งที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ เช่น ซานเอสเตบัน ซานมาร์ติน และซานมียาน เขตเมืองเก่าล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศวรรษที่ 15 ปัจจุบันเป็นแหล่งมรดกโลกตามการประกาศจากองค์กรยูเนสโก

Roman Aqueduct หรือ สะพานส่งน้ำโรมันนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้มากที่สุด สร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 โดยชาวโรมันขณะที่กำลังขยายอำนาจในคาบสมุทไซบีเรีย เพื่อนำน้ำจากแม่น้ำฟรีโอ (Río Frío) ซึ่งห่างออกไปประมาณ 18 กิโลเมตร เข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งต้องยกระดับตัวสะพานขึ้นในช่วง 1 กิโลเมตรสุดท้ายจากภูเขากวาดาร์รามา ถึงกำแพงเมืองเก่า

มหาวิหารเซโกเบีย ตั้งอยู่ในจัตุรัสกลางเมือง ออกแบบโดยสถาปนิก ควน คิล เด ออนตาญอง (Juan Gil de Hontañón) สร้างในแบบกอทิกตอนปลายระหว่างปี ค.ศ 1552-1577 (พ.ศ. 2095 - 2120) เป็นสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ เนื่องจากสถานที่ที่สำคัญและมีชื่อเสียงเหล่านี้เอง เซโกเบียจึงเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งในประเทศสเปน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแบบไป-กลับจากมาดริดภายในวันเดียว

หลังจากพักทานมื้อเที่ยงที่เมือง Segovia เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนได้ขับรถผ่านเทือกเขาสูงใหญ่มุ่งตรงไปยังเมืองเล็ก ๆ ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็มาถึง La Granja de San Ildefonso Palace

ตรงทางเข้า มีต้นไม้ยักษ์ หรือ Giant Sequoia ต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 140 ปี และเชื่อว่าต้นไม้ชนิดนี้จะมีอายุยืนยาวกว่า 3,400 ปี ถ้าไม่ล้มไปซะก่อน

La Granja de San Ildefonso Palace ที่สร้างขึ้นในสมัยต้นศตวรรษที่ 18 ในเมืองเล็ก ๆ ของ San Ildefonso บนเทือกเขาใกล้กับเมือง Segovia ห่างจากกรุงมาดริดไปทางตอนเหนือ ประมาณ 80 กิโลเมตร เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงค์สเปน ช่วงพระเจ้าฟิลิปที่ 5

ภายในพระราชวังจะรายล้อมไปด้วยสวนขนาดใหญ่กว่า 6.1 ตารางกิโลเมตร สวนรอบ ๆ พระราชวังในขณะนั้น เรียกได้ว่าเป็นสวนต้นแบบที่สวยที่สุด โดยการออกแบบตามสไตร์สวนยุโรปของนักออกแบบชาวฝรั่งเศส


และประติมากรรมน้ำพุขนาดใหญ่หลายแห่ง ปัจจุบันได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี

ช่วงที่ไปเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ก็มีต้นไม้บางชนิดที่เริ่มเปลี่ยนสีให้เห็นแล้ว
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน จะไปไหนต่อต้องรอติดตามชมนะคะ
[CR] พาชม Roman Aqueduct of Segovia ประเทศสเปน หรือ สะพานส่งน้ำโรมัน อีกหนึ่งมรดกโลกจากยูเนสโก
สถานที่ต่อไปที่จะพาเพื่อน ๆ ไปชมกันก็คือ Roman Aqueduct of Segovia หรือ สะพานส่งน้ำโรมัน พวกเรายังพักอยู่ที่กรุงมาดริด เพื่อนจึงทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาพวกเราเที่ยว จาก Madrid ขับรถขึ้นไปทางตอนเหนือ มุ่งหน้าไปยังเมือง Segovia ใช้เวลาประมาณ 1ชม. ก็มาถึง Roman Aqueduct สะพานน้ำแห่งนี้มีอายุมากกว่า 2,000 ปี สมัยที่โรมันเข้าปกครองประเทศสเปน
เมืองเซโกเบีย เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญมากมาย ได้แก่ มหาวิหาร สะพานส่งน้ำโรมัน มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางจากกรุงมาดริดมาเที่ยวที่เมืองนี้ เนื่องจากมีระยะทางไม่ไกลมากนัก สามารถเดินทางไปกลับได้ภายในวันเดียว นอกจากนั้นยังมีปราสาทและโบสถ์หลายแห่งที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ เช่น ซานเอสเตบัน ซานมาร์ติน และซานมียาน เขตเมืองเก่าล้อมรอบด้วยกำแพงที่สร้างขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 8 และได้รับการบูรณะในระหว่างคริสต์ศวรรษที่ 15 ปัจจุบันเป็นแหล่งมรดกโลกตามการประกาศจากองค์กรยูเนสโก
Roman Aqueduct หรือ สะพานส่งน้ำโรมันนี้ เป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้มากที่สุด สร้างขึ้นในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 1 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 2 โดยชาวโรมันขณะที่กำลังขยายอำนาจในคาบสมุทไซบีเรีย เพื่อนำน้ำจากแม่น้ำฟรีโอ (Río Frío) ซึ่งห่างออกไปประมาณ 18 กิโลเมตร เข้าสู่ตัวเมือง ซึ่งต้องยกระดับตัวสะพานขึ้นในช่วง 1 กิโลเมตรสุดท้ายจากภูเขากวาดาร์รามา ถึงกำแพงเมืองเก่า
มหาวิหารเซโกเบีย ตั้งอยู่ในจัตุรัสกลางเมือง ออกแบบโดยสถาปนิก ควน คิล เด ออนตาญอง (Juan Gil de Hontañón) สร้างในแบบกอทิกตอนปลายระหว่างปี ค.ศ 1552-1577 (พ.ศ. 2095 - 2120) เป็นสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ เนื่องจากสถานที่ที่สำคัญและมีชื่อเสียงเหล่านี้เอง เซโกเบียจึงเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากแห่งหนึ่งในประเทศสเปน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวแบบไป-กลับจากมาดริดภายในวันเดียว
หลังจากพักทานมื้อเที่ยงที่เมือง Segovia เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนได้ขับรถผ่านเทือกเขาสูงใหญ่มุ่งตรงไปยังเมืองเล็ก ๆ ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็มาถึง La Granja de San Ildefonso Palace
ตรงทางเข้า มีต้นไม้ยักษ์ หรือ Giant Sequoia ต้นไม้ที่มีอายุมากกว่า 140 ปี และเชื่อว่าต้นไม้ชนิดนี้จะมีอายุยืนยาวกว่า 3,400 ปี ถ้าไม่ล้มไปซะก่อน
La Granja de San Ildefonso Palace ที่สร้างขึ้นในสมัยต้นศตวรรษที่ 18 ในเมืองเล็ก ๆ ของ San Ildefonso บนเทือกเขาใกล้กับเมือง Segovia ห่างจากกรุงมาดริดไปทางตอนเหนือ ประมาณ 80 กิโลเมตร เป็นพระราชวังฤดูร้อนของราชวงค์สเปน ช่วงพระเจ้าฟิลิปที่ 5
ภายในพระราชวังจะรายล้อมไปด้วยสวนขนาดใหญ่กว่า 6.1 ตารางกิโลเมตร สวนรอบ ๆ พระราชวังในขณะนั้น เรียกได้ว่าเป็นสวนต้นแบบที่สวยที่สุด โดยการออกแบบตามสไตร์สวนยุโรปของนักออกแบบชาวฝรั่งเศส
และประติมากรรมน้ำพุขนาดใหญ่หลายแห่ง ปัจจุบันได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี
ช่วงที่ไปเป็นช่วงฤดูร้อน แต่ก็มีต้นไม้บางชนิดที่เริ่มเปลี่ยนสีให้เห็นแล้ว
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน จะไปไหนต่อต้องรอติดตามชมนะคะ