สวัสดีค่ะ วันนี้เราสมัครพันทิปมาเพื่อเล่าประสบการณ์ที่เราเจอให้ฟังค่ะ 😊
บอกก่อนเลยนะคะว่าเรื่องนี้เราไม่ได้อยากจะพาดพิงถึงใครหรือประจานใคร แต่อยากเล่าในสิ่งที่เจอมากับตัวและอยากจะเตือนเพื่อนๆ เราเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ภาคเหนือ เราคบกับแฟนตั้งแต่เป็นนักเรียนตำรวจปีที่3 เราสองคนอายุห่างกัน1 ปีค่ะ ชีวิตช่วงที่คบกันแรกๆดีมากค่ะ เจอกันทุกเดือน ส่วนมากเราจะเป็นคนลงมาหาที่กรุงเทพฯเพราะเราสองคนจะขับรถไปเที่ยวต่อ บางครั้งก็ไปราชบุรี ไปนครนายก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเลย แฟนเราก็พาไปเจอกลุ่มเพื่อนๆ พาไปออกงานบ้าง พอคบกันมาได้ปีกว่า มันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น คือ”เราท้อง ก่อนหน้านั้นเรากับแฟนเริ่มห่างกันเพราะตอนนั้นเขาบอกว่างานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลา ทีแรกเราตัดสินใจไม่บอกแฟนเราเนื่องจากเราคิดว่า เราก็อยากให้เขาไปเจอคนดีๆ ที่ตอนนั้นมีความคิดแบบนี้เพราะว่าเขาดูเปลี่ยนไป เราสองคนไม่มีรหัสเฟสบุคของกันและกัน เราสองคนแทบจะไม่ค่อยได้คุยกันเนื่องจากเราคิดว่าโตๆกันแล้วเนอะ คงไม่ต้องไปตามหึงหวงอะไร แค่รู้ว่าอีกคนทำอะไรที่ไหนก็พอ เราปล่อยให้เขามีอิสระเต็มที่นะเพราะเราคิดว่าเขาคงจะอึดอัดถ้าเราทำแบบนั้น ก็อยู่ด้วยความเชื่อใจค่ะ หลังจากนั้นเราแอบเห็นเขาคุยคนอื่นในเฟสบุคและในไลน์ค่ะ เราคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่พอมาเห็นบทสนทนาของเขากับผู้หญิงคนอื่น เราคิดว่ามันคงมีอะไรแน่ๆ เราเลยคิดว่าจะถอยออกมาเลี้ยงลูกคนเดียวก็ได้ เราปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็แนะนำให้บอกแฟนไปเหอะ จะได้ช่วยกันหาทางออก วันนั้นเราตัดสินใจบอกแฟนเพราะเขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ ส่วนทางออกเดี๋ยวเราไว้ตกลงกันอีกที เราก็รักลูกเรานะ ถ้าเราจะต้องเลี้ยงเขาคนเดียวเราก็จะทำ เพราะชีวิตเราไม่เคยทำลายใคร เราช่วยชีวิตคนอื่นมาตลอด ถึงแม้ว่าลูกเราจะไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร เราเป็นได้ทั้งพ่อและแม่
..เราตัดสินใจบอกแฟนเราหลังจากเราท้องได้สองเดือน เขาก็รับรู้นะ เขาก็ปลอบใจแล้วบอกว่าเดี๋ยวเรามาหาทางออกด้วยกันเนอะ เขาก็บอกให้เราไปฝากครรภ์ที่ รพ.ที่ทำงาน ส่วนตัวเรายอมรับนะว่าไม่กล้า เนื่องจากคิดว่า รอให้อะไรมันลงตัวกว่านี้ ตัดสินใจคุยกับแฟนว่าเราจะเอายังไงต่อไป แฟนเราบอกว่า “ก็อยู่กันแบบนี้แหละ” เราอึ้งกับคำพูดที่เขาตอบมานะ อยู่กันแบบนี้คือยังไง หมายความว่าจะอยู่กันไปแบบนี้โดยที่ไม่มารับผิดชอบอะไร ไม่มาคุยกับพ่อแม่ ในใจเราคิดนะ เราไม่ต้องการพิธีอะไรมากมาย แค่ผู้ใหญ่คุยกันก็พอ เราก็คิดว่าอีกหน่อยถ้าเราสองคนพร้อมค่อยแต่ง (ปล.ตอนนี้คือตอนที่แฟนเราเรียนจบรอเลือกตำแหน่ง ส่วนเราพึ่งทำงานได้ 1 ปี) เราก็ถามเขากลับไปใหม่ คำตอบที่ได้กลับมาคือ เขาขอเวลาคิดก่อน พอผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เราก็คุยกันบ้างเป็นปกติ วันหนึ่งเขากลับบ้าน จู่ๆเขาก็มีคำถามในใจว่าเราต้องการไปจับเขารึป่าว เขาเกิดสงสัยในตัวเรา เรายอมรับนะว่าฐานะที่บ้านเราไม่เท่าเขา แต่ย้อนกลับไปมองถึงความสัมพันธ์ของเราสองคน เขาเป็นคนเข้ามาจีบเราก่อน เราบินมาหาทุกครั้งเราไม่เคยขอตังค์เขาซื้อตั๋วเลย เวลาเขาไม่มีเงินจ่ายค่าหอเราก็ให้ยืม ไม่มีเงินไปทำฟันเราก็ให้ยืมนะ ให้ยืมทีละหมื่น ถามว่าเราโง่มั้ย เราขอตอบว่าเราหาเงินเองได้ และถ้าเงินนี้มันสามารถทำให้เรารู้ถึงนิสัยอีกคนนึงเป็นยังไง เราไม่เสียดายค่ะ แต่เขาก็คืนนะคะ เราไม่เคยขอเงินเขาเลยสักครั้งนึง แล้วทำไมเขาถึงมีความคิดแบบนี้ พอเราถามกลับไปก็รู้มาว่าทางครอบครัวเขาไม่อยากให้เราคบกัน เราไม่รู้นะว่าเพราะอะไร แต่ฝ่ายครอบครัวเขาแทบจะเกลียดเราเลยแหละ เราไม่เคยไปเจอครอบครัวเขานะ เราตกใจมากที่เขามีความคิดแบบนี้กับเรา เราคุยถึงเหตุและผล เขาก็พูดกลับมาว่าเข้าใจแล้ว เหตุการณ์นี้มันทำให้สิ่งที่เราคิดมันชัดขึ้น คือเราจะเลี้ยงลูกคนเดียว พอเวลาผ่านไปเดือนนึง เขาหายไป เราเครียดมากค่ะ พ่อแม่เราคงจะเสียใจนะที่ลูกทำพลาดไปแต่เราก็คิดว่ายังไงพ่อกับแม่ก็จะอยู่ข้างๆเราไม่ทิ้งเราไปไหน เราเสียใจที่ทำลายชื่อเสียงของครอบครัว เราเลือดไหลออกทางช่องคลอด ไปหาหมอ หมอบอกว่าเรามีภาวะแท้งคุกคาม ต้องพามาตรวจเลือด ฝากครรภ์ พาแฟนมาด้วย เราก็โทรไปคุยกับเขา ระหว่างที่เราเครียด เขาไปเที่ยวกับเพื่อนตลอดเลยค่ะ ในตอนนั้นเราเคยคิดว่าเราจะเป็นกำลังใจของเรา เป็นเพื่อนคุย คอยปลอบใจ สิ่งเหล่านี้ที่เคยคิดไว้หายไปหมดเลย แม้แต่เวลาคุยโทรศัพท์กับเราเขาแทบจะไม่มีให้ เราสองคนเข้าขั้นทะเลาะกันเลยแหละ เราเริ่มไม่พอใจในการกระทำของเขา เขาก็บอกให้มาหาที่กรุงเทพฯค่ะ จะได้มาคุยกัน
...พอเรามากรุงเทพฯ เราสองคนคุยตอนอยู่ด้วยกันก็เหมือนจะดีค่ะ เราตกลงกันว่าจะย้ายมาอยู่กรุงเทพ รอให้เขาบวชเสร็จเราสองคนจะบอกครอบครัว แต่เรามาแอบเห็นแชทที่เขาคุยกับแม่ แล้ววันนั้นแม่เขาก็โทรมาบอกให้กลับบ้านด่วนเพราะเขาบอกแม่ว่าอยู่กับแฟน เขาตอบกลับไปว่าเขามีงาน เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ มีประโยคนึงที่เราได้ยิน แม่พูดว่า “แม่จะไม่ให้อะไรลูกเลย แล้วจะดูว่าผู้หญิงคนนี้จะยังอยู่กับลูกมั้ย” เราตกใจและเครียดมากกกกก เครียดทั้งเรื่องนิสัยเขาที่เปลี่ยนไปและเครียดเรื่องที่บ้านเขา เรื่องครอบครัวฝ่ายเรา ก่อนหน้าเราจะกลับหนึ่งวัน เราเครียดจนปวดท้องและมีเลือดไหลออกมาเยอะมาก เราไปซื้อยาแก้ปวดท้องมากิน นอนพัก อาการก็ดีขึ้นเป็นพักๆ วันที่เราจะกลับเขาก็พาเราไปเที่ยวนะ เหมือนเป็นการไปเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้าย พอเรามาถึงสนามบิน เราปวดท้องมากก จนทนไม่ไหว ไปหาหมอ หมออัลตร้าซาวด์ดู ปรากฎว่าเราแท้งลูกค่ะ เราร้องไห้ เราปวดท้อง เราเสียใจมากค่ะ ตอนนั้นเราไม่กล้าบอกที่บ้านค่ะ กลัวที่บ้านเป็นห่วง เราโทรไปคุยกับแฟน แฟนเราไม่รับโทรสับ พอรับก็บอกว่าดูแลตัวเองนะ ตอนนี้ไม่ว่างคุยนัดเพื่อนไว้ไปงานวันเกิด นานๆจะเจอที เรานี่เสียใจมากไปอีก คิดว่าตัวเองเลือกคนผิด เสียใจมาก ร้องไห้นะ แต่เราก็คิดว่าถึงเวลาที่เราต้องเข้มแข็ง ดูแลตัวเอง เราเลือดไหลไม่หยุดค่ะ หมอบอกว่าเราต้องเข้าห้องผ่าตัดเพื่อขูดมดลูกค่ะ วินาทีนั้นเรารู้สึกโดดเดี่ยวมาก เราโทรไปบอกเขาเพื่อให้เขาบินมาหาเรา เราต้องการกำลังใจ อยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆ มันคงจะดีมากถ้าตอนนี้เรามีเขาอยู่ข้างๆ แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ ไม่ว่าง

...วินาทีที่เราเข้าห้องผ่าตัด เราร้องไห้ คิดว่าทำไมเขาถึงใจร้ายกับเรามากๆ ความรัก ความรู้สึกดีๆที่เราเคยมีให้กันมันหายไปหมดเลย ได้แต่บอกตัวเอง เราต้องสู้ๆ ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปเราจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น พอเริ่มรู้สึกตัว วินาทีที่เราตื่นขึ้นมา เรารู้สึกแย่มาก เราท้อใจ เกิดคำถามขึ้นในใจว่าทำไม ทำไม ทำไม เรารู้สึกปวดท้อง ปวดหัว เราจำได้ว่าตอนนั้นหิวน้ำมาก แต่ไม่มีแรงแม้แต่จะหยิบน้ำมาดื่ม พออาการดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาลมานอนพักที่แฟลตที่ทำงาน ก็พอเห็นว่าเขาโทรมาบ้างนะ ช่วงแรกๆเขาก็ถามนะว่าเป็นยังไงบ้าง สู้ๆนะ ความรู้สึกเราพัง ทุกอย่างหมดลง เราคิดนะว่าเรามองคนผิดไปได้ขนาดนี้เชียว หลังจากออกโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ของเราเริ่มห่างไปเรื่อยๆ เขาเย็นชามากกว่าเดิม คำพูดที่เราถามกลับไปว่า เธอจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ย เขาบอกกลับมาว่า ต้องรับผิดชอบอะไรหรอ เราต้องรับผิดชอบอะไรด้วยหรอ ความคิดเรา ณ ตอนนั้น ทำไมผู้ชายคนนี้เห็นแก่ตัวเนอะที่ผ่านมา แย่มากอะ ทำไมชีวิตเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ เขาถูกสอนให้เป็นคนรับผิดชอบต่อส่วนรวมหนิ และคนที่จะทำงานแบบนี้ เราคิดว่าก็คงจะเป็นคนดี เป็นคนมีความรับผิดชอบ เราไม่ได้พาดพิงนะ แค่สงสัยเฉยๆ (ปล.คงเป็นเฉพาะตัวบุคคลค่ะ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานหรืออะไร เราเห็นเพื่อนเขาที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ เพื่อนเขาก็รับผิดชอบในการกระทำนะคะ จดทะเบียนให้มันถูกต้อง) เขาคุยกับเขาในแต่ละครั้ง ทะเลาะกันตลอดเลยค่ะ เพราะความรู้สึกเขาเปลี่ยนไปแล้ว เราเลยห่างกัน ไม่โทรไปหาเขาครึ่งเดือน เขาก็ไม่โทรมานะคะ เราก็คุยกับเพื่อนเขาบ้าง เพื่อนบอกว่าเขาไปเที่ยวทุกคืนที่ไม่ติดภาระกิจ เราก็ทำใจค่ะ เห็นเขาคุยคนอื่นทั้งในเฟสบุค ไอจี เราก็เริ่มทำใจไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเรารู้สึกอึดอัดที่มันค้างคาอยู่แบบนี้ เราตัดสินใจโทรไปคุยกับเขาค่ะ เขาก็บอกว่าการเลิกกันมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราเคยคิดว่านะว่าเราอะรู้สึกเสียศักดิ์ความเป็นผู้หญิง เราก็อับอายนะที่คนอื่น ที่ทำงานรู้ว่าเราโดนคนอื่นทำให้ท้องแล้วทิ้ง เราก็ค่อยๆทำใจมาเรื่อยๆ หลังจากที่เราบอกเลิกกับเขาได้ 4 วัน เขาพาผู้หญิงคนใหม่มาเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนแล้ว
พอเรารู้เรื่อง เพื่อนเขาก็บอกนะว่าเขาคุยเยอะ คุยหลายคน และยังไม่อยากหยุดอยู่ที่เรา เพื่อนเราอีกคนก็เจอมาแบบนี้ ในวันที่เขามีพร้อม เขาไม่สนใจคนที่ร่วมสุข ร่วมทุกข์ ร่วมลำบากมาด้วยกันหรอก และไม่มีความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น เราก็ไม่เคยเสียดายอะไร เวลา เงินทอง เป็นของนอกกายทั้งนั้น แค่เสียใจที่วันนั้นเราเลือกคนผิดไป มองคนผิดไป อยากจะเตือนเพื่อนๆนะคะ ให้เรื่องของเราเป็นประสบการณ์ เราขอย้ำอีกรอบนะคะ เราไม่ได้มาประจานใครหรือพาดพิงใคร ปค่อยากเอาประสบการณ์ที่เคยเจอสาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง ความจริงไม่ได้สวยงาม มันโหดร้ายและใจร้ายมาก ใช่ว่าหน้าที่การงานดี ถูกสอนมาดี จะเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์นะคะ ดูกันดีๆ ดูกันให้ยาวกว่านี้นะคะ
ตอนนี้เราเริ่มทำใจได้แล้วแหละค่ะ เราก็ประจำเดือนยังไม่มาเลย สองเดือนกว่าแล้ว ก็ต้องดูแลตัวเองต่อไป ให้คิดซะว่ามันเป็นกรรมของเรา เราก็เดินหน้าทำบุญค่ะ ทำชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น มีแพลนจะไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ ชีวิตมันต้องสู้
**ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
หากพิมพ์ผิด ตกหล่นหรือพาดพิงถึงใครขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ย้ำอีกครั้งนะคะไม่ได้อยากพาดพิงถึงใครหรือสถาบันอะไร แค่เอาประสบการณ์ที่เจอมาเล่าให้ฟัง และไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบเราอีก




มีมากกว่านี้แต่เน็ตช้า แค่นี้ก่อนนะคะ
เตือนเพื่อนๆที่คบกับแฟนเรียนแถวนครปฐม
บอกก่อนเลยนะคะว่าเรื่องนี้เราไม่ได้อยากจะพาดพิงถึงใครหรือประจานใคร แต่อยากเล่าในสิ่งที่เจอมากับตัวและอยากจะเตือนเพื่อนๆ เราเป็นพยาบาลอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่ภาคเหนือ เราคบกับแฟนตั้งแต่เป็นนักเรียนตำรวจปีที่3 เราสองคนอายุห่างกัน1 ปีค่ะ ชีวิตช่วงที่คบกันแรกๆดีมากค่ะ เจอกันทุกเดือน ส่วนมากเราจะเป็นคนลงมาหาที่กรุงเทพฯเพราะเราสองคนจะขับรถไปเที่ยวต่อ บางครั้งก็ไปราชบุรี ไปนครนายก ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเลย แฟนเราก็พาไปเจอกลุ่มเพื่อนๆ พาไปออกงานบ้าง พอคบกันมาได้ปีกว่า มันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น คือ”เราท้อง ก่อนหน้านั้นเรากับแฟนเริ่มห่างกันเพราะตอนนั้นเขาบอกว่างานเยอะ ไม่ค่อยมีเวลา ทีแรกเราตัดสินใจไม่บอกแฟนเราเนื่องจากเราคิดว่า เราก็อยากให้เขาไปเจอคนดีๆ ที่ตอนนั้นมีความคิดแบบนี้เพราะว่าเขาดูเปลี่ยนไป เราสองคนไม่มีรหัสเฟสบุคของกันและกัน เราสองคนแทบจะไม่ค่อยได้คุยกันเนื่องจากเราคิดว่าโตๆกันแล้วเนอะ คงไม่ต้องไปตามหึงหวงอะไร แค่รู้ว่าอีกคนทำอะไรที่ไหนก็พอ เราปล่อยให้เขามีอิสระเต็มที่นะเพราะเราคิดว่าเขาคงจะอึดอัดถ้าเราทำแบบนั้น ก็อยู่ด้วยความเชื่อใจค่ะ หลังจากนั้นเราแอบเห็นเขาคุยคนอื่นในเฟสบุคและในไลน์ค่ะ เราคิดว่าคงไม่มีอะไร แต่พอมาเห็นบทสนทนาของเขากับผู้หญิงคนอื่น เราคิดว่ามันคงมีอะไรแน่ๆ เราเลยคิดว่าจะถอยออกมาเลี้ยงลูกคนเดียวก็ได้ เราปรึกษาเพื่อน เพื่อนก็แนะนำให้บอกแฟนไปเหอะ จะได้ช่วยกันหาทางออก วันนั้นเราตัดสินใจบอกแฟนเพราะเขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ ส่วนทางออกเดี๋ยวเราไว้ตกลงกันอีกที เราก็รักลูกเรานะ ถ้าเราจะต้องเลี้ยงเขาคนเดียวเราก็จะทำ เพราะชีวิตเราไม่เคยทำลายใคร เราช่วยชีวิตคนอื่นมาตลอด ถึงแม้ว่าลูกเราจะไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร เราเป็นได้ทั้งพ่อและแม่
..เราตัดสินใจบอกแฟนเราหลังจากเราท้องได้สองเดือน เขาก็รับรู้นะ เขาก็ปลอบใจแล้วบอกว่าเดี๋ยวเรามาหาทางออกด้วยกันเนอะ เขาก็บอกให้เราไปฝากครรภ์ที่ รพ.ที่ทำงาน ส่วนตัวเรายอมรับนะว่าไม่กล้า เนื่องจากคิดว่า รอให้อะไรมันลงตัวกว่านี้ ตัดสินใจคุยกับแฟนว่าเราจะเอายังไงต่อไป แฟนเราบอกว่า “ก็อยู่กันแบบนี้แหละ” เราอึ้งกับคำพูดที่เขาตอบมานะ อยู่กันแบบนี้คือยังไง หมายความว่าจะอยู่กันไปแบบนี้โดยที่ไม่มารับผิดชอบอะไร ไม่มาคุยกับพ่อแม่ ในใจเราคิดนะ เราไม่ต้องการพิธีอะไรมากมาย แค่ผู้ใหญ่คุยกันก็พอ เราก็คิดว่าอีกหน่อยถ้าเราสองคนพร้อมค่อยแต่ง (ปล.ตอนนี้คือตอนที่แฟนเราเรียนจบรอเลือกตำแหน่ง ส่วนเราพึ่งทำงานได้ 1 ปี) เราก็ถามเขากลับไปใหม่ คำตอบที่ได้กลับมาคือ เขาขอเวลาคิดก่อน พอผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ เราก็คุยกันบ้างเป็นปกติ วันหนึ่งเขากลับบ้าน จู่ๆเขาก็มีคำถามในใจว่าเราต้องการไปจับเขารึป่าว เขาเกิดสงสัยในตัวเรา เรายอมรับนะว่าฐานะที่บ้านเราไม่เท่าเขา แต่ย้อนกลับไปมองถึงความสัมพันธ์ของเราสองคน เขาเป็นคนเข้ามาจีบเราก่อน เราบินมาหาทุกครั้งเราไม่เคยขอตังค์เขาซื้อตั๋วเลย เวลาเขาไม่มีเงินจ่ายค่าหอเราก็ให้ยืม ไม่มีเงินไปทำฟันเราก็ให้ยืมนะ ให้ยืมทีละหมื่น ถามว่าเราโง่มั้ย เราขอตอบว่าเราหาเงินเองได้ และถ้าเงินนี้มันสามารถทำให้เรารู้ถึงนิสัยอีกคนนึงเป็นยังไง เราไม่เสียดายค่ะ แต่เขาก็คืนนะคะ เราไม่เคยขอเงินเขาเลยสักครั้งนึง แล้วทำไมเขาถึงมีความคิดแบบนี้ พอเราถามกลับไปก็รู้มาว่าทางครอบครัวเขาไม่อยากให้เราคบกัน เราไม่รู้นะว่าเพราะอะไร แต่ฝ่ายครอบครัวเขาแทบจะเกลียดเราเลยแหละ เราไม่เคยไปเจอครอบครัวเขานะ เราตกใจมากที่เขามีความคิดแบบนี้กับเรา เราคุยถึงเหตุและผล เขาก็พูดกลับมาว่าเข้าใจแล้ว เหตุการณ์นี้มันทำให้สิ่งที่เราคิดมันชัดขึ้น คือเราจะเลี้ยงลูกคนเดียว พอเวลาผ่านไปเดือนนึง เขาหายไป เราเครียดมากค่ะ พ่อแม่เราคงจะเสียใจนะที่ลูกทำพลาดไปแต่เราก็คิดว่ายังไงพ่อกับแม่ก็จะอยู่ข้างๆเราไม่ทิ้งเราไปไหน เราเสียใจที่ทำลายชื่อเสียงของครอบครัว เราเลือดไหลออกทางช่องคลอด ไปหาหมอ หมอบอกว่าเรามีภาวะแท้งคุกคาม ต้องพามาตรวจเลือด ฝากครรภ์ พาแฟนมาด้วย เราก็โทรไปคุยกับเขา ระหว่างที่เราเครียด เขาไปเที่ยวกับเพื่อนตลอดเลยค่ะ ในตอนนั้นเราเคยคิดว่าเราจะเป็นกำลังใจของเรา เป็นเพื่อนคุย คอยปลอบใจ สิ่งเหล่านี้ที่เคยคิดไว้หายไปหมดเลย แม้แต่เวลาคุยโทรศัพท์กับเราเขาแทบจะไม่มีให้ เราสองคนเข้าขั้นทะเลาะกันเลยแหละ เราเริ่มไม่พอใจในการกระทำของเขา เขาก็บอกให้มาหาที่กรุงเทพฯค่ะ จะได้มาคุยกัน
...พอเรามากรุงเทพฯ เราสองคนคุยตอนอยู่ด้วยกันก็เหมือนจะดีค่ะ เราตกลงกันว่าจะย้ายมาอยู่กรุงเทพ รอให้เขาบวชเสร็จเราสองคนจะบอกครอบครัว แต่เรามาแอบเห็นแชทที่เขาคุยกับแม่ แล้ววันนั้นแม่เขาก็โทรมาบอกให้กลับบ้านด่วนเพราะเขาบอกแม่ว่าอยู่กับแฟน เขาตอบกลับไปว่าเขามีงาน เสร็จงานแล้วจะรีบกลับ มีประโยคนึงที่เราได้ยิน แม่พูดว่า “แม่จะไม่ให้อะไรลูกเลย แล้วจะดูว่าผู้หญิงคนนี้จะยังอยู่กับลูกมั้ย” เราตกใจและเครียดมากกกกก เครียดทั้งเรื่องนิสัยเขาที่เปลี่ยนไปและเครียดเรื่องที่บ้านเขา เรื่องครอบครัวฝ่ายเรา ก่อนหน้าเราจะกลับหนึ่งวัน เราเครียดจนปวดท้องและมีเลือดไหลออกมาเยอะมาก เราไปซื้อยาแก้ปวดท้องมากิน นอนพัก อาการก็ดีขึ้นเป็นพักๆ วันที่เราจะกลับเขาก็พาเราไปเที่ยวนะ เหมือนเป็นการไปเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้าย พอเรามาถึงสนามบิน เราปวดท้องมากก จนทนไม่ไหว ไปหาหมอ หมออัลตร้าซาวด์ดู ปรากฎว่าเราแท้งลูกค่ะ เราร้องไห้ เราปวดท้อง เราเสียใจมากค่ะ ตอนนั้นเราไม่กล้าบอกที่บ้านค่ะ กลัวที่บ้านเป็นห่วง เราโทรไปคุยกับแฟน แฟนเราไม่รับโทรสับ พอรับก็บอกว่าดูแลตัวเองนะ ตอนนี้ไม่ว่างคุยนัดเพื่อนไว้ไปงานวันเกิด นานๆจะเจอที เรานี่เสียใจมากไปอีก คิดว่าตัวเองเลือกคนผิด เสียใจมาก ร้องไห้นะ แต่เราก็คิดว่าถึงเวลาที่เราต้องเข้มแข็ง ดูแลตัวเอง เราเลือดไหลไม่หยุดค่ะ หมอบอกว่าเราต้องเข้าห้องผ่าตัดเพื่อขูดมดลูกค่ะ วินาทีนั้นเรารู้สึกโดดเดี่ยวมาก เราโทรไปบอกเขาเพื่อให้เขาบินมาหาเรา เราต้องการกำลังใจ อยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆ มันคงจะดีมากถ้าตอนนี้เรามีเขาอยู่ข้างๆ แต่คำตอบที่ได้กลับมาคือ ไม่ว่าง
...วินาทีที่เราเข้าห้องผ่าตัด เราร้องไห้ คิดว่าทำไมเขาถึงใจร้ายกับเรามากๆ ความรัก ความรู้สึกดีๆที่เราเคยมีให้กันมันหายไปหมดเลย ได้แต่บอกตัวเอง เราต้องสู้ๆ ถ้าผ่านเรื่องนี้ไปเราจะเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น พอเริ่มรู้สึกตัว วินาทีที่เราตื่นขึ้นมา เรารู้สึกแย่มาก เราท้อใจ เกิดคำถามขึ้นในใจว่าทำไม ทำไม ทำไม เรารู้สึกปวดท้อง ปวดหัว เราจำได้ว่าตอนนั้นหิวน้ำมาก แต่ไม่มีแรงแม้แต่จะหยิบน้ำมาดื่ม พออาการดีขึ้น ออกจากโรงพยาบาลมานอนพักที่แฟลตที่ทำงาน ก็พอเห็นว่าเขาโทรมาบ้างนะ ช่วงแรกๆเขาก็ถามนะว่าเป็นยังไงบ้าง สู้ๆนะ ความรู้สึกเราพัง ทุกอย่างหมดลง เราคิดนะว่าเรามองคนผิดไปได้ขนาดนี้เชียว หลังจากออกโรงพยาบาล ความสัมพันธ์ของเราเริ่มห่างไปเรื่อยๆ เขาเย็นชามากกว่าเดิม คำพูดที่เราถามกลับไปว่า เธอจะรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ย เขาบอกกลับมาว่า ต้องรับผิดชอบอะไรหรอ เราต้องรับผิดชอบอะไรด้วยหรอ ความคิดเรา ณ ตอนนั้น ทำไมผู้ชายคนนี้เห็นแก่ตัวเนอะที่ผ่านมา แย่มากอะ ทำไมชีวิตเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ เขาถูกสอนให้เป็นคนรับผิดชอบต่อส่วนรวมหนิ และคนที่จะทำงานแบบนี้ เราคิดว่าก็คงจะเป็นคนดี เป็นคนมีความรับผิดชอบ เราไม่ได้พาดพิงนะ แค่สงสัยเฉยๆ (ปล.คงเป็นเฉพาะตัวบุคคลค่ะ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานหรืออะไร เราเห็นเพื่อนเขาที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ เพื่อนเขาก็รับผิดชอบในการกระทำนะคะ จดทะเบียนให้มันถูกต้อง) เขาคุยกับเขาในแต่ละครั้ง ทะเลาะกันตลอดเลยค่ะ เพราะความรู้สึกเขาเปลี่ยนไปแล้ว เราเลยห่างกัน ไม่โทรไปหาเขาครึ่งเดือน เขาก็ไม่โทรมานะคะ เราก็คุยกับเพื่อนเขาบ้าง เพื่อนบอกว่าเขาไปเที่ยวทุกคืนที่ไม่ติดภาระกิจ เราก็ทำใจค่ะ เห็นเขาคุยคนอื่นทั้งในเฟสบุค ไอจี เราก็เริ่มทำใจไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเรารู้สึกอึดอัดที่มันค้างคาอยู่แบบนี้ เราตัดสินใจโทรไปคุยกับเขาค่ะ เขาก็บอกว่าการเลิกกันมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เราเคยคิดว่านะว่าเราอะรู้สึกเสียศักดิ์ความเป็นผู้หญิง เราก็อับอายนะที่คนอื่น ที่ทำงานรู้ว่าเราโดนคนอื่นทำให้ท้องแล้วทิ้ง เราก็ค่อยๆทำใจมาเรื่อยๆ หลังจากที่เราบอกเลิกกับเขาได้ 4 วัน เขาพาผู้หญิงคนใหม่มาเปิดตัวกับกลุ่มเพื่อนแล้ว
พอเรารู้เรื่อง เพื่อนเขาก็บอกนะว่าเขาคุยเยอะ คุยหลายคน และยังไม่อยากหยุดอยู่ที่เรา เพื่อนเราอีกคนก็เจอมาแบบนี้ ในวันที่เขามีพร้อม เขาไม่สนใจคนที่ร่วมสุข ร่วมทุกข์ ร่วมลำบากมาด้วยกันหรอก และไม่มีความรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น เราก็ไม่เคยเสียดายอะไร เวลา เงินทอง เป็นของนอกกายทั้งนั้น แค่เสียใจที่วันนั้นเราเลือกคนผิดไป มองคนผิดไป อยากจะเตือนเพื่อนๆนะคะ ให้เรื่องของเราเป็นประสบการณ์ เราขอย้ำอีกรอบนะคะ เราไม่ได้มาประจานใครหรือพาดพิงใคร ปค่อยากเอาประสบการณ์ที่เคยเจอสาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง ความจริงไม่ได้สวยงาม มันโหดร้ายและใจร้ายมาก ใช่ว่าหน้าที่การงานดี ถูกสอนมาดี จะเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์นะคะ ดูกันดีๆ ดูกันให้ยาวกว่านี้นะคะ
ตอนนี้เราเริ่มทำใจได้แล้วแหละค่ะ เราก็ประจำเดือนยังไม่มาเลย สองเดือนกว่าแล้ว ก็ต้องดูแลตัวเองต่อไป ให้คิดซะว่ามันเป็นกรรมของเรา เราก็เดินหน้าทำบุญค่ะ ทำชีวิตตัวเองให้ดีขึ้น มีแพลนจะไปเรียนต่อต่างประเทศค่ะ ชีวิตมันต้องสู้
**ขอบคุณคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
หากพิมพ์ผิด ตกหล่นหรือพาดพิงถึงใครขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ย้ำอีกครั้งนะคะไม่ได้อยากพาดพิงถึงใครหรือสถาบันอะไร แค่เอาประสบการณ์ที่เจอมาเล่าให้ฟัง และไม่อยากให้ใครต้องเจอแบบเราอีก
มีมากกว่านี้แต่เน็ตช้า แค่นี้ก่อนนะคะ