ดูกายดูปัจจุบัน ดูจิตดูตามหลังติดๆ

ดูกายดูปัจจุบัน
ดูจิตดูตามหลังติดๆ
…………………..

“ดูนามธรรมก็ได้
เรามีตัวไหนมาก อย่างโลภมาก
ก็ดูตัวโลภเป็นหลัก เป็นวิหารธรรม
เป็นเครื่องอยู่

ขี้โกรธ ก็ดูความโกรธเป็นหลัก
เราจะเห็นเลย
ทั้งวันเดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็ไม่โกรธ
เดี๋ยวก็โกรธ เดี๋ยวก็ไม่โกรธ
ดูบ่อย ๆ ต่อไป พอตา หู จมูก
ลิ้น กาย ใจกระทบอารมณ์ปั๊บ
ความโกรธเกิด สติจะเกิดเอง
สติเกิด โดยที่เราไม่ได้เจตนาให้เกิด
มันจะรู้ขึ้นมาทันที อ้าว โกรธแล้ว
อุ้ย โกรธแล้ว
มีคำว่า "แล้ว" นะ

ทำไมต้องมีคำว่า "แล้ว"
เพราะการดูจิต โดยเฉพาะการดูกิเลสนี่
ดูตามหลังติด ๆ นะ เรียกว่า ปัจจุบันสันตติ
คือสืบต่อกับปัจจุบัน ไม่ใช่ปัจจุบันขณะ

ถ้าดูกาย กายกำลังเคลื่อนไหว
มือกำลังเคลื่อนไหว ร่างกายกำลังหายใจ
มีคำว่า "กำลัง" นะ

ฉะนั้น ดูกาย
เป็นปัจจุบันขณะ คือขณะนี้
แต่ดูจิต อย่างเวลาที่กิเลสเกิด สติจะไม่มี
มันดูไม่ได้หรอก มันต้องโกรธไปก่อน
แล้วสติระลึกได้ เพราะจำความโกรธได้แล้ว
ในขณะที่สติระลึกได้ว่าโกรธขึ้นมานั้นนะ
ความโกรธเป็นอดีตไปแล้ว
จิตในขณะนั้นไม่โกรธ แต่ขณะนั้นเป็นจิตรู้
เป็นจิตที่เป็นกุศลอย่างยิ่งเลย

ฉะนั้น เวลาดูกาย ใช้กายเป็นวิหารธรรม
ดูกายกำลังหายใจ
ดูกายกำลังเคลื่อนไหว เปลี่ยนอิริยาบถ
ดูกายหยุดนิ่ง ฯลฯ
นี่ดูร่างกายที่ "กำลังเป็น"

เวลาดูจิต
โกรธแล้วรู้ โลภแล้วรู้ หลงแล้วรู้
ฟุ้งซ่านแล้วรู้ หดหู่แล้วรู้
มันจะดูตามหลัง แต่ต้องตามติด ๆ
ถ้าเมื่อวานโกรธ วันนี้รู้ ใช้ไม่ได้
ไม่ใช่ปัจจุบันสันตติ
นั่นเป็นเรื่องอดีต นานนมเนไปแล้ว
เมื่อวานโกรธ แล้ววันนี้รู้นี่
ไม่ได้เรื่องหรอก ไม่ใช่การปฏิบัติ

ฉะนั้น เวลาเราดูนามธรรมนะ
ให้ความรู้สึกเกิดก่อนแล้วค่อยรู้

ดังนั้น หลักของการดูจิต ไม่เหมือนการดูกาย
ดูกาย ดูปัจจุบันไปเลย เดี๋ยวนี้เลย ขณะนี้เลย
ดูจิต ดูตามหลังไปเรื่อย
จิตโกรธแล้วรู้ จิตโลภแล้วรู้ จิตหลงแล้วรู้
จิตหายโกรธแล้วก็รู้
ตามรู้ไปติด ๆ เป็นปัจจุบันสันตติ
ไม่ใช่ปัจจุบันขณะ”

…………………..
พระธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐

ถอดคำ: แต้ว
เรียบเรียง: สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา


https://www.facebook.com/1317977204900901/photos/a.1412754818756472.1073741828.1317977204900901/1708558389176112/?type=3&theater
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่