สวัสดีชาวพันทิปทุกๆท่านที่แวะเข้ามาเยี่ยมชม กระทู้นี้จะแชร์ประสบการณ์เที่ยวน่าน 3วัน2คืน ให้ทุกๆท่านได้อ่านกัน ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่านี่เป็นกระทู้แรกที่จะแชร์เรื่องราวของ จขกท. ดังนั้นหากมีข้อความเขียนผิดหรือตกหล่นต้องขอโทษด้วยนะครับ ^^
ถ้าหากนึกถึงการที่จะไปเที่ยวแนวธรรมชาตินั้น แน่นอนว่าจะมีอยู่ 2 สิ่งหลักๆที่คิดคิดมาในหัว ไม่ "ภูเขา+น้ำตก" ก็ "ทะเล" แน่นอนครับกลุ่มพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยที่พวกเราส่วนใหญ่เลือกกันที่จะไปภูเขา+น้ำตกกัน (อาจด้วยเนื่องจากการที่ช่วงที่จะเที่ยวกันนั้นเป็นช่วง ปลายฝน-ต้นหนาวละมั้ง) ซึ่งเมื่อนึกถึงภูเขาแล้วนั้นภาคเหนือก็จะเป็นสิ่งที่ออกมาจากหัวตามกันมา ทำให้พวกเรานั้นเลือกที่จะไปเที่ยวกันทางภาคเหนือ ที่น่าจะเป็นช่วงก่อนที่จะคนไปเที่ยวกันเยอะเพื่อให้พวกเราได้อยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
วันแรกของการเดินทาง
ผมและเพื่อนๆได้ไปเที่ยวกันที่จังหวัดน่านด้วยกันรวมทั้งหมดแล้ว 6 คน โดยพวกเราได้เริ่มเดินทางกันในวันศุกร์ค่ำ เราเลือกที่จะนั่งรถไฟกันไปโดยค่าใช้จ่ายในการนั่งรถไฟอยู่ที่ คนละ 200 บาท (มีเพื่อนนั่งตู้นอนในขบวนเดียวกัน 2 คน) ขบวนรถไฟคือ หัวลำโพง - เด่นชัย ที่ใช้เวลาเดินทาง 9 ชม. ตามตั๋วรถไฟที่บอกไว้ (แต่ความจริงถึงช้ากว่านั้น +1.30 ชม. ได้) โดยที่นั่งไปก็จะเป็นช่วงกลางคืน วิวนอกรถไฟไม่ค่อยมีให้เห็นนัก นอนกันยาวๆไป (แต่ก็นอนไม่ค่อยได้ ยุงเยอะมาก กินเลือดไปเป็นลิตร 55555+)
ถ่ายรูปตั๋วรถไฟเป็นที่ระลึกก่อนออกเดินทางกัน
เช้าวันที่สอง
ตัดภาพมาในช่วงเวลาถึงสถานีเด่นชัยในเวลาประมาณ 6.30 น. รถตู้ที่พวกเราได้ติดต่อไว้ก็ได้มารอที่สถานีเรียบร้อยแล้วแล้วก็บอกสถานที่ๆต้องการจะไปกัน (พวกเราเช่ารถตู้กันในราคาวันละ 1800 เป็นเวลา 2 วัน ค่าน้ำมันต่างหาก ถ้ามากันสัก 10 คนจะลดคาใช้จ่ายรายคนได้เยอะเลยทีเดียว)
สภาพรถดูดีใช้ได้เลย นั่งกันสบายแถวละ 2 คน
หลังจากตกลงสถานที่ ที่จะไปกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ โดยก่อนที่จะไปที่เที่ยวกัน กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องพวกเราให้พี่คนขับรถพาไปร้านอาหารกันก่อนจะไปสถานที่เที่ยวกัน
ร้านที่พวกเรามากินอาหารเช้ากันก็คือ “ร้านข้าวซอยต้มน้ำ” ร้านนี้นี่เอง
ร้านนี้คนเยอะมากพวกเราต้องยืนรออยู่หน้าร้านกดดันคนที่กินอยู่ 5555 กว่าจะได้โต๊ะก็ต้องอยู่เกือบ 10 นาทีกันเลย
รสชาติถือว่าอร่อยมากๆเลยสำหรับพวกเรา สั่งแปปเดียวได้เลยบริการไวมาก ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวน่านแนะนำไปลองทานร้านนี้ครับ แตะรอคิวสักพักนึง
ข้างๆร้านอาหารที่เราไปกินมีเซเว่นด้วย แต่แตกต่างจากเซเว่นทั่วไปนิดหน่อยเพื่อให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อม
(อันนี้เดา 55555+)
หลังจากกินกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็แวะซื้อข้าวกั๊นจิ๊น (เขียนถูกไหมหว่า) เผื่อไว้กินระหว่างทาง
พวกเราซื้อหมูสดกะเอาไว้ย่างกันที่อุทยานตอนเย็นด้วยนะ
หลังซื้อของที่ต้องการหมดเรียบร้อยเรา ก็ออกเดินทางต่อ โดยจุดหมายต่อไปของเราคือที่ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ซึ่งเส้นทางจากตัวเมืองถึงที่นี่นั้นต้องผ่านเส้นทางไหล่เขาคดเคี้ยว การนั่งรถขึ้นที่สูงทำให้หูอื้อไปตามๆกัน
โค้งจริงบอกเลย
และแล้วก็มาถึงศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ซึ่งเป็นศูนย์ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี โปรดฯให้จัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นต้นแบบการพัฒนาและถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่พื้นที่ในอำเภอบ่อเกลือและอำเภอเฉลิมพระเกียรติ
ที่นี่มีการทำสวนดอกไม้ ผลไม้ รวมถึงเมล็ดกาแฟ ซึ่งน่าเดินชมอยู่ไม่น้อยเลย
วิวสวย บรรยากาศกำลังดีเหมาะแก่การถ่ายรูปจริงๆ
ตัวอย่างดอกไม้ในสวน
หลังจากเดินชมบรรยากาศ ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกกันเรียบร้อย เราก็เดินทางไปหาอะไรใส่ท้องกันบริเวณใกล้ๆ ศูนย์ประสานงานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พื้นที่น่านกัน และหลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งที่เราต้องการไปคือ อุทยานขุนน่าน แต่ด้วยการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนทำให้พี่คนขับพาเราไปอุทยานอีกที่หนึ่ง คืออุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งเมื่อถึงที่เราก็งงๆ กันเพราะมันไม่ใช่ที่นี่ ซึ่งตอนแรกก็กะจะเลยตามเลย ที่นี่ก็ได้ แต่ก็เจอปัญหาอีกรอบคือไม่มีเต็นท์ให้พวกเราเช่าเนื่องจากไม่ได้ทำการจองไว้ จึงต้องเสียเวลานั่งย้อนกลับไป เลยอยากบอกเพื่อนๆว่าถ้าจะไปที่ไหนควรบอกให้ชัดเจนด้วยนะ T^T

ตัดช่วงมาที่การเดินทางซึ่งโค้งแล้วโค้งอีกจนมาถึงที่อุทยานแห่งชาติขุนน่าน เราได้ทำการเช่าเต็นท์รวมทั้งอุปกรณ์การนอนอื่นๆในราคาเต็นท์ละ 405 บาท จำนวน 2 เต็นท์ ด้วยความที่เป็นช่วงหลังฝนตกทำให้พื้นที่กางเต็นท์มีความชื้นหลงเหลืออยู่ ในขณะที่กำลังกางเต็นท์กันอย่างงงๆนั้น ก็มีครอบครัวที่มากางเต็นท์ด้วยเช่นกัน ได้ให้คำแนะนำและช่วยเหลือพวกเราจนกางเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในทริปนี้เป็นการกางเต็นท์นอนครั้งแรกของพวกเราทำให้ยังขาดความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆอยู่พอสมควร (ครอบครัวข้างๆบอกว่า ถ้ามาหลายๆรอบอุปกรณ์จะเพิ่มขึ้นเอง)
จากรูปจุดกางเต็นท์จะอยู่บริเวณด้านซ้าย
เสร็จสับเรื่องที่พักก็ได้เวลามื้อเย็น โดยเมนูในวันนี้ก็คือหมูกระทะย่างนั้นเอง เราก็เริ่มทำการจุดเตาไฟ ซึ่งกว่าถ่านจะติดนั้นก็ใช้เวลานานพอสมควร ทำให้นึกไปถึงการเข้าค่ายลูกเสือสมัยก่อนเลยทีเดียว
เหล่าหมู ย่างหมูย่างร้อนๆ
ขณะทำการย่างนั้น ครอบครัวด้านข้างก็ยังใจดีให้เสื่อกับแกงจืดเรามาอีกด้วย ต้องครอบคุณจริงๆครับ
หลังจากอิ่มหนำกันเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาอาบน้ำ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าน้ำเย็นมากกกกกก คืนนี้ในตอนแรกพวกเรากะจะรอดูดาวตกกัน แต่ด้วยเวลาที่ล้วงเลยมาพอสมควรทำให้ต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อน โดยในวันพรุ่งนี้เรามีเป้าหมายจะไปดูทะเลหมอกกัน
[CR] แชร์ประสบการณ์เที่ยวน่าน 3วัน 2คืน
ถ้าหากนึกถึงการที่จะไปเที่ยวแนวธรรมชาตินั้น แน่นอนว่าจะมีอยู่ 2 สิ่งหลักๆที่คิดคิดมาในหัว ไม่ "ภูเขา+น้ำตก" ก็ "ทะเล" แน่นอนครับกลุ่มพวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้นโดยที่พวกเราส่วนใหญ่เลือกกันที่จะไปภูเขา+น้ำตกกัน (อาจด้วยเนื่องจากการที่ช่วงที่จะเที่ยวกันนั้นเป็นช่วง ปลายฝน-ต้นหนาวละมั้ง) ซึ่งเมื่อนึกถึงภูเขาแล้วนั้นภาคเหนือก็จะเป็นสิ่งที่ออกมาจากหัวตามกันมา ทำให้พวกเรานั้นเลือกที่จะไปเที่ยวกันทางภาคเหนือ ที่น่าจะเป็นช่วงก่อนที่จะคนไปเที่ยวกันเยอะเพื่อให้พวกเราได้อยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่
วันแรกของการเดินทาง
ผมและเพื่อนๆได้ไปเที่ยวกันที่จังหวัดน่านด้วยกันรวมทั้งหมดแล้ว 6 คน โดยพวกเราได้เริ่มเดินทางกันในวันศุกร์ค่ำ เราเลือกที่จะนั่งรถไฟกันไปโดยค่าใช้จ่ายในการนั่งรถไฟอยู่ที่ คนละ 200 บาท (มีเพื่อนนั่งตู้นอนในขบวนเดียวกัน 2 คน) ขบวนรถไฟคือ หัวลำโพง - เด่นชัย ที่ใช้เวลาเดินทาง 9 ชม. ตามตั๋วรถไฟที่บอกไว้ (แต่ความจริงถึงช้ากว่านั้น +1.30 ชม. ได้) โดยที่นั่งไปก็จะเป็นช่วงกลางคืน วิวนอกรถไฟไม่ค่อยมีให้เห็นนัก นอนกันยาวๆไป (แต่ก็นอนไม่ค่อยได้ ยุงเยอะมาก กินเลือดไปเป็นลิตร 55555+)
เช้าวันที่สอง
ตัดภาพมาในช่วงเวลาถึงสถานีเด่นชัยในเวลาประมาณ 6.30 น. รถตู้ที่พวกเราได้ติดต่อไว้ก็ได้มารอที่สถานีเรียบร้อยแล้วแล้วก็บอกสถานที่ๆต้องการจะไปกัน (พวกเราเช่ารถตู้กันในราคาวันละ 1800 เป็นเวลา 2 วัน ค่าน้ำมันต่างหาก ถ้ามากันสัก 10 คนจะลดคาใช้จ่ายรายคนได้เยอะเลยทีเดียว)
หลังจากตกลงสถานที่ ที่จะไปกันเรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินทางกันเลยครับ โดยก่อนที่จะไปที่เที่ยวกัน กองทัพก็ต้องเดินด้วยท้องพวกเราให้พี่คนขับรถพาไปร้านอาหารกันก่อนจะไปสถานที่เที่ยวกัน
(อันนี้เดา 55555+)
หลังซื้อของที่ต้องการหมดเรียบร้อยเรา ก็ออกเดินทางต่อ โดยจุดหมายต่อไปของเราคือที่ศูนย์ภูฟ้าพัฒนา ซึ่งเส้นทางจากตัวเมืองถึงที่นี่นั้นต้องผ่านเส้นทางไหล่เขาคดเคี้ยว การนั่งรถขึ้นที่สูงทำให้หูอื้อไปตามๆกัน
หลังจากเดินชมบรรยากาศ ถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึกกันเรียบร้อย เราก็เดินทางไปหาอะไรใส่ท้องกันบริเวณใกล้ๆ ศูนย์ประสานงานมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พื้นที่น่านกัน และหลังจากนั้นเราก็ได้เดินทางไปที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งที่เราต้องการไปคือ อุทยานขุนน่าน แต่ด้วยการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนทำให้พี่คนขับพาเราไปอุทยานอีกที่หนึ่ง คืออุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งเมื่อถึงที่เราก็งงๆ กันเพราะมันไม่ใช่ที่นี่ ซึ่งตอนแรกก็กะจะเลยตามเลย ที่นี่ก็ได้ แต่ก็เจอปัญหาอีกรอบคือไม่มีเต็นท์ให้พวกเราเช่าเนื่องจากไม่ได้ทำการจองไว้ จึงต้องเสียเวลานั่งย้อนกลับไป เลยอยากบอกเพื่อนๆว่าถ้าจะไปที่ไหนควรบอกให้ชัดเจนด้วยนะ T^T
ตัดช่วงมาที่การเดินทางซึ่งโค้งแล้วโค้งอีกจนมาถึงที่อุทยานแห่งชาติขุนน่าน เราได้ทำการเช่าเต็นท์รวมทั้งอุปกรณ์การนอนอื่นๆในราคาเต็นท์ละ 405 บาท จำนวน 2 เต็นท์ ด้วยความที่เป็นช่วงหลังฝนตกทำให้พื้นที่กางเต็นท์มีความชื้นหลงเหลืออยู่ ในขณะที่กำลังกางเต็นท์กันอย่างงงๆนั้น ก็มีครอบครัวที่มากางเต็นท์ด้วยเช่นกัน ได้ให้คำแนะนำและช่วยเหลือพวกเราจนกางเสร็จเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในทริปนี้เป็นการกางเต็นท์นอนครั้งแรกของพวกเราทำให้ยังขาดความพร้อมของอุปกรณ์ต่างๆอยู่พอสมควร (ครอบครัวข้างๆบอกว่า ถ้ามาหลายๆรอบอุปกรณ์จะเพิ่มขึ้นเอง)
เสร็จสับเรื่องที่พักก็ได้เวลามื้อเย็น โดยเมนูในวันนี้ก็คือหมูกระทะย่างนั้นเอง เราก็เริ่มทำการจุดเตาไฟ ซึ่งกว่าถ่านจะติดนั้นก็ใช้เวลานานพอสมควร ทำให้นึกไปถึงการเข้าค่ายลูกเสือสมัยก่อนเลยทีเดียว
หลังจากอิ่มหนำกันเป็นที่เรียบร้อยก็ได้เวลาอาบน้ำ ซึ่งต้องขอบอกเลยว่าน้ำเย็นมากกกกกก คืนนี้ในตอนแรกพวกเรากะจะรอดูดาวตกกัน แต่ด้วยเวลาที่ล้วงเลยมาพอสมควรทำให้ต้องแยกย้ายกันไปพักผ่อน โดยในวันพรุ่งนี้เรามีเป้าหมายจะไปดูทะเลหมอกกัน