🌼💖🌼 "ถุงมือนักเขียน" เรื่องที่ 2 "รักแมะ" โดย "ถุงมือ มานีมีนา" ครับ 🌼💖🌼

กระทู้คำถาม


เรื่องที่สอง ชื่อเรื่องว่า "รักแมะ" ทำให้เกิดความสงสัย เอ..."แมะ" นี่ มันชื่อคน หรือว่า เป็นคำแสดงคำถามกันแน่ ? (คือเท่ากับ "รักไหม" หรือเปล่า ?)

ต้องอ่าน จึงจะรู้ชัดครับ...อมยิ้ม04หัวใจดอกไม้

*****************************************************************************************






ณ ค่ำคืนของวันวาเลนไทน์ ในรถหรูสีขาวที่จอดอยู่ริมชายหาดทะเลหัวหิน ชายและหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งคุยกัน โดยเปิดหน้าต่างรถเพื่อให้ลมเย็น ๆ พัดผ่านเข้ามา

          “เราแต่งงานกันนะเมย์” เบนพูดพร้อมกับหยิบแหวนที่แอบเก็บไว้ในลิ้นชักตรงกลางหน้ารถขึ้นมา อีกมือหนึ่งก็จับมือของเมย์เอาไว้

          “ค่ะ เมย์ตกลง” ในที่สุดก็มีวันนี้ เมย์รู้สึกดีใจมากหลังจากที่ผ่านอุปสรรคมาหลายอย่าง กว่าที่ทั้งสองคนพร้อมที่จะแต่งงานกัน

          เบนกับเมย์รู้จักกันตอนเรียนปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ตอนนั้นเบนอายุ 35 ปี และ เมย์อายุ 30 ปี ทั้งสองฝ่ายหน้าตาดีด้วยกันทั้งคู่ ต่างฝ่ายต่างมีคนอื่นมาจีบ ทำให้มีการงอนและหึงหวงกันบ้าง ทั้งคู่คบกันสักพักก็เข้าใจกันมากขึ้น ต่างก็ตกลงพากันไปพบพ่อและแม่ของกันและกัน แต่ตอนแรกพ่อแม่ของฝ่ายชายไม่เห็นด้วยเนื่องจากได้ทาบทามผู้หญิงที่เป็นลูกของเพื่อนไว้แล้ว และฐานะครอบครัวของเมย์ก็ไม่ดีเท่าลูกของเพื่อน

          แต่เมย์ก็พยายามพิสูจน์ตัวเอง โดยการเรียนจบปริญญาโท มีงานทำที่ดี และมีจิตใจที่ดีทำให้ครอบครัวของเบนรักและยอมรับในตัวเมย์

          หลังจากที่เบนและเมย์แต่งงานกัน ทั้งคู่ก็วางแผนมีทายาทโดยทันที แต่แล้วทั้งสองคนก็ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เนื่องจากเมย์ไม่ตั้งท้องซักที

          ทั้งคู่ได้ไปไหว้พระขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิหลายที่ ไม่ว่าในประเทศไทยหรือต่างประเทศ จนตอนนี้เมย์อายุ 40 แล้ว ความหวังที่จะมีลูกแทบไม่เหลืออยู่เลย

          “เดือนหน้าเราไปเที่ยวญี่ปุ่นกันนะ” เมย์ชวนเบนเนื่องจากเดือนหน้าที่ทำงานมีวันหยุดยาว และช่วงนั้นอากาศที่ญี่ปุ่นค่อยข้างกำลังดี

          “ได้สิที่รัก” เบนตกลงทันทีเพราะอยากไปเที่ยวเพื่อพักผ่อนเนื่องจากช่วงนี้รู้สึกทำงานยุ่งติดต่อกันมาหลายเดือน
    
          เมื่อทั้งคู่ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวก็คือ วัด ทั้งคู่ได้ไปไหว้พระขอพร และหาซื้อของฝาก
    
          เมย์ได้ไปสดุดตากับรูปปั้นแมวสีขาวถือลูกแก้วสีฟ้า สูง 10 เซนติเมตร
    
          “ถ้านำรูปปั้นแมวนี้ไปบูชาขอพร จะสมหวังนะคะ” คนขายที่พูดภาษาไทยได้ไม่ค่อยชัดบอกเมย์ที่กำลังจ้องมองรูปปั้นนี้อยู่อย่างหลงรัก
    
          “เมย์ขอซื้อนะคะ เมย์จะขอลูกจากรูปปั้นนี้ค่ะ” เมย์เริ่มมีความหวังที่จะมีลูกโดยการขอพรจากแมวตัวนี้
    
          “ได้สิจ๊ะ มันน่ารักดีนะ แต่จะขอพรหรอ” เบนแปลกใจที่เมย์จะขอพรจากรูปปั้น แต่ก็ไม่ขัดที่เมย์จะซื้อกลับบ้าน
    
          เมื่อกลับมาถึงเมืองไทย เมย์รีบนำรูปปั้นแมวมาไว้ที่หัวเตียงและไหว้ขอพร
    
         “ขอลูกให้เมย์คนนึงนะคะ ขอให้เค้าเป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย ชอบเรียนรู้ หน้าตาน่ารัก เป็นที่รักของทุกคน” ถึงแม้ว่าเมย์จะรู้สึกไร้สาระนิดนึง แต่ก็ทำไปเพราะคิดว่าไม่เสียหายอะไร บางทีอาจจะได้ผลก็ได้ เมย์พูดขอพรนี้จากรูปปั้นแมวทุกวัน

          วันนี้วันหยุด เมย์จึงชวนเบนไปดูหนังที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ในเมือง
    
          ระหว่างทางทั้งคู่เห็นลูกแมวอยู่กลางถนน เบนจึงรีบจอดรถข้างทางแล้วเมย์ได้รีบลงไปอุ้มลูกแมวนั้นมาที่รถ
    
          “โชคดีนะรถไม่เยอะเลยไม่โดนทับ และมาเจอเราช่วยไว้ก่อน” เมย์พูดอย่างตื่นเต้น
    
          “จะทำยังงัยดีกับมันล่ะ” เบนถามพร้อมกับลูบหัวลูกแมว
    
          “เราเอากลับไปเลี้ยงดีมั้ย มันน่ารักดีนะ ดูสิขนสีขาว ตาสีฟ้าซะด้วย ให้ชื่อ ลิลลี่ ละกัน” เมย์รู้สึกดีใจที่ได้ลูกแมวมา เบนตกลง แล้วทั้งสองจึงวนรถกลับบ้านพร้อมเจ้าลูกแมวน้อย
    
          “ดูเจ้าลิลลี่นี่สิพี่เบน ขนสีขาวเหมือนรูปปั้นแมวเลย แล้วก็ตาสีฟ้าเหมือนลูกแก้วที่รูปปั้นแมวถืออยู่เลยนะ หรือที่เมย์ขอลูกท่าน ๆ จะให้เมย์เป็นลูกแมวแทน” เมย์พูดกับเบนขณะอยู่ในรถ
    
          “นั่นสิ เหมือนจริง ๆ ด้วย ไม่มีหางเหมือนกันด้วยนะ” รูปปั้นก็ไม่มีหางเช่นกัน
    
          2 – 3 วันแล้วที่ลิลลี่มาอยู่บ้านใหม่ แต่มันก็ไม่ยอมร้องเหมือนแมวทั่วไป มันร้องออกเสียงแค่ “แมะ” สั้น ๆ เบา ๆ
    
          “เมี้ยว ๆ ๆ ๆ มากินข้าวนะลูกลิลลี่” เมย์เรียกเจ้าเหมียวที่กำลังนอนเล่นอยู่กลางห้องรับแขก
    
          “แมะ” เจ้าเหมียวตอบสั้น ๆ แล้วเดินมาที่จานอาหาร มันทำท่าน่ารักคลอเคลียเมย์ที่นั่งอยู่ข้างจาน
    
          “ลิลลี่จะไม่ร้องดัง ๆ ยาว ๆ หน่อยหรอจ๊ะ” เมย์พูดกับลิลลี่อย่างอ่อนโอน เอ็นดูดังลูกของตน
    
         “แมะ” ลิลลี่หันมาร้องตอบแล้วก็กินอาหารอย่างเรียบร้อย
    
          “สงสัยมันจะเป็นใบ้นะ” เบนเดินมานั้งข้าง ๆ เมย์พร้อมส่งยิ้มให้
    
          “ไม่เป็นไร ถึงยังงัยเมย์ก็รัก” เมย์อุ้มลิลลี่ขึ้นมาหอมแก้ม
    
          ถึงแม้เมย์จะรักลิลลี่มาก แต่เมย์ก็ยังคงขอพรจากรูปปั้นแมว
    
          “ขอบคุณนะคะที่ให้ลิลลี่มา แต่เมย์ขอเป็นลูกของเมย์เองนะคะ และให้น่ารักเหมือนลิลลี่เลยค่ะ
    
          วันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปีที่เมย์เจอกับลิลลี่ เมย์จึงอยากจะฉลองโดยจะพาลิลลี่ไปเที่ยวข้างนอกบ้าน
    
          “เมี้ยว ๆ ๆ ๆ ลิลลี่อยู่ไหนจ้า ไปเที่ยวกันนะ เมี้ยว ๆ ๆ ๆ”
    
          ลิลลี่ไม่ออกมา เมย์เรียกเท่าไหร่ ลิลลี่ก็ไม่ออกมา
          
          “เราลองไปดูข้างนอกบ้านกันมั้ยคะ” เมย์ชวนเบนออกตามหานอกบ้าน และแล้วก็ไปเจอลิลลี่นอนอยู่กลางถนนห่างจากบ้านไปแค่ 2 หลัง ลูกแมวที่ขนสีขาว แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดง
    
         “มันถูกรถทับครับ” เด็กชายอายุราว 10 ขวบยืนค่อมรถจักรยานบอกกับเมย์และเบน
    
          “หนูเห็นมันโดนรถทับหรอจ๊ะ” เมย์พูดด้วยน้ำตาที่เกือบจะล้นออกจากตา
    
          “ผมกำลังขี่รถจักรยานเล่นอยู่ครับ แล้วผมก็เห็นรถตู้วิ่งมาจากทางโน้นอย่างเร็ว อยู่ดี ๆ แมวตัวนี้ก็วิ่งออกมาครับ แล้วรถก็ทับเลยครับ” เด็กน้อยเล่าเหตุการณ์ที่ตนพึ่งเห็นกับตาเมื่อไม่นานนี้
    
          “โถไม่น่าเลยลูกลิลลี่ที่น่าส่งสารของแม่ ฮือ ๆ ๆ” แล้วเมย์ก็ร้องไห้แทบจะขาดใจ
    
          ทั้งคู่นำร่างไร้วิญญาณของลิลลี่ไปฝังข้างบ้าน และทำพิธีกรวดน้ำเพื่อให้ลิลลี่ไปสบาย
    
          เมย์ได้เก็บรูปปั้นแมวไว้ในกล่อง เพราะไม่อยากเห็น เกรงว่าจะนึกถึงลิลลี่แล้วจะเสียใจ
    
          หลังจากนั้น 2 เดือน เมย์ก็ตั้งท้อง ทุกคนดีใจกันมาก ช่วงแรกเมย์แพ้ท้องอย่างหนัก ต่อมาก็ดีขึ้น ท้องของเมย์ค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมย์มีความสุขมาก เมย์นึกถึงแต่ลูกที่จะเกิดขึ้นมาและลืมเรื่องลิลลี่และรูปปั้นแมวไปเลย

          ณ ห้องคลอด
          “อูแว้ ๆ ๆ ๆ”
    
          เมย์ได้ลูกสาวมีผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ปู่ยาตายายเห่อหลานคนนี้มาก ๆ ช่วยกันตั้งชื่อว่า มิ้นท์
    
          เมย์คิดว่ามิ้นท์คงเป็นเด็กพูดช้า เพราะตอนนี้ 2 ขวบแล้ว พูดอยู่ได้คำเดียวว่า “แมะ” ซึ่งเธอคิดว่าลูกคงจะพยายามพูดคำว่าแม่ตามที่เธอสอนให้พูด
    
          เมย์จึงพามิ้นไปเข้าเนอสเซอรี่เพื่อให้เข้าสังคมเผื่อจะกระตุ้นให้มิ้นท์พูดคุยมากขึ้น
    
          คุณครูประจำชั้นจะมีสมุดเล่มหนึ่งเขียนถึงเด็ก ๆ แต่ละคนให้คุณแม่แต่ละท่าน เพื่อให้รู้พฤติกรรมของลูกตอนอยู่ที่โรงเรียน

          คุณครูเขียนว่า “น้องมิ้นท์เป็นเด็กดี ว่านอนสอนง่าย เรียบร้อย ชอบเรียนรู้ หน้าตาน่ารัก เป็นที่รักของทุกคน”

          เมื่อเธออ่านจบ เธอตกใจมาก เพราะมันเป็นประโยคที่เธอขอลูกไว้กับรูปปั้นแมว เมย์รีบนำรูปปั้นแมวออกมาจากกล่องและวางที่หัวเตียงแล้วขอบคุณที่ให้ลูกแก่เธอ

          “ขอบคุณนะคะที่ให้ลูกแก่เมย์ ขอให้ลูกของเมย์พูดได้ปกติด้วยเถอะนะคะ”

          วันต่อมาเมื่อเธอไปรับลูก และรับสมุดมาอ่าน เมย์รู้สึกดีใจมาก คุณครูเขียนว่า “น้องมิ้นท์พูดคุยมาก จนคุณครูแปลกใจเลยค่ะ

= จบ =


โดย...ถุงมือ มานีมีนา




รายชื่อให้เลือกตอบครับ

1. Na(นะ)
2. สวนดอก
3. WANG JIE
4. ส่องแสงตะวันฉาย
5. LUCKARD
6. ผีเสื้อสีดำ
7. เกสรผกา
8. เพ็ญพิชญา
9. peiNing
10. Lady Star 919
11. kasareev
12. KTHc
13. นลินมณี
14. ladylongleg สมาชิกหมายเลข 2326325
15. ยัยตัวร้ายมุกอันดา
16. สมาชิกหมายเลข 4103002
17. คีตมินทร์
18. ลายลิขิต
19. turtle_cheesecake
20. อิสิ
21. จอมยุทธนักสืบ
22. psycho_factory
23. Tantava
24. B-thirteen
25. ชายขอบคันนายาว


หมายเหตุ : ท่านใด ยังไม่ได้ส่งเรื่องให้กรรมการ โปรดส่ง ภายในเวลา ไม่เกินวันที่ 16 พ.ย. พ้นจากนี้ ถือว่าสละสิทธิ์หรือถอนตัวครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่