เรื่องมีอยู่ว่า ผมมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวฮ่องกง-เซินเจิ้น กับบริษัททัวร์บริษัทหนึ่ง ในราคาที่ทุกท่านได้ฟังแล้วต้องอิจฉาแน่ๆคือราคา 5,999.-บาท ราคานี้มีค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ กรุงเทพ-ฮ่องกง ค่าที่พักที่เซินเจิ้น 2 คืน ค่ารถบัส และค่ารถไฟไปกลับ ฮ่องกง-เซินเจิ้น ค่าวีซ่าเข้าเซิ้นเจิ้นอีกด้วยนะครับ เป็นอย่างงัยครับ ราคาโอเคเลยใช่มั้ยครับ
แต่มีเรื่องที่น่าจะไม่ควรเกิดขึ้นกับคนไทยอีกต่อไป ถ้าทุกท่านจะได้อ่านเรื่องต่อไปนี้นะครับ เรื่องเริ่มต้นจากที่เครื่องบินได้บินลงที่ฮ่องกงแล้ว มีไกด์ท้องถิ่นมารับกลุ่มเราที่สนามบิน พาไปขึ้นรถบัสไปยังสถานีรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังด่าน ตม เพื่อเข้าเซิ้นเจิ้น พอผ่านด่านแล้วก็มีไกด์มีรับเพื่อไปทานข้าวและเข้าที่พัก วันแรกเราดีใจมากเลยว่าทัวร์นี้ดีมากเลย แต่แล้วเพียงข้ามคืนเท่านั้นความรู้สึกนั้นก็กลับตะละปัดเลยครับ สืบเนื่องจากวันที่สองนี้แหละที่น่ากลัวที่สุด คือหลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว พวกเราก็ถูกนำขึ้นรถบัสไปยังร้านขายหยกเพื่อเชือด (ซึ่งก่อนหน้านี้ไกด์ ได้แจ้งให้เราทราบว่าการที่เราได้มาเที่ยวที่เซินเจิ้นในราคานี้เพราะ ร้านค้าที่เขาจะพาเราไปนั้น ได้ออกค่าใช้จ่ายช่วยเหลือในเรื่องการเดินทางค่าโรงแรมและค่าอาหารให้เรานั่นเอง ทำให้เรารู้สึกว่าเห็นใจร้านค้าด้วย) พอไปถึงก็มีพนักงานชาวจีนมาต้อนรับ แต่พูดภาษาไทยได้ชัดพอสมควร มาให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ได้มีการแนะนำเรื่องปี่เซี๊ยะพอคร่าวๆ แล้วก็เชิญพวกเราเข้าไปในห้องคล้ายห้องประชุม แล้วมีการบรรยายเรื่องปี่เซี๊ยะต่างๆ จู่ๆซักครู่ก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาบอกว่า เจ้าของร้านได้แวะเข้ามาเยี่ยมร้านพอดี ขอเข้ามาแนะนำตัวหน่อย พอเจ้าของร้านเข้ามาละครฉากใหญ่ก็เริ่มบังเกิดขึ้น โดยเจ้าของร้านตามสมอ้างได้เข้ามาแจ้งว่าวันนี้เขาดีใจมากที่พวกเรามาเยี่ยม ประกอบกับภรรยาเขาพึ่งให้กำเนิดบุตรชายที่เขารอคอยมาเป็นเวลานาน ให้เขาแต่ลูกชายมีสุขภาพไม่แข็งแรง ขอให้พวกเราขอพรพระให้ลูกชายเค้าสุขภาพดีขึ้นด้วย จึงขอจัดคณะทัวร์ของพวกเราเป็นกรุ๊ป VIP กันเลยที่เดียว มีการเเจกของชำร่วยให้แก่ทุกคน ทำให้พวกเราร่วมแสดงความยินดีกับเขา (นี่งัยครับจุดอ่อนของคนไทยเรา) และเขาขอเปิดห้องโชว์รุมพิเศษ ให้เราดูสินค้าและจะลดราคาสินค้าเป็นพิเศษให้ เท่านั้นแหละครับ พวกเราก็โดนเล่ห์กลของร้านนี้ไปคนละหลายพันบาทเลยครับ แต่ก็ยังพอรับได้ครับ แต่ถ้ามีละครอย่างนี้มาแสดงผมขอทุกท่านงดซื้อเลยดีกว่าครับ แต่ที่ผมกับคณะรับไม่ได้ก็ไอ่ร้านที่ 2 นี่แหละครับพี่น้อง เริ่มขึ้นจากที่รถพาเรามียังอีกร้านหนึ่งที่อ้างว่าเป็นร้านขายบัวหิมะ ที่เราอยากจะซื้อไปฝากคนที่บ้านและคนที่เขาฝากซื้อนะครับ พอเราเขาไปในร้านก็มีคนมาแนะนำตัวเองว่าเป็นหมอที่อยู่ที่ร้านนี้ ก็ได้แนะนำตัวยาสมุนไพรต่างๆ แล้วเขาก็พาพวกเราเข้าห้องประชุมอีกแล้วครับ โดยได้แนะนำวิธีดูแลตัวเองรวมทั้งวิธีการสังเกตุว่าขณะตัวเองป่วยอะไรหรือเปล่า และได้ออกปากว่ามีอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญการตรวจโดยวิธีจับชีพจร หรือที่เรียกว่าการแมะ ให้แก่พวกเราทุกคน เท่านี้แหละพวกเราเกือบทุกคนก็อยากจะตรวจเพราะคิดว่าไม่น่าจะเสียค่าใช้จ่ายอะไร ที่ไหนได้นี้คือหลุมพรางบ่อใหญ่ที่จะเอาไว้ดักพวกเรา คือผมคนหนึ่งแหละที่อยากจะตรวจ พอผมได้เข้าไปตรวจก็มีหมอแมะ พาไปยังห้องตรวจโดยมีล่ามคนจีนพูดไทยได้ มาช่วยแปล พอแมะผมไปได้ระยะหนึ่ง หมอคนที่แมะอ้างว่าอาการของผมหนักมากจนเขาไม่สามารถให้คำปรึกษาได้ ต้องให้อาจารย์ใหญ่ที่รู้เรื่องนี้เฉพาะทางมาตรวจดีกว่า ซึ่งมันทำให้ผมตกใจมากกับการตรวจดังกล่าวมาก จึงยินยอมให้อาจารย์ใหญ่มาตรวจอีกครั้ง (ละครบทนี้เนียนมากเลยครับ) พออาจ่รย์ใหญ่เข้ามาตรวจเท่านั้นแหละครับ อาการของผมก็หนักมากจนถึงขนาดต้องรีบรักษาเเล้ว มิฉะนั้นผมอาจจะเส้นเลือดสมองแตก เป็นอัมพาตได้ ยิ่งทำให้ผมตกใจมาก แต่อาจารย์จะสั่งยาให้ผมกินดยมีกำหนดต้องกินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งปี ที่มันเลวร้ายที่สุดคือค่ายานี่แหละครับพี่น้องทุกท่าน ท่านจะเชื่อมั้ยครับว่าค่ายาของผมในเวลาหนึ่งปี นี้เป็นเงินเท่าไหร่ 5,000.-บาท หรือ 50,000.-บาท ละครับ ทายผิดครับราคาที่แท้จริงคือ 500,000.-บาทเลยครับพี่น้อง ผมยอมรับว่าผมเชื่อศาสตร์การรักษาแบบจีนครับ จึงถูกหว่านล้อมและโน้มน้าวให้ผมรู้สึกว่าผมป่วยหนักจนต้องได้รับการรักษาเป็นการเร่งด่วน ผมเองบอกว่าผมสามารถจ่ายได้เพียงเดือนเดียวคือสี่หมื่นกว่าบาท แต่ก็ถูกคะยั้นคะยอว่าอย่างน้อยต้องกินต่อเนื่องกันเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน แต่ผมก็ยืนยันว่าหนึ่งเดือน หมอก็แจ้งว่าเค้าจะช่วยฝังเข็มให้ฟรีโดยอ้างว่าการฝังเข็มดังกล่าวหากต้องจ่ายเองต้องใช้เงินถึง 75,000.-บาทเลยทีเดียว ยิ่งทำให้ผมเชื่อในละครที่เขาแสดงกัน สรุปเเล้วผมก็ต้องยินยอมเสียเงินซื้อยา จำนวน 2 เดือน (ได้สอบถามคนที่ได้ตรวจเหมือนกันกับผม ก็โดนเหมือนกัน แม้เค้าไม่มีเงิน หมอคนที่ตรวจก็เรียกหัวหน้าทัวร์ไปคุยให้หัวหน้าทัวร์อีกเงินสำรองให้ลูกทัวร์คนนี้ด้วย ลูกทัวร์ก็ต้องยินยอม) ที่สำคัญร้านนี้แจ้งว่ายาที่จ่ายให้แก่ผมหรือคนอื่น จะเป็นของเฉพาะตนเท่านั้น ไม่สามารถเอามาคืนได้ เพราะเค้าปรุงยาเฉพาะเราเท่านั้นนั่นเอง คืนมาก็ให้ใครไม่ได้ ที่น่าสังเกตุอีกอย่างหนึ่งคือยานั้นยังไม่นำมาให้เราดู แต่รูดบัตรเครดิตเราไปแล้วครับ ที่น่าเจ๋บใจมากที่สุดคือ พอเอายามาดูปรากฎว่าตัวยาเป็นแบบเดียวกันกับคนอื่นเลย พวกผมก็เลยสรุปหากเราโวยวายอะไรขึ้นมาตอนนั้น อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวเองและคญณะทัวร์ได้ เนื่องจากเราเข้าประเทศจีนต้องใช้วีซ่า หากเขาแกล้งเราเราอาจจะไม่ปลอดภัยไม่ได้กลับบ้าน เหตุเพราะร้านค้าพวกนี้ มีรัฐบาลจีนหนุนหลังอยู่ ผมจึงออกมาเขียนเตือนพี่น้องชาวไทยหากเจอเหตุการณ์แบบนี้ อย่าให้มีการแมะเกิดขึ้นเลยทุกท่านจะตกเป็นเหยื่อ ทางที่ดีก็ไม่ต้องไปเลยดีกว่ากับทัวร์ถูกๆไปเองเลยผมว่า ไม่ต้องมีใครมาหลอก จากนั้นทัวร์ก็พาเราไปร้านขายพวกหมอน ที่นอน ผ้าห่มยางพารา ทีนี้ไม่มีใครสนใจซื้ออะไเลย สมน้ำหน้ามัน ส่วนทัวร์ในฮ่องกง โดยรวมผมรับได้ครับ มแค่เรื่องเวลาที่จะให้พวกเรา shopping นั้นน้อยไปหน่อยนะครับ
ผมขอให้พี่น้องชาวไทยทุกม่านที่จะไปกับทัวร์ถูกๆ โปรไฟไหม้ หรือทัวร์ชื่ออะไรก็ตามที่จะต้องไปเซินเจิ้นนั้น ไปได้นะครับ แต่อย่าซื้อสินค้าใดๆโดยเฉพาะร้านขายยา ที่มีหมอแมะขอห้ามเด็ดขาดเลยครับ ผมขอให้เรื่องของผมนี้เป็นอุทาหรณ์ ฃให้พี่น้องคนไทยที่ตั้งใจจะไปเที่ยวเซินเจิ้นกับทัวร์ถูกๆนั้น ระวังให้จงหนักอย่าได้ตกเป็นเหยื่อ รวมตัวกันไม่ซื้อสินค้าใดๆทุกอย่างเอาให้มันหมดโอกาสที่จะมาหลอกลวงพี่น้องคนไทยเราได้อีก ประกอบการผมได้สอบถามข้อมูลจากไกด์ของบริษัทท่องเที่ยวอื่นๆแล้วก็แจ้งข้อมูลตรงกันในทุกๆประเด็นที่ผมได้เอามาเล่าสู่พี่น้องชาวไทยและชาวโลกให้รู้ จะได้ไม่ถูกหลอกลวงเหมือนผม เมื่อก่อนไม่เคยมีใครกล้าเขียนบอกพี่น้องคนไทย กลัวเขาจะว่าโง่ให้เขาหลอก แต่ผมคิดอย่างเดียวว่า หากแม้พี่น้องคนไทยเพียงคนเดียวได้อ่านอุทธาหรณ์ของผมนี้ก่อนการเดินทางไปกับทัวร์ประเภทนี้แล้ว ไม่ถูกหลอกลวงให้เสียเงินเป็นหมื่นเป็นแสน ผมก็ว่าคุ้สแล้วกลับการที่ผมออกมาแสดงความโง่ของผมในครั้งนี้แก่พี่น้องคนไทยและชาวโลกครับ หากพี่น้องคนไทยท่านใดได้อ่านข้อความนี้แล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยแชร์ให้ดังไปทั่วทั้งประเทศหรือทั่วทั้งโลกเลยได้ยิ่งดี
ใครชอบทัวร์ราคาถูก ฮ๋องกง-เซิ้นเจิ้นบางครับ ขอเตือนระวังการแอบแฝงขายของ เอารัดเอาเปรียบคนไทย(ลูกทัวร์)
แต่มีเรื่องที่น่าจะไม่ควรเกิดขึ้นกับคนไทยอีกต่อไป ถ้าทุกท่านจะได้อ่านเรื่องต่อไปนี้นะครับ เรื่องเริ่มต้นจากที่เครื่องบินได้บินลงที่ฮ่องกงแล้ว มีไกด์ท้องถิ่นมารับกลุ่มเราที่สนามบิน พาไปขึ้นรถบัสไปยังสถานีรถไฟเพื่อมุ่งหน้าไปยังด่าน ตม เพื่อเข้าเซิ้นเจิ้น พอผ่านด่านแล้วก็มีไกด์มีรับเพื่อไปทานข้าวและเข้าที่พัก วันแรกเราดีใจมากเลยว่าทัวร์นี้ดีมากเลย แต่แล้วเพียงข้ามคืนเท่านั้นความรู้สึกนั้นก็กลับตะละปัดเลยครับ สืบเนื่องจากวันที่สองนี้แหละที่น่ากลัวที่สุด คือหลังจากรับประทานอาหารเช้าที่โรงแรมแล้ว พวกเราก็ถูกนำขึ้นรถบัสไปยังร้านขายหยกเพื่อเชือด (ซึ่งก่อนหน้านี้ไกด์ ได้แจ้งให้เราทราบว่าการที่เราได้มาเที่ยวที่เซินเจิ้นในราคานี้เพราะ ร้านค้าที่เขาจะพาเราไปนั้น ได้ออกค่าใช้จ่ายช่วยเหลือในเรื่องการเดินทางค่าโรงแรมและค่าอาหารให้เรานั่นเอง ทำให้เรารู้สึกว่าเห็นใจร้านค้าด้วย) พอไปถึงก็มีพนักงานชาวจีนมาต้อนรับ แต่พูดภาษาไทยได้ชัดพอสมควร มาให้การต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี ได้มีการแนะนำเรื่องปี่เซี๊ยะพอคร่าวๆ แล้วก็เชิญพวกเราเข้าไปในห้องคล้ายห้องประชุม แล้วมีการบรรยายเรื่องปี่เซี๊ยะต่างๆ จู่ๆซักครู่ก็มีพนักงานคนหนึ่งเข้ามาบอกว่า เจ้าของร้านได้แวะเข้ามาเยี่ยมร้านพอดี ขอเข้ามาแนะนำตัวหน่อย พอเจ้าของร้านเข้ามาละครฉากใหญ่ก็เริ่มบังเกิดขึ้น โดยเจ้าของร้านตามสมอ้างได้เข้ามาแจ้งว่าวันนี้เขาดีใจมากที่พวกเรามาเยี่ยม ประกอบกับภรรยาเขาพึ่งให้กำเนิดบุตรชายที่เขารอคอยมาเป็นเวลานาน ให้เขาแต่ลูกชายมีสุขภาพไม่แข็งแรง ขอให้พวกเราขอพรพระให้ลูกชายเค้าสุขภาพดีขึ้นด้วย จึงขอจัดคณะทัวร์ของพวกเราเป็นกรุ๊ป VIP กันเลยที่เดียว มีการเเจกของชำร่วยให้แก่ทุกคน ทำให้พวกเราร่วมแสดงความยินดีกับเขา (นี่งัยครับจุดอ่อนของคนไทยเรา) และเขาขอเปิดห้องโชว์รุมพิเศษ ให้เราดูสินค้าและจะลดราคาสินค้าเป็นพิเศษให้ เท่านั้นแหละครับ พวกเราก็โดนเล่ห์กลของร้านนี้ไปคนละหลายพันบาทเลยครับ แต่ก็ยังพอรับได้ครับ แต่ถ้ามีละครอย่างนี้มาแสดงผมขอทุกท่านงดซื้อเลยดีกว่าครับ แต่ที่ผมกับคณะรับไม่ได้ก็ไอ่ร้านที่ 2 นี่แหละครับพี่น้อง เริ่มขึ้นจากที่รถพาเรามียังอีกร้านหนึ่งที่อ้างว่าเป็นร้านขายบัวหิมะ ที่เราอยากจะซื้อไปฝากคนที่บ้านและคนที่เขาฝากซื้อนะครับ พอเราเขาไปในร้านก็มีคนมาแนะนำตัวเองว่าเป็นหมอที่อยู่ที่ร้านนี้ ก็ได้แนะนำตัวยาสมุนไพรต่างๆ แล้วเขาก็พาพวกเราเข้าห้องประชุมอีกแล้วครับ โดยได้แนะนำวิธีดูแลตัวเองรวมทั้งวิธีการสังเกตุว่าขณะตัวเองป่วยอะไรหรือเปล่า และได้ออกปากว่ามีอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญการตรวจโดยวิธีจับชีพจร หรือที่เรียกว่าการแมะ ให้แก่พวกเราทุกคน เท่านี้แหละพวกเราเกือบทุกคนก็อยากจะตรวจเพราะคิดว่าไม่น่าจะเสียค่าใช้จ่ายอะไร ที่ไหนได้นี้คือหลุมพรางบ่อใหญ่ที่จะเอาไว้ดักพวกเรา คือผมคนหนึ่งแหละที่อยากจะตรวจ พอผมได้เข้าไปตรวจก็มีหมอแมะ พาไปยังห้องตรวจโดยมีล่ามคนจีนพูดไทยได้ มาช่วยแปล พอแมะผมไปได้ระยะหนึ่ง หมอคนที่แมะอ้างว่าอาการของผมหนักมากจนเขาไม่สามารถให้คำปรึกษาได้ ต้องให้อาจารย์ใหญ่ที่รู้เรื่องนี้เฉพาะทางมาตรวจดีกว่า ซึ่งมันทำให้ผมตกใจมากกับการตรวจดังกล่าวมาก จึงยินยอมให้อาจารย์ใหญ่มาตรวจอีกครั้ง (ละครบทนี้เนียนมากเลยครับ) พออาจ่รย์ใหญ่เข้ามาตรวจเท่านั้นแหละครับ อาการของผมก็หนักมากจนถึงขนาดต้องรีบรักษาเเล้ว มิฉะนั้นผมอาจจะเส้นเลือดสมองแตก เป็นอัมพาตได้ ยิ่งทำให้ผมตกใจมาก แต่อาจารย์จะสั่งยาให้ผมกินดยมีกำหนดต้องกินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งปี ที่มันเลวร้ายที่สุดคือค่ายานี่แหละครับพี่น้องทุกท่าน ท่านจะเชื่อมั้ยครับว่าค่ายาของผมในเวลาหนึ่งปี นี้เป็นเงินเท่าไหร่ 5,000.-บาท หรือ 50,000.-บาท ละครับ ทายผิดครับราคาที่แท้จริงคือ 500,000.-บาทเลยครับพี่น้อง ผมยอมรับว่าผมเชื่อศาสตร์การรักษาแบบจีนครับ จึงถูกหว่านล้อมและโน้มน้าวให้ผมรู้สึกว่าผมป่วยหนักจนต้องได้รับการรักษาเป็นการเร่งด่วน ผมเองบอกว่าผมสามารถจ่ายได้เพียงเดือนเดียวคือสี่หมื่นกว่าบาท แต่ก็ถูกคะยั้นคะยอว่าอย่างน้อยต้องกินต่อเนื่องกันเป็นเวลาอย่างน้อยสามเดือน แต่ผมก็ยืนยันว่าหนึ่งเดือน หมอก็แจ้งว่าเค้าจะช่วยฝังเข็มให้ฟรีโดยอ้างว่าการฝังเข็มดังกล่าวหากต้องจ่ายเองต้องใช้เงินถึง 75,000.-บาทเลยทีเดียว ยิ่งทำให้ผมเชื่อในละครที่เขาแสดงกัน สรุปเเล้วผมก็ต้องยินยอมเสียเงินซื้อยา จำนวน 2 เดือน (ได้สอบถามคนที่ได้ตรวจเหมือนกันกับผม ก็โดนเหมือนกัน แม้เค้าไม่มีเงิน หมอคนที่ตรวจก็เรียกหัวหน้าทัวร์ไปคุยให้หัวหน้าทัวร์อีกเงินสำรองให้ลูกทัวร์คนนี้ด้วย ลูกทัวร์ก็ต้องยินยอม) ที่สำคัญร้านนี้แจ้งว่ายาที่จ่ายให้แก่ผมหรือคนอื่น จะเป็นของเฉพาะตนเท่านั้น ไม่สามารถเอามาคืนได้ เพราะเค้าปรุงยาเฉพาะเราเท่านั้นนั่นเอง คืนมาก็ให้ใครไม่ได้ ที่น่าสังเกตุอีกอย่างหนึ่งคือยานั้นยังไม่นำมาให้เราดู แต่รูดบัตรเครดิตเราไปแล้วครับ ที่น่าเจ๋บใจมากที่สุดคือ พอเอายามาดูปรากฎว่าตัวยาเป็นแบบเดียวกันกับคนอื่นเลย พวกผมก็เลยสรุปหากเราโวยวายอะไรขึ้นมาตอนนั้น อาจจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวเองและคญณะทัวร์ได้ เนื่องจากเราเข้าประเทศจีนต้องใช้วีซ่า หากเขาแกล้งเราเราอาจจะไม่ปลอดภัยไม่ได้กลับบ้าน เหตุเพราะร้านค้าพวกนี้ มีรัฐบาลจีนหนุนหลังอยู่ ผมจึงออกมาเขียนเตือนพี่น้องชาวไทยหากเจอเหตุการณ์แบบนี้ อย่าให้มีการแมะเกิดขึ้นเลยทุกท่านจะตกเป็นเหยื่อ ทางที่ดีก็ไม่ต้องไปเลยดีกว่ากับทัวร์ถูกๆไปเองเลยผมว่า ไม่ต้องมีใครมาหลอก จากนั้นทัวร์ก็พาเราไปร้านขายพวกหมอน ที่นอน ผ้าห่มยางพารา ทีนี้ไม่มีใครสนใจซื้ออะไเลย สมน้ำหน้ามัน ส่วนทัวร์ในฮ่องกง โดยรวมผมรับได้ครับ มแค่เรื่องเวลาที่จะให้พวกเรา shopping นั้นน้อยไปหน่อยนะครับ
ผมขอให้พี่น้องชาวไทยทุกม่านที่จะไปกับทัวร์ถูกๆ โปรไฟไหม้ หรือทัวร์ชื่ออะไรก็ตามที่จะต้องไปเซินเจิ้นนั้น ไปได้นะครับ แต่อย่าซื้อสินค้าใดๆโดยเฉพาะร้านขายยา ที่มีหมอแมะขอห้ามเด็ดขาดเลยครับ ผมขอให้เรื่องของผมนี้เป็นอุทาหรณ์ ฃให้พี่น้องคนไทยที่ตั้งใจจะไปเที่ยวเซินเจิ้นกับทัวร์ถูกๆนั้น ระวังให้จงหนักอย่าได้ตกเป็นเหยื่อ รวมตัวกันไม่ซื้อสินค้าใดๆทุกอย่างเอาให้มันหมดโอกาสที่จะมาหลอกลวงพี่น้องคนไทยเราได้อีก ประกอบการผมได้สอบถามข้อมูลจากไกด์ของบริษัทท่องเที่ยวอื่นๆแล้วก็แจ้งข้อมูลตรงกันในทุกๆประเด็นที่ผมได้เอามาเล่าสู่พี่น้องชาวไทยและชาวโลกให้รู้ จะได้ไม่ถูกหลอกลวงเหมือนผม เมื่อก่อนไม่เคยมีใครกล้าเขียนบอกพี่น้องคนไทย กลัวเขาจะว่าโง่ให้เขาหลอก แต่ผมคิดอย่างเดียวว่า หากแม้พี่น้องคนไทยเพียงคนเดียวได้อ่านอุทธาหรณ์ของผมนี้ก่อนการเดินทางไปกับทัวร์ประเภทนี้แล้ว ไม่ถูกหลอกลวงให้เสียเงินเป็นหมื่นเป็นแสน ผมก็ว่าคุ้สแล้วกลับการที่ผมออกมาแสดงความโง่ของผมในครั้งนี้แก่พี่น้องคนไทยและชาวโลกครับ หากพี่น้องคนไทยท่านใดได้อ่านข้อความนี้แล้วเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ช่วยแชร์ให้ดังไปทั่วทั้งประเทศหรือทั่วทั้งโลกเลยได้ยิ่งดี