ยิ้มสิ ...
ยิ้มแม้ใจร้าวราญแหลกสลาย
ยิ้มแม้นสิ่งสรรค์ใดพังทลาย
ถึงเมฆร้ายพัดผ่านช่วงวารวัน
หากยิ้มสู้สู้ทุกข์และความโศก
เรื่องวิโยคอาจเปลี่ยนดังใจฝัน
เพราะพรุ่งนี้ยังมีดวงตะวัน
ที่ฉายฉันสาดส่องมองลงมา
ภาวุฒิกำลังเปลี่ยนไป .... เหมือนสายลมที่กำลังเปลี่ยนทิศ ความใส่ใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนนอกจากแขไขคุณ บัดนี้ได้โยกย้ายมาหาใครอีกคนนึง คนที่ตีค่าราคาตัวเองด้อยเสียเหลือเกิน "ฉันรู้ค่ะ ... " ถ้อยคำติดปากของเธอเป็นแบบนั้นเสมอ เข้าอกเข้าใจและไม่เรียกร้องอะไร "เลย" ไม่มีแม้แต่น้อยที่จะเรียกหาอะไรเพื่อตัวเอง จริงอยู่ ... ที่เธอว่าอย่างนั้น เป็นเพราะเขาเองที่ย้ำให้เธอคิดแบบนั้น หากเอาเข้าจริง ทุกอย่างก็เป็นการ "ทำเพื่อเธอ" และ "เพราะเธอ" ไม่มากก็น้อย สายตายามเผลอไผลก็นึกจะมองเธออย่างเอ็นดูอยู่บ่อยครั้ง และ เริ่มจะปฏิเสธผู้หญิงที่ทั้งซื่อทั้งอ่อนใสได้ยากขึ้นทุกที ทั้ง ๆ ที่วนิดาไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ ๆ เธอก็แค่เป็นตัวเธอ
แม้กระทั่งเวลาที่เขาพูดถึง "แขไขคุณ" อย่างสนุกสนาน เธอคนที่มุ่งมั่น มีชีวิตชีวา มีเป้าหมาย คนที่รื่นเริงกับเกมการแข่งขัน คนที่พร้อมรับคำท้าทาย และ คนที่จะทำอะไรเพื่อเขา สิ่งที่ภาวุฒิบรรยายเกี่ยวกับแขไขคุณก็ไม่แน่ใจนักว่ามันคือความรักหรือเพียงแค่การแข่งขันและเอาชนะ ... ทุกอย่าง ทั้งเกมส์ ทั้งรางวัล และ ทั้งตัวของภาวุฒิ
หากใจของภาวุฒิก็ต้องฟุบแฟบไปอย่างรวดเร็วเมื่อหันกลับมาเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของวนิดา ไม่มีความอิจฉาริษยาหรือแม้แต่ร่องรอยแห่งความเสียใจ สิ่งที่ประดับใบหน้ามีแต่รอยยิ้มแห่งความยินดีในความสุขของคนตรงหน้า และ อะไรบางอย่างที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจ สรุปแล้วเขาทำอะไรลงไปกับเด็กผู้หญิงแสนใสซื่อคนนี้กัน
ความสุข ... ที่ปะปนไปด้วยความรู้สึกผิดต่อคนที่อยู่แดนไกล ถึงจะติดใจในคุณสมบัติอันเจิดจ้าบาดตาและบาดใจ หากก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่คืบคลานเข้ามาใกล้คือความอ่อนเยาว์สดสะอาด คนที่คอยฟัง คอยยิ้ม และ หัวเราะ ในทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา อะไร ๆ ก็ดูเหมือนวนิดาจะเอาใจใส่เขาไปเสียทั้งสิ้น ความผูกพันได้เริ่มร้อยรัดภาวุฒิไว้จนเกือบจะดิ้นไม่หลุด เธอทำให้เขารู้ว่าบางทีความสุขมันก็ง่ายดาย และ เรียบง่ายเหลือเกิน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนร้านอาหารทุกปี ไม่จำเป็นต้องมีอะไรที่ตื่นเต้นหรือแก่งแย่งแข่งขัน
แค่รอยยิ้มของคน ๆ นั้นประดับอยู่บนใบหน้าก็พอแล้ว
อยู่ ๆ เขาก็อยากให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงขึ้นมา อยากจะทำทุกทาง อยากจะดูแลเอาใจ หากหน้าที่และความรู้สึกผิดต่อแขไขทำให้ภาวุฒิต้องเดินหน้าต่อไป ทั้งที่ใจ ... ก็ฝืดเฝื่อน ใบหน้าที่บ่งบอกว่าถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ... เขาไม่อยากทำแบบนั้นกับวนิดา หากไม่คิดอะไรมันก็ไม่ควรจะต้องรู้สึกผิดหรอก แต่นี่ ... ไม่ได้โปร่งโล่งใจเลยด้วยซ้ำในการคุยโทรศัพท์ "กับคนรัก" ความกลัวถูกจับได้คงไม่ใช่ปัญหา เจ้าตัวรู้ดีเลยว่า "วนิดา" ไม่ใช่ตัวปัญหา ผู้หญิงคนนั้นรู้ที่รู้ทางของตัวเอง มีแต่เขานี่แหละ ...
ปัญหานั้นมันอยู่ที่เขา ปัญหานั้นมันอยู่ที่รอยยิ้มของเธอคนนั้น รอยยิ้มที่แม้ไม่ได้เจิดจ้าจนบาดตาและงดงามจนบาดใจเหมือนแขไขคุณ หากรอยยิ้ม ... รอยยิ้มจริงใจที่ประดับริมฝีปาก แม้โลกจะสั่นสะเทือนเลื่อนไหว แม้พายุร้ายจะพัดผ่านเข้าใจ แม้ "หัวใจ" จะแตกสลาย รอยยิ้มนั้นก็ยังประดับบนใบหน้า สิ่งนี้นี่เองที่แผลงฤทธิ์แทบจะตอกหัวใจของภาวุฒิลงเป็นเสี่ยง ๆ
แล้วนี่ ... เขาจะต้องทำฉันใด
เธอคือพรหมลิขิต (กึ่งวิเคราะห์) : "Smile"
ยิ้มแม้ใจร้าวราญแหลกสลาย
ยิ้มแม้นสิ่งสรรค์ใดพังทลาย
ถึงเมฆร้ายพัดผ่านช่วงวารวัน
หากยิ้มสู้สู้ทุกข์และความโศก
เรื่องวิโยคอาจเปลี่ยนดังใจฝัน
เพราะพรุ่งนี้ยังมีดวงตะวัน
ที่ฉายฉันสาดส่องมองลงมา
ภาวุฒิกำลังเปลี่ยนไป .... เหมือนสายลมที่กำลังเปลี่ยนทิศ ความใส่ใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนนอกจากแขไขคุณ บัดนี้ได้โยกย้ายมาหาใครอีกคนนึง คนที่ตีค่าราคาตัวเองด้อยเสียเหลือเกิน "ฉันรู้ค่ะ ... " ถ้อยคำติดปากของเธอเป็นแบบนั้นเสมอ เข้าอกเข้าใจและไม่เรียกร้องอะไร "เลย" ไม่มีแม้แต่น้อยที่จะเรียกหาอะไรเพื่อตัวเอง จริงอยู่ ... ที่เธอว่าอย่างนั้น เป็นเพราะเขาเองที่ย้ำให้เธอคิดแบบนั้น หากเอาเข้าจริง ทุกอย่างก็เป็นการ "ทำเพื่อเธอ" และ "เพราะเธอ" ไม่มากก็น้อย สายตายามเผลอไผลก็นึกจะมองเธออย่างเอ็นดูอยู่บ่อยครั้ง และ เริ่มจะปฏิเสธผู้หญิงที่ทั้งซื่อทั้งอ่อนใสได้ยากขึ้นทุกที ทั้ง ๆ ที่วนิดาไม่ได้ทำอะไรเลยแท้ ๆ เธอก็แค่เป็นตัวเธอ
แม้กระทั่งเวลาที่เขาพูดถึง "แขไขคุณ" อย่างสนุกสนาน เธอคนที่มุ่งมั่น มีชีวิตชีวา มีเป้าหมาย คนที่รื่นเริงกับเกมการแข่งขัน คนที่พร้อมรับคำท้าทาย และ คนที่จะทำอะไรเพื่อเขา สิ่งที่ภาวุฒิบรรยายเกี่ยวกับแขไขคุณก็ไม่แน่ใจนักว่ามันคือความรักหรือเพียงแค่การแข่งขันและเอาชนะ ... ทุกอย่าง ทั้งเกมส์ ทั้งรางวัล และ ทั้งตัวของภาวุฒิ
หากใจของภาวุฒิก็ต้องฟุบแฟบไปอย่างรวดเร็วเมื่อหันกลับมาเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของวนิดา ไม่มีความอิจฉาริษยาหรือแม้แต่ร่องรอยแห่งความเสียใจ สิ่งที่ประดับใบหน้ามีแต่รอยยิ้มแห่งความยินดีในความสุขของคนตรงหน้า และ อะไรบางอย่างที่ถาโถมเข้ามาในจิตใจ สรุปแล้วเขาทำอะไรลงไปกับเด็กผู้หญิงแสนใสซื่อคนนี้กัน
ความสุข ... ที่ปะปนไปด้วยความรู้สึกผิดต่อคนที่อยู่แดนไกล ถึงจะติดใจในคุณสมบัติอันเจิดจ้าบาดตาและบาดใจ หากก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่คืบคลานเข้ามาใกล้คือความอ่อนเยาว์สดสะอาด คนที่คอยฟัง คอยยิ้ม และ หัวเราะ ในทุกเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา อะไร ๆ ก็ดูเหมือนวนิดาจะเอาใจใส่เขาไปเสียทั้งสิ้น ความผูกพันได้เริ่มร้อยรัดภาวุฒิไว้จนเกือบจะดิ้นไม่หลุด เธอทำให้เขารู้ว่าบางทีความสุขมันก็ง่ายดาย และ เรียบง่ายเหลือเกิน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนร้านอาหารทุกปี ไม่จำเป็นต้องมีอะไรที่ตื่นเต้นหรือแก่งแย่งแข่งขัน
อยู่ ๆ เขาก็อยากให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริงขึ้นมา อยากจะทำทุกทาง อยากจะดูแลเอาใจ หากหน้าที่และความรู้สึกผิดต่อแขไขทำให้ภาวุฒิต้องเดินหน้าต่อไป ทั้งที่ใจ ... ก็ฝืดเฝื่อน ใบหน้าที่บ่งบอกว่าถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ... เขาไม่อยากทำแบบนั้นกับวนิดา หากไม่คิดอะไรมันก็ไม่ควรจะต้องรู้สึกผิดหรอก แต่นี่ ... ไม่ได้โปร่งโล่งใจเลยด้วยซ้ำในการคุยโทรศัพท์ "กับคนรัก" ความกลัวถูกจับได้คงไม่ใช่ปัญหา เจ้าตัวรู้ดีเลยว่า "วนิดา" ไม่ใช่ตัวปัญหา ผู้หญิงคนนั้นรู้ที่รู้ทางของตัวเอง มีแต่เขานี่แหละ ...
ปัญหานั้นมันอยู่ที่เขา ปัญหานั้นมันอยู่ที่รอยยิ้มของเธอคนนั้น รอยยิ้มที่แม้ไม่ได้เจิดจ้าจนบาดตาและงดงามจนบาดใจเหมือนแขไขคุณ หากรอยยิ้ม ... รอยยิ้มจริงใจที่ประดับริมฝีปาก แม้โลกจะสั่นสะเทือนเลื่อนไหว แม้พายุร้ายจะพัดผ่านเข้าใจ แม้ "หัวใจ" จะแตกสลาย รอยยิ้มนั้นก็ยังประดับบนใบหน้า สิ่งนี้นี่เองที่แผลงฤทธิ์แทบจะตอกหัวใจของภาวุฒิลงเป็นเสี่ยง ๆ