“แม้แสงเทียนวูบลับดับแสงไป จงยิ้มสู้ด้วยใจไกลกังวล” เชื่อว่าเนื้อความจากบทเพลง “รักจากฟ้า” (
https://youtu.be/n6x2J56AJQo) ท่อนนี้จะเป็นกำลังใจให้กับพสกนิกรไทยในยามนี้ได้ดี
หลังจากน้ำตาไทยได้ไหลนองทั่วแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งของประเทศไทยและปวงชนชาวไทย ที่ประวัติศาสตร์ไทยและประวัติศาสตร์โลกต้องจารึก ด้วยพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศได้หลั่งไหล มุ่งหน้าเดินทางเข้าสู่พื้นที่โดยรอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทย
ขณะเดียวกัน ประชาชนตามต่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศทั่วโลก ก็ได้เดินทางไปยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อร่วมวางดอกไม้จันทน์ถวายความอาลัยแด่พระองค์อย่างสมพระเกียรติสูงสุด และเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้ แม้ในหลาย ๆ พื้นที่สภาพอากาศจะมีฝนตก อบอ้าว หรือร้อนจัด แต่ก็ไม่มีอุปสรรคใด ๆ สามารถขัดวางความรัก ความจงรักภักดีของพสกนิกรไทย ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของในหลวง รัชกาลที่ 9 พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย พระผู้สถิตอยู่ในดวงใจไทยตราบนิรันดร์ได้
แต่ท่ามกลางความมืดมิด ก็ยังมีแสงสว่าง ในความโศกาอาดูร ก็ย่อมมีเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้เช่นกัน ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา จนถึงวันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ด้วยความรักที่เราทุกคนมีต่อพระองค์ท่าน เราจึงได้เห็นสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย เป็นต้นว่า
เราทุกคนได้ร่วมใจกันใส่ชุดดำถวายความอาลัยต่อพ่อหลวงยาวนานถึงหนึ่งปีเต็ม
เราได้เห็นประเทศไทยกลายเป็นสีเหลือง ด้วยดอกดาวเรืองที่บานสะพรั่งทั่วทุกพื้นที่
(แม้แต่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ อย่าง iwilldoforking.com)
เราได้เห็นจิตอาสาที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาร่วมงานพระราชพิธีเป็นจำนวนมากนับรวมกันได้หลายล้านคน
เราได้เห็นแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้เรายิ้มได้ เช่น ร้านเซเว่นปิดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้เกิดเรื่องอมยิ้มตามมาอีกหลายอย่าง เช่น นัดเจอกันหลังเซเว่นปิด หรือหมาเหงาหน้าเซเว่น เป็นต้น
ที่สำคัญ เราได้เห็นการแสดงออกซึ่งพลังแห่งความรัก ความสามัคคี ความมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันของคนไทยทั้งประเทศ ที่มาเข้าร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ทุกจังหวัดและอำเภอภายในวันเดียว จำนวนทั้งสิ้นถึง
19,126,740 คน (สิบเก้า...ล้านคน) คิดเป็น 28% หรือ 1 ใน 3 ของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นจำนวนตัวเลขที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ว่าทำได้อย่างไรภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จนชาวโลกประจักษ์แก่สายตา
ไม่เพียงราชวงศ์กับบุคคลสำคัญจากทั่วโลกที่มาร่วมพระราชพิธีเท่านั้น เรายังได้รับกำลังใจของคนต่างชาติต่างภาษาต่างวัฒนธรรม อย่างชาวภูฏาน ที่ได้ร่วมน้อมใจสวดมนต์ใหญ่ถวายแด่ในหลวงไทยผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งก็เป็นที่ประจักษ์ชัดด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มิได้ทรงเป็นเพียงพระมหากษัตริย์ในหัวใจคนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชาวโลกให้ความรัก ความเคารพยกย่องด้วยเช่นกัน
เหนือสิ่งอื่นใด เราได้เห็นและรับรู้ว่า คนไทยรักในหลวง คนไทยมีความสามัคคีกัน เมื่อคนไทยรวมใจกันทำสิ่งดี ๆ ความยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้น ประวัติศาสตร์ก็จะบันทึกไว้ เราโชคดีที่เป็นคนไทย โชคดีที่มีพ่อหลวงให้เราเดินตามรอยความดี
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชของไทย พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในใจคนทั่วโลก พระผู้ทรงเป็น ในหลวงของแผ่นดิน ผู้หล่อรวมให้เม็ดดินทราย กลายเป็นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
9 เรื่องประทับใจที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
1. ประชาชนร่วมวางดอกไม้จันทน์ทั่วประเทศ 19.1 ล้านคน
2. สถานเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก 93 แห่งใน 70 กว่าประเทศทั่วโลก จัดพิธีถวายดอกไม้จันทน์อย่างพร้อมเพรียงกัน
3. จิตอาสางานพระราชพิธีทั้งในและต่างประเทศกว่า 4 ล้านคน
4. บุคคลสำคัญจาก 42 ประเทศ 24 ราชวงศ์ เข้าร่วมงานพระราชพิธี
5. ประชาชนต่อแถวรอคิวถวายดอกไม้จันทน์ยาวและยาวนานทั่วประเทศโดยไม่ย่นย่อ
6. ประชาชนร่วมถวายความอาลัยยาวนานถึง 1 ปีเต็ม
7. 7-11 กว่าหนึ่งหมื่นสาขาปิดเป็นครั้งแรก เพื่อให้พนักงานไปร่วมงานพระราชพิธี
8. ดอกดาวเรืองบานสะพรั่งทั่วไทย รวมถึงปลูกผ่านเว็บไซต์ iwilldoforking จำนวน 1,027,695 ดอก
9. พระเมรุมาศที่งดงามอลังการและยิ่งใหญ่สมพระเกียรติที่สุด
ตราไว้ในดวงใจ บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ
หลังจากน้ำตาไทยได้ไหลนองทั่วแผ่นดินอีกครั้ง เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันสำคัญยิ่งของประเทศไทยและปวงชนชาวไทย ที่ประวัติศาสตร์ไทยและประวัติศาสตร์โลกต้องจารึก ด้วยพสกนิกรจากทั่วทุกสารทิศได้หลั่งไหล มุ่งหน้าเดินทางเข้าสู่พื้นที่โดยรอบมณฑลพิธีท้องสนามหลวง เพื่อร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชผู้เป็นที่รักยิ่งของชาวไทย
ขณะเดียวกัน ประชาชนตามต่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศทั่วโลก ก็ได้เดินทางไปยังสถานที่ที่จัดเตรียมไว้ เพื่อร่วมวางดอกไม้จันทน์ถวายความอาลัยแด่พระองค์อย่างสมพระเกียรติสูงสุด และเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่หาที่สุดมิได้ แม้ในหลาย ๆ พื้นที่สภาพอากาศจะมีฝนตก อบอ้าว หรือร้อนจัด แต่ก็ไม่มีอุปสรรคใด ๆ สามารถขัดวางความรัก ความจงรักภักดีของพสกนิกรไทย ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารของในหลวง รัชกาลที่ 9 พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย พระผู้สถิตอยู่ในดวงใจไทยตราบนิรันดร์ได้
แต่ท่ามกลางความมืดมิด ก็ยังมีแสงสว่าง ในความโศกาอาดูร ก็ย่อมมีเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้เช่นกัน ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา จนถึงวันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ด้วยความรักที่เราทุกคนมีต่อพระองค์ท่าน เราจึงได้เห็นสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นมากมาย เป็นต้นว่า
เราทุกคนได้ร่วมใจกันใส่ชุดดำถวายความอาลัยต่อพ่อหลวงยาวนานถึงหนึ่งปีเต็ม
เราได้เห็นประเทศไทยกลายเป็นสีเหลือง ด้วยดอกดาวเรืองที่บานสะพรั่งทั่วทุกพื้นที่ (แม้แต่ในเว็บไซต์ต่าง ๆ อย่าง iwilldoforking.com)
เราได้เห็นจิตอาสาที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มาร่วมงานพระราชพิธีเป็นจำนวนมากนับรวมกันได้หลายล้านคน
เราได้เห็นแม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำให้เรายิ้มได้ เช่น ร้านเซเว่นปิดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งทำให้เกิดเรื่องอมยิ้มตามมาอีกหลายอย่าง เช่น นัดเจอกันหลังเซเว่นปิด หรือหมาเหงาหน้าเซเว่น เป็นต้น
ที่สำคัญ เราได้เห็นการแสดงออกซึ่งพลังแห่งความรัก ความสามัคคี ความมีใจเป็นหนึ่งเดียวกันของคนไทยทั้งประเทศ ที่มาเข้าร่วมพิธีถวายดอกไม้จันทน์ทุกจังหวัดและอำเภอภายในวันเดียว จำนวนทั้งสิ้นถึง 19,126,740 คน (สิบเก้า...ล้านคน) คิดเป็น 28% หรือ 1 ใน 3 ของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งเป็นจำนวนตัวเลขที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง ว่าทำได้อย่างไรภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง จนชาวโลกประจักษ์แก่สายตา
ไม่เพียงราชวงศ์กับบุคคลสำคัญจากทั่วโลกที่มาร่วมพระราชพิธีเท่านั้น เรายังได้รับกำลังใจของคนต่างชาติต่างภาษาต่างวัฒนธรรม อย่างชาวภูฏาน ที่ได้ร่วมน้อมใจสวดมนต์ใหญ่ถวายแด่ในหลวงไทยผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย ซึ่งก็เป็นที่ประจักษ์ชัดด้วยว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มิได้ทรงเป็นเพียงพระมหากษัตริย์ในหัวใจคนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นพระมหากษัตริย์ที่ชาวโลกให้ความรัก ความเคารพยกย่องด้วยเช่นกัน
เหนือสิ่งอื่นใด เราได้เห็นและรับรู้ว่า คนไทยรักในหลวง คนไทยมีความสามัคคีกัน เมื่อคนไทยรวมใจกันทำสิ่งดี ๆ ความยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้น ประวัติศาสตร์ก็จะบันทึกไว้ เราโชคดีที่เป็นคนไทย โชคดีที่มีพ่อหลวงให้เราเดินตามรอยความดี
ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ ต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชของไทย พระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในใจคนทั่วโลก พระผู้ทรงเป็น ในหลวงของแผ่นดิน ผู้หล่อรวมให้เม็ดดินทราย กลายเป็นแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ ...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้