ขอปรึกษาปัญหาชีวิตหน่อยครับ

สวัสดีครับ บอกก่อนว่าผมมีล้อกอินที่pantip เเต่ขอถอดล้อกอินนะครับ เพราะไม่อยากให้รู้ตัวตนจริงๆ

ปัญหาที่ผมนำมาปรึกษาพี่ๆวันนี้คือปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตกับการเรียนนี่เเหละครับจริงๆคืออยากบ่นเเละระบายพร้อมๆกับปรึกษาไปพร้อมๆกัน งั้นขอเริ่มด้วยการเเนะนำตัวก่อนเพื่อจะได้เห็นภาพมากขึ้นนะครับ โดยปกติตัวผมเองจะเป็นเด็กที่ไม่ได้ฉลาดมากนักเเต่ก็พอเรียนไปกับเพื่อนๆได้ นิสัยจะค่อนข้างร่าเริงเอามากๆ คือจะไม่ค่อยเครียดเเละไม่ค่อยซีเรียสกับการเรียนเท่าไหร่ จะไม่ค่อยมีอะไรโดดเด่นครับเเต่ถ้าเอาข้อดีของตัวเองเลยคิดว่า ตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างใจดีเเละสุขภาพจิตดีมากๆ(คือเเทบไม่เครียดกับอะไรเลยดีกว่าครับ) ส่วนข้อเสีย ก็คงจะเป็น เพราะความที่ไม่ค่อยอะไรทำให้บางครั้งเป็นคนไม่ค่อยเอาจริงเอาจังกับอะไร(ไม่เอาถ่าน)เเละก็สู้ใครเขาไม่ค่อยได้ เเบ็คกราวด์ครอบครัวของผม ผมเกิดมาในครอบครัวที่เป็นลูกคนเดียวเเละมีฐานะปานกลางๆ คือไม่ได้รวยเเต่ก็ไม่ได้ขัดสนอะไร (เเต่ทั้งนี้เวลาผมอยากได้อะไร[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ก็ไม่เคยไปขอผู้ปกครองนะครับจะเก็บเงินซื้อเองส่วนมาก เเอบๆซื้อเเถมต้องเเอบเล่นๆด้วยเพราะผู้ปกครองค่อนข้างเข็มงวด) ในช่วงโรงเรียน ผมก็ใช้ชีวิตปกติเรื่อยก็มีทะเลาะกับพ่อเเม่บ้างนิดหน่อยการเรียนตกบ้างเเต่ก็รักษาระดับไว้ได้ประมาณเกือบๆ3.5(ฮึดตอนช่วงท้ายๆ)ปล.ผมเรียนศิลป์คำนวนนะครับ มาจนเข้าสู่มหาลัย ก็สอบติดมหาลัยรัฐที่มีชื่อเสียงเเห่งนึง ติดทั้งหมด3หลักสูตรครับ เเละตัวผมเองได้เลือกหลักสูตรที่เรียนยากที่สุดเพราะคิดว่ามันน่าจะมีเส้นทางไปสู่อาชีพในอนาคตที่ดีที่สุด เเต่ทั้งนี้พ่อผมอยากให้เข้าหลักสูตรที่เรียนง่ายลงมาเหมือนท่านรู้อยู่เเล้วว่าผมเรียนไม่ไหว เเต่ผมก็ยังคัดค้านเเละยืนยันที่จะมา สุดท้ายก็จบที่หลักสูตรนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นคือผมชอบเรียนคณะนี้นะครับ เเต่บางครั้งก็สู้คนอื่นไม่ไหว เพราะสภาพเเวดล้อมที่เเข่งขันกันสูงด้วย ผมเองเป็นคนติดชิวๆมาตั้งเเต่เเรกอยู่เเล้วก็ใช้เวลาปรับตัวมาก+กับอายุยังน้อยเพราะเรียนเร็ว บางครั้งการตัดสินใจหรือการทำอะไรจะสู้พวกเพื่อนๆเค้าไม่ได้ ตอนนั้นนี่เป็นminห้องทุกวิชาเลยครับ55555 เเต่พอเริ่มปรับตัวได้ก็เริ่มฮึดสู้ขึ้นมาครับ ก็เกรดตอนเเรกตกไปประมาณ2.5 ตอนนี้ปี2จะขึ้น3ก็เริ่มขึ้นมาเป็น2.7 ในด้านปัญหาการเรียนนั้นตัวผมเองก็ยังพอเเก้ไขได้ครับเพราะเริ่มปรับตัวได้บ้างเเล้ว  เเต่ทีนี้ผมมีปัญหาใหญ่ๆกับครอบครัวครับ หลักๆก็เกิดจากพฤติกรรมของผมเอง ผมออกบ้านเช้าเเละนอนดึกเอามากๆครับ ผมออกจากบ้านตี5เพื่อไปเรียนคลาส9โมง(ผมขับรถไป) ที่ออกเช้าเพราะรถติดมากเเละหาที่จอดยากมากเช่นกัน ไปถึงบางทีก็ไปนอนต่อในรถเอา  ส่วนเวลากลับบ้านปกติคลาสจะเลิก 4โมงเย็น ถ้ามีชดเชยก็ถึง2ทุ่ม เเต่ผมจะกลับบ้านประมาณทุ่มครึ่ง2ทุ่มทุกวัน เพราะเลี่ยงเวลารถติดครับ (ผมลองคำนวนตรงนี้เพื่อประหยัดเวลามากขึ้น เพราะหากผมออกตามเวลาปกติจะไปถึงบ้านประมาณทุ่มนึงเเละผมจะเสียเวลาบนถนนไปกว่า3ชั่วโมง เเต่หากผมรอจนถึงทุ่มครึ่งผมจะถึงบ้านประมาณ2ทุ่ม เท่ากับผมจะเสียเวลากับการขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมง ส่วนต่างเวลาที่เหลือผมสามารถนำไปทำอย่างอื่นได้) ซึ่งทำให้ชีวิตผมส่วนใหญ่จะอยู่ที่มหาลัยเเละเกือบทุกวันเพราะตารางเรียน6วันเเละบางทีมีงานกลุ่มด้วยยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย ผนวกกับพอถึงบ้านเเล้วต้องอ่านหนังสือหรือทำงานกลุ่มต่อ(ซึ่งคณะนี้งานเยอะเอามากๆเเละมีเเทบจะตลอดเลยดีกว่า) ทำให้บางครั้งผมนอนตี1ตี2 ซึ่งผมก็โดนตำหนิเรื่องนี้บ่อย เเละเป็นคำตำหนิเชิงเเนวถากถางเช่น "ก็เห็นเรียนหนักเเบบนี้เเต่ไม่เห็นจะได้เกรดดีๆกับเค้าบ้างเลย" ตัวผมเองสารภาพตามตรงว่าก็เเอบน้อยใจ+เสียใจลึกๆครับ ผมเองก็ไม่ได้อยากมีชีวิตเเบบนี้ เเต่ในเมื่อสถานการณ์มันบังคับผมก็ต้องทำ เเต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดมากอะไรก็ทำหน้าที่ผมต่อไป เวลาผ่านไป ความเหนื่อยล้ามันเหมือนสะสมมาเรื่อยๆอ่ะครับ ผมเองก็ยอมรับว่าบริหารเวลาไม่ค่อยดีด้วยเเต่ผมก็ทำในสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุดเเล้ว เหนื่อยกายเเล้วต้องกลับมาโดนด่าเรื่อยๆก็เหนื่อยใจเหมือนกันครับ พอพักหลังๆก็โดนว่าหนักขึ้นเพราะงานมันก็เยอะขึ้นตามระดับปีที่ศึกษาเเล้วยังไม่รวมไปถึงชีวิตส่วนตัวของผม ผมเองมีเเฟน...อ่าจริงๆก็ยังไม่ใช่เเฟนครับเเต่คุยกันดูใจกันอยู่เเละตั้งใจจะขอเป็นเเฟนกันจริงๆจังๆตอนเรียนจบเเล้ว เเละไม่ได้ปิดบังเรื่องนี้กับพ่อก็เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาทั้งฝั่งบ้านผมเเละบ้านของเเฟนผมเอง ซึ่งพ่อผมก็ไม่มีปัญหาอะไร เเต่หลังๆบางทีพ่อก็ชอบนำเรื่องนี้ไปโยงกับการที่ผมกลับบ้านช้ากลับบ้านดึกว่าไปรับไปส่งเค้าซึ่งจริงๆเเล้วเค้าเเค่อาศัยติดรถมาลงหน้าบ้านผมเเละขึ้นรถเเม่เค้ากลับบ้านต่อไป คือต่างฝ่ายต่างไม่เป็นภาระของกันเเละกันอ่ะครับอาศัยติดรถมาเฉยๆดีกว่า นอกจากเรื่องนี้ก็มีเรื่องงานอดิเรกผม ผมชอบการถ่ายรูปครับ เเละ ขอยอมรับตรงนี้เลยว่าไม่มีฝีมือครับ เเต่ชอบกล้องมากๆเเค่จับก็มีความสุขเเล้ว ตัวผมเองก็ไม่ค่อยเสียเงินกับเรื่องอื่นเช่นการกินการเเต่งตัวผมเป็นคนง่ายๆ กินไรก็ได้เสื้อก็ไม่ซื้ออาศัยเสื้อเเจกฟรีเอา เสื้อกีฬาสีโรงเรียนยังเอามาใส่ทุกวันนี้เลยครับ5555 เหล้าก็ไม่กินบุหรี่ก็ไม่สูบเที่ยวก็ไม่เที่ยว ทำให้มีเงินเหลือเก็บเยอะ การใช้จ่ายของผมเพียงอย่างเดียวคือพวกงานอดิเรกนี่ละครับ หลักๆก็จะเป็นกล้อง เเละเรื่องราวก็มาใหญ่โตตอนช่วงหลังๆ คือผมไปซื้อกล้องของSonyรุ่นนึงมา ซึ่งถ้าคนใช้กล้องSonyจะรู้ดีว่ามันเเพงเอามากๆ เเละรุ่นที่ผมซื้อก็เผอิญเป็นตัวที่เเพงที่สุดตอนนั้น (จริงๆมันเกินกว่าที่นักศึกษาปกติจะซื้อได้ด้วยซ้ำเเต่ผมอาศัยเก็บเงิน+ทำงานพิเศษเพิ่ม) ซึ่งทำให้พ่อไม่พอใจเรื่องการใช้เงินผมเป็นอย่างมาก ถึงขั้นซักผมว่าไปค้ายาเล่นการพนันอะไรหรือเปล่า(ตรงนี้ผมไม่ได้คิดมากเพราะก็เป็นเรื่องที่น่าสงสัยอยู่เเล้ว) พร้อมกับถากถางผมอยู่เรื่อยๆเช่น "เเบกกล้องเเล้วทำให้XXฉลาดขึ้นไหม" ซึ่งถ้าคนที่รักการถ่ายภาพจะรู้ว่าโอกาศที่จะได้ภาพนั้นมันมีตลอดเเล้วมักจะมาโดยที่เราไม่รู้ตัว ผมจึงเเบกกล้องไปมาตลอดทุกวัน ได้ภาพบ้างไม่ได้ภาพบ้าง ก็ไม่ได้อะไรเพราะมันเป็นงานอดิเรก เเละผมคิดว่ามันเป็นความสุขเล็กๆน้อยเท่าที่ผมจะหาได้เเล้ว เเต่สุดท้ายผมก็เบื่อหน่ายกับสิ่งที่ผมเจอจนสุดท้ายตัดสินใจขายกล้องเเละเลิกเล่นไป จริงๆมีอีกหลายเรื่องราวที่ผมพบเจอเเต่ก็ไม่อยากจะพูดออกมาเพราะมันไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดเท่าไหร่

ผมเติบโตมาด้วยคำดูถูกคำถากถางอยู่ตลอด จนยอมรับว่าเวลามีปัญหาอะไรไม่กล้าเข้าไปพูดคุยไม่กล้าเข้าไปปรึกษากับครอบครัวเเล้ว ตลอดเวลาผมรู้สึกเหมือนสู้กับอะไรก็ไม่รู้อยู่คนเดียว ผมรู้สึกทำอะไรผมก็ผิดตลอด ผมเริ่มรู้สึกเป็นคนยิ้มยากเเละพูดน้อยลง ไม่ค่อยอยากเเสดงออกทางความรู้สึกอะไรอีก ทุกวันนี้เเค่เข้าไปกอดไปหอมเเม่ผมยังไม่กล้าจะทำเลยครับ ตั้งเเต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความสุขของผมกลายเป็นการทำเกรดให้ได้ดีเพื่อเอาตัวรอดจากการโดนด่า ผมรู้สึกว่าชีวิตมีปัญหาทั้งๆที่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเเต่ก็เหมือนมันสะสมมานานเเละยิ่งหนักขึ้นทุกวันเเละทุกครั้งผมจะเป็นได้เเค่คนนั่งฟังไม่ได้อธิบายหรือพูดอะไรออกไปเเละยิ่งหนักขึ้นทุกวันจนบางครั้งถึงขึ้นมีถ้อยคำไม่ดีออกมา  ถ้าถามผมว่าผมอยากได้อะไรตอนนี้ ผมก็เเค่อยากไปหาที่เงียบๆเเล้วนอนหนุนตักใครซักคนที่เค้าพร้อมจะปลอบผม ผมอยากร้องไห้ดังๆตะโกนระบายทุกอย่างออกมา เเต่มันทำไม่ได้

ผมอยากจะขอคำเเนะนำจากพี่ๆว่าผมจะผ่านปัญหาเหล่านี้ไปได้ยังไง

สุดท้ายขอโทษที่มาบ่นอะไรก็ไม่รู้เเต่ผมก็ไม่รู้จะไปที่ไหนเเล้วจริงๆ เเละขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่