ตั้งแต่แม่เสียไปอะไรๆก็ดูพังไปหมด

ตั้งแต่แม่เสียไปอะไรๆก็ดูพังไปหมด
เริ่มต้นเลยนะคะ เราเป็นครอบครัว1ที่อบอุ่นเรามีพี่สาว1คนที่มีช่วงอายุที่ห่างกันมาก แม่เราทำงานราชการค่ะแม่เราแบกรับทุกอย่างทั้งค่าใช้จ่ายในบ้านจุกจิ๊กๆนั้นนู้นนี้ ส่วนพ่อมีธุรกิจส่วนตัวได้เงินมาก็เข้ากระเป๋าตัวเอง มีบ้างที่จุนเจือมาช่วยจ่ายที่บ้านแต่ก็น้อยครั้ง ชีวิตของเราตั้งแต่เด็กจนโตช่วงประถมต้นถึงประถมปลายด้วยนิสัยที่ไม่ชอบอะไรที่มันยุ่งยากเลยเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก จะมีแค่ผู้หญิงกลุ่มเล็กๆในห้อง เราเป็นคนไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร แต่ไม่ถึงกับเก็บตัว เราไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับมากนักในเพื่อน เพราะนิสัยและหน้าตา+กับพ่อที่คอยจะชูว่าเราเด่นกว่าเด็กคนอื่นมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่น ในตรงนั้นเพื่อนบางคนถึงกลับเกลียดเราไปเลย แต่บอกไว้ก่อนว่าเราเป็นคนติดแม่หลังเลิกเรียนก็จะไปช่วยแม่จ่ายตลาดซื้อของเข้าบ้านกินข้าวดูทีวีกับแม่ อีกอย่างนึ่งด้วยวัยที่เราห่างกับพี่สาวมากจึงเรียนกันอยู่คนละช่วง(เช่นเราอยู่ประถมพี่ก็จบม.ต้นไปอยู่จังหวัดอื่น)จึงไม่ค่อยจะสนิดหรือรู้นิสัยกันมากนัก ในช่วงของประถมปลายเราตัดสินใจว่าจะเล่นกีฬาหลังจากเริ่มเล่นกีฬาได้ไม่นานก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นหุ่นเชิดของพ่อที่ต้องเป็นไปตามสิ่งที่เขาขีดเส้นไว้พอทำไม่ได้ดั่งใจก็โดนด่าเราซ้อมกีฬาหนักตามที่เขาต้องการเช้าตื่นมาซ้อมไปเรียนเลิกก่อนเพื่อนเพื่อไปซ้อมกีฬากลับถึงบ้านก็ค่ำเวลาใกล้จบการศึกษาของแต่ละปีเราก็ต้องปิดก่อนเพื่อนไปซ้อมกีฬาทัศนศึกษากับเพื่อนในแต่ละปีไม่ค่อยได้ไปหลังจากนั้นเวลาที่อยู่กับแม่ก็น้อยลงๆ จนพี่เราคิดว่าเราเป็นลูกของพ่อไม่สนใจแม่ เราใช้ชีวิตอยู่กับการโดนบงการทุกอย่างตลอดมา(ยกเว้นแม่ไม่ว่าเราจะดีจะร้ายมีบอกเสมอๆว่าขอให้เราเป็นเด็กดีเป้นคนดี) แม่เป็นคนที่เราคุยได้แทบทุกเรื่อง มาถึงช่วงมัธยมต้นช่วงใกล้จบ ม.3  เรามีแฟนที่คบกันมาได้เกือบ1ปี และในช่วงที่เราจบม.3 มีอุบัติเหตุที่ไม่ว่าใครๆก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แม่เราเสียชีวิตในเหตุการนั้น หลังจากเหตุการนั้นผ่านไปได้ไม่นาน แฟนเราก็บอกเลิก พี่เรากลับมาแต่งงานแยกครอบครัว พ่อแต่งงานใหม่แยกครอบครัว เรากลายเป็นคนกลางที่ต้องรองรับอารมณ์ของทุกๆฝ่ายกลายเป็นคนที่โดนบงการให้เรียนนั้นเรียนนี้ (ลืมบอกอีกเรื่องนะคะหลังจากแม่เสียเราก็ไม่เล่นกีฬาต่อ) เราโดนกำหนดให้เรียนสายนั้นสายนี้ หลังจากที่แม่เสียชีวิตอะไรหลายๆอย่างที่ชีวิตมันก็ดูยากไปหมด เราเป้นคนที่ต้องรองรับอารมณ์คนทั้งบ้านที่ 2 วันดี4วันร้าย มาเสมอๆ แต่ในทางกลับกันเราไม่ก็ไม่มีใครให้หันหน้าหาเหมือนกันคะไร้ซึ่งที่พึ่ง พี่ที่ช่วงอายุห่างกันวันไหนที่เขาดีก็ดีไปหมด วันไหนมาร้ายเราทำไรก็ผิดไปหมด สุดท้ายเราหันไปเล่นเกมค่ะเราเข้าใจว่าในโลกของเกมเนี้ยมันเป้นโลกเล็กๆที่มีที่ยืนให้กับเรา เรายอมรับว่าติดเกมคะแต่เราจะเล่นเกมแค่หลังจากเลิกเรียนแล้วกลับบ้านช่วยที่บ้านเสร็จประมาณ1ทุ่มกว่าๆถึงจะเป็นเวลาที่เราจะเล่นเราไม่ชอบเที่ยวไม่ชอบการพบปะผู้คนมากมายไม่กินเหล้าไม่สูบุรี่ ทนอยู่แบบนี้จนจบ ม.6 เราได้ไปเรียนต่อมหาลัยในจังหวัดเล็กๆเราเหมือนได้เริ่มการใช้ชีวิตที่เป้นตัวของตัวเองครั้งแรก ตื่นมาไปเรียนกลับลงมหาลัยกินข้าวกลับห้องนานๆจะมีออกกำลังกายบ้างกับเพื่อนไม่กี่คน พอกลับห้องเราก็เล่นเกมคะถึงเวลานอนก็นอนตื่นเรียนใกล้สอบเราก็อ่านหนังสือ แต่ยอมรับคะว่าเกรดไม่ได้ดีมากมายแต่ไม่ได้แย่ ด้วยความที่ว่าเราเป้นคนกลางของครอบครัวที่จะเข้าหาฝั่งพ่อก็ไม่ได้ฝั่งพี่ก็ไม่ได้เราจึงกลายเป็นคนที่จะเลือกตอบคำตอบที่คนอื่นต้องการได้ยิน เราจบมหาลัยมาด้วยความสุขเป็น4ปีที่รู้สึกว่าผ่านไปไวและมีความสุข พอจบมาด้วยความที่ว่าธุรกิจของพ่อเราเริ่มไปได้ไม่ค่อยดีมากรายได้ที่เคยมีก็เริ่มติดลบ แต่ทางบ้านพี่กลับร่ำรวย พอเราจบมาก็โดนขอให้ช่วยทำงานให้พ่อพนักงานที่เคยมีก็ออกเราเลยเข้ามาทำให้ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง+กับนิสัยพ่อที่ชอบยกตัวเองอยุ่เหนือคนอื่น ลูกค้าที่เคยก็หายไปเรื่อยๆ (อีกอย่างคือบ้านเราไม่ยอมให้ไปไหนไปทำงานหรือหาประสบการที่อื่นเลย) ในช่วงนั้นครอบครัวก็มีปัญหาหลายๆอย่าง จึงทำให้เราต้องมาช่วยทำให้พี่แต่ยังต้องดูธุรกิจของพ่อและรองรับอารมณ์คนทั้งบ้านเหมือนเดิม อยู่ที่บ้านอารมณ์เหมือนโดนขังคุกขังทั้งความคิดและการกระทำ ทำไรไม่ถูกใจนิดหน่อยๆก็โดนตำหนิซ้ำแล้วซ้ำเล่า พูดตามตรงอยู่บ้านไม่มีความสุขเลยค่ะ ตั้งแต่แม่เสียไปความคิดของพ่อและพี่ก็ผิดเพี้ยนเห็นแก่ตัว ตอนเราทะเลากับพ่อเราไม่มีที่ไปเลยค่ะโคตรว่างเปล่าหันหน้าเข้าหาใครไม่ได้พี่เราก็ไม่สนใจบางทีด่าซ้ำด้วย (อีกอย่างพี่เรามีอคติกับคนที่เล่นเกมมากเลยคะ) ลืมบอกไปอีกเรื่องตอนจบมาใหม่ๆเราเจอกับคนคน1คะเขาไม่ได้ดีพร้อมแต่เท่าที่รู้จักผ่านๆมากเขาเป็นคนแคร์คนในครอบครัวเป็นคนดีและสุดท้ายก็เป็นแฟนกัน ทุกครั้งที่เราทะเลาะกับคนในบ้านเราจะไม่ตอบโต้อะไรเรารู้ว่าพูดไปยิ่งยาวแล้วกลับมาร้องไห้คนเดียวแต่อย่างน้อยๆก็มีแฟนนี้แหละค่ะค่อยปลอบใจแล้วบอกว่ามันจะผ่านไปนะ แต่ในวันนี้เรากลับโดนพี่ตำหนิว่าทำไมเลือกคนแบบนี้มาทั้งๆที่พี่ก็ไม่ได้รู้จักแฟนเราแต่แค่ฐานะเขาอยู่ในระดับกลางๆ คนเดียวที่เรารู้สึกว่าเวลาเราเศร้าเขายังอยู่ข้างๆกลับโดนพี่กีดกันออกไปจากชีวิต จนเรารู้สึกว่าทุกๆวันนี้เราเหมือนเป็นหุ่นยนต์รับใช้ที่ค่อยรองรับอารมณ์คนอื่นพูดไม่ได้รู้สึกไม่ได้ร้องไห้ไม่ได้ตอนนี้เราป่วยดูแลตามอาการพอเจอหลายๆเข้ามากลับรู้สึกว่าแค่ไข้หวัดมันก็สามารถหนักขึ้นเรื่อยเพราะจิตใจย้ำแย่..ที่มาระบายพูดในพันทิบเพราะไม่รู้จะบอกความรู้สึกอัดอั้นอึดอัดนี้กับใครคะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และขอบคุณคนที่เข้ามาให้กำลังใจหรือตำหนิค่ะขอบคุณจริงๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่