แน่นอนแหละครับว่า สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นบนดาวดวงนี้ก็คือ สมอง…
สมองที่เต็มไปด้วยสติปัญญา ความรู้สึกนึกคิด และจินตนาการในการสรรสร้างทุกสรรพสิ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง
แต่สมองของมนุษย์จะไม่มีความพิเศษอะไรเลย ถ้าขาด“โครงสร้างทางกายภาพ”ที่สมบูรณ์แบบ เพราะมันคือส่วนที่ช่วยถ่ายทอดความความต้องการของสมองให้ออกมาเป็นรูปธรรม
ประมาณว่า สมองคิด ร่างกายทำ และโชคดีที่ร่างกายของเรานั้น มีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ
ร่างกายของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้สามารถทรงตัวได้ด้วย2เท้า กระดูกสันหลังตั้งตรงตั้งแต่หัวจรดปลาย ขาหน้าหรือมือแยกอิสระจากพื้นดิน นี่คือโครงสร้างเบื้องต้นที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ตามที่สมองปรารถนา
ผมเคยบอกไว้ในกระทู้นึงก่อนหน้านี้แล้วว่า ร่างกายมนุษย์นี่คือสรีระขององค์เทพชัดๆ เพราะทุกอย่างมันดูลงตัว สมบูรณ์แบบ อวัยวะสำคัญทุกชิ้นส่วนถูกจัดวางเอาไว้ที่ครึ่งบนของร่างกาย มีเนื้อหนังห่อหุ้มไว้อย่างดี โดยแยกอวัยวะที่เป็นส่วนรับโสตประสาทสัมผัส ให้อยู่ด้านบนสุด ได้แก่ หู ตา จมูก ปาก แถมอวัยวะเหล่านี้ยังถูกจัดเรียงได้อย่างสมส่วน จนทำให้มนุษย์แต่ละคน มีอัตลักษณ์ทางใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน
“ถ้ามันไม่เรียกว่า สรีระของเทพเจ้า แล้วจะเรียกว่าอะไร” สมองและร่างกายของมนุษย์นี่แหละ คือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดแล้ว ในเอกภพแห่งนี้
ผมนึกภาพไม่ออกจริงๆ ถ้าหากมนุษย์เป็นสัตว์ที่เดินสี่ขา และอวัยวะต่างๆไม่ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น โลกนี้จะมีหน้าตาเป็นเช่นไร มนุษย์คงเจอกับข้อจำกัดในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตึกสูงระฟ้าที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ อาจกลายเป็นตึกที่สูงเพียงไม่กี่ชั้น สถาปัตยกรรมที่เป็นดั่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกคงไม่มีทางได้เกิดขึ้น เพราะองค์ประกอบของร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย
“ลองนึกภาพว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนเหมือนสุนัขดูสิครับ การจะสรรสร้างอะไรแต่ละอย่างคงเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ”
แต่น่าอัศจรรย์ที่เราถูกสร้างมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณความอัจฉริยะของสมองและโครงสร้างร่างกายของเรา ที่สามารถทำงานควบคู่กันได้อย่างลงตัว เพอร์เฟคสุดๆ
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพียงครั้งเดียวของผม ก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วครับ ส่วนใครที่ไม่พอใจในความเป็นมนุษย์ของตัวเอง ผมแนะนำให้ขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกมหานคร แล้วทิ้งดิ่งลงมาเลยครับ แค่นั้น จบปิ๊ง
สมองและร่างกายมนุษย์..สิ่งมหัศจรรย์แห่งเอกภพ (คหสต)
สมองที่เต็มไปด้วยสติปัญญา ความรู้สึกนึกคิด และจินตนาการในการสรรสร้างทุกสรรพสิ่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเอง
แต่สมองของมนุษย์จะไม่มีความพิเศษอะไรเลย ถ้าขาด“โครงสร้างทางกายภาพ”ที่สมบูรณ์แบบ เพราะมันคือส่วนที่ช่วยถ่ายทอดความความต้องการของสมองให้ออกมาเป็นรูปธรรม
ประมาณว่า สมองคิด ร่างกายทำ และโชคดีที่ร่างกายของเรานั้น มีประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ
ร่างกายของมนุษย์ถูกออกแบบมาให้สามารถทรงตัวได้ด้วย2เท้า กระดูกสันหลังตั้งตรงตั้งแต่หัวจรดปลาย ขาหน้าหรือมือแยกอิสระจากพื้นดิน นี่คือโครงสร้างเบื้องต้นที่เอื้ออำนวยต่อการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ ตามที่สมองปรารถนา
ผมเคยบอกไว้ในกระทู้นึงก่อนหน้านี้แล้วว่า ร่างกายมนุษย์นี่คือสรีระขององค์เทพชัดๆ เพราะทุกอย่างมันดูลงตัว สมบูรณ์แบบ อวัยวะสำคัญทุกชิ้นส่วนถูกจัดวางเอาไว้ที่ครึ่งบนของร่างกาย มีเนื้อหนังห่อหุ้มไว้อย่างดี โดยแยกอวัยวะที่เป็นส่วนรับโสตประสาทสัมผัส ให้อยู่ด้านบนสุด ได้แก่ หู ตา จมูก ปาก แถมอวัยวะเหล่านี้ยังถูกจัดเรียงได้อย่างสมส่วน จนทำให้มนุษย์แต่ละคน มีอัตลักษณ์ทางใบหน้าที่ไม่เหมือนกัน
“ถ้ามันไม่เรียกว่า สรีระของเทพเจ้า แล้วจะเรียกว่าอะไร” สมองและร่างกายของมนุษย์นี่แหละ คือสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดแล้ว ในเอกภพแห่งนี้
ผมนึกภาพไม่ออกจริงๆ ถ้าหากมนุษย์เป็นสัตว์ที่เดินสี่ขา และอวัยวะต่างๆไม่ถูกจัดวางไว้ในตำแหน่งที่ควรจะเป็น โลกนี้จะมีหน้าตาเป็นเช่นไร มนุษย์คงเจอกับข้อจำกัดในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ตึกสูงระฟ้าที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ อาจกลายเป็นตึกที่สูงเพียงไม่กี่ชั้น สถาปัตยกรรมที่เป็นดั่งสิ่งมหัศจรรย์ของโลกคงไม่มีทางได้เกิดขึ้น เพราะองค์ประกอบของร่างกายที่ไม่เอื้ออำนวย
“ลองนึกภาพว่าเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ยืนเหมือนสุนัขดูสิครับ การจะสรรสร้างอะไรแต่ละอย่างคงเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ”
แต่น่าอัศจรรย์ที่เราถูกสร้างมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณความอัจฉริยะของสมองและโครงสร้างร่างกายของเรา ที่สามารถทำงานควบคู่กันได้อย่างลงตัว เพอร์เฟคสุดๆ
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์เพียงครั้งเดียวของผม ก็ถือว่าคุ้มค่าที่สุดแล้วครับ ส่วนใครที่ไม่พอใจในความเป็นมนุษย์ของตัวเอง ผมแนะนำให้ขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกมหานคร แล้วทิ้งดิ่งลงมาเลยครับ แค่นั้น จบปิ๊ง