๙ แล้ว ๖ ๖ แล้ว ๙ ขอขยายความข้อความสนทนาหลังไมค์ ที่อยู่ในกรอบเหลืองและแดง

อมยิ้ม06อมยิ้ม05ข้อความที่นำมาโพสต์หน้าไมค์  ได้ขอกับทางคู่สนทนาแล้วครับ


นำข้อความที่สนทนากัน มาทำเป็นภาพประกอบ  





ข้อความกรอบเหลืองและแดงในภาพประกอบ โพสต์ครบหมดแล้วดังนี้


ข้อความในกรอบเหลือง  


พี่ครับเห็นพี่สะสมหุ้นต่ำบาท แล้วถือยาวๆ ได้ 3-4 เด้ง ขอคำแนะนำหน่อยครับ พี่ใช้หลักการเลือกหุ้นอย่างไรครับ ขอบคุณมากๆครับ

ความเห็นเพิ่มเติม


เพิ่มเติมจากในภาพประกอบ

มีอีกค่า ที่ใช้พิจารณาคือ ค่าหนี้สินทั้งหมดต่อส่วนผู้ถือหุ้นต่ำ  บางตัวแค่ ๑ ต่อ ๑๐ หรือ ๑ ต่อ ๑๐๐ ก็มี


เกรด เอ  ตลาดหุ้นเป็นใจ  ราคาหุ้นที่อยากจะซื้อเป็นใจ


คำว่าตลาดหุ้นเป็นใจ  ตีความได้หลายทาง  พวกเล่นเก็งกำไร ก็ต้องว่า
ตลาดหุ้นเป็นใจ  
หมายถึงตลาดหุ้นซื้อขายคึกคัก ดัชนีหุ้นหลักพุ่งกระฉูด  ราคาหุ้นเคลื่อนไหวรวดเร็วต่อเนื่องยาวนาน
ส่วนผม  ตีความ ตลาดหุ้นเป็นใจ  
หมายถึงตลาดหุ้นซบเซา  ไม่มีใครที่อยู่นอกตลาดอยากเข้าตลาด
ส่วนคนในตลาดก็ไม่อยากจะซื้อและถือหุ้น
พอย้อนกลับไปดูในพอร์ตหุ้นตอนนี้
หุ้นเกือบทุกตัวในพอร์ตที่ได้กำไรเงินมายาเกินหนึ่งเท่าตัว  มาจากข้อเอเป็นส่วนใหญ๋ และจากข้อบี บางส่วน


ดังนั้นพอตลาดหุ้นเป็นใจ มีแต่ความซบเซา อมยิ้ม06  
นักเก็งกำไรไม่อยากเข้าตลาด เพราะเล่นไปก็ไม่คุ้มค่าต๋ง

สำหรับผม   ถือเป็นโอกาสดีๆแบบสองเด้ง  
ถ้าหุ้นที่เราอยากจะซื้อก็เป็นใจไปตามตลาดหุ้น
ก็เข้าซื้อไปตามตัวชี้วัดที่เราได้กำหนดไว้แล้ว  

เลยเป็นที่มาของพอร์ตหุ้นในปัจจุบัน



เกรด บี   ตลาดหุ้นไม่เป็นใจ  แต่ราคาหุ้นที่อยากซื้อเป็นใจ


หมายถึงตลาดหุ้นเริ่มคึกคักบ้างแล้ว  
แต่ราคาหุ้นที่เราอยากซื้อกลับไม่คึกคักตามที่ควรจะเป็น
ผมได้ lit  กับ synex จากข้อ บี อมยิ้ม05


เกรดซี   ตลาดหุ้นเป็นใจ   ราคาหุ้นที่อยากซื้อไม่เป็นใจ


ตลาดหุ้นซบเซา แต่ราคาหุ้นที่อยากจะซื้อตามตัวชี้วัดกลับไม่มี
เพราะความรู้ ความสามารถของเราหาไม่เป็น  (ไม่ใช่หาไม่เจอ อมยิ้ม06)



เกรดดี   ตลาดหุ้นไม่เป็นใจ   ราคาหุ้นที่อยากซื้อไม่เป็นใจ


ตลาดหุ้นคึกคัก ใครๆก็ได้กำไรส่วนต่างราคาหุ้นกันอย่างง่ายๆ
คนที่ไม่เคยเข้าตลาดก็อยากเข้าตลาด  
คนที่อยู่ในตลาดเฉพาะช่วงขาขึ้นก็อยากจะเพิ่มวงเงินสด วงเงินกู้เพื่อเร่งกำไรให้มากขึ้น
คนส่วนใหญ่ที่เล่นหุ้นตามเจ้ามือในตลาด (เจ้ามือรายใหญ่สุดในตอนนี้คือพวกกองทุน) เลยเห็นกำไรจากตลาดหุ้นเป็นเรื่องง่ายๆ

แต่ผมกลับไม่มี ราคาหุ้นที่เราอยากจะซื้อไปตามตัวชี้วัดที่เรากำหนดไว้
ซึ่งคือสถานะของพอร์ตตัวเองในตอนนี้ เศร้า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ข้อความในกรอบแดง


แต่บางที ถ้าเราใช้ตัวเลขมากเกินไป  อาจจะพลาดหุ้นที่จะมีราคาดีๆในอนาคต ไปเหมือนกันครับ

เพราะไม่มีหุ้นที่เข้าเกณฑ์ที่เราตั้งไว้หลายๆข้อ


ความเห็นเพิ่มเติม


บางทีถ้าเราใช้ตัวชี้วัดอย่างเคร่งครัดหรือใช้หลายตัวมากเกินไป  ไม่มีการปรับเปลี่ยนบ้าง ลดค่าตัวชี้วัดลงบ้าง
เราก็จะติดกับดักเครื่องมือของเราเอง  
เพราะตลาดไม่เป็นใจกับเครื่องมือที่เราเคยใช้ได้ผล
เหมือนตอนตลาดหุ้นเป็นใจสำหรับตัวชี้วัดของเรา  

พอย้อนกลับไปดูพอร์ตตัวเอง  
ตัวที่ได้มาจากการคิดนอกกรอบตัวชี้วัดที่เคยใช้มา  
ด้วยการซื้อที่พีอีเกิน ๑๐  พีบีวีเกิน ๑ ดีอีเกิน ๑  ยีลด์ปันผลแค่ สามสี่เปอร์เซนต์ในตอนซื้อ
กลับสร้างเงินมายาเพิ่มเกินสามเท่าทั้งสองตัว  และได้ยีลด์ปันผลเทียบกับราคาซื้อ เกินสิบเปอร์เซนต์


ส่วนตัวที่ทำตามตัวชี้วัดค่อนข้างเคร่งครัด  
ถือมาเกือบสามปี  ได้กำไรรวมไม่ถึง ยี่สิบเปอร์เซนต์(บวกเงินปันผลรับแล้ว) อมยิ้ม06
ที่แย่กว่านั้นคือ ตัวที่คิดนอกกรอบ กลับซื้อไว้น้อย  ตัวที่คิดตามกรอบกลับซื้อไว้มากๆ เศร้า

จริงๆแล้ว  ค่าอีในอนาคต คือตัวชี้วัดที่แท้จริง  
ถ้าเราเข้าซิ้อในราคาหุ้นที่ยังเป็นใจให้ซื้อ เพราะค่าพียังไม่ได้ขยับตามค่าอี ที่คาดไว้ในอนาคต
คนที่ได้กำไรเป็นสิบเด้ง  ส่วนใหญ่คือคนที่ซื้อหุ้นตามเกรดเอ หรือไม่ก็เกรดบี


คนที่หาค่าอีในอนาคตเก่งๆ  และสามารถเข้าซื้อตอนที่ราคาหุ้นในตลาดยังไม่ได้ขยับมาก
คือคนที่ชนะตลาดหุ้นได้ในทุกสถานการณ์ เยี่ยม

ซึ่งผมก็ทำไม่ได้อมยิ้ม06  ได้แค่ออกนอกกรอบบ้างเป็นบางครั้ง  
เพราะจะไม่โลภเกินความรู้  ความสามารถตามปัจจัยพื้นฐานสะสมของตัวเองเป็นอันขาด

สำหรับผม   รู้เขา  ยังไงก็ต้องมาทีหลัง รู้จักตัวเราเอง
  


ขอต่ออีกนิด เรื่องความอดทนในการถือหุ้น ที่เคยโพสต์เอาไว้
โดยเอามาทำเป็นภาพประกอบแทน  


แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่