เรากับแฟนเก่าคบกันมาได้ประมาณปีกว่าๆ แล้ว ทุกอย่างดูปกติ perfect ดี ไม่เคยทะเลาะกันใดๆ ที่ผ่านมา เขาดูแลเราดีมาตลอด เป็นแฟนที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยคบมา
เขาเป็นฝรั่ง มาทำงานที่เมืองไทย เป็นงานที่เขารักและเป็นความฝันของเขา แต่...เขามักบินไปกลับประเทศเขาบ่อยๆ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร คนเราก็ต้องทำงานเนอะ แต่ประเด็นก็คือ...งานที่เขาทำที่บ้านเกิดเขาเป็นงานอะไรก็ไม่รู้ เขาไม่เคยเล่าให้เราฟัง พอเราถาม เขาก็บอกว่า ก็ทำคล้ายๆ ที่ไทยนี่ล่ะ แต่เราไม่เชื่อ เพราะเขาดูเครียดมากเวลามี message มาจากต่างประเทศ ต้องคอยรับสาย ตอบเมล์ จนเขารู้สึกว่า เวลาอยู่กับเรา เขาควรจะมอบเวลาให้เรา ไม่ใช่งาน แต่เขาก็ทิ้งงานไม่ได้ เราก็โอเค ไม่เป็นไร โตๆ กันแล้ว จะมางอนไร้สาระทำไม เอาเป็นว่า...งานที่ต่างประเทศของเขาเป็นงานที่เราไม่เคยเข้าถึงเลย แตกต่างจากงานที่ไทย เขาเล่าให้ฟังตลอด พาเราไปเจอเพื่อนร่วมงาน เฮฮา สนุกสนาน
มีอยู่วันหนึ่ง เราก็เจอกันปกตินะคะ กินข้าว เดินเล่น แล้วอยู่ๆ เขาก็บอกว่า เลิกกันเหอะ ห๊ะ! เราเงิบมาก ทำไม เราไม่ดีหรอ เธอมีคนใหม่หรอ เปล่า เขาไม่ได้มีคนใหม่ เราก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ ที่ผ่านมา เราไม่เคยมีความรู้สึกว่าเขาคุยกับคนอื่นเลย แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ เขาให้เหตุผลว่า เขาเป็นคนไม่ดี เป็นแฟนที่ไม่ดี เราควรไปเจอคนที่ดีกว่า แต่พอเขาคิดภาพเราอยู่กับคนอื่น เขาก็เจ็บปวด เขาดูสับสนมาก ร้องไห้ พูดวกไปวนมาว่า "ปัญหาเข้ามาแล้ว เขาไม่อยากลากเรามาเกี่ยวข้อง" เรารู้ทันทีว่าต้องเป็นงานที่ต่างประเทศ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกว่าปัญหาอะไร เราเลยบอกว่า งั้นไม่เลิก แต่ห่างกันซักพักไปก่อนนะ
แต่เวลาที่ให้ไปคงไม่พอ เราเองก็ทนไม่ไหว เศร้ามาก ไปหาจิตแพทย์เพราะกลัวว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า (มีประวัติมาก่อน แล้วชีวิตพังมาก) แต่หมอบอกว่า เรายังไม่ถึงเป็นโรคซึมเศร้า คนที่เป็นคือแฟนของคุณ เขาเริ่มโทษตัวเองแล้วนะคุณ ไม่เห็นคุณค่าตัวเองแล้วนะ ให้พาเขามานะ เราก็แบบ...หมอ จะลากมาได้ไง เราก็ห่างกันแล้ว ถถถถถถ หมอออออคะ!!!!
แล้วเราก็เจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้ เราทั้งฝ่ายตกลงเลิกกัน โดยเราเองก็เป็นคนหาทางออกให้เขานั่นล่ะ เธออยาก take a break หรือ break up เลือกมา โอเค เลิก เลิกก็เลิก จบกันด้วยดี เขาบอกว่า "บางที เราก็ควรตัดสิ่งที่สำคัญที่สุดออกจากชีวิต" ตอนจากกัน เขากอดเรา เราก็ให้กอด ซักพัก เขาเริ่มจะเข้ามาจูบ เรางงมาก เขาคงรู้ตัว ก่อนจะบอกเราว่า "ฉันรักเธอนะ"
อีเด๋ออออออออ เลิกกับเรา แล้วบอกรักเราเพื่อออออออออออ
พ่อเราบอกว่า เขาคงมีเรื่องเครียดมาก คงมีปัญหาเข้ามาจริงๆ อย่างที่เขาว่า ให้เวลาเขาไปก่อนนะ คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ลากเราลงมาจมด้วย ระหว่างนี้ ลูกก็ต้องไม่ต้องรอเขาหรอก ใช้ชีวิตของเราไป ถ้าคนจะใช่ก็กลับมาเอง ตอนนี้เท่าที่เราทำได้คือให้กำลังใจเขาอย่างห่างๆ
เราส่ง message ไปบ้าง นานๆ ส่งที และนานๆ เขาก็ตอบที แต่ตอบที ก็เรียกว่าส่งเรียงความมาเลยทีเดียว เราเองก็ไม่อยากจะยิงข้อความไปรัวๆ มันดูแย่อ่ะ แล้วไม่ cool เลย 555 แต่ก็อดไม่ได้ อดตัดพ้อไม่ได้ ไม่อยากคุยหรอวะ ไหนบอกว่า ไม่อยากให้ออกจากชีวิตไง จนล่าสุดเขาส่งข้อความมายาวว่า...
ตอนนี้ เขารู้สึกไม่ดีเลย เขาทั้งเหนื่อย ทั้งโดดเดี่ยว ดื่มเหล้าหนัก และน้ำหนักลดเข้าขั้นผอม เขาเริ่มปลีกตัว ไปต่างจังหวัดคนเดียวนานๆ เราเป็นห่วงเขามาก เราเลยเสนอว่า เธอไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ยังมีเรานะ ให้เราช่วยอะไรได้มั้ย มาเจอกันมั้ย เขาก็โอเค แต่ก็บอกว่า อย่าคาดหวังนะว่าจะกลับมาคบกัน แต่..."ฉันรักเธอนะ"
หืมมมมมมมมมม คนกำลังทำใจได้อยู่แล้ว บอกรักเพื่ออออออออออออ
เราหงุดหงิดมาก เราเลยส่งข้อความไปตัดพ้อ แล้วมารู้ตัวอีกทีว่า...เราไม่ควรเลย ถ้าเขาเป็นโรคซึมเศร้าจริงอย่างที่หมอว่า เราก็ไม่ควรทำแบบนี้เลย เราเองก็ผ่านมาแล้ว ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกไร้ค่า เหนื่อย ท้อ ปลีกตัวออกจากสังคม น้ำหนักลด
เราก็เลยเขียนเมล์ไปหาเขา (คิดว่าน่าจะเปิดอ่านล่ะ เขาเช็คเมล์ประจำ) อารมณ์ประมาณว่า เราขอโทษนะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์เราแล้ว แต่เราขอบอกตรงๆ เลยว่า เธอกำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้า เราไม่รู้ว่าเธอรู้ตัวรึเปล่า เราเคยผ่านมาก่อน เราเข้าใจ ทุกอย่างมันแย่มาก เรา ignore คนที่เรารัก เราไม่สนใจคำแนะนำใคร บางที อาการซึมเศร้ามันจะส่งผลกระทบกับการตัดสินใจ มันทำให้มองโลกทุกอย่างบิดเบี้ยว ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ บอกเราได้นะ
จนตอนนี้ เราไม่รู้ว่าเขาอ่านเมล์เราหรือยัง ไลน์ล่าสุดที่เราตัดพ้อเขา ก็ยังไม่ขึ้นอ่าน เราเป็นห่วงเขามากจริงๆ เราควรทำยังไงต่อไปดีคะ เขามีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ ใช่มั้ย แล้วถ้าเป็นจริงๆ เราจะพาเขาไปรักษาได้อย่างไร
เราเองก็เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน เราเคยคิดฆ่าตัวตายด้วย จะทำแล้วด้วย แต่โชคดีที่ทำไม่สำเร็จ ครั้งนี้ คนที่เรารักคนนึงกำลังจะโดนโรคนี้กัดกิน เราไม่รู้จะรับมือกับเขายังไง รู้แค่ว่า "ต้องฟังมากๆ และไม่แสดงความคิดเห็นหรือแนะนำใดๆ" แต่ประเด็นคือ เขาไม่พูดปัญหาให้เราไง จะทำยังไงดีคะ
และอีกอย่าง...เราก็รู้ตัวว่า...เราเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะดูแลเขาได้เต็มที่เหมือนแต่ก่อน...
แฟน(เก่า)มีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้า...เราอยากดูแลเขามาก
เขาเป็นฝรั่ง มาทำงานที่เมืองไทย เป็นงานที่เขารักและเป็นความฝันของเขา แต่...เขามักบินไปกลับประเทศเขาบ่อยๆ เราก็ไม่ได้ว่าอะไร คนเราก็ต้องทำงานเนอะ แต่ประเด็นก็คือ...งานที่เขาทำที่บ้านเกิดเขาเป็นงานอะไรก็ไม่รู้ เขาไม่เคยเล่าให้เราฟัง พอเราถาม เขาก็บอกว่า ก็ทำคล้ายๆ ที่ไทยนี่ล่ะ แต่เราไม่เชื่อ เพราะเขาดูเครียดมากเวลามี message มาจากต่างประเทศ ต้องคอยรับสาย ตอบเมล์ จนเขารู้สึกว่า เวลาอยู่กับเรา เขาควรจะมอบเวลาให้เรา ไม่ใช่งาน แต่เขาก็ทิ้งงานไม่ได้ เราก็โอเค ไม่เป็นไร โตๆ กันแล้ว จะมางอนไร้สาระทำไม เอาเป็นว่า...งานที่ต่างประเทศของเขาเป็นงานที่เราไม่เคยเข้าถึงเลย แตกต่างจากงานที่ไทย เขาเล่าให้ฟังตลอด พาเราไปเจอเพื่อนร่วมงาน เฮฮา สนุกสนาน
มีอยู่วันหนึ่ง เราก็เจอกันปกตินะคะ กินข้าว เดินเล่น แล้วอยู่ๆ เขาก็บอกว่า เลิกกันเหอะ ห๊ะ! เราเงิบมาก ทำไม เราไม่ดีหรอ เธอมีคนใหม่หรอ เปล่า เขาไม่ได้มีคนใหม่ เราก็เชื่ออย่างนั้นจริงๆ ที่ผ่านมา เราไม่เคยมีความรู้สึกว่าเขาคุยกับคนอื่นเลย แล้วเป็นเพราะอะไรล่ะ เขาให้เหตุผลว่า เขาเป็นคนไม่ดี เป็นแฟนที่ไม่ดี เราควรไปเจอคนที่ดีกว่า แต่พอเขาคิดภาพเราอยู่กับคนอื่น เขาก็เจ็บปวด เขาดูสับสนมาก ร้องไห้ พูดวกไปวนมาว่า "ปัญหาเข้ามาแล้ว เขาไม่อยากลากเรามาเกี่ยวข้อง" เรารู้ทันทีว่าต้องเป็นงานที่ต่างประเทศ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกว่าปัญหาอะไร เราเลยบอกว่า งั้นไม่เลิก แต่ห่างกันซักพักไปก่อนนะ
แต่เวลาที่ให้ไปคงไม่พอ เราเองก็ทนไม่ไหว เศร้ามาก ไปหาจิตแพทย์เพราะกลัวว่าจะเป็นโรคซึมเศร้า (มีประวัติมาก่อน แล้วชีวิตพังมาก) แต่หมอบอกว่า เรายังไม่ถึงเป็นโรคซึมเศร้า คนที่เป็นคือแฟนของคุณ เขาเริ่มโทษตัวเองแล้วนะคุณ ไม่เห็นคุณค่าตัวเองแล้วนะ ให้พาเขามานะ เราก็แบบ...หมอ จะลากมาได้ไง เราก็ห่างกันแล้ว ถถถถถถ หมอออออคะ!!!!
แล้วเราก็เจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้ เราทั้งฝ่ายตกลงเลิกกัน โดยเราเองก็เป็นคนหาทางออกให้เขานั่นล่ะ เธออยาก take a break หรือ break up เลือกมา โอเค เลิก เลิกก็เลิก จบกันด้วยดี เขาบอกว่า "บางที เราก็ควรตัดสิ่งที่สำคัญที่สุดออกจากชีวิต" ตอนจากกัน เขากอดเรา เราก็ให้กอด ซักพัก เขาเริ่มจะเข้ามาจูบ เรางงมาก เขาคงรู้ตัว ก่อนจะบอกเราว่า "ฉันรักเธอนะ"
อีเด๋ออออออออ เลิกกับเรา แล้วบอกรักเราเพื่อออออออออออ
พ่อเราบอกว่า เขาคงมีเรื่องเครียดมาก คงมีปัญหาเข้ามาจริงๆ อย่างที่เขาว่า ให้เวลาเขาไปก่อนนะ คิดว่าเป็นเรื่องดีที่เขาไม่ลากเราลงมาจมด้วย ระหว่างนี้ ลูกก็ต้องไม่ต้องรอเขาหรอก ใช้ชีวิตของเราไป ถ้าคนจะใช่ก็กลับมาเอง ตอนนี้เท่าที่เราทำได้คือให้กำลังใจเขาอย่างห่างๆ
เราส่ง message ไปบ้าง นานๆ ส่งที และนานๆ เขาก็ตอบที แต่ตอบที ก็เรียกว่าส่งเรียงความมาเลยทีเดียว เราเองก็ไม่อยากจะยิงข้อความไปรัวๆ มันดูแย่อ่ะ แล้วไม่ cool เลย 555 แต่ก็อดไม่ได้ อดตัดพ้อไม่ได้ ไม่อยากคุยหรอวะ ไหนบอกว่า ไม่อยากให้ออกจากชีวิตไง จนล่าสุดเขาส่งข้อความมายาวว่า...
ตอนนี้ เขารู้สึกไม่ดีเลย เขาทั้งเหนื่อย ทั้งโดดเดี่ยว ดื่มเหล้าหนัก และน้ำหนักลดเข้าขั้นผอม เขาเริ่มปลีกตัว ไปต่างจังหวัดคนเดียวนานๆ เราเป็นห่วงเขามาก เราเลยเสนอว่า เธอไม่ได้อยู่คนเดียวนะ ยังมีเรานะ ให้เราช่วยอะไรได้มั้ย มาเจอกันมั้ย เขาก็โอเค แต่ก็บอกว่า อย่าคาดหวังนะว่าจะกลับมาคบกัน แต่..."ฉันรักเธอนะ"
หืมมมมมมมมมม คนกำลังทำใจได้อยู่แล้ว บอกรักเพื่ออออออออออออ
เราหงุดหงิดมาก เราเลยส่งข้อความไปตัดพ้อ แล้วมารู้ตัวอีกทีว่า...เราไม่ควรเลย ถ้าเขาเป็นโรคซึมเศร้าจริงอย่างที่หมอว่า เราก็ไม่ควรทำแบบนี้เลย เราเองก็ผ่านมาแล้ว ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยว รู้สึกไร้ค่า เหนื่อย ท้อ ปลีกตัวออกจากสังคม น้ำหนักลด
เราก็เลยเขียนเมล์ไปหาเขา (คิดว่าน่าจะเปิดอ่านล่ะ เขาเช็คเมล์ประจำ) อารมณ์ประมาณว่า เราขอโทษนะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์เราแล้ว แต่เราขอบอกตรงๆ เลยว่า เธอกำลังต่อสู้กับโรคซึมเศร้า เราไม่รู้ว่าเธอรู้ตัวรึเปล่า เราเคยผ่านมาก่อน เราเข้าใจ ทุกอย่างมันแย่มาก เรา ignore คนที่เรารัก เราไม่สนใจคำแนะนำใคร บางที อาการซึมเศร้ามันจะส่งผลกระทบกับการตัดสินใจ มันทำให้มองโลกทุกอย่างบิดเบี้ยว ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ บอกเราได้นะ
จนตอนนี้ เราไม่รู้ว่าเขาอ่านเมล์เราหรือยัง ไลน์ล่าสุดที่เราตัดพ้อเขา ก็ยังไม่ขึ้นอ่าน เราเป็นห่วงเขามากจริงๆ เราควรทำยังไงต่อไปดีคะ เขามีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าจริงๆ ใช่มั้ย แล้วถ้าเป็นจริงๆ เราจะพาเขาไปรักษาได้อย่างไร
เราเองก็เคยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อน เราเคยคิดฆ่าตัวตายด้วย จะทำแล้วด้วย แต่โชคดีที่ทำไม่สำเร็จ ครั้งนี้ คนที่เรารักคนนึงกำลังจะโดนโรคนี้กัดกิน เราไม่รู้จะรับมือกับเขายังไง รู้แค่ว่า "ต้องฟังมากๆ และไม่แสดงความคิดเห็นหรือแนะนำใดๆ" แต่ประเด็นคือ เขาไม่พูดปัญหาให้เราไง จะทำยังไงดีคะ
และอีกอย่าง...เราก็รู้ตัวว่า...เราเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะดูแลเขาได้เต็มที่เหมือนแต่ก่อน...