งานพระบรมศพคู่ งานพระบรมศพและงานออกพระเมรุ สุดท้ายแห่งกรุงศรีอยุธยา


แบบสันนิษฐานพระเมรุมาศสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและกรมพระเทพามาตุผู้มเหสี



ประชุมเนื้อหาจากพงศาวดารกรุงเก่าเข้าไปแทรกกับคำให้การขุนหลวงวัดประดู่ทรงธรรม
ตอนงานพระบรมศพ พระบรมราชา สมเด็จบรมโกษฐ์ และ พระพันปีหลวงกรมพระเทพามาตุ
นับว่าเป็นงานพระบรมศพ งานพระศพ งานออกพระเมรุสุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา


       เมื่อกาลจะมาถึงที่ด้วยพระองค์เป็นอธิบดีได้เป็นใหญ่อยู่ในพิภพแลนครจึ่งมีวิปริตด้วยเทพสังหรณ์ต่างๆ อันกะลาบาตนั้นก็ตกลงมาที่ในเมือง ทั้งฟ้าก็แดงดูดั่งแสงเพลิง อันน้ำที่ในแม่น้ำนั้นก็บรรดาลให้เดือดแดงเป็นสีเลือด ประทุมเกศก็ตกถูกปราสาท ทั้ง กละพฤษใหญ่ก็ขึ้นมา ทั้งอินทนูลำภู่กันดาวหางก็ขึ้นมา ทั้งคลองช้างเผือกก็ขวางขึ้นมาตามโดยอากาศ ทั้งตรีกาลกลาจักร์ก็ขึ้นมา ทั้งดาวก็เข้าในพระจันทร์ ทั้งอาทิตย์ก็ให้มืดเย็นเยือกไปทั่วทุกทิศ ทั้งพระจันทร์ก็แดงเหมือนแสงเพลิง ก็พากันเงียบเหงาเศร้าใจไปด้วยกันทั้งสมณแลชีพราหมณ์ ทั้งเสนาแลอาณาราษฎรชายหญิง แลเด็กใหญ่เถ้าแก่ ทั้งกรุงแลขอบขันธเสมาของพระองค์ทั้งสิ้น ครั้น ณ เดือน ๖ ขึ้น ๘ ค่ำ ปีขาล สัมฤทธิศก เพลา ๗ ทุ่ม ทรงพระประชวร ครั้น ณ เดือน ๖ แรม ๕ ค่ำ เพลาเช้า เสด็จทรงพระเสลี่ยงหิ้วมา เสด็จออกพระที่นั่งทรงปืน แล้วเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปบนพระที่นั่งบรรยงก์รัตนาสน์ เพลา ๕ โมงเศษ เสด็จมาบรรทม ณ พระที่นั่งทรงปืน ถึงเพลาเที่ยง ๕ บาทประทมตื่น จะเสด็จไปลงพระบังคน หลวงราชรักษา หลวงราโช พยุงให้เสด็จยืน พระวาตะปะทะ พระเนตรช้อนกลับขึ้น พระหัตถ์คว้าจับหลักชัยไม่ใคร่จะถูก หายพระทัยดังเสียงกรน ขณะนั้นกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ให้ไปเชิญเสด็จกรมหลวงพิพิธมนตรี เจ้าฟ้าจันทวดี กรมขุนพิศาลเสนีไป ณ พระตำหนักสวนกระต่าย แล้วกรมหมื่นพิทักษ์ภูเบศร์ ให้เชิญเสด็จกรมขุนอนุรักษ์มนตรีเข้ามาถึงพระที่นั่งทรงปืน แย้มฉากทอดพระเนตรอยู่สักประเดี๋ยวหนึ่ง แล้วเสด็จไปพระตำหนักสวนกระต่าย ครั้นเพลายามเศษ พระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จสวรรคต ด้วยนิมิตด้วยพระองค์จะนิพพานอันพระบรมราชานั้นวัน ๗ ได้เสวยราชสมบัติมาช้านาน แต่เมื่อครั้งจุลศักราชได้ ๑๐๙๓ ปีชวดตรีนิศกพระชนมายุศมได้ ๕๑ ปี อยู่ในราชสมบัติ ๒๗ ปี เป็น ๗๘ ปี จึ่งสวรรคต เมื่อปีสวรรคตนั้นจุลศักราชได้ ๑๑๒๐ ปีขาลสำเร็จธิศก เดือนเก้า แรมหกค่ำ วันพุธ เพลาได้ ยามเศษ ฯ
       เมื่อจุลศักราช ๑๑๒๐ ปีขาล สำเร็จธิศก วันพุธ เดือนหก แรมห้าค่ำ พระบรมราชาสวรรคตแล้ว พระอุทุมพรราชาได้ว่าราชการกรุงทั้งปวง จึ่งคิดอ่านกันกับพระเชษฐาธิราช ที่จะแต่งการพระบรมศพสมเด็จพระบิดา จึ่งมีรับสั่งให้เรียกบรรดาพระญาติวงศ์ทั้งปวงเป้นอันมาก ฝ่ายพระญาติวงศ์น้อยใหญ่ทั้งสิ้นก็เข้ามาถวายบังคมพร้อมกันทั้งสิ้น แล้วมีพระโองการรับสั่งให้ถือน้ำพระพิพัฒสัจจาตามประเพณีตามอย่างแต่ก่อนมา บรรดาพระราชตระกูลเสนาอำมาตย์น้อยใหญ่เป็นอันมากก็ถือน้ำพิพัฒส้จจาตามอย่างธรรมเนียมแต่ก่อนมา ฝ่ายกุมารทั้งสามนั้นคือ กรมจิตรสุนทร กรมสุนทรเทพ กรมเสพภักดี กุมารทั้งสามนั้นพระโองการให้ไปเรียกก็มิได้มาตามรับสั่งขัดรับสั่งแลซ่องสุมผู้คนแลศัตราอาวุธเป็นอันมาก มิได้ปกติตามอย่างตามธรรมเนียมแต่ก่อนมา
ฝ่ายพระสังฆราชานั้น มีเมตตาแก่สัตว์ทั้งปวงกลัวจะเกิดเหตุ จะมีอันตราย แก่สัตว์ทั้งปวงจึ่งไปเรียกกุมารทั้งสามองค์มา ฝ่ายพระกุมารทั้งสามองค์นั้นก็เข้ามาตามพระสังฆราช จึ่งเข้าไปกราบพระศพแลกราบพระอุทุมพรราชาแล้ว ก็ถือน้ำพิพัฒน์สัจจาตามประเพณีตามอย่างตามธรรมเนียมแต่ก่อนมา แล้วก็คืนมายังบ้านหลวง อัน ก็มิได้ปกติมิได้เลิกทัพที่ซ่องสุมผู้คนแลศัตราอาวุธทั้งปวงนั้น เสนาบดีก็ให้ผู้คนไปสอดแนมดู แลก็เห็นผู้คนแลศัตราอาวุธครบตัวกันซ่องสุมอยู่เป็นอันมาก ครั้นคนที่ไปดูนั้นเห็นแล้วจึงเอาความมาแจ้งเหตุแก่เสนาบดีผู้ใหญ่ ฝ่ายเสนาบดีผู้ใหญ่จึงปรึกษาโทษตามอย่างตามธรรมเนียมกฎพระอัยการก็เห็นว่าโทษผิดเป็นอันมากโทษนี้ถึงตาย ครั้นปรึกษาพร้อมกันสิ้นแล้วบันดาเสนาบดีน้อยใหญ่แลราชบัณฑิตทั้งปวงจึ่งใส่ในกฎพระอัยการ จึ่งทำเรื่องราวกราบทูล ครั้นทำเรื่องราวแล้วเสนาบดีทั้งปวงพร้อมกันเข้าไปกราบทูลฉลองแก่สมเด็จพระอุทุมพรราชา ครั้นพระอุทุมพรราชาทราบแล้ว จึ่งมีพระโองการตรัสให้ทำตามบทพระอัยการตามโทษ ครั้นมีพระโองการตรัสออกมาแล้วฝ่ายเสนาบดีผู้ใหญ่ จึ่งจดหมายพระโองการมาตามมีรับสั่ง แล้วจึ่งให้อำมาตย์ผู้น้อยคุมผู้คนไปเรียกสามกุมารเป็นอันมาก ครั้นอำมาตย์ไปเรียกผู้คนตามมามีศาสตราอาวุธเป็นอันมาก ครั้นมาถึงประตูพระราชวังแล้วฝ่ายผู้คนที่รักษาประตูพระราชวังนั้นจึงออกห้ามปรามมิให้ผู้คนทั้งปวงนั้นเข้าไป บรรดาผู้คนทั้งปวงที่ตามสามกุมารมานั้นก็หยุดอยู่ที่นั้น มิได้ตามไปในพระราชวัง ฝ่ายกุมารทั้งสามองค์นั้นก็เข้าไปในพระราชวังทั้งสามองค์ ฝ่ายเสนาบดีทั้งนั้นจึ่งจับกุมารทั้งสามนั้นล้างเสียให้ถึงแก่ความพลาไลยทั้งสามองค์ ตามกฎพระอัยการที่มีมาแต่ตามอย่างธรรมเนียมแต่ก่อน ตามมีพระโองการรับสั่งมา
       ครั้นสิ้นเสี้ยนศัตรูแล้ว พระอุทุมพรราชา กับพระเชษฐาธิราชนั้น ก็คิดอ่านกันที่จะทำพระบรมศพ แล้วพระองค์จึงมีพระโองการให้มีตราพระราชสีห์ไปทุกประเทศราช ให้ชุมนุมกษัตริย์ทั้งปวงทุกหัวเมืองขึ้นแลบรรดาหัวเมืองน้อยใหญ่ทั้งสิ้นให้มาปลงพระบรมศพสมเด็จพระบิดา แล้วจึ่งเอาน้ำหอมแลน้ำดอกไม้เทศแลน้ำกุหลาบ น้ำหอมต่างๆ เป็นอันมาก มาแล้วพระอุทุมพรราชา พระเอกทัตทั้งสองพระองค์ก็ทรงกรรแสงร่ำไร ด้วยคิดถึงพระคุณสมเด็จพระบิดาก็เศร้าโศรกร่ำไรทั้งสองพระองค์ พระราชบุตรแลพระราชธิดาพระญาติพระวงศ์ทั้งปวง แลพระสนมกำนัลทั้งปวงเป็นอันมาก เสนาบดีน้อยใหญ่แลราชนิกูลน้อยใหญ่ประเทศราชทั้งปวง เศรษฐีคหบดี พร้อมกันร้องไห้ อื้ออึงไปในปราสาทด้วยความรักพระบรมราชาทั้งสิ้น ครั้นสรงน้ำหอมแล้ว จึ่งทรงสุคนธารส แลกระแจะจวงจันทร์ทั้งปวงแล้วทรงสนับเพลาเชิงงอนทองชั้นใน แล้วทรงพระภูษาพื้นขาว ปักทองชั้นนอก แล้วจึงทรงเครื่องต้นแลเครื่องทองแล้วจึงฉลองพระองค์อย่างใหญ่ กรองทอง สังเวียรหยัด แลชายไหว ชายแครงตาบทิพแลตาบหน้า แลสังวาลประดับเพชรแล้วจึ่งทรงทองต้นพระกร แลปลายพระกรประดับเพชรพระมหาชฎาเดินหนมียอดห้ายอด แล้วทรงพระธำมรงค์เพชรอยู่เพลิงทั้งสิบนิ้วพระหัตถ์ แลสิบนิ้วพระบาท แล้วจึงเชิญเสด็จขึ้นบนฐานกาจับหลักแล้วจึ่งเอาไม้ง่ามหุ้มทองนั้นค้ำพระหนุนเรียกว่าไม้กาจับหลัก จึ่งประนมกรเข้าแล้วเอาซรองหมากทองปากประดับในใส่พระหัตถ์
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่