ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 3
จริงๆ ตั้งแต่กวนอูตายไปก็เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปแล้ว จึงปรากฏการเรียกขานกวนอูด้วยความเคารพว่า "กวนกง" (關公) อยู่บ่อยครั้งในวรรณกรรมต่างๆ แต่ความนับถือนั้นถูกขยายมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป จนถึงสมัยราชวงศ์ชิงที่ยกสถานะขึ้นมาอย่างสูงส่งมากครับ
กวนอูตามหลักฐานประวัติศาสตร์คือจดหมายเหตุสามก๊กของเฉินโซ่ว ยกย่องกวนอูในเรื่องความจงรักภักดีที่มีต่อเล่าปี่อย่างไม่เสื่อมคลาย ในยามที่เล่าปี่นั่ง กวนอูจะยืนอารักขาอยู่ด้านหลังแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะนั่ง กวนอูพร้อมจะติดตามเล่าปี่เผชิญภยันตรายโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แม้ภายหลังกวนอูต้องไปรับราชการกับโจโฉก็ยังภักดีต่อเล่าปี่ และเมื่อจะกับไปหาเล่าปี่ก็ยังตอบแทนบุญคุณโจโฉที่เลี้ยงดูตนอย่างดี
เฉินโซ่วได้เขียนยกย่องกวนอูไว้ว่า "กวนอู เตียวหุย สามารถต่อสู้ข้าศึกได้นับหมื่น นับว่าเป็นยอดทหารเสือ (กวน)อูตอบแทนพระคุณเฉากง(โจโฉ) (เตียว)หุยปล่อยตัวเงียมหงันด้วยคุณธรรม ถือได้ว่ามีคุณสมบัติเป็นวีรบุรุษของแผ่นดิน"
หลังจากกวนอูตาย เล่าเสี้ยนได้อวยยศย้อนหลังให้เป็น จ้วงโหมวโหว (壯繆侯) หรือ จ้วง (壯) แปลว่า ยิ่งใหญ่เข้มแข็ง โหมว (繆) ในภาษาจีนโบราณแปลว่า ดีงาม บริสุทธิ์ โหว (侯) เป็นบรรดาศักดิ์ขุนนางสมัยโบราณ เทียบเท่าพระยา
การเคารพกวนอูเริ่มต้นขึ้นในจิงโจวซึ่งกวนอูเคยปกครองอยู่ โดยไม่ได้แตกต่างจากการกราบไหว้บูชาผู้ตายทั่วไป แต่ในสมัยโบราณการกราบไหว้คนตายโดยมีความเชื่อแล้วว่าคนที่ไม่ได้ตายตีหรือเป็นผีตายโหงนั้นจะกลายเป็นภูตผี แล้วจะกลายเป็นเทพเจ้า สำหรับกวนอูที่ไม่ได้ตายดี ก็อาจจะได้รับความเคารพในแบบเดียวกัน
ในสมัยราชวงศ์จิ้นเริ่มมีเรื่องเล่าถึงกวนอูในลักษณะกึ่งเทพบ้าง แต่ก็ไม่ได้แพร่หลายนัก และยังไม่ได้รับการนับถือโดยทั่วไป จนกระทั่งสมัยราชวงศ์ถัง เริ่มมีเรื่องเล่าโดยโยงกวนอูเข้ากับศาสนาพุทธ
ในรัชกาลถังเต๋อจง (唐德宗) ได้มีการสร้างรูปเคารพกวนอูให้เป็น 1 ใน 64 ทหารเอก ประดิษฐานในอู่เฉิงหวังเมี่ยว (武成王廟) หรือศาลเจ้าฝ่ายบู๊ (เทพประธานของศาลเรียกว่าอูเฉิงหวัง ในเวลานั้นคือเจียงจื่อหยา) ร่วมกับแม่ทัพสมัยสามก๊กคนอื่นๆ เช่น เตียวเลี้ยว จิวยี่ ลกซุน แต่การเคารพในที่นี้เป็นการยกย่องขุนพลที่มีชื่อในประวัติศาสตร์มากกว่าเคารพในฐานะเทพเจ้า และกวนอูก็ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าคนอื่นๆ
ถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง กล่าวกันว่าจักรพรรดิซ่งไท่จู่ (宋太祖) ทรงเห็นว่ากวนอูไม่มีความชอบมากพอที่ควรแก่การกราบไหว้ จึงโปรดให้เอากวนอูออกมาจากศาล แต่ในเวลาต่อมาวรรณกรรมมุขปาฐะเกี่ยวกับกวนอูมีความแพร่หลายมากขึ้น และมีการเสริมเรื่องราวต่างๆ เข้าไปมาก เริ่มมีการเคารพนับถือกวนอูมากขึ้น ในรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเหรินจง (宋仁宗) กวนอูจึงได้กลับเข้าไปในศาลเจ้าอีกครั้ง มีเรื่องเล่าว่ากวนอูนำทหารผีมาช่วยปราบกบฏในรัชกาลนี้
จนถึงสมัยปลายราชวงศ์ซ่ง ความนับถือที่มีต่อกวนอูแพร่หลายในประชาชนทั่วไป จักรพรรดิซ่งเจ๋อจง (宋哲宗) ทรงยกสถานะ อวี้เฉฺวียนซื่อ (玉泉寺) ศาลเจ้าแห่งแรกของกวนอูที่จิงโจว (เกงจิ๋ว) ขึ้นเป็นเป็นเมี่ยว (廟) หรือศาลเจ้าระดับสำคัญ ในชื่อเซียนเลี่ยเมี่ยว (先烈廟) และได้เปลี่ยนรองประธานอู่เฉิงหวังเมี่ยวจากจางเหลียงมาเป็นกวนอูแทน
ในรัชสมัยซ่งฮุ่ยจง (宋徽宗) ได้สถาปนาบรรดาศักดิ์กวนอูขึ้นเป็น จงฮุ่ยกง (忠惠公) หรือ เจ้าพระยาผู้ซื่อสัตย์กรุณา เป็นการยกกวนอูขึ้นเป็นเทพอย่างเป็นทางการ ต่อมาทรงเลื่อนขึ้นเป็นอ๋อง (กษัตริย์) ในอู่อันหวัง (武安王) หรือพระเจ้ายุทธสันติ ต่อมาก็เพิ่มสร้อยว่า อี้หย่งอู่อันหวัง (義勇武安王) พระเจ้ายุทธสันติผู้ทรงธรรมกล้าหาญ
ถึงสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ รัชกาลซ่งเกาจง (宋高宗) พระราชทานนามว่า จ้วงโหมวอี้หย่งอู่อันหวัง (壯繆義勇武安王) ต่อมาซ่งเสี้ยวจง (宋孝宗) ก็เพิ่มสร้อยอีกเป็น จ้วงโหมวอี้หย่งอู่อันอิงจี้หวัง (壯繆義勇武安英濟王)
มีการวิเคราะห์ว่าสถานะของกวนอูที่สูงขึ้นมากเป็นผลมาจากสภาวะทางการเมืองในสมัยราชวงศ์ซ่ง เนื่องจากสมัยนั้นเน้นให้อำนาจขุนนางฝ่ายบุ๋นมากกว่าฝ่ายบู๊ การทหารในสมัยซ่งจึงอ่อนแอและเป็นเหตุให้ชนเผ่านอกด่านรุกมาทำสงครามได้มากจนสุดท้ายต้าจินรบชนะซ่ง จับฮ่องเต้ไปเป็นเชลย ชาวฮั่นต้องหนีลงใต้ ประกอบกับสมัยซ่งเป็นยุคที่วรรณกรรมเฟื่องฟูอย่างมาก ทำให้ประชาชนทั่วไปเริ่มแสวงหาวีรชนมาเป็นต้นแบบในการกราบไหว้บูชาคุ้มครองตนเอง กวนอูจึงได้กลายเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป และเริ่มถูกโยงเข้ากับลัทธิเต๋า ยิ่งในสมัยซ่งใต้ความเคารพนับถือก็ยิ่งทวีมากขึ้น
สืบต่อมาถึงสมัยหยวน รัชกาลหยวนเหวินจง (元文宗) ได้เปลี่ยนบรรดาศักดิ์กวนอูเป็น เสี่ยนหลิงอี้หย่งอู่อันอิงจี้หวัง (顯靈義勇武安英濟王) มีการสร้างศาลกวนอูจำนวนมาก และมีการมอบหมายให้ขุนนางไปเซ่นไหว้ศาลกวนอูในลั่วหยางเสมอ
จนถึงสมัยราชวงศ์หมิง สถานะของกวนอูถูกขับเน้นในฐานะเทพเจ้ามากขึ้น จักรพรรดิหมิงไท่จู่หรือจูหยวนจางทรงยุบศาลอู่เฉิงหวังเมี่ยว แล้วโปรดให้สร้างศาลกวนอูขึ้นที่หนานจิง โดยตั้งชื่อว่า กวนตี้เมี่ยว (關帝廟) หรือศาลเทพเจ้ากวนอู เท่ากับยกกวนอูขึ้นเป็น ตี้ (帝) หรือฮ่องเต้ และทุกปีในวันที่ 13 เดือน 5 ตามจันทรคติจีน ต้องมีสมุหพระราชพิธี (太常) ไปเป็นประธานทำพิธีเซ่นไหว้เสมอ
ถึงรัชสมัยจักรพรรดิว่านลี่ ได้สถาปนาบรรดาศักดิ์กวนอูให้อย่างยิ่งใหญ่ว่า ซานเจี้ยฝูโม๋ต้าเสินเวยหย่วนเจิ้นเทียนจวินกวนเซิ่งตี้จวิน” (三界伏魔大神威遠震天尊關聖帝君) หรือ มหาเทพผู้สยบมารทั้งไตรภพ เกียรติยศขจรถึงแดนสรวง จอมจักรพรรดิกวนผู้ศักดิ์สิทธิ เรียกย่อว่า กวนเซิ่งตี้จวิน (關聖帝君) ซึ่งยังเรียกกันถึงปัจจุบันนี้
ในสมัยราชวงศ์หมิงได้มีการสนับสนุนให้สร้างศาลเจ้าฝ่ายบู๊หรือ อู่เมี่ยว (武廟) ในท้องถิ่นจำนวนมาก โดยจะตั้งเอากวนอูกับงักฮุยเป็นประธานเทพเจ้าฝ่ายบู๊ (武聖) ในศาลคู่กัน ในขณะที่ประธานฝ่ายบุ๋น (文聖) คือขงจื่อ
จึงเห็นได้ว่าก่อนสมัยราชวงศ์ชิง กวนอูก็เป็นเทพเจ้าที่คนทั่วไปต่างเคารพสักการะอยู่แล้วครับ แต่ในสมัยซ่งและหมิงกวนอูมักถูกยกย่องทางลัทธิเต๋าในฐานะเทพเจ้านักรบผู้ขับไล่ปีศาจมากกว่า
เมื่อชาวแมนจูสถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้นปกครองแผ่นดินจีนเหนือชาวฮั่น สถานะของกวนอูจึงถูกยกให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก โดยเน้นเรื่องความซื่อสัตย์จงรักภักดี (忠義) มากขึ้น ให้เหนือกว่างักฮุยที่เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์อยู่แต่เดิม
ราชวงศ์ชิงยกเลิกการเคารพงักฮุยในศาลเจ้าฝ่ายบู๊ ยกให้กวนอูเป็นประธานเทพเจ้าฝ่ายบู๊องค์เดียว (แต่ถ้าไปวัดเหวินอู่ที่ไต้หวันจะยังพบการเคารพกวนอูกับงักฮุยคู่กันอยู่ครับ) นอกจากนี้ยังได้พยายามขยายการตั้งศาลเจ้ากวนอูออกไปอย่างมากจนกล่าวได้ว่ามีศาลกวนอูอยู่แทบทุกหมู่บ้าน คนทั่วไปเรียกขานกวนอูว่า จงอี้เหรินหย่งกวนเซิ่งตี้จวิน (忠義仁勇關聖帝君)
จักรพรรดิซุ่นจื้อทรงสถาปนากวนอูขึ้นเป็น จงอี้เสินอู่ต้าตี้ (忠義神武大帝) หรือ มหาจักรพรรดิเทพยุทธผู้ทรงคุณธรรมและซื่อสัตย์ภักดี
สันนิษฐานว่าที่จักรพรรดิซุ่นจื้อทรงยกกวนอูขึ้นเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ข้อหนึ่งคือเพื่อปลูกฝังเรื่องความจงรักภักดีให้ขุนนางและราษฎรชาวฮั่นมีต่อผู้ปกครองชาวแมนจูโดยลดบทบาทของงักฮุยที่เป็นศัตรูกับชาวต่างชาติลงไป และกวนอูเองก็เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปมาก่อนแล้ว การปลูกฝังให้นับถือไม่ใช่เรื่องยาก
อีกข้อหนึ่งคือจักรพรรดิซุ่นจื้อต้องการเลียนแบบเรื่องการสาบานตนเป็นพี่น้องและความซื่อสัตย์ตามคำสาบานอย่างในวรรณกรรมสามก๊กของหลัวกว้านจง โดยทรงสาบานเป็นพี่น้องกับประมุขมองโกลเผ่าต่างๆ เพื่อเกี่ยวดองเป็นพันธมิตร โดยเปรียบเป็นนัยว่าพระองค์คือเล่าปี่ กษัตริย์มองโกลคือกวนอู เมื่อพระองค์ทรงครองแผ่นดินแล้ว จึงทรงยกกวนอูขึ้นเป็นใหญ่เพื่อไม่ให้เผ่าต่างๆ น้อยใจ
ต่อมาในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงทรงแก้บรรดาศักดิ์กวนอูเป็น จงอี้เสินอู่หลิงโย่วต้าตี้ (忠義神武靈佑大帝) เพิ่มคำว่า หลิงโย่ว (靈佑) ที่แปลว่า "พิทักษ์วิญญาน" เข้าไปด้วย
ถึงรัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวงได้เพิ่มบรรดาศักดิ์กวนอูเป็น 24 ตัวอักษร คือ เหรินหย่งเวยเสี่ยนฮู่กั๋วเป่าหมินจิงเฉิงสุยจิ่งอี้จ้านเซวียนเต๋อจงอี้เสินอู่กวนเซิ่งต้าตี้ (仁勇威顯護國保民精誠綏靖翊贊宣德忠義神武關聖大帝) และเพิ่มเป็น 26 ตัวอักษรในสมัยจักรพรรดิกวงซวี่ คือ จงอี้เสินอู่หลิงโหย่วเหรินหย่งเวยเสี่ยนฮู่กั๋วเป่าหมินจิงเฉิงสุยจิ่งอี้จ้านเซวียนเต๋อกวนเซิ่งตี้จวิน (忠義神武靈佑仁勇威顯護國保民精誠綏靖詡贊宣德關聖帝君)
นอกจากนี้ในลัทธิเต๋า กวนอูถูกยกเป็นหนึ่งในอู่ไฉเสิน (武財神) หรือไฉ่ซิงเอี๊ยฝ่ายบู๊ด้วย บ้างก็ว่าถูกตั้งตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง บ้างก็ว่าจักรพรรดิเฉียนหลงทรงตั้งเนื่องจากกวนอูเคยมาเฝ้าจักรพรรดิเฉียนหลงที่ท้องพระโรง นอกจากนี้ก็มีอีกหลายเรื่องครับ
จนเมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ชิง กวนอูจึงกลายเป็นเทพเจ้าที่เป็นที่เคารพอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะในแผ่นดินจีน แต่รวมไปถึงหลายประเทศทั่วโลก และในปัจจุบันลัทธิเต๋าได้ยกกวนอูขึ้นเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้องค์ที่ 18 ครับ
กวนอูตามหลักฐานประวัติศาสตร์คือจดหมายเหตุสามก๊กของเฉินโซ่ว ยกย่องกวนอูในเรื่องความจงรักภักดีที่มีต่อเล่าปี่อย่างไม่เสื่อมคลาย ในยามที่เล่าปี่นั่ง กวนอูจะยืนอารักขาอยู่ด้านหลังแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะนั่ง กวนอูพร้อมจะติดตามเล่าปี่เผชิญภยันตรายโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แม้ภายหลังกวนอูต้องไปรับราชการกับโจโฉก็ยังภักดีต่อเล่าปี่ และเมื่อจะกับไปหาเล่าปี่ก็ยังตอบแทนบุญคุณโจโฉที่เลี้ยงดูตนอย่างดี
เฉินโซ่วได้เขียนยกย่องกวนอูไว้ว่า "กวนอู เตียวหุย สามารถต่อสู้ข้าศึกได้นับหมื่น นับว่าเป็นยอดทหารเสือ (กวน)อูตอบแทนพระคุณเฉากง(โจโฉ) (เตียว)หุยปล่อยตัวเงียมหงันด้วยคุณธรรม ถือได้ว่ามีคุณสมบัติเป็นวีรบุรุษของแผ่นดิน"
หลังจากกวนอูตาย เล่าเสี้ยนได้อวยยศย้อนหลังให้เป็น จ้วงโหมวโหว (壯繆侯) หรือ จ้วง (壯) แปลว่า ยิ่งใหญ่เข้มแข็ง โหมว (繆) ในภาษาจีนโบราณแปลว่า ดีงาม บริสุทธิ์ โหว (侯) เป็นบรรดาศักดิ์ขุนนางสมัยโบราณ เทียบเท่าพระยา
การเคารพกวนอูเริ่มต้นขึ้นในจิงโจวซึ่งกวนอูเคยปกครองอยู่ โดยไม่ได้แตกต่างจากการกราบไหว้บูชาผู้ตายทั่วไป แต่ในสมัยโบราณการกราบไหว้คนตายโดยมีความเชื่อแล้วว่าคนที่ไม่ได้ตายตีหรือเป็นผีตายโหงนั้นจะกลายเป็นภูตผี แล้วจะกลายเป็นเทพเจ้า สำหรับกวนอูที่ไม่ได้ตายดี ก็อาจจะได้รับความเคารพในแบบเดียวกัน
ในสมัยราชวงศ์จิ้นเริ่มมีเรื่องเล่าถึงกวนอูในลักษณะกึ่งเทพบ้าง แต่ก็ไม่ได้แพร่หลายนัก และยังไม่ได้รับการนับถือโดยทั่วไป จนกระทั่งสมัยราชวงศ์ถัง เริ่มมีเรื่องเล่าโดยโยงกวนอูเข้ากับศาสนาพุทธ
ในรัชกาลถังเต๋อจง (唐德宗) ได้มีการสร้างรูปเคารพกวนอูให้เป็น 1 ใน 64 ทหารเอก ประดิษฐานในอู่เฉิงหวังเมี่ยว (武成王廟) หรือศาลเจ้าฝ่ายบู๊ (เทพประธานของศาลเรียกว่าอูเฉิงหวัง ในเวลานั้นคือเจียงจื่อหยา) ร่วมกับแม่ทัพสมัยสามก๊กคนอื่นๆ เช่น เตียวเลี้ยว จิวยี่ ลกซุน แต่การเคารพในที่นี้เป็นการยกย่องขุนพลที่มีชื่อในประวัติศาสตร์มากกว่าเคารพในฐานะเทพเจ้า และกวนอูก็ไม่ได้โดดเด่นไปกว่าคนอื่นๆ
ถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง กล่าวกันว่าจักรพรรดิซ่งไท่จู่ (宋太祖) ทรงเห็นว่ากวนอูไม่มีความชอบมากพอที่ควรแก่การกราบไหว้ จึงโปรดให้เอากวนอูออกมาจากศาล แต่ในเวลาต่อมาวรรณกรรมมุขปาฐะเกี่ยวกับกวนอูมีความแพร่หลายมากขึ้น และมีการเสริมเรื่องราวต่างๆ เข้าไปมาก เริ่มมีการเคารพนับถือกวนอูมากขึ้น ในรัชสมัยจักรพรรดิซ่งเหรินจง (宋仁宗) กวนอูจึงได้กลับเข้าไปในศาลเจ้าอีกครั้ง มีเรื่องเล่าว่ากวนอูนำทหารผีมาช่วยปราบกบฏในรัชกาลนี้
จนถึงสมัยปลายราชวงศ์ซ่ง ความนับถือที่มีต่อกวนอูแพร่หลายในประชาชนทั่วไป จักรพรรดิซ่งเจ๋อจง (宋哲宗) ทรงยกสถานะ อวี้เฉฺวียนซื่อ (玉泉寺) ศาลเจ้าแห่งแรกของกวนอูที่จิงโจว (เกงจิ๋ว) ขึ้นเป็นเป็นเมี่ยว (廟) หรือศาลเจ้าระดับสำคัญ ในชื่อเซียนเลี่ยเมี่ยว (先烈廟) และได้เปลี่ยนรองประธานอู่เฉิงหวังเมี่ยวจากจางเหลียงมาเป็นกวนอูแทน
ในรัชสมัยซ่งฮุ่ยจง (宋徽宗) ได้สถาปนาบรรดาศักดิ์กวนอูขึ้นเป็น จงฮุ่ยกง (忠惠公) หรือ เจ้าพระยาผู้ซื่อสัตย์กรุณา เป็นการยกกวนอูขึ้นเป็นเทพอย่างเป็นทางการ ต่อมาทรงเลื่อนขึ้นเป็นอ๋อง (กษัตริย์) ในอู่อันหวัง (武安王) หรือพระเจ้ายุทธสันติ ต่อมาก็เพิ่มสร้อยว่า อี้หย่งอู่อันหวัง (義勇武安王) พระเจ้ายุทธสันติผู้ทรงธรรมกล้าหาญ
ถึงสมัยราชวงศ์ซ่งใต้ รัชกาลซ่งเกาจง (宋高宗) พระราชทานนามว่า จ้วงโหมวอี้หย่งอู่อันหวัง (壯繆義勇武安王) ต่อมาซ่งเสี้ยวจง (宋孝宗) ก็เพิ่มสร้อยอีกเป็น จ้วงโหมวอี้หย่งอู่อันอิงจี้หวัง (壯繆義勇武安英濟王)
มีการวิเคราะห์ว่าสถานะของกวนอูที่สูงขึ้นมากเป็นผลมาจากสภาวะทางการเมืองในสมัยราชวงศ์ซ่ง เนื่องจากสมัยนั้นเน้นให้อำนาจขุนนางฝ่ายบุ๋นมากกว่าฝ่ายบู๊ การทหารในสมัยซ่งจึงอ่อนแอและเป็นเหตุให้ชนเผ่านอกด่านรุกมาทำสงครามได้มากจนสุดท้ายต้าจินรบชนะซ่ง จับฮ่องเต้ไปเป็นเชลย ชาวฮั่นต้องหนีลงใต้ ประกอบกับสมัยซ่งเป็นยุคที่วรรณกรรมเฟื่องฟูอย่างมาก ทำให้ประชาชนทั่วไปเริ่มแสวงหาวีรชนมาเป็นต้นแบบในการกราบไหว้บูชาคุ้มครองตนเอง กวนอูจึงได้กลายเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป และเริ่มถูกโยงเข้ากับลัทธิเต๋า ยิ่งในสมัยซ่งใต้ความเคารพนับถือก็ยิ่งทวีมากขึ้น
สืบต่อมาถึงสมัยหยวน รัชกาลหยวนเหวินจง (元文宗) ได้เปลี่ยนบรรดาศักดิ์กวนอูเป็น เสี่ยนหลิงอี้หย่งอู่อันอิงจี้หวัง (顯靈義勇武安英濟王) มีการสร้างศาลกวนอูจำนวนมาก และมีการมอบหมายให้ขุนนางไปเซ่นไหว้ศาลกวนอูในลั่วหยางเสมอ
จนถึงสมัยราชวงศ์หมิง สถานะของกวนอูถูกขับเน้นในฐานะเทพเจ้ามากขึ้น จักรพรรดิหมิงไท่จู่หรือจูหยวนจางทรงยุบศาลอู่เฉิงหวังเมี่ยว แล้วโปรดให้สร้างศาลกวนอูขึ้นที่หนานจิง โดยตั้งชื่อว่า กวนตี้เมี่ยว (關帝廟) หรือศาลเทพเจ้ากวนอู เท่ากับยกกวนอูขึ้นเป็น ตี้ (帝) หรือฮ่องเต้ และทุกปีในวันที่ 13 เดือน 5 ตามจันทรคติจีน ต้องมีสมุหพระราชพิธี (太常) ไปเป็นประธานทำพิธีเซ่นไหว้เสมอ
ถึงรัชสมัยจักรพรรดิว่านลี่ ได้สถาปนาบรรดาศักดิ์กวนอูให้อย่างยิ่งใหญ่ว่า ซานเจี้ยฝูโม๋ต้าเสินเวยหย่วนเจิ้นเทียนจวินกวนเซิ่งตี้จวิน” (三界伏魔大神威遠震天尊關聖帝君) หรือ มหาเทพผู้สยบมารทั้งไตรภพ เกียรติยศขจรถึงแดนสรวง จอมจักรพรรดิกวนผู้ศักดิ์สิทธิ เรียกย่อว่า กวนเซิ่งตี้จวิน (關聖帝君) ซึ่งยังเรียกกันถึงปัจจุบันนี้
ในสมัยราชวงศ์หมิงได้มีการสนับสนุนให้สร้างศาลเจ้าฝ่ายบู๊หรือ อู่เมี่ยว (武廟) ในท้องถิ่นจำนวนมาก โดยจะตั้งเอากวนอูกับงักฮุยเป็นประธานเทพเจ้าฝ่ายบู๊ (武聖) ในศาลคู่กัน ในขณะที่ประธานฝ่ายบุ๋น (文聖) คือขงจื่อ
จึงเห็นได้ว่าก่อนสมัยราชวงศ์ชิง กวนอูก็เป็นเทพเจ้าที่คนทั่วไปต่างเคารพสักการะอยู่แล้วครับ แต่ในสมัยซ่งและหมิงกวนอูมักถูกยกย่องทางลัทธิเต๋าในฐานะเทพเจ้านักรบผู้ขับไล่ปีศาจมากกว่า
เมื่อชาวแมนจูสถาปนาราชวงศ์ชิงขึ้นปกครองแผ่นดินจีนเหนือชาวฮั่น สถานะของกวนอูจึงถูกยกให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก โดยเน้นเรื่องความซื่อสัตย์จงรักภักดี (忠義) มากขึ้น ให้เหนือกว่างักฮุยที่เป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์อยู่แต่เดิม
ราชวงศ์ชิงยกเลิกการเคารพงักฮุยในศาลเจ้าฝ่ายบู๊ ยกให้กวนอูเป็นประธานเทพเจ้าฝ่ายบู๊องค์เดียว (แต่ถ้าไปวัดเหวินอู่ที่ไต้หวันจะยังพบการเคารพกวนอูกับงักฮุยคู่กันอยู่ครับ) นอกจากนี้ยังได้พยายามขยายการตั้งศาลเจ้ากวนอูออกไปอย่างมากจนกล่าวได้ว่ามีศาลกวนอูอยู่แทบทุกหมู่บ้าน คนทั่วไปเรียกขานกวนอูว่า จงอี้เหรินหย่งกวนเซิ่งตี้จวิน (忠義仁勇關聖帝君)
จักรพรรดิซุ่นจื้อทรงสถาปนากวนอูขึ้นเป็น จงอี้เสินอู่ต้าตี้ (忠義神武大帝) หรือ มหาจักรพรรดิเทพยุทธผู้ทรงคุณธรรมและซื่อสัตย์ภักดี
สันนิษฐานว่าที่จักรพรรดิซุ่นจื้อทรงยกกวนอูขึ้นเป็นเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ ข้อหนึ่งคือเพื่อปลูกฝังเรื่องความจงรักภักดีให้ขุนนางและราษฎรชาวฮั่นมีต่อผู้ปกครองชาวแมนจูโดยลดบทบาทของงักฮุยที่เป็นศัตรูกับชาวต่างชาติลงไป และกวนอูเองก็เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไปมาก่อนแล้ว การปลูกฝังให้นับถือไม่ใช่เรื่องยาก
อีกข้อหนึ่งคือจักรพรรดิซุ่นจื้อต้องการเลียนแบบเรื่องการสาบานตนเป็นพี่น้องและความซื่อสัตย์ตามคำสาบานอย่างในวรรณกรรมสามก๊กของหลัวกว้านจง โดยทรงสาบานเป็นพี่น้องกับประมุขมองโกลเผ่าต่างๆ เพื่อเกี่ยวดองเป็นพันธมิตร โดยเปรียบเป็นนัยว่าพระองค์คือเล่าปี่ กษัตริย์มองโกลคือกวนอู เมื่อพระองค์ทรงครองแผ่นดินแล้ว จึงทรงยกกวนอูขึ้นเป็นใหญ่เพื่อไม่ให้เผ่าต่างๆ น้อยใจ
ต่อมาในสมัยจักรพรรดิเฉียนหลงทรงแก้บรรดาศักดิ์กวนอูเป็น จงอี้เสินอู่หลิงโย่วต้าตี้ (忠義神武靈佑大帝) เพิ่มคำว่า หลิงโย่ว (靈佑) ที่แปลว่า "พิทักษ์วิญญาน" เข้าไปด้วย
ถึงรัชสมัยจักรพรรดิเต้ากวงได้เพิ่มบรรดาศักดิ์กวนอูเป็น 24 ตัวอักษร คือ เหรินหย่งเวยเสี่ยนฮู่กั๋วเป่าหมินจิงเฉิงสุยจิ่งอี้จ้านเซวียนเต๋อจงอี้เสินอู่กวนเซิ่งต้าตี้ (仁勇威顯護國保民精誠綏靖翊贊宣德忠義神武關聖大帝) และเพิ่มเป็น 26 ตัวอักษรในสมัยจักรพรรดิกวงซวี่ คือ จงอี้เสินอู่หลิงโหย่วเหรินหย่งเวยเสี่ยนฮู่กั๋วเป่าหมินจิงเฉิงสุยจิ่งอี้จ้านเซวียนเต๋อกวนเซิ่งตี้จวิน (忠義神武靈佑仁勇威顯護國保民精誠綏靖詡贊宣德關聖帝君)
นอกจากนี้ในลัทธิเต๋า กวนอูถูกยกเป็นหนึ่งในอู่ไฉเสิน (武財神) หรือไฉ่ซิงเอี๊ยฝ่ายบู๊ด้วย บ้างก็ว่าถูกตั้งตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง บ้างก็ว่าจักรพรรดิเฉียนหลงทรงตั้งเนื่องจากกวนอูเคยมาเฝ้าจักรพรรดิเฉียนหลงที่ท้องพระโรง นอกจากนี้ก็มีอีกหลายเรื่องครับ
จนเมื่อสิ้นสุดราชวงศ์ชิง กวนอูจึงกลายเป็นเทพเจ้าที่เป็นที่เคารพอย่างกว้างขวาง ไม่เฉพาะในแผ่นดินจีน แต่รวมไปถึงหลายประเทศทั่วโลก และในปัจจุบันลัทธิเต๋าได้ยกกวนอูขึ้นเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้องค์ที่ 18 ครับ
แสดงความคิดเห็น
จริงๆแล้วกวนอูคือเทพที่แมนจูตั้งขึ้นมาเองหรอครับ