จริงๆแล้วสยามเคยเผาเมืองเวียงจันทร์จริงๆตามที่คนลาวบอกไหมครับ

ในสมัยศึกเจ้าอนุวงศ์ ที่กองทัพสยามได้เทครัวคนลาวจากเวียงจันทร์มาสู่กรุงเทพฯ จริงๆแล้วเกิดการเผากรุงเวียงจันทร์โดยสยามจริงๆไหมครับ หรือว่าการเผาเวียงจันทร์เกิดขึ้นภายหลังจากน้ำมือคนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่สยาม
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
จากข้อมูลต่างๆ   สยามไม่เคยเผาเวียงจันทน์ครับ    อันนี้ผมแปลให้อ่านแบบภาษาง่ายๆ

ตามข้อมูลชั้นต้น   พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ฉบับเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ใช้คำว่าทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ "รื้อ" เมืองเวียงจันทน์ลง แต่ให้เว้น "วัดและอาราม" ให้คงไว้     รื้อเฉพาะกำแพงเมืองกับพระราชวัง   ศาลาลูกขุนใหญ่   วังเจ้านายและสิ่งปลูกสร้างในเขตกำแพงล้อม  หลายๆคนตีความว่ารื้อนั้นรวมถึงเผาแต่จากภาพวาดของนักสำรวจชาวตะวันตกและคำบรรยายของอองรี มูโอร์ ยืนยันว่าสถานที่สำคัญอย่างวัดสีสะเกด หอพระแก้ว วัดพระเจ้าองค์ตื้อไม่ได้ถูกเผา     โครงสร้างอาคารยังเหลืออยู่มากเสียหายแต่ส่วนหลังคาซึ่งเป็นไม้ผุพังลงเท่านั้น     นอกจากนี้ยังมีจดหมายเหตุการปราบกบฏเวียงจันทน์เป็นเอกสารอีกชิ้นที่ใช้อ้างอิงด้วย

หลังการรื้อเวียงจันทน์สยามไม่ได้กวาดต้อนครัวเวียงลงมาภาคกลางหรือฝั่งอีสานทั้งหมดตามที่เข้าใจกัน     เพราะมีเอกสารระบุชัดเจนว่าเจ้าพระยาราชสุภาวดีได้แบ่งครัวเวียงและหัวเมืองบริวารบางส่วนมาไว้ค่ายริมหนองน้ำ    และยกค่ายนั้นขึ้นเป็นเมืองหนองค่ายก่อนเพี้ยนเป็นหนองคาย     มีฐานะเป็นประเทศราชคุมเมืองล้านช้างที่เคยเป็นของเวียงจันทน์       ต่อมาท้าวเคนอุปราชเมืองหนองคายได้ขึ้นเป็นพระปทุมเจ้าเมืองแทนบิดา พระปทุมเคนได้ให้ท้าวสาลีบุตรเขยไปจัดครัวเวียงจันทน์ที่กระจายอยู่รอบกำแพงเมืองมารวมกันเป็นเมืองและยกเป็นเมืองจันทบุรี      ให้ท้าวสาลีเป็นพระกุประดิษฐ์บดีเจ้าเมืองจันทบุรีขึ้นกับเมืองหนองคาย       แสดงว่าภายหลังการรื้อเมืองเวียงจันทน์ยังมีราษฎรอาศัยอยู่รอบกำแพงเมืองอยู่มากจนถึงกับตั้งเป็นเมืองได้ยังมีสภาพเป็นเมืองอยู่มาก

ในปี 2417 กองทัพฮ่อยกมาตีเวียงจันทน์และข้ามแม่น้ำโขงมาตีหนองคาย     ตามรายงานทัพข้าหลวงมหาดไทยที่ยกทัพหัวเมืองอีสานไปตีทัพฮ่อที่หนองคาย     ระบุว่าเวียงจันทน์โดนทัพฮ่อ "เผา" เสียหายมาก     วัดและอารามถูกเผา     พระพุทธรูปและสถูปถูกขุดหาของมีค่า   พระธาตุหลวงถูกขุดทุบจนยอดพระธาตุหักพังลงมา   แสดงว่าหลักฐานความเสียหายที่ปรากฏในสมัยหลังเป็นผลงานของพวกฮ่อ (ในเหตุการณ์นี้หลวงพระบางก็โดนด้วยตัวเมืองและพระราชวังหลวงพระบางเจอพวกฮ่อเผาจนราบคาบ จนต้องสร้างหอคำใหม่ที่มุงหญ้าแทน)

ส่วนวาทกรรมสยามเผาเวียงจันทน์นั้นเกิดขึ้นในสมัยหลังโดยมีพงศาวดารลาวลาวฉบับกระทรวงศึกษาธิการซึ่งแต่งโดยมหาสิลา วีละวงเป็นเอกสารชิ้นแรกๆว่าสยามเผาเวียงจันทน์     เอกสารของมหาสิลา วีละวงมีลักษณะเป็นวรรณกรรมสร้างชาตินิยมและปลุกใจคนอ่านให้รักชาติแบบเดียวกับหลวงวิจิตรวาทการ     

เอกสารหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของลาวมีน้อยมากแถมส่วนใหญ่อยู่ในความครอบครองของไทย     ทำให้การเขียนประวัติศาสตร์ลาวต้องอาศัยหลักฐานจากฝั่งไทยและใส่สีตีไข่เอาเอง     งานเขียนของมหาสิลา วีละวงใช้เอกสารฝ่ายไทยเป็นโครงในการเขียนและเลือกที่จะแปลงสารตัดส่วนที่ไม่ต้องการไม่ตรงกับจริตออกใส่ส่วนที่คิดว่าเป็นผลดีเข้าไปตามแนวคิดตน



สรุปคนที่เชื่อว่าสยามเผาเวียงจันทน์ก็คือโดนมหาสิลา วีละวงสวมเขาให้   

แต่เรื่องเจ้าอนุวงศ์มาเผานครราชสีมานี่เรื่องจริงนะ (ไม่ใช่เผาโคราช    รู้สึกสมัยนั้นแยกออกจากกันเป็นสองเมือง)
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 38
สำหรับเรื่องการเผาเมืองเวียงจันทน์ ต้องถามให้ลึกขึ้นว่าเผาทั้งเมืองหรือเผาบางส่วนของเมือง เพราะก็คือเผาเมืองไม่ต่างกันครับ  

พิจารณาตามหลักฐานจริงๆ คือในศึกเจ้าอนุวงศ์ "มีคำสั่ง" ให้เผาทำลายเมืองเวียงจันทน์ทิ้งครับ

ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ระบุว่าเมื่อทัพหลวงของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ยกไปถึงและยึดเมืองเวียงจันทน์ได้ มีข้อความว่า "ฝ่ายทัพหลวงก็เสด็จมาตั้งอยู่ที่เมืองพันพร้าว มิได้เสด็จไปทอดพระเนตรเมืองเวียงจันท์ด้วยกริ้วอนุอยู่ ให้เผาเมืองตัดต้นไม้ที่มีผล แล้วเกณฑ์ไพร่ให้รื้ออิฐกำแพงเมืองเสีย"


จากเนื้อความแล้วคือโปรดให้ทำลายเมืองให้สิ้นซากไม่ให้หลงเหลือ ซึ่งความสอดรับกับพงศาวดารที่ยกข้อความจากจดหมายรับสั่งของกรมพระราชวังบวรฯ มาถึงกรมหมื่นสุรินทรรักษ์ กรมหมื่นรักษรณเรศร ให้กราบทูลพระกรุณารัชกาลที่ ๓ มีความตอนหนึ่งกล่าวว่า

"...ครั้นจะคิดให้ตั้งเมืองเวียงจันท์ไว้เกลี้ยกล่อมก่อน ก็หามีผู้ใดอยู่รักษาไม่ จะให้แต่กำลังเมืองหลวงพระบางอยู่รักษาและเกลี้ยกล่อมครัวก็ยังไม่ได้ตัว อ้ายอนุ อ้ายปาศักดิ์ อ้ายราชวงศ์ อ้ายสุทธิสาร อ้ายโถง เห็นเมืองหลวงพระบางจะทำเมืองเดียวหาได้ไม่ จึ่งให้ทำลายเมืองเวียงจันท์เสียให้สิ้นอาลัย"


แต่ว่าเจ้าพระยาราชสุภาวดี (สิงห์ สิงหเสนี) ที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลจัดแจงเมืองจำปาศักดิ์และเมืองลาวเมืองเขมรในแถบป่าดง ได้แบ่งครอบครัวลาวบางส่วนมาอยู่เป็นพลเมืองเวียงจันทน์ และตั้งให้เพี้ยเมืองอยู๋รักษาเมือง แล้วกวาดค้อนครอบรัวที่เหลือลงมากรุง ไม่ได้ทำลายเมืองทิ้งตามพระราชบัญฑูรกรมพระราชวังบวรฯ ทำให้รัชกาลที่ ๓ ทรงขัดเคืองมาก มีพระราชโองการดำรัสว่า

"ตัวอ้ายอนุก็ยังจับไม่ได้ จะกลับมาตั้งบ้านเมืองอีกประการใดก็ยังไม่แจ้ง เมืองเวียงจันท์นี้เป็นกบฏมา ๒ ครั้งแล้ว ไม่ควรจะเอาไว้เป็นบ้านเมืองให้อยู่สืบไป ให้กลับขึ้นไปทำลายล้างเสียให้สิ้น อย่าให้ตั้งติดอยู่ได้"


นอกจากนี้เดิมรัชกาลที่ ๓ ทรงตั้งพระทัยจะเลื่อนเจ้าพระยาราชสุภาวดีเป็นสมุหนายก แต่ "ทรงขัดเคืองอยู่ที่ไม่ทำลายล้างเมืองเวียงจันท์เสียให้สาบสูญ มาคิดตั้งขึ้นให้เป็นบ้านเมืองไว้ ยังหาโปรดตั้งเป็นที่จักรีไม่ ให้แต่ว่าที่อยู่ก่อน"


ระหว่างที่เจ้าพระยาราชสุภาวดีเดินทางกลับไปเวียงจันทน์ ได้ให้พระยาราชรองเมือง พระยาพิไชยสงคราม พระยาทุกขราษฎร์เมืองนครราชสีมา หลวงสุเรนทรวิชิต คุมไพร่ ๕๐๐ คนยกขึ้นไปตั้งอยู่พันพร้าว ซึ่งต่อมาก็ได้ข้ามฟากไปเวียงจันทน์ปรึกษากับเพี้ยเมือง ต่อมาญวนได้ส่งตัวเจ้าอนุวงศ์กลับมาที่เวียงจันทน์พร้อมกับช่วยรับรอง พระยาทั้ง ๓ ก็ไม่ได้ติดใจปล่อยให้เจ้าอนุอยู่ที่วัดพระแก้วจึงเป็นการยืนยันว่าในเวลานั้นวัดพระแก้วไม่น่าจะถูกเผา และเวียงจันทน์ยังเป็นเมืองอยู่ ซึ่งสุดท้ายก็พลาดท่าถูกเจ้าอนุยึดเวียงจันทน์กลับไปได้ ซึ่งในเวลานั้นเจ้าพระยาราชสุภาวดียังไม่ได้ทำตามพระราชโองการของรัชกาลที่ ๓ เวียงจันทน์จึงน่าจะยังไม่ได้ถูกรื้อ

ต่อมาเมื่อเจ้าพระยาราชสุภาวดีกลับไปยึดเมืองเวียงจันทน์ครั้งที่ ๒ จึงได้ออกคำสั่ง "ให้เลิกรื้อทำลายบ้านเมืองเสียให้สิ้น เว้นไว้แต่วัดเท่านั้น ฝ่ายท้าวเพี้ยเมืองเวียงจันท์ ก็พากันเข้าหาเจ้าพระยาราชสุภาวดี ๆ จึ่งจัดคนให้ไปติดตามกวาดต้อนครัวเมืองเวียงจันท์ ข้ามมารวบรวมไว้ณฟากพันพร้าว กำหนดจะกวาดครัวส่งมาณกรุงเทพมหานครณเดือน ๑๒ คิดอ่านตัดรอนผ่อนกำลังรี้พลอนุเสียให้สิ้น มิให้ตั้งบ้านเมืองต่อไปได้ จะให้ยังอยู่แต่ป่าเปล่า"


จากพงศาวดารจะเห็นได้ชัดเจนว่าทั้งรัชกาลที่ ๓ และกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ทรงมีพระราชประสงค์จะทำลายเมืองเวียงจันทน์ให้สิ้นสูญถึงขั้นที่จะไม่ให้ตั้งเป็นบ้านเมืองได้อีกต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าการทำลายเมืองให้สิ้นสูญนั้นเลี่ยงไม่ได้แน่นอนที่จะต้องมีการเผาเมือง ดังที่ปรากฏในพระราชบัญฑูรของกรมพระราชวังบวรฯ ให้ "ให้เผาเมืองตัดต้นไม้ที่มีผล แล้วเกณฑ์ไพร่ให้รื้ออิฐกำแพงเมืองเสีย"


เมืองเวียงจันทน์ต้องถูกรื้อจนหมดสถานะความเป็นเมืองตามพระราชโองการของรัชกาลที่ ๓ แต่ในทางปฏิบัติปรากฏหลักฐานอยู่ว่าเวียงจันทน์ไม่ได้ถูกทำลายทิ้งทั้งเมือง วัดวาอารามยังคงอยู่มากจนตั้งมาเป็นเมืองได้ในภายหลังตามคำสั่งของเจ้าพระยาราชสุภาวดี (ผมหาในพงศาวดารไม่เจอว่ารัชกาลที่ ๓ ให้เว้นวัดไว้) เพียงแต่กวาดต้อนผู้คนลงมาไม่ให้มีคนอยู่อาศัยตั้งความเป็นเมืองได้อีก และก็ควรมีการทำลายอาคารบ้านเรือนด้วยตามปกติ  


ทัพสยามคงไม่ได้เอาไฟมาเผาทำลายเมืองเวียงจันทน์ทิ้งทั้งเมือง แต่สำหรับอาคารบ้านเรือนของชาวบ้านทั่วไปส่วนใหญ่ที่ทำจากไม้หรือจากในเวลานั้นก็น่าจะถูกทำลายด้วยการเผาอยู่หลายส่วน เพราะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำลายฐานกำลังของศัตรู และเป็นเรื่องปกติของสงครามในอดีต ถ้าอ่านพงศาวดารรัชกาลที่ ๓ จะเห็นภาพชัดเจนอยู่หลายครั้งว่าการเผาเมืองเผาเสบียงเป็นเรื่องค่อนข้างปกติครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่