ผิดหวังมากๆจนกลัวสังคม ซึมเศร้า

***กระทู้นี้ค่อนข้างยาวและเราสาบานว่าที่เล่าทั้งหมดหลังจากนี้เป็นเรื่องจริงและไม่ได้แต่งขึ้นค่ะ

ก่อนอื่นเราต้องแนะนำตัวก่อนว่าเราอายุ19 ก็ตามหัวข้อเลยค่ะ เราผิดหวังจากทุกๆเรื่องในชีวิตทั้งจากการเรียน คนรอบข้าง แม้กระทั่งครอบครัว จนตอนนี้เรากลายเป็นคนปิดกั้น ไม่พูดไม่จาใครถามก็แค่ยิ้มๆตอบแล้วเลี่ยงๆไป

เราเกิดมาในครอบครัวที่ค่อนข้างไปทางจนใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัดมาตั้งแต่เกิดแต่ตอนนี้เราอยู่กรุงเทพแล้วค่ะ ขอบอกก่อนว่าเราที่เป็นอยู่ตอนนี้คนละคนกับที่เคยเป็นมากๆค่ะ ทุกๆอย่างเกิดจากความผิดหวังทั้งนั้น เราตอนนี้เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่กล้าออกไปไหน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไปไม่ได้ บ้านที่เราอยู่ตอนนี้เป็นบ้านพักห้องแถวค่ะ ร้านโชห่วยอยู่ใกล้กว่าแค่ไม่กี่ร้อยเมตรแต่เราก็เลือกที่จะปั่นจักรยานออกไปเซเว่นที่ไกลกว่าอยู่ดี เหตุผลเพราะว่าที่เซเว่นพนักงานไม่มาวุ่นวายหรือถามเราเซ้าซี้เหมือนป้าเจ้าของร้านโชห่วยนั่นเองค่ะ

ต้นเหตุความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดคือความผิดหวังอย่างที่บอกข้างต้นเราผิดหวังจากเรื่องการเรียนต่อมหาลัยและทางครอบครัวเราไม่สนับสนุนเหมือนแต่ก่อนตอนที่เรียนมัธยมแล้ว จนน้าเราเห็นใจเลยพาไปสมัครม.ราม ซึ่งเงินที่จ่ายไปก็เงินน้า เราเลยสัญญาไปว่าจะคืนให้ น้าเราก็ไม่ได้อะไร ตอนนี้เราก็เป็นนิสิตปีหนึ่งของม.รามค่ะ เราไม่ได้จะดูถูกมหาลัยนะคะ แต่เราก็น้อยใจชีวิตว่าที่ที่เราอยากอยู่ทำไมไม่ได้อยู่

เราเฟลมากๆค่ะ เราเคยเป็นคนร่าเริง ชอบไปไหนมาไหนกับเพื่อนเป็นแก๊ง ชอบไปร้องคาราโอเกะเดินห้างกินบุฟเฟต์เหมือนคนทั่วไป แต่ตอนนี้เรากลายเป็นคนเก็บตัว เราไม่อยากจะออกจากห้องไม่ลุกไปไหนเลยนอกจากเรื่องจำเป็นจากทางมหาลัยเราก็ไปปกติค่ะ โชคดีที่ม.รามเป็นมหาลัยเปิดซึ่งเราสามารถไม่ไปเรียนได้แค่อ่านหนังสือไปสอบได้เลย(แต่ก็ต้องอ่านให้ถูกจุดและสอบให้ผ่านด้วยนี่นา)  เพื่อนเราสมัยเรียนสอบติดมหาลัยต่างจังหวัดค่ะ ทุกคนมีชีวิตที่ดีพบเจอสังคมใหม่ๆที่ดี เราเห็นตรงนี้เราก็อิจฉาค่ะ เราอยากไปมหาลัยทุกวันมีเพื่อนใหม่ๆ อยู่หอพักกับเมทบ้างอย่างคนอื่นเขา แต่เราตอนนี้ทำได้แค่นั่งๆนอนๆอยู่ในห้องกับคอมและมือถืออีกหนึ่งเครื่องเท่านั้นค่ะ

เราเริ่มชอบศิลปินเกาหลี ฟังเพลงดูรายการโชว์ต่างๆจนติดค่ะ ชีวิตจริงไม่กล้าออกไปไหน และเราก็ใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์แทน เป็นแบบนี้มาประมาณ4-5เดือนแล้วค่ะ รู้ตัวว่าคงจะเป็นโรคซึมเศร้าไม่ก็กลัวสังคมแต่ก็ไม่กล้าไปพบแพทย์ค่ะ พยายามปรับตัวอยู่แต่ก็ไม่ดีขึ้นเลย มีแต่แย่ลงๆทุกวัน เอาแต่ตัดพ้อชีวิต เราปล่อยให้จิตใจว่างเปล่าไม่ได้ค่ะ มันจะฟุ้งซ่านคิดแต่เรื่องที่ผิดหวังทันที เพราะฉะนั้นเราจึงติดโทรศัพท์มากๆค่ะ เราเสียบหูฟังอัดเพลงโปรดเข้าไป แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำเราก็เอาเข้าไปฟังด้วย พ่อแม่ไม่เคยถามว่าทำไมเราเป็นแบบนี้  จนปล่อยเราไว้แบบนี้ตามใจเราค่ะ เอาแต่ตอกย้ำถามว่าทำไมไม่ออกไปข้างนอก หางานทำ เราก็ยิ่งเฟลทุกครั้งที่โดนกดดันเรื่องนี้  เราไม่เคยบอกใครว่าเราเปลี่ยนไปแล้วนะ  กับครอบครัวคือมันเคยผิดหวังมาแล้วเราแทบไม่อยากปรึกษาอะไร เราพูดไปก็เหมือนเขาไม่สนใจเราเลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียวเลยค่ะ

ตอนนี้เราสับสนตัวเองมากๆ เหมือนด้านมืดกับด้านดีมันดีกันจนรวนไปหมด ด้านดีมันพยายามบอกให้เราสู้สิ ลุกขึ้นมาได้แล้ว จมอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้อะไร แต่เหมือนจะเป็นด้านร้ายที่ชนะค่ะ ด้านมืดมันคอยบอกแต่ว่าเราอย่าไปไหนเลย คนอย่างเราไม่เหมาะจะออกไปให้ใครเจอ อย่าออกไปนะถ้าไม่อยากเป็นตัวตลก ตัวกากตัวรกโลกรกสังคม ออกไปก็มีแต่คนสมน้ำหน้า  ในหัวเราเป็นแบบนี้ค่ะ ใครก็ได้ช่วยให้คำปรึกษาเราทีว่าเราควรทำยังไงดี

*เพราะมีคนเคยบอกเราว่าถ้าความหวังคือขั้นบันไดสูงสุดมีสิบขั้น ให้เราตั้ังความหวังไว้สูงๆหรือขั้นที่สิบไปเลย เพราะอย่างน้อยถ้าเราไปไม่ถึงขั้นที่สิบเราอาจจะร่วงลงมาแค่ขั้นเจ็ดขั้นแปด ซึ่งนั่นก็ดีกว่าคนที่ตั้งไว้แค่สองขั้นและสูงสุดของเขาก็ขึ้นได้แค่สองขั้นนั่นแหละ ยังไงเราก็ดีกว่า เพราะเป็บแบบนี้เหตุผลนี้ด้วยมั้งคะที่ทำให้เราเฟล เราหวังสูงมากไป ทั้งๆที่ตัวเองขึ้นไม่ได้เลยซักขึ้น ตลกสิ้นดี..

**สำหรับคนที่จะแนะนำให้เราไปพบแพทย์บอกตามตรงว่าค่อนข้างเป็นเรื่องยากสำหรับเราค่ะ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและสภาพจิตใจเราตอนนี้ไม่อยากออกไปไหนและทางครอบครัวเราเหมือนจะไม่ใส่ใจและไม่รู้ด้วยซ้ำ ไม่มีใครพาเราไปแน่นอนค่ะ



ปล1.เราขอยกแค่เรื่องผิดหวังจากมหาลัยมาเล่าให้ฟังนะคะ แต่ที่จริงแล้วมีหลายๆเรื่องมากกว่านั้นที่ทำให้เราแย่อยู่จนทุกวันนี้แต่เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่เราพีคมากจริงๆจนเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตเราเลยจะขอพูดถึงแค่นี้ค่ะ

ปล2.เราเป็นนักเขียนนิยายแฟนฟิคด้วยค่ะ เราแอบเล่าและใส่เรื่องราวของตัวเองลงไปในนั้นแล้ว แต่คนอ่านก็คงไม่รู้หรอก อยากฝากถึงคนอ่านบทความนี้จนถึงตอนนี้นะคะว่าหากคุณเป็นนักอ่านนิยาย หากคุณชอบนิยายเศร้าๆเทาๆซักเรื่องมากๆนิยายเรื่องนั้นอาจจะไม่ได้มาจากจินตนาการของคนเขียนเพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งมันก็อาจจะมาจากความจริงเช่นกรณีของเราก็ได้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่