[CR] บันทึกลับฉบับนักเดินทาง ตอน ฮ่องกง

nĭ hăo ความฝันที่เป็นจริง  หลังจากนอนหลับบนเครื่องบินมาตลอดการเดินทางก็ได้ยินเสียงประกาศบนเครื่องว่ากำลังจะ Landing แล้ว wow ความคิดตอนนั้นฮ่องกงฝนจะตก พายุจะเข้าไหมนะ .. เพราะก่อนหน้าที่จะมานั่งฟังข่าวพายุถล่มฮ่องกง ก็คงต้อง Guess กันต่อไป ...
ย้อนเวลามาช่วงก่อนการเดินทางมาฮ่องกง ผมบินมาจากมาเลเซีย เนื่องจากผมเลือกเดินทางแบบแวะพัก ผมเดินทางมาจากอินโดนีเซียและมาแวะพักเปลี่ยนเครื่องที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 8 ชั่วโมง ก่อนจะบินมาที่จุดหมายปลายทางของผมนั่นก็คือ ฮ่องกง
ความเดิมตอนที่แล้ว
- กัวลาลัมเปอร์ แค่แวะเปลี่ยนเครื่องก็เที่ยวได้ด้วยงบ 400 บาท … https://pantip.com/topic/36983733
ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้พาตัวเองมาฮ่องกง ด้วยจังหวะและโอกาสที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของการเดินทางในครั้งนี้  หลังจากผมเรียนจบก็เริ่มหารางวัลให้กับตนเองด้วยการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เริ่มต้นจากเมียรมาร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และมาปิดทริปที่ฮ่องกง ที่ผ่านมาเคยเห็นฝรั่งเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันเป็นเดือน พอผมพาตัวเองมาอยู่จุดนี้ได้แล้วนั้นก็เลยเข้าใจว่าทำไม(อันนี้ไมขออธิบายนะคับ อยากรู้ต้องไปค้นหามันด้วยตัวเอง แล้วจะเข้าใจ) ฮ่องกงถือว่าเป็นประเทศที่ 8+1 ของผมแล้ว .. +1 คือฮ่องกง เนื่องจากฮ่องกงเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน ผมเลยจัดให้เป็น +1 ในบันทึกการเดินทางของผม อีก 1 สาเหตุที่อยากจะมาฮ่องกงคือ เพื่อนที่ฮ่องกงชวนมาเที่ยว เพื่อนคนนี้เป็นชาวออสเตรเลียเชื้อชาติจีน เรารู้จักกันที่เมียรมาร์ ตอนเจอกันคือบังเอิญไปเที่ยวด้วยกัน (อ่านเรื่องราวการเจอกันของผมกับเพื่อนคนนี้ได้ที่กระทู้ : แบกเป้เที่ยวเมียนมาร์ 7 วัน 5 เมือง https://pantip.com/topic/36556681) เพื่อนคนนี้เขาพึ่งกลับมาจากลอนดอนมาทำงานอยู่ฮ่องกงพอดีเลยชวนผมไปเที่ยวฮ่องกง ซึ่งบังเอิญที่มาโดนจังหวะที่เพื่อนชาวอินโดนีเซียชวนไปเที่ยวบ้านเขา มันก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมไปทั้งอินโดนีเซียและฮ่องกงในช่วงเวลาต่อเนื่องกัน ทั้งๆ ที่มี Money โคตะระจำกัด (นึกใจใน ไปอาศัยเพื่อนแล้วกัน 55+) ทั้งหมดนี้คือข้อดีของ Backpacking ซึ่งถ้าผมไม่เริ่มเดินทางไปตั้งแต่วันที่ไปจีนคนเดียววันนั้นเมื่อหลายปีที่แล้ว ผมคงไม่มาถึงจุดนี้ในวันนี้ ดังนั้นการเริ่มต้นจึงเป็นสิ่งที่จะบอกเราได้ว่า..ต่อไปเราจะทำอะไรได้บ้าง ความคิดความฝันต้องให้มันเกิดขึ้นไปพร้อมกับการลงมือทำ
การเดินทางเข้าฮ่องกงจะต้องกรอก Immigration card ง่ายๆ คับ ลองฝึกกรอกได้ตามฟอร์มด้านล่าง ข้อดีอีกอย่างของการเดินทางเข้าฮ่องกงนั้น Free visa สำหรับคนไทยนะคับ
พออกจากเครื่องบินมาแล้ว เดินมาขึ้นรถไฟระหว่าง terminal (ฟรี) เพื่อไป Immigration ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าจะอยู่ชั้นใต้ดินของสถาบินนานาชาติฮ่องกง ถ้าไม่รู้ว่าไปทางไหน หลังจากเดินออกจากเครื่องบินแล้วก็เดินตามคนข้างหน้ามาเลย ตรงไหนคนเดินไปเยอะๆนั่นแหละคับใช่เลย ส่วนผมก็เดินตามสาวผมยาวนี่ล่ะมา อิอิ
ออกมาจากรถไฟก็เดินตามป้ายมาทาง Immigration ผ่านจุดรับสัมภาระก่อน ถ้าใครมีสัมภาระก็อย่าลืมเอาด้วยนะคับ
มาถึง Immigration ในใจกำลังนึกว่าเจ้าหน้าที่จะถามอะไรเราไหม ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ก็พึ่งได้ยินข่าวว่ามีคนไทยที่มากับทัวร์แล้วหนีไปทำงาน ไอ้ตัวเราก็มาแบบ Backpacking ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร เพราะส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่เขาจะเคร่งกับผู้หญิงมากกว่า (อันนี้อ่านมาอีกที) พอมาถึง Immigration เท่านั้นแหละ ผ่านแปปเดียว งานหมูคับ ไม่ต้องกลัวอย่างที่เป็นข่าว พอออกจาก Immigration มาแล้วให้เดินหาจุดขายตั๋วรถไฟเพื่อซื้อ Octopus card ราคา 150 HKD ซึ่งเราจะได้คือ 50 HKD ตอนคืนบัตร แสดงว่าจะใช้เงินในบัตรได้ 100 HKD แต่เราสามารถเติมเงินเข้าบัตรเผื่อไว้เยอะๆ เลยจะได้ไม่ต้องเติมเงินเข้าบัตรบ่อย บัตรนี้สามารถเช็คยอดเงินคงเหลือได้ผ่านเครื่องเช็คยอดเงินคงเหลือหรือแจ้งยอดคงเหลือหลังจากที่ใช้บริการผ่านบัตรนี้ ซึ่งจะได้อธิบายในลำดับต่อๆไป บัตร Octopus  สามารถใช้จ่ายค่ารถไฟ ค่ารถเมย์ รถราง จ่ายค่าสินค้าต่างๆในเซเว่น ซุปเปอร์มาเก็ต หรืออื่นๆ ที่มีการแจ้งว่าสามารถจ่ายโดยใช้ Octopus card ได้นั่นเอง สะดวกสบายไม่ต้องพกเงินสดเลย แต่ต้องรักษาบัตรนี้ไว้ให้ดีๆ ห้ามหายนะคับ เดี๋ยวหายนะจะมาเยือน 55+
แต่สำหรับใครจะเข้าไปในเมืองเลยสามารถเดินทางได้โดย Airport express, Bus, Taxi ลองอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับบัตรต่างๆได้ในรูปล่างนี้เลย (ซุมๆอ่านนะคับ) สำหรับคืนแรกนี้ผมจะนอนสนามบินซึ่งรายละเอียดการเดินทางผมจะยกไปเล่าตอนเดินทางพรุ่งนี้
ผมแลกเงินมาจากไทย 1,370 HKD เกือบๆ 6,000 บาท กับการมาใช้ชีวิตอยู่ในฮ่องกง 7 วัน ไม่รู้จะพอไหม แต่มีเงินเหลือแค่นี้แหละ คืนนี้ผมจะนอนที่สนามบินฮ่องกง เพราะมาถึงที่สนามบินก็ปาไป 4 ทุ่มล่ะ อีกอย่างผมไม่ได้จองโรงแรมสำหรับคืนนี้มา เพื่อนก็ไม่ได้มารับที่สนามบินด้วย ถ้าจะไปนอนห้องเพื่อนก็ไม่ได้อีกด้วยเพราะห้องแคบ และที่มากกว่าห้องแคบคือเขาเลิกงานประมาณ 01.00-03.00 น. แล้วแต่บิ๊กบอสว่างั้น หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วทำไมไม่ไปนอนรอที่ห้องเขาเลย คืออยากจะบอกว่าผมมาฮ่องกงครั้งแรก ยังไม่รู้จักว่าเขาพักอยู่ตึกไหนซึ่งรู้จักแต่ชื่อแต่ก็ไม่รู้ห้องอยู่ตรงไหนอีก ระบบการเข้าไปในตึกก็ต้องมีรหัส มี key card ระบบความปลอดภัยค่อนข้างดี ในห้องเขามีเพื่อนเขาอีก 2 คนที่พักด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่าแคบตามข่าวที่เคยออกมาเกี่ยวกับที่พักในฮ่องกง เพื่อนผมมันก็พึ่งมาอยู่ยังไม่ถึง 1 อาทิตย์เลย สรุปเลยว่า เกรงใจ ขอนอนที่สนามบินนี่แหละคืนนี้
ส่วนคืนอื่นๆ เพื่อนเตรียมที่พัก Hostel ไว้ให้แล้ว ถ้าถามว่าอีกว่าแล้วทำไมเขาไม่เตรียมที่พักคืนมาถึงให้ด้วย จากที่ผมเห็นข่าวเรื่องพายุนั้นในใจลึกๆมันมีความเสี่ยงที่อาจจะเป็นไปได้ว่าถ้าวันบินมีพายุล่ะ เครื่องก็ต้อง Delay จากที่จะถึงฮ่องกง 4 ทุ่ม เวลาอาจจะเลื่อนออกไปอีก ทำให้เสียเวลาและไม่คุ้มค่าต่อการเข้าพักด้วย อีกอย่างที่สนามบินก็มีคนนอนเยอะเลยซึ่งอาจจะนอนด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่มันก็น่านอนอยู่นะคับ มีน้ำฟรีให้กดดื่มฟรีด้วย ห้องน้ำก็สะอาด ร้านค้าก็มี ที่ชาร์ตแบตก็พร้อม อินเตอร์เน็ตก็ฟรี เหลือแต่ผ้าห่มกับหมอนเท่านั้นแหละที่ไม่มี 55+ ถ้าถามว่าต้องไปนอนตรงไหน ผมบอกเลยว่า มาถึงที่นี่ก็จะรู้เอง Don’t worry ไปเลย
หนีห่าวเช้าวันที่สองของการเดินทางในฮ่องกง 8 กันยายน 2560 ตื่นมาพร้อมกับความสาย เมื่อคืนหลับเพลินเลย ตื่นมาอีกที 06.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น(เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) จากนั้นก็ต้องไปล้างหน้าแปรงฟันทาครีมกันแดดกันในห้องน้ำของสนามบิน รู้สึกว่าแดดจะเปรี้ยงๆ จากนั้นมานั่งเปิดอ่าน my plan ที่เตรียมว่าว่าจะไปไหนบ้างในแต่ละวัน แอบบงงกับสิ่งที่ตัวเองเขียนนิดหน่อย 55+ พอดีต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษมาทั้งชื่อแหล่งท่องเที่ยวและตัวย่อต่างๆ เพราะถ้าเขียนเป็นภาษาไทยมามันจะลำบากตอนเปิด GPS ค้นหาสถานี เพราะผมไม่เก่งสะกดคำในการเขียนสักเท่าไหร่ ซึ่งมันคือจุดอ่อนของตัวเอง ดังนั้นก็ต้องหาวิธีแก้จุดอ่อนนั้นให้ได้ด้วยวิธีนี่ล่ะ
อีกหนึ่งอย่างที่อยากแนะนำคือ ให้โหลด Application MTR มาด้วย แอปนี้เราสามารถค้นหาเส้นทางรถไฟ รถราง รถบัส ได้ครอบคลุมเลยในฮ่องกง ซึ่งสามารถเช็คราคาค่าโดยสารได้อีกด้วย โหลดพกมาด้วยไม่เสียหายคับ (แอปฟรี)
อาคารผู้โดยสารให้เดินไปตามป้าย Bus terminus เพื่อไปรอขึ้นรถบัส สาย S1 เข้าไปในเมืองกัน รถบัสสายนี้จะถึงแค่สถานี Tung Chung ราคาค่าโดยสารถ้าจำไม่ผิด 3.7 HKD นี่แหละ โดยค่าโดยสารถ้าจ่ายเป็นเงินสดเขาจะไม่ทอดเศษนะคับ นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ต้องจ่ายด้วย Octopus Card
สถานี Tung Chung เป็นสถานีที่สามารถนั่งกระเช้า  Ngong Ping 360 ไป Tian Tan Buddha ได้ แต่โปรแกรมนี้ผมเก็บเอาไว้ไปวันกลับ ซึ่งผมจะเล่ารายละเอียดการเดินทางไปไหว้พระใหญ่ Tian Tan Buddha ในวันกลับคับ
จาก MTR สถานี Tung Chung (สายสีส้ม) ผมจะเดินทางไป สถานี Hong Kong ซึ่งสุดสายพอดี (ถ้าวางแผนจะไปจริงต้องเปิดแผนที่ MTR ตามนะคับถึงจะเข้าใจ) ค่าโดยสาร 22.4 HKD ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งการเดินทางจาก Tung Chung มีทั้ง MTR และ Bus ให้เลือกใช้บริการ ไป Kowloon, Tsim Sha Tsui, Mong kok ทั้งรถไฟและรถบัส แต่ขอแนะนำว่าถ้าจะไป Kowloon, Tsim Sha Tsui, Mong kok หรือ Central ด้วยบัสให้ขึ้นที่สนามบินเลย แต่ถ้าจะมาขึ้น MTR ซึ่งค่าตั๋วจะถูกกว่าการใช้บริการ airport express (ราคาหลักร้อย HKD+) จากสนามบินเข้าเมือง
ราคาค่า MTR คร่าวๆ ของคนทั่วไป (ส่วนราคาของเด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการจะเป็นอีกราคาตามชนิดบัตร Octopus ที่ซื้อมาตอนแรก) จากสถานี Tung Chung ไปสถานีอื่นๆ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่นักท่องเที่ยวมักไปไปพักกัน (ราคาและเวลาอ้างอิงจากแอป MTR)
- Tung Chung (สายสีส้ม) ไป Kowloon ราคา 16.9 HKD ใช้เวลา 27 นาที
- Tung Chung (สายสีส้ม) ไป Tsim Sha Tsui (สายสีแดง-เปลี่ยนสถานีที่ Lai King)  ราคา 16.9 HKD ใช้เวลา 39 นาที
- Tung Chung (สายสีส้ม) ไป Mong kok (สายสีแดง-เปลี่ยนสถานีที่ Lai King)  ราคา 16.9 HKD ใช้เวลา 33 นาที
- Tung Chung (สายสีส้ม) ไป Causeway Bay (สายสีน้ำเงิน-เปลี่ยนสถานีที่ Central) ราคา 16.9 HKD ใช้เวลา 45 นาที
ชื่อสินค้า:   backpacker
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่