สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เรื่องของการเรียก ทะเล บนดวงจันทร์ นั้น
มีที่มาจากการที่นักดาราศาสตร์สมัยก่อนได้ใช้กล้องโทรทรรศน์สำรวจมองดูดวงจันทร์
และพบว่ามี แอ่ง ที่มีสีคล้ำ จึงคิดว่าเป็นทะเลครับ แต่เมื่อมีการสำรวจต่อมาก็พบว่า
สิ่งนั้นคือพื้นที่ธรรมดาที่มีสีคล้ำหน่อยนึง ซึ่งจากการสำรวจปัจจุบันนี้ก็ทราบว่าสีคล้ำเหล่านั้น
เกิดจากการปะทุจากภูเขาไฟเมื่อนานมาแล้วครับ
ชื่อของพื้นที่บนดวงจันทร์ จะเรียกว่า Lunar features ครับ
มันคือพื้นที่ซึ่งน่าสนใจของพื้นผิวดวงจันทร์ ส่วนใหญ่เป็นหลุมอุกกาบาต (Crater)
รองลงไปคือ ที่ราบ (Valleys) ที่เราเรียกว่า ทะเล และ พื้นที่ที่น่าสนใจอื่น ๆ
ชื่อเหล่านี้ตั้งชื่อตาม นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ครับ เกณฑ์การตั้งชื่อเหล่านี้ คือ ....
- พื้นที่ราบสีเข้ม และ แอ่ง จะเรียกแทนด้วย Sea และตั้งชื่อตามชื่อเรียกสภาพลักษณะอากาศบนโลก
และ สภาพจิตใจ อารมณ์ ของมนุษย์ เช่น Sea of Rains (ทะเลแห่งสายฝน) Sea of Tranquility (ทะเลแห่งความสงบ)
- หลุมอุกกาบาต ตั้งชื่อตามนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา นักคณิตศาสตร์ นักสำรวจ
- ภูเขา ตั้งชื่อตามสถานที่สำคัญสมัยโบราณ ส่วนมากเป็นขื่อกรีก หรือใช้ชื่อนักดาราศาสตร์บางท่าน
นอกจากนั้นก็ตั้งตามความเหมาะสม ส่วนมากจะเป็นชื่อนักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์สมัยกรีกโบราณ ครับ
นี่คือชื่อ Features ที่สำคัญครับ

อันนี้แบบละเอียด https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_lunar_features
นี่เป็นแบบละเอียดที่สุดครับ เป็นของ NASA โดยตรง (มีทั้งหมด 9,120 ชื่อสถานที่)
รายละเอียดมากมายน่าทึ่งมาก บอกหมดทั้งตำแหน่ง มีรูปภาพ ที่มาของชื่อ
http://planetarynames.wr.usgs.gov/Page/MOON/target
ดาวเคราะห์ทุกดวงในระบบสุริยะ จะมีชื่อเรียกแบบที่ดวงจันทร์มีด้วยครับ ชื่อเหล่านี้มีหลายพันชื่อทีเดียว
ดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ http://planetarynames.wr.usgs.gov/ ทุกชื่อจะมีที่มากำกับอยู่ทั้งหมดว่าตั้งมาจากอะไร
มีที่มาจากการที่นักดาราศาสตร์สมัยก่อนได้ใช้กล้องโทรทรรศน์สำรวจมองดูดวงจันทร์
และพบว่ามี แอ่ง ที่มีสีคล้ำ จึงคิดว่าเป็นทะเลครับ แต่เมื่อมีการสำรวจต่อมาก็พบว่า
สิ่งนั้นคือพื้นที่ธรรมดาที่มีสีคล้ำหน่อยนึง ซึ่งจากการสำรวจปัจจุบันนี้ก็ทราบว่าสีคล้ำเหล่านั้น
เกิดจากการปะทุจากภูเขาไฟเมื่อนานมาแล้วครับ
ชื่อของพื้นที่บนดวงจันทร์ จะเรียกว่า Lunar features ครับ
มันคือพื้นที่ซึ่งน่าสนใจของพื้นผิวดวงจันทร์ ส่วนใหญ่เป็นหลุมอุกกาบาต (Crater)
รองลงไปคือ ที่ราบ (Valleys) ที่เราเรียกว่า ทะเล และ พื้นที่ที่น่าสนใจอื่น ๆ
ชื่อเหล่านี้ตั้งชื่อตาม นักคณิตศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ ครับ เกณฑ์การตั้งชื่อเหล่านี้ คือ ....
- พื้นที่ราบสีเข้ม และ แอ่ง จะเรียกแทนด้วย Sea และตั้งชื่อตามชื่อเรียกสภาพลักษณะอากาศบนโลก
และ สภาพจิตใจ อารมณ์ ของมนุษย์ เช่น Sea of Rains (ทะเลแห่งสายฝน) Sea of Tranquility (ทะเลแห่งความสงบ)
- หลุมอุกกาบาต ตั้งชื่อตามนักวิทยาศาสตร์ นักปรัชญา นักคณิตศาสตร์ นักสำรวจ
- ภูเขา ตั้งชื่อตามสถานที่สำคัญสมัยโบราณ ส่วนมากเป็นขื่อกรีก หรือใช้ชื่อนักดาราศาสตร์บางท่าน
นอกจากนั้นก็ตั้งตามความเหมาะสม ส่วนมากจะเป็นชื่อนักปรัชญา นักวิทยาศาสตร์สมัยกรีกโบราณ ครับ
นี่คือชื่อ Features ที่สำคัญครับ

อันนี้แบบละเอียด https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_lunar_features
นี่เป็นแบบละเอียดที่สุดครับ เป็นของ NASA โดยตรง (มีทั้งหมด 9,120 ชื่อสถานที่)
รายละเอียดมากมายน่าทึ่งมาก บอกหมดทั้งตำแหน่ง มีรูปภาพ ที่มาของชื่อ
http://planetarynames.wr.usgs.gov/Page/MOON/target
ดาวเคราะห์ทุกดวงในระบบสุริยะ จะมีชื่อเรียกแบบที่ดวงจันทร์มีด้วยครับ ชื่อเหล่านี้มีหลายพันชื่อทีเดียว
ดูรายละเอียดได้ที่นี่ครับ http://planetarynames.wr.usgs.gov/ ทุกชื่อจะมีที่มากำกับอยู่ทั้งหมดว่าตั้งมาจากอะไร
แสดงความคิดเห็น
ทะเลบนดวงจันทร์ คืออะไรหรอค่ะ